สถานการณ์ภาคใต้ ต่อ ตอน 8- 18

sangtien

บทที่ ๘ ตัวร้ายจากอกเจะห์ - โดย สอาด จันทร์ดี
ผมเจอ คีย์แมนโทน ก่อนใครอื่นสุบิน หัวหน้าเซฟตี้เป่านกหวีดเรียกแถว ผมยืนพูดในท่าเดิมเหมือนทุกวัน
 บอกให้ทุกคนขยับตัวให้ห่างกัน ๑ ช่วงแขน คนงานมีมากกว่า ๑๐๐ มองดูแล้วเหมือนกองกำลังย่อมๆ ผมเริ่มต้น
ด้วยคำพูดที่ฟังเข้าใจง่ายว่า ก็หวังว่าสำนักงานของเราคงปลอดภัย ไม่ถูกไฟไหม้ ไฟไหม้"โซโย" ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร 
แต่ผมเดาเอาไว้ก่อนว่า การเดินสายไฟทีสะเพร่า อาจทำให้ไฟลัดวงจรได้ ดังนั้น พวกเราต้องเข้างวดกวดขัน ดูกันให้ดี 
ผมโยนเรื่องไปให้อุบัติเหตุทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก...เพราะโทนได้บอกข่าวนี้แล้วไง
ผมพูดถึงประโยคนี้ แถวทั้งแถวมองไปที่สำนักงานกลางสนามของ "โซโย" ซึ่งในตอนนี้ไม่มีเหลือแม้แต่หลังเดียว 
พวกคนงาน "โซโย" ดูสับสนวุ่นวายทว่า...โรงแยกแก๊สทั้งโรง ทำประหนึ่งไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น คนงานของ
บริษัทต่างๆทำงานตามปกติ ไม่นานก็มีข่าวออกมาว่า ตำรวจสรุปแล้วเกิดจากอุบัติเหตุ นี้คือตัวอย่างเหตุร้ายที่เกิดขึ้น
ให้กระทบจิตใจยากที่จะลืม
ตอนบ่ายของวันนั้น ผมเดินไปตรวจงานด้านทิศเหนือ พบคีย์แมนโทนกำลังดึงสายเชื่อมเพื่อที่จะย้ายเอาไปติดตั้งอีกแห่ง
 ผมตบไหล่โทนด้วยความสนิทสนม คนงานอีกกลุ่มกำลังง่วนอยู่กับงาน เสียงเครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องจักรทำงาน
 ทำให้บรรยากาศทีจะมีความเลวร้าย กลับเข้าสู่สภาพปกติ โทนมองดูหน้าผม ปล่อยมือจากสายเชื่อม แล้วเดินเข้ามายืน
ข้างหน้าห่างผมไม่เกินเมตร เอ่ยปากบอกเรื่องใหม่เบาๆ
"นายหัว...ตอนนี้ พวก**ดอเยาะ มันสั่ง**ตัวร้ายมาจาก "อาเจะห์" มากกว่า ๓๐ คนแล้วนะ มันคงก่อกวนรุนแรงยิ่งขึ้น.."
"มันมาถึงแล้วหรือยัง.." ผมถาม โทนตอบว่า "เพิ่งผ่านแดนเข้ามา..."
"เออ ขอบใจมากโทน รู้แล้วก็ไม่ทราบว่าจะมีประโยชน์อะไร ทำได้อย่างเดียวคือหนักใจแทนประเทศชาติ ตัวเราก็แค่นี"
พูดจบ ผมเดินเลยเขาไป ปล่อยให้เขาทำงานด้วยความสบายใจหลังจากเลิกงาน ผมนั่งเปิดดูแผนที่ในห้องพัก ตรวจดูสถาน
ที่ตั้งของ"จังหวัดอาเจะห์" ของประเทศอินโดนีเซีย พบว่าเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะใหญ่ติดกับมาเลเซีย เยื้องมาทาง
ประเทศไทย พวกอาเจะห์เป็นกบฎ มีกองกำลังต่อสู้กับรัฐบาลเพื่อจะแบ่งแยกดินแดน อินโดนีเซียส่งทหารเข้าไปปราบ
ชนิดเลือดหยดติ๋ง พวกโจรแบ่งแยกดินแดนอาเจะห์มีอาวุธร้ายมากมาย ไม่รู้ไปขนมาจากไหน พวกอาเจะห์คือหอกข้าง
แคร่ของอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซียเขาไม่ยอม
ตอนที่ผมทำงานอยู่กัวลาสัมเปอร์ ที่บริษัท "ตาลาม คอร์ปปอเรชั่น" ผมรู้จักคนงาน
อาเจะห์มากกว่า ๕๐ คน ทำงานร่วมกับคนไทยด้วยนิสัยใจคอที่ดี แต่คนเหล่านี้เป็นอริกับคนอินโดนีเซียด้วยกัน 
สาเหตุเนื่องมาจากเชื้อสายชาวอาเจะห์ เป็นเชื้อสายมลายู จึงต้องการแยกรัฐอิสลามใหม่ ผมพอจะรู้เรื่องราวของพวก
อาเจะห์ แต่ไม่เคยได้ข่าวว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับปัตตานีวันนี้ โทนบอกว่า **ตัววร้ายจาก "อาเจะห์"
 ยกกำลังมาช่วย "ดอเยาะ"ถ้าเป็นแบบนี้ ความเลวร้ายนับวันแต่จะขยาย
ผมถือโอกาสขณะทำงาน เปิดดูแผนที่ประเทศไทย แล้วดูเลยลงไปทางตอนใต้ เห็นเนื้อที่แล้ว ก็ใจหาย แผ่นดิน
ใต้สุดด้านทางฝั่งอ่าวไทย ซึ่งเป็นผืนดินเดียวกันกับประเทศมาเลเซีย ใต้ไทยลงไป เป็นอีกแผ่นดินหนึ่งที่มีเชื้อ
สายเดียวกันกับคนไทยในยะลา ปัตตานี นราธิวาส คนมาเลเซียที่ผูกพันกับ ๓ จังหวัดภาคใต้มากที่สุด แผ่นดินนั้น
ได้แก่รัฐกลันตัน
ความจริงแล้ว ประเทศมาเลเซียมีพื้นที่ภูมิศาสตร์เป็นเกาะ แต่ละเกาะ จะมีความใหญ่โนจนเกือบไม่ใช่เกาะ 
เช่น เกาะซาราวัค เป็นต้น
ส่วนที่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง และอีกหลายจังหวัด รวมทั้งรัฐกลันตันนั้น เป็นผืนดินผืนเดียวกับปลายแหลม
ของประเทศไทย เส้นพรมแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย เป็นเส้นแบ่งเขตโดยอาศัยแม่น้ำเล็กๆก็มี เอาภูเขาไฟ
เป็นเส้นแบ่งเขตก็มี ไทยกับมาเลเซีย จึงเป็นประเทศมี "แผ่นดิน" ติดกัน ในส่วนที่เป็นเมืองหลวงของมาเลเซีย 
ตั้งอยู่บนแหลมทองของประเทศไทย
บทที่ ๙ ปัตตานี..เป็นอิสลามตั้งแต่เมื่อใด โดย สอาด จันทร์ดี
ผมจับภาพได้กระจ่างชัดว่า ปัญหาที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ เกิดจากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมลายู ถูกโจรข่มขู่ไม่ให้
รับการเป็นสัญชาติไทยบ้าง ตัวเองตั้งใจแน่วแน่ ไม่ยอมรับนับเอาสัญชาติไทยเป็นของตนบ้าง รวมแล้วไม่น้อย
กว่าร้อยละ ๘๐ ถ้าเป็นเช่นนี้ มีคนที่ไม่ยอมเป็นคนไทยมากกว่า ๒,๐๐๐,๐๐๐ คน ผู้คนเหล่านี้เป็นอุปลรรคใหญ่
หลวงในการสร้างความสมานฉันท์ เนื่องจากความสมานฉันท์ในเป้าหมายของเขา "จะต้องได้สิ่งที่ต้องการตอบแทน 
จึงจะเกิดความสมานฉันท์ได้"ขออ้างโทนอีกนั่นแหละ โทนบอกว่า สิ่งที่เขาต้องการ คือ "เป็นประเทศปัตตานี...?"
ผมจับภาพได้ต่อไปว่า ปัญหาที่แก้ยากที่สุด ก็เพราะรัฐบาลทุกรัฐบาลมีความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงตลอด ๑๐๐ 
ปีผ่าน ด้วยการพยายาม "อ่อนข้อ" ให้ทุกเรื่อง จนฝ่ายโจรสามารถนั่งอยู่บนหลังเสือแล้วบังคับให้เสืออยู่ในสภาวะจำยอม
จำยอมไปทุกเรื่อง ยอมแพ้ให้แก่นักการเมืองโจรยอมจำนนต่อการด่าทอ ยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาที่เท็จ
ความผิดพลาดอันยาวนาน เกิดจากน้ำมือของนักการเมืองสายพุทธที่บริสุทธิ์มากกว่าโจร ทำให้โจรได้ทีขี่แพะไล่
 ปัญหาที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นปัญหาใหญ๋ที่สั่นสะเทือนความมั่นคงของประเทศไทยอย่างไม่เคยเป็น
มาก่อน เราจะทำอย่างไรจึงจะแก้คืนได้ ลองหันไปทางท่านแม่ทัพที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อสายอิสลามด้วยกัน คงจะช่วยได้ 
ได้แก่ พล อ. สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฎิวัติที่เป็นอิสลาม ที่คนไทยมั่นใจว่าท่านผู้นี้ จะกู้ ๓ จังหวัดชายแดน
คืนมาได้ เพราะจะมีบารมีให้อิสลามเกรงใจ เชื่อหรือว่าโจรจะยอมรับนับถือบารมี
ถ้าโจรยินยอมง่ายๆเช่นนี้ อับดุลกาเดร์, หะยีสุหลง และ "ตวนกู" อีกตั้ง ๓ คน คงไม่พากันบ้าต่อสู้อย่างยาวนาน
ถึงขนาดสู้ถวายหัว เอาชีวิตและความทุกข์ยากของครอบครัวเข้าแลก เขาคงยินยอมสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์
ด้วยความรักและศรัทธาไปนานแล้ว
บทที่ ๑๑ สถานที่ตั้ง....เมืองหลวงรัฐปัตตานี จาก กระเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ
คีย์แมนโทนกับผมใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้ข่าวมาว่า สาวชาวใต้เชื้อแขกหลายคนตก
หลุมรักหนุ่ม่อีสาน บางคนถึงกับได้เสียเป็นแฟนกันแล้ว แต่พ่อแม่คงไม่ยอมรับง่ายๆ ผมบอกกับโทนว่า 
ถึงพ่อแม่ยังไม่ยอมรับก็คงห้ามไม่อยู่ เพราะว่าอำนาจแห่งความรักไม่มีอะไรขวางกั้นได้ โทนหัวเราะเพราะ
เขามีประสบการณ์มากกว่าใคร
ช่าวสาวใต้กลายเป็นแฟนหนุ่มพุทธ ดังไปเร็วมาก ปรากฎว่าไม่นานก็ได้เกิดความปั่นป่วน ในบริษัทผู้รับเหมา
ช่วงหลายบริษัท พ่อแม่บางรายให้ลูกออกจากงานทันที ห้ามไม่ให้คบหาสมาคมกันแต่คนมันจะรักกัน
 เขาก็ต้องหาทางแก้ไขจนได้ วิธีการแก้ไขนั้นคงไม่พ้นต้องไปเปลี่ยนศาสนา ใช้เวลาศึกษาวิธีการละหมาด
และการแสดงตนเป็นอิสลามอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะได้แต่งงานกัน โทนเล่าต่อไปว่า สาวใต้ชอบหนุ่ม
เหนือและหนุ่มอีสานเพราะเป็นคนทำงาน ดูแลเอาใจใส่เมียดี เป็นที่ประทับใจจนกลายเป็นเรื่องเล่าขาน 
สร้างความเชื่อถือเอาไว้มาก
ต่อมาอีก ๓ - ๔ วัน ผมถือโอกาสคุยกับคีย์แมนโทน ขณะพักเที่ยงอีกเช่นเคย
ผมเล่านิทานนำร่องไปก่อน ผมบอกว่า ผมเคยมาทำงานที่สงขลาเป็นผู้จัดการบริษัทเจาะสำรวจน้ำมันและ
ก๊าซในอ่าวไทย ชื่อบริษัท ยูโนแคล ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ตอนนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญ โจรจับตัวเรียกค่าไถ่มีไป
ทุกหัวระแหง ข่าวแบ่งแยกดินแดนได้ยินมาแต่ครั้งนั้นแล้ว ผมบอกว่าผมอยู่สงขลาติดต่อกัน ๖ ปี จึงลาออกแล้ว
ไปทำงานตะวันออกกลาง แล้วผมก็ถามโทนว่า " เคยรู้ไหม...พวกโจรปัตตานี เขาคิดจะตั้งเมืองหลวงที่ไหน..."
โทนบอกว่า "ได้ยินยิ่งกว่าได้ยิน เขารู้แล้วด้วยว่าพวกนั้นจะตั้งที่ไหนเป็นเมืองหลวงของรัฐปัตตานี..." 
"รู้แล้วเรอะ ?" ผมมีอาการตื่นเต้น แต่ก็ต้องรีบเก็บอารมณ์
"รู้ซิครับนายหัว เขาวางแผนเอาไว้แล้วจะตั้งที่ไหน..." "ปัตตานีนะซี"...ผมพูดขึ้นมาก่อน
"เปล่าเลย...นายหัวรู้มาผิดๆ" โทนมองดูหน้าผม" อ้าว..แล้วที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่ปัตตานี ผมมองที่ตาของเขา
จาก กระเทาะเปลือก...ไฟใต้ ใครบงการ ?
ความแตกต่าง ที่รู้สึกและคิดที่ไม่เหมือนกัน โปรดพิจารณาข้อความดังต่อไปนี้
๑. บางท่านอยากรู้ว่า ใครคือตัวการป่วนใต้
๒. บางท่านไม่อยากรู้ ไม่อยากสนใจ ไม่อยากวุ่นวายด้วย
บทที่ ๑๒ ธงชาติและ...เพลงเชาติปัตตานี โดย สอาด จันทร์ดี
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ วันหนึ่ง ผมได้เห็น "ธงชาติ" ของปัตตานี ผมจะไม่ขออธิบายรูปร่างหน้าตา และจะไม่นำมาเผยแพร่ 
ไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ที่ผมหงุดหงิดใจมาก ทำไม คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีวิธีแก้เกม
กับพวกที่สร้างธงชาติปัตตานี ผมถามของผมอยู่ในใจว่า นายกฯ เป็นคนโง่หรือคนฉลาด แล้วก็เลยไปถึง 
พล. อ ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะผู้โอบอุ้มกลุ่มวาดะห์ ไม่รู้เชียวหรือว่า โจรป่าทำธงชาติเตรียมไว้นานแล้ว
นอกจากนี้ ผมมีคำถามเยอะแยะกับประดานักการเมืองทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และ ส.ว. ที่ได้ดิบได้ดีในสภา
ไม่มีใครแม้แต่รายเดียวที่จะบอกได้ว่า โจรได้จัดทำธงชาติแล้วเก็บเอาไว้ในที่สูง ธงชาติผืนแรก ปักดิ้นทอง 
งดงามยิ่งนัก (จากคำบอกเล่าของโทน)
อย่าว่าแต่ธงชาติเลย เพลงชาติก็มีแล้วชาวบ้านที่อยู่ในเขตอิทธิพลของโจรพูโล เขาห้ามร้องเพลงชาติไทย
ห้ามแสดงการเคารพสถาบันของชาติไทยบางหมู่บ้านร้องเพลงชาติปัตตานีเวลา ๐๘.๐๐ น. แทนเพลงชาติไทย
เพียงแต่ว่ายังไม่มีการชักธงชาติปัตตานีเท่านั้น
เรื่องเหล่านี้ไม่เคยมีใครรู้แม้แต่รายเดียวหรือไง คนระดับนายกรัฐมนตรี รํฐมนตรี หัวหน้ากรองช่าว ผู้อำนวยการศูนย์
ประสานงานแห่งชาติ หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดทั้งนักการเมืองน้อยใหญ่ ไม่รู้กันเลยหรือไงเรื่องเหล่านี้ 
เป็นคำถามที่น่าฉงน....
บทที่ ๑๓ กลยุทธของโจรพูโล โดย สอาด จันทร์ดี
อยู่มาวันหนึ่ง ผมได้ต้อนรับชายวัย ๔๐ ชาวตรัง ชื่อประทีป เป็นวิศวกรเครื่องจักรกล มาสมัครงานตำแหน่ง 
"นายช่างควบคุมการติดตั้งเครื่องจักร" ผมกำลังอยากได้อยู่พอดี จึงรีบรับสมัครและบรรจุงาน ให้ลงมือทำงาน
ในวันรู่งขึ้นตอนแรกๆ นายช่างประทีป จะไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะงานเร่งเหลือเกิน ขนาดว่าวิ่งแล้วนะ ยังไม่ทันใจเลย
 นายช่างประทีปทำงานอยู่กับนายช่างประกอบ จงคณารักษ์ ผมเข้าไปแจมด้วยเป็นครั้งคราว ทำให้ผมได้ทำงานร่วมกัน 
จึงใกล้ชิดสนิทสนมภายในเวลาอันรวดเร็วพอเขารู้จักชื่อผม เขาร้องอ้อ...อาจารย์นี้เอง ที่เขียนเจ้าพ่อกรรมกรในฟ้า
เมืองไทย ผมตามอ่านจนกระทั่งฟ้าเมืองไทยเลิกไป แล้วเขาก็ถามหาคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ และ"คำพูน บุญทวี
" ผมบอกว่า "ท่านอาจินต์ ปัญจพรรค์" ท่านยังเขียนหนังสืออยู่ วงการนักเขียนถือว่าท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ 
ส่วนคำพูน บุญทวี...กลายเป็นคนบุญหมด...ล้มหายตายจากไปนานแล้ว "ตอนนี้อาจารย์สอาดเขียนอยู่หรือเปล่า
มิทราบครับ..? ผมบอกว่าผมไม่มีเวลาเขียน"คุณก็เห็นมีแต่งานกับงาน จะเอาเวลาจับปากกาที่ไหนได้"
ผมจำเป็นต้องโกหก ไม่ได้บอกให้เขารู้ว่าผมใช้นามปากกาอื่นเขียนเรื่องภาคใต้อีก ๑๐ วันต่อมา...ผมถือโอกาส
สอบถามความเห็นนายช่างประทีปว่าเขารู้สึกอย่างไรกับการก่อการร้ายที่กำเริบเสิบสาน ทำยังกะบ้านเมืองไม่มี
ขื่อมีแป นายช่างประทีปพูดไม่กี่คำ แต่กินใจความมาก..เขาพูดว่า "รัฐบาลถูกหัวหน้าโจรพูโตนั่งอยู่ใกล้ๆ 
หลอกกินตับ...เสียรู้โจร ถูกฆ่าตายรายวัน ยังมีหน้า มาพูดว่าแก้มาถูกทางแล้ว..." พูดแล้วสะบัดหน้าพรืด...มีอาการ
หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดฟังคำตอบแล้ว...เชื่อเลย...เขาพูดจากใจจริง พูดตรงประเด็นเป๊ะ คำพูดของเขากลั่นออกมา
จากใจ เห็นได้จากใบหน้ามีแววฉุนลึก
ในสัปดาห์นั้น ผมหาโอกาสนัดกับเพื่อนเก่าแก่สมัยทำงานด้วยกันที่ ยูโนแคล เขาเป็นคนพื้นที่มาตั้งแต่เกิด ภรรยาก็
เป็นคนพื้น เขาคนนี้ได้เล่าระเอียดยิบเกี่ยวกับ "กลยุทธ์" ของพวกโจรพูโลให้ฟัง ท่านผู้นี้รู้ดีว่าผมเป็นคนเขียนหนัง
สือ เพราะเขารู้จักอดีตอันยาวนานของผม เขาเล่าแบบไม่ปิดบังเลยกลยุทธ์ที่หนึ่ง...ทำอะไรก็ได้ ทำให้พี่น้องมุสลิม
เกลียดคนไทย เอาให้เกลียดถึงกระดูกดำ ดังนั้น การฆ่าแล้วโยนความผิดให้ตำรวจ ถ้าโยนไม่ได้ ก็จะกล่าวโทษคนที่
ถูกฆ่าตายว่าทรยศต่อพวกเดียวกัน สมควรตาย
กลยุทธ์ที่สอง...โจรพูโล วางแผนสร้างนักรบมายาวนาน พวกอุสตาส(ครูสอนศาสนา)
รับหน้าที่อบรมสั่งสอนจิตสำนึก แล้วคัดเลือกคนส่งต่อให้หน่วยเหนือของเขา หาทางส่งไปฝีกอบรมที่ต่างประเทศ 
ทั้งโดยเปิดเผยภายใต้การสนับสนุนของรัฐ และแอบไปรับการฝีกแบบใต้ดินหลักสูตรให้เก่งภาษาอาหรับจบแล้วให้
ทางการ (ไทย) รับรองปริญญาตรี เมือกลับถึงประเทศไทยจะได้รับราชการบริหาร ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะ
นักรบหนุ่ม(และสาว) กำลังฝีกอบรมอยู่ต่างประเทศ พ่อแม่จะได้รับเงินกองทุนช่วยเหลือครอบครัว จะไม่ให้ได้รับ
ความลำบากกลยุทธ์ที่สาม...สร้างนักการเมืองในทุกระดับ ส่งลงเลือกตั้งทุกพรรคการเมือง ทั้งใน ๓ จังหวัดภาคใต้
และทั่วประเทศ กระจาย "นักการเมือง" ออกไปทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เพื่อการยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ 
สร้างอำนาจต่อรองให้มีกำลังมากขึ้นกลยุทธ์ที่สี่...ประสานงานกับองค์กรมุสลิม มีการเดินทางไปมาหาสู่เชื่อม
สัมพันธไมตรี ผูกมิตร แล้วถือโอกาสเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ กล่าวหาประเทศไทยของตัวเอง โดยบอกให้สังคม
ภายนอกเข้าใจผิด คิดว่าปัตตานีตกเป็นเมืองขึ้นของไทย ในกลยุทธ์ตัวนี้ โจรพูโลไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร 
เพราะทะเบียนเมืองขึ้นของโลก ไม่มีรายชื่อประเทศปัตตานีโจรปัตตานี จึงหันไปให้ข้อมูลเท็จ ฆ่ากันเองแล้วหา
ว่าถูกอุ้ม ไม่มีใครรังแกก็หาว่ารังแก ไม่ยอมทำงานอะไรเลย ก็หาว่ารัฐบาลเอาใจใส่แต่
พวกพุทธ ปล่อยทิ้งมุสลิมไม่ใยดี
กลยุทธ์ที่ห้า...สร้างสุเหร่าให้มากเข้าไว้ แม้ว่าบางหมู่บ้านจะมีอิสลามเพียงครอบครัวเดียวก็สามารถ "หาเงินมา
สร้างสุเหร่าได้" แล้วก็ออกข่าวเสมอว่า จำนวนประชากรของมุสลิมในประเทศไทย มีมากเป็นอันดับสองของประเทศ 
พูดให้มากเข้าไว้กลยุทธ์ที่หก...ออกวารสารและนิตยสารภายในที่ไหนก็ตาม เนื้อหาจะต้องสะท้อนปัญหาของอิสลาม
ทั่วโลก แล้วดึงมาลงว่าประเทศไทยก็มีปัญหาไม่หย่อนไปกว่ากันพร้อมกับได้สนับสนุนให้ปัญญาชนออกมาทำสื่อ
ให้มากขึ้น สร้างองค์กรประชาชนด้านนี้ เพื่อการเผยแพร่ให้กว้างขวางกลยุทธ์ที่เจ็ด...ได้รับผลกระทบอะไรเล็กน้อย
ก็ตาม ให้โวยวายทันทีกลยุทธ์ที่แปด...จัดตั้งกองกำลังส่วนหน้า กองหนุน และจัดตั้งแนวร่วมให้กระจายครบ ๕ จังหวัด 
แต่ให้เน้นที่ ๓ จังหวัดก่อน ถ้าได้ยินเสียงบอกกล่าวให้ระดมผู้คนไม่ว่ากรณีใดๆ ให้จัดการระดมคนภายใน ๓ ชั่วโมง
 เฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ให้ระดมได้ทันที หมู่บ้านไหนไม่ให้ความช่วยเหลือ จะถูกขึ้นบัญชีดำ
กลยุทธ์ที่เก้า...เป้าหมายคือแบ่งแยกดินแดน แต่เวลาแส่ดงความคิดเห็น ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม จะไม่บอกแม้แต่ประโยคเดียวว่า
 ต้องการแบ่งแยก สิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง คือ "ขอปกครองตนเอง" โดยยินดีที่จะให้รัฐบาลกลางเป็นผู้บริหาร 
กลยุทธ์ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจเพราะว่าถ้าได้ปกครองตนเอง จะเป็นเงื่อนไขไปสู่การ "ปกครองกันเอง" จะทำให้การ
แยกตัวเองอย่างแท้จริงง่ายขึ้นกลยูทธ์ที่สิบ...เรียกร้องให้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษากลาง ประดาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต.
 และ ข้าราชการทั้งหลายร้อยละ ๘๐ ต้องเป็นอิสลามกลยุทธ์ที่สิบเอ็ด...กองกำลังทั้งหมด แม้จะจบวิชาฆ่ามาจากต่าง
ประเทศ มีความชำนาญในการใช้อาวุธ แต่ให้เริ่มต่อสู้ด้วยอาวุธโบราณ เช่น มีดสปาต้า กริช การฆ่าให้เชือดคอ
 เชือดลูกกระเดือก หรือไม่ก็ตัดหัวหิ้วเอาไปประจาน แสดงออกประหนี่งเป็นการระบายความแค้นกลยุทธ์ที่สิบสอง
...หลอกล่อ ยั่วยุให้ฝ่ายราชการใช้กำลังปราบปราม เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่าถูกปราบปรามอย่างทารุณ ไม่มีความยุติธรรม
กลยุทธ์ที่สิบสาม...โปรยใบปลิว ปลุกระดมชาวบ้านให้เข้าร่วม พวกอุสตาสออกไปพบกับชาวบ้านแจ้งให้ทราบว่า 
อีกไม่นานจะชนะกลยุทธ์ที่สิบสี่...เริ่มปฏิบัติการกับพระพุทธศาสนาและชาวพุทธ ขับไล่ให้ออกไปจากดินแดน
 ถ้าใครไม่กลัวตาย ให้ฆ่าทิ้งอย่าง**มโหด ไม่เลือกลูกเด็กเล็กแดงกลยุทธ์ที่สิบห้า...ให้คอยฟังสัญญาณปลดปล่อย
ปัตตานี เมื่อได้รับสัญญาณ ให้ทุกคนออกไปยึดที่ทำการของรัฐบาลทุกแห่ง เอาเด็กและผู้หญิงเป็นเกราะกำบัง 
กะว่าจะใช้คน ๕ แสน หรือ ๒ ล้านคน ก็จะสามารถยึดได้ภายในวันเดียว แล้วประกาศเอกราช...
และวันนั้นชาวปัตตานี จะได้เห็นหน้าว่า ใครคือสุลต่าน หรือ ประธานาธิบดี คนแรกของชาวปัตตานีที่รอคอยมา ๑๐๐ ปี 
แล้วจะได้เห็นแม่ทัพนายกอง ตลอดทั้งคณะผู้บริหารประเทศใหม่ ภายใต้ธงชาติปัตตานี พวกโจรปัตตานีเขามั่นใจของ
เขามากเพื่อนเก่าแก่ในยูโนแคล คนพื้นที่โดยแท้นำเอาข้อลี้ลับมาเล่า และยืนยันว่าเป็นความจริงครบทุกกลยุทธ์ 
ไม่ใช่ปั้นแต่งขึ้นกลยุทธ์ที่สิบหก...เป็นกลยุทธ์พลิกผันไปตามสถานการณ์ จะมี "คำลั่งพิเศษ" ออกมาเป็นระยะ
 โดยจะปรับเข้ากับกลยุทธ์เก่าหรือกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งเพื่อนของผมบอกซ้ำว่า กลยุทธ์ของพวกโจรพูโลร้ายกาจมาก
แล้วจับมือถือแขนเขย่า ด้วยความคับแค้นใจ บอกกับผมว่า ถ้าคุณสอาดเขียนหนังสือเปิดหน้ากากเมื่อใด ให้แปลเป็น
 ๔ ภาษา คือภาษาอังกฤษ อาหรับ ภาษาจีน โดยมีไทยเป็นแม่บท คนจะได้รู้กำพืดที่แท้จริงของโจรปัตตานี
ผมรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักที่ได้รับรู้กลยุทธ์ลี้ลับที่พวกโจรวางเป็นกระดานเอาไว้ให้ขบวนการของพวกเขาเดินตามอย่าง
เป็นขั้นเป็นตอน ผมเชื่อว่าโจรเขาแน่นมาก..โจรปัตตานีไม่ใช่โจรกระจอกอย่างแน่นอน
อดีต คลำหาปม - โดย สอาด จันทร์ดี
การค้นหาตัวเหตุและปัจจัยว่า อะไรคือตัวแก่นในที่ทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ 
ก็ต้องย้อนกลับไปสู่อดีต
๑. เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๐๒๒ เจ้าอินทิรา เปลี่ยนศาสนา หันไปนับถืออิสลาม
๒. ปี พ.ศ. ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑
ทรงแบ่งการปกครองหัวเมืองออกจากอำนาจของปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง
๓. ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงให้ยกเลิกระบบเจ้าพระยามหานคร
 แล้วนำระบบใหม่มาใช้ เรียกว่า มณฑลเทศาภิบาล เพี่อการเก็บภาษีอากร ส่งตรงเข้าวังหลวง โดยไม่ผ่านปัตตานี
เหมือนเก่าก่อน (ระบบนี้ได้พัฒนาเป็นเทศบาลถึงปัจจุบัน
๔. ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ได้ก่อกบฎต่อเมืองหลวง
๕. ปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โต๊ะแต มือขวาของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลเกเดร์" ยกกำลังเข้าผาอำเภอยะลา จังหวัดยะลา
 ผุ้บงการอยู่เบื้องหลัง คือ อับดลกาเดร์
๖. ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ หะยีบูละ ก่อจลาจลขึ้นที่ จันสตาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
๗. ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ เปาะจิกา เปิดแนวรบทั่ว ๓ จังหวัด ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง รํฐบาลจึงปราบปราม
อย่างหนัก เปาะจิกาตายในรังปืน
๘. ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ถึงแก่กรรมที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ก่อนตายได้ฝาก
อุดมการณ์เอาไว้ว่า ขอให้ลูกหลานอย่าเลิกการต่อสู้ ให้เสียสละชีวิตแลกเอาปัตตานี กลับมาเป็นประเทศเอกราชให้
ได้ นับแต่นั้นมาก็ได้มีเริ่มนับวันเวลากำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย
๙. ในปีเดียวกันนี้ (๒๔๗๖) ได้มีตัวตายตัวแทนอับดุลกาเดร์ปรากฎตัวขึ้น แล้วประกาศสืบทอดเจตนารมณ์ 
รับหน้าที่เป็นหัวหน้าโจรปัตตานี คนที่ ๑ ท่านผู้นั้นมีชื่อว่า "ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน"
๑๐. ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ เพิ่มการต่อสู้ทางการเมือง จึงสร้างมือ
ขวาของตน คือ "ตวนกู อับดุลยะลา" หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี ให้ลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้าน ใช้เวลาเปิดตัวอยู่
หลายปี จึงได้มีโอกาสสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฏร นายอดุลย์ ได้รับชัยชนะลอยสำเข้าสภา
๑๑. ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ นายอดุลย์ ณ สายบุรี หรือ "ตวนกู อับดุลยะลา" ผู้แทนราษฏร ได้อภิปรายในสภาว่า ประเทศไทย
ข่มเหงรังแกพี่น้องอิสลาม ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่อยากเป็นคนไทย เพราะเป็นแล้วเสียเปรียบ แล้วกล่าวตู่ประเทศไทย
 ล่าเอาปัตตานีมาเป็นเมืองขึ้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ปฎิเสธข้อกล่าวหาของ 
นายอดุลย์ ณ สายบุรี ถึงแม้จอมพล ป.พิบูลสงคราม จะปฎิเสธอย่างไร แต่คำประกาศของ นายอดุลย์ ณ สายบุรี
 ก็ได้ปราฎขึ้นในรัฐสภาแล้ว
๑๒. ในช่วงเดียวกันนี้ ได้เกิดปรากฎการณ์ มีห้วหน้าโจรปัตตานี ถึง ๓ ตวนกู 
(๑) ตวนกูมะหมุด มะไฮมะยีดิน
(๒) ตวนกูอับดุลยะลา หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี
(๓) ตวนกูมัดตารอ
๑๓. ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เกิดปรากฎการณ์ หัวหน้าโจรแบ่งแยกดินแดนใหม่ แทนพวกตวนกูทั้งสาม คนผู้นั้น คือ 
"หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" ซึ่งเป็นเชื้อสายที่แท้จริงของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลกาเดร์" หะยีสุหลง 
อัปดุลกาเดร์ ได้กระทำเยี่ยงกบฎต่อแผ่นดิน จึงถูกจับกุมตัว ถูกตัดสินให้จองจำ ๗ ปี ที่นครศรีธรรมราช แต่ได้รับการ
 พระราชอภัยโทษ ปล่อยออกมาจากเรือนจำ หลังจากถูกขังอยู๋ ๓ปี ๖ เดือน
๑๔. ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ หัวหน้าโจรปัตตานีตัวแทนหะยีสุหลง ชื่อ "หะยีดือราแม" ได้ก่อ
กบฎขึ้น ที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เรียกว่า กบฎ"ดุชงญอ"
๑๕. ปี พ.ศ ๒๔๙๔ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ถูกจับถ่วงน้ำที่เกาะหนู-เกาะแมว จังหวัดสงขลา สร้างความโกรธแค้น
ชิงชังให้เกิดขึ้นในหมู่อิสลาม อย่างไม่เคยมีมาก่อน
๑๖. ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นักการเมืองภาคใต้ ๕ จังหวัด ประกาศนโยบายตรงกันหมดว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง จะแยก
ดินแดนออกมาเป็นประเทศปัตตานี ปรากฎว่าผู้สมัครที่ประกาศนโยบายแบ่งแยกดินแดน ชนะการเลือกตั้ง
ครบ ๕ จังหวัด แต่ไม่ทันได้อภิปรายในสภา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้ทำการปฎิวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม
 เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐
เรื่องราวที่มีความต่อเนื่องเป็นประหนึ่ง "นิยายเก่าแก่ปรัมปรา" เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เป็นจริง จากชีวิตจริง 
ได้เกิดปัญหาเข่นฆ่าราวีติดต่อกันยาวนาน ในแผ่นดินสยาม โดยที่ประเทศสยาม หรือ ประเทศไทย ไม่ได้แก้ไข
มาแต่ต้น ทำให้เกิดการกล่าวตู่ มีการต่อสู้อย่างยอมถวายชึวิต มีการปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นต่อมาเข้าใจผิด คิดว่า
การกระทำของตนเองเป็นสิ่งถูกต้องทั้งหมดนี้คือ การคลำหาปมเงื่อนว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด
ผมได้นำประวัติศาสตร์โดยย่อ ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒ ฉายให้ท่านได้เห็น "ทางเดิน" ของตัวละครมาจนถึงฉากหลังสุด
 คือสิ้นสุดลงที่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ รวมเวลา ๔๗๘ ปี พอจะทำให้มองเห็นภาพว่า โจรปัตตานีนั้นมีความพยายาหนัก
หน่วงเพียงใดเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะทำให้ปัญหายุติเพียงแค่สมานฉันท์ หรือการกล่าวขอโทษ มันย่อม "เป็นไปไม่ได้เลย
" ประโยคนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของประเทศสยาม หรือ ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง 
แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาผู้บริหารประเทศว่า ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในปัญหา ความไม่มั่นคงของประเทศไทย
ที่ตนเองรับผิดชอบอยู่
บทที่ ๑๖ โจรปัตตานีสร้างหนังสือปลุกระดม ถล่มรัฐบาล โดย สอาด จันทร์ดี
ปี พ.ศ. ๒๕๐๑
สิ่งหนึงที่คนไทยต้องยอมรับความจริงว่า ชาวปัตตานี และจังหวัดอื่น เช่นชาวยะลา นราธิวาส เป็นต้น
 ผู้คนส่วนใหญ่ร้อยละ ๗๕ ถึง ๘๒ เปอร์เซ็นต์ มีเชื้อสายมลายู ซึ่งได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย 
ซึ่งเราได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนไทยด้วยกัน
ชาวไทยเชื้อสายมลายู มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับคนไทยทุกชนเผ่า และเราต้องยอมรับความจริงอีกเช่นกันว่า
 ชาวไทยเชื้อสายมลายูได้เป็นกบฎด้วยความกล้าหาญมายาวนาน ไม่หวั่นเกรงอาญา ไม่กลัวความตาย พวกเขา
ได้สืบทอดอุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง เกาะติดเป็นพวงเดียวกัน ไม่เคยปล่อยให้ว่างเว้นเลย
พวกเขาได้พัฒนาองค์ความรู้ อันมีทั้งยืนอยู่บนรากฐานที่เป็นจริง และการปั้นแต่งเสแสร้งแกล้งทำ 
ตลอดทั้งการสร้างมุมมองให้เกริกก้องขึ้นในโลกอิสลาม พวกเขาได้รับความสำเร็จ ในการอาศัยร่มเงา
ของศาสนาอิสลาม เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อการแบ่งแยก
ดินแดน
บทที่ ๑๖ โจรปัตตานีสร้างหนังสือปลุกระดม ถล่มรัฐบาล โดย สอาด จันทร์ดี
ปี พ.ศ. ๒๕๐๑
สิ่งหนึงที่คนไทยต้องยอมรับความจริงว่า ชาวปัตตานี และจังหวัดอื่น เช่นชาวยะลา นราธิวาส เป็นต้น 
ผู้คนส่วนใหญ่ร้อยละ ๗๕ ถึง ๘๒ เปอร์เซ็นต์ มีเชื้อสายมลายู ซึ่งได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย 
ซึ่งเราได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนไทยด้วยกัน
ชาวไทยเชื้อสายมลายู มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับคนไทยทุกชนเผ่า และเราต้องยอมรับความจริงอีกเช่นกันว่า
 ชาวไทยเชื้อสายมลายูได้เป็นกบฎด้วยความกล้าหาญมายาวนาน ไม่หวั่นเกรงอาญา ไม่กลัวความตาย พวกเขา
ได้สืบทอดอุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง เกาะติดเป็นพวงเดียวกัน ไม่เคยปล่อยให้ว่างเว้นเลย
พวกเขาได้พัฒนาองค์ความรู้ อันมีทั้งยืนอยู่บนรากฐานที่เป็นจริง และการปั้นแต่งเสแสร้งแกล้งทำ 
ตลอดทั้งการสร้างมุมมองให้เกริกก้องขึ้นในโลกอิสลาม พวกเขาได้รับความสำเร็จ ในการอาศัยร่มเงาของศาสนาอิสลาม
 เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อการแบ่งแยก
ดินแดน
หนังสือเล่มสำคัญยิ่งเล่มหนึ่งได้ถูกสร้างขึ้นชื่อว่า "รวมแสงแห่งสันติ" เขียนเป็นภาษามลายู แล้วแปลเป็นภาษาไทย 
เขียนโดย อามีน โต๊ะมีนาล ตึพิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑
หนังสือเล่มนี้ กล่าวหารัฐบาลร้อยแปดพันประการ พร้อมกับได้ยกย่องสรรเสริญนักรบชั้นแนวหน้าของเขา 
โดยเฉพาะได้ยกย่อง "หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" ว่าเป็นยอดวีรบุรุษของชาวมลายูในประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๐๓
 อามีน โต๊ะมีนาล ได้พิมพ์หนังสือใหม่อีกเล่มหนึ่ง ชื่อ "ประวัติรัฐมลายูปัตตานี" หนังสือเล่มหลังนี้กล่าวว่า
 ดินแดนแถบนี้ทั้งหมดเป็นของมลายูมาก่อน ดังนั้น
ทุกคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในดินแดนนี้ ย่อมมีสิทธิถือสัญชาติมลายูใครให้พวกเขาถือสัญชาติไทยก็ถือไป แต่ในใจ
ไม่ยอมรับการเป็นคนไทย
	หนังสือทั้งสองเล่ม ได้ถูกตีพิมพ์แจกจ่ายไปตามหมู่บ้านครบทุกครัวเรือน บางครัวเรือนมีมากถึง ๓ - ๔ เล่ม 
หลังจากนั้น ก็ได้จัดตั้งกองกำลังขึ้นในตำบลต่างๆ มีหัวหน้ารับผิดชอบ กระจายกันออกไป สร้างความ
สับสนอลหม่าน ราชการไทยเข้าไม่ถึงหมู่บ้านมาตั้งแต่บัดนั้นปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ปีเดียวกันกับหนังสือ 
"ประวัติรัฐมลายูปัตตานี" ถูกตีพิมพ์ขึ้น แล้วแจกจ่ายชาวบ้านไปจนทั่ว เป็นปีที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์
 ส่งคนงานชาวอีสานลงไปช่วยเหลือการกรีดยาง ปลูกต้นยาง พวกโจรปัตตานีจำเป็นต้องยอมรับคน
งานจากอีสาน เพราะความที่ขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกัน โจรปัตตานนีเริ่มปลุกระดม
ไปตามหมู่บ้าน กระทำการแข็งข้อให้รัฐบาลเห็นจะจะ
ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลสสืบทราบมาว่า โจรแบ่งแยกดินแดนจะก๋อการร้ายขึ้น โดยจะยึดที่ทำการของรัฐบาล
 และสถานที่ราชการต่างๆ โดยจะยึดพร้อมกันใน ๔ จังหวัด คือยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดสตูล 
รัฐบาลจึงส่งกำลังลงไปจับกุมบุคคลต้องสงสัยได้จำนวนมาก แล้วเอาตัวขึ้นมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ
รัฐบาลสอบสวนอยู่ไม่นานก็ปล่อยตัวทั้งหมด ก่อนปล่อยตัวกลับ ได้อบรมให้ความรู้และความเข้าใจ แล้ว
 "มอบเงิน" ให้คนละมากๆ ซึ่งก็รู้กันในหมู่โจรว่าเป็นการซื้อใจพี่น้องคนไทยเชื้อสายมลายูมีข่าวว่าพวกโจร
ปัตตานีพากันหัวเราะงอหาย รับเงินด้วยความสนุกสนาน
บางคนยังได้รับเงินเป็นเดือนอีกต่างหา
ทางฝ่ายรัฐบาลสมัยนั้น คงคิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว โดยมีคำสั่งให้เก็บและทำลายหนังสือ ๒ เล่มที่ "อามีน
 โต๊ะมีนาล" เขียนขึ้น
รัฐบาลไม่รู้ดอกว่า หนังสือทั้งสองเล่มนั้น ไม่ต้องถือติดมืออีกแล้ว เพราะถ้อยคำทั้งหลายได้ถูกจานลงในหัวใจ
 และกลายเป็นบทบัญญัติให้ปฎิบัติตาม พวกเขาจึงพากันทำลายตามคำสั่ง และการถูกสั่งให้ทำลายหนังสือ
ทั้งสองเล่มดังกล่าว กลับยิ่งก่อให้เกิดความเกลียดชังหนักยิ่งขึ้น
จึงกล่าวได้ว่า หนังสือปลุกระดมที่แกร่งกล้าที่สุดของโจรปัตตานี คือ หนังสือทั้ง ๒ เล่มนี้
ยทที่ ๑๗ การก่อการร้าย...โจรจับตัวเรียกค่าไถ่ - โดย สอาด จันทร์ดี
ปี พ.ศ. ๒๕๐๕...ก่อนสิ้นยุคจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ โจรปัตตานีเริ่มแผนการใหม่ด้วยการจับตัวเรียกค่าไถ่ 
สร้างความเดือดร้อนให้พ่อค้าประชาชน และก่อให้เกิดความปั่นป่วนแก่รัฐ ยากที่จะระงับเหตุการณ์ให้สงบลงได้
การจับตัวเรียกค่าไถ่แต่ละครั้ง จะมีชื่อห้วหน้าโจรกบฎขึ้นมา เดี๋ยวคนโน้น เดี๊ยวคนนี้ แต่ละคนล้วนแต่กํากั่น
 น่าสะพรึงกลัว คนที่ถูกโจรจับตัวเรียกค่าไถ่ เมื่อรวดชีวิตกลับมาได้ บางคนต้องเลิกอาชีพ หลบหนีไปอยู่ที่อื่น 
บางคนต้องรับผิดชอบ "ส่งเสีย" ลูกของโจรป่าให้ได้เข้าเรียนถึงขึ้นมหาวิทยาลัย โจรปัตตานีปล่อยตัวออกมา
อย่างมีเงื่อนไข
คำว่า "ส่งเสียลูกของโจรป่า" เป็นเรื่องเล่ากันในหมู่ของคนที่ถูกโจรจับเอาไปรีด บางคนก็เอาเงินสดก้อนใหญ่
 บางคน...โจรไม่บีบเอาเงิน แต่ได้บังคับให้ส่งเสียบุตร ทั้งหญิงและชายให้รับผิดชอบแทน ถ้าไม่เช่นนั้น 
จะเชือดคอให้ตายอยู่กลางป่า
คนที่ถูกโจรจับตัวเรียกค่าไถ่บางราย ต้องส่งเสียลูกของโจร ด้วยความรับผิดชอบและอดทน ลูกโจรเรียน
จบมหาวิทยาลัย ได้เข้ารับราชการ บางคนออกไปเป็นนักการเมือง โดยที่ลูกตัวเองต้องหยุดเรียนออกมาทำงาน
หาเงินส่งเสียลูกของโจร คนที่รู้ความจริงว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ คือ คนผู้เป็นพ่อที่ถูกโจรจับเข้าป่า คนอื่นไม่รู้ด้วย
โจรปัตตานี ทำทุกอย่างเพื่อจะหาทางเอาชนะในสงครามกบฎของพวกเขาการก่อการร้าย  โจรจับตัวเรียกค่าไถ่
 จึงเป็นเรื่องน่าสยดสยองยิ่งนัก
สถานการณ์การก่อการร้าย
ล้ทธิก่อการร้าย ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดในประเทศไทยยุคนี้ แท้ที่จริง การก่อการร้ายได้เกิดกับประเทศไทยมานานแล้ว
 โดยที่คนไทยไม่เคยให้ความสำคัญในเรื่องนี้เลย เมือเกิดเหตุร้ายขึ้นมา ก็ไม่บอกได้ว่าเป็นเหตุร้ายแบบไหน
ลัทธิก่อการร้าย (terrorist) เป็นลัทธิของคนป่าเถื่อน ใช้ปฎิบัติการไม่เลือกกาลเวลาและสถานที่ คนที่บงการ
ให้ทำ เป็นพวกไม่มีศาสนา ไม่รู้จักบาปบูญคุณโทษ แต่คนพวกนี้ จะอ้างการกระทำว่า เป็นความประสงค์ของ
พระผู้เป็นเจ้า แล้วก็มีคนขานรับว่า การก่อการร้าย เป็นแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้อง การก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ 
หมายถึง"นักรบ" ของกระบวนการนี้ ได้รับการปลูกฝังล้างสมอง ให้มีความกล้าหาญถึงขั้นยอมตายถวายชีวิต
ลัทธิก่อการร้ายได้กลายเป็น "หอกเล่มใหญ่" ไล่ล่าฆ่าคนปานว่าเล่นบนโลกกลมๆใบนี้ โจรปัตตานีได้ใช้ลัทธิ
ก่อการร้าย ทำสงครามกับรัฐบาลรัฐบาลที่ไม่มีความรู้พื้นฐานในปัญหาของตนเอง ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ก่อ
การร้ายอย่างขนานใหญ่ สิ่งที่ทำให้ตกเป็นเหยื่ออย่างร้ายกาจ ได้แก่ "ยุทธวิธี" ที่แตกต่างกัน โจรก่อการร้าย 
ยิงมาจากมุมมืด...ยิงตายแล้ว กระโดดขึ้นคร่อมศพ เยี่ยวรดศพ ประจานให้เสียหาย แล้วคว้าอาวุธของทหาร 
ตำรวจติดมือไปด้วย
ทหาร ตำรวจ อยู่ในทีสว่าง...เป็นที่โล่งตา มองเป็นเป้านิ่ง จึงถูกถล่มอย่างเมามัน
นอกจากนี้ โจรปัตตานียังใช้วิธีการก่อวินาศกรรม (Sabotage) เช่นวางระเบิดทางรถไฟ ขุดหลุมให้รถตก
ไปทั้งคัน จุดระเบิดด้วยมือ วิธีแบบนี้ วงการลัทธิก่อการร้ายเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "แซบโบตาจ" ดังที่ผมวงเล็บ
เอาไว้นั่นแหละครับ
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ตกอยู่ในสถานการณ์สงครามโจรก่อการร้าย ที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อ
ประเทศชาติและประชาชน โดยมีความไม่มั่นคงของดินแดนเป็นเดิมพัน รัฐบาลยังไม่ได้ขยับทิศทางแก้ปัญหา 
ที่เป็นแฟคเตอร์ที่แท้จริงเลยถ้ารัฐบาลอยากทราบว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร โปรดดูข้อเสนอแนะ และการแส่ดง
ความคิดเห็นแนวทางแก้ปัญหา ที่ได้น้อมนำมามอบให้ด้วยความปรารถนาดี ในหนังสือเล่มนี้ผมนำรูปภาพ ๓ แผ่น
มาให้ดู จะเห็นการก่อการร้าย มีความเลวร้ายเพียงใด
ภาพเหล่านี้ ฟ้องให้เห็นสถานการณ์ที่แท้จริงว่า มันเป็นสถานการณ์ก่อการร้าย ที่จะต้องหาทางทำให้สงบ...
ไม่ว่าจะสูญเสียมากมายเพียงใด เพราะว่า ถ้าโจรไม่เลิก ก็อย่าหวังเลยว่า ๓๐ ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะ
ร่มเย็นขึ้นมาได้ ??!!!ทหารหาญ...ก็ตายเกลื่อน
ตำรวจ ทหาร อยู่ในที่โล่ง โจรปัตตานี เร้นกายอยู่กับมุมมืดและฝูงชน ไม่ง่ายเลยที่จะปกป้องตัวเอง
ทหารเองถือปืนเป็นเป้านิ่ง เขาจะยิงเมื่อใด...จากมุมไหน ใครจะไปรู้ รู้อีกที...ตายเป็นผีไปแล้ว
ฝ่ายรัฐบาล ได้พยายามอย่างไหญ่หลวง ที่จะใช้วิธีการ "สมานฉัทน์" ด้วยการส่งทหารไปคุ้มครองประชาชน
 นั้นเป็นผลพวงทางความคิดที่ถูก "ไส้ศึก" วางแผนให้หลงทางทหารกับตำรวจ จึงกลายเป็นเหยื่อขิ้นแล้วชิ้นเล่า 
ประชาชนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ท่านผู้อ่านที่เคารพ...ท่านรอคอยรับทราบตัวเลขความสูญเสีย ถูกเผา ถูกฆ่าตัดคอ
 ถูกถล่มกลางไรสวน และโปรดรอรับทราบตัวเลขความตาย... ทหารหาญก็ตายเกลื่อนผมจะรวบรวมทำงาน
ประชาชน...ให้ท่านได้รับรู้ ใครกันแน่ที่ถูกฆ่าตายบังเกอร์ จุดยั่วการโจมตีทหารคิดว่า บังเกอร์จะช่วยให้ปลอดภัย
ได้นั้นเป็นความเข้าใจแบบทหารพวกโจรปัตตานี ชอบนัก...บังเกอร์ตายและสะดวกในการยิงถล่มดังภาพนี้...
บังเกอร์ไม่สามารถป้องกันได้เลย การรบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นนรกของทหาร เพราะว่า...
โจรไม่มีบังเกอร์โจรมาวูบใหญ่เหมือนโจรนินจา...ถล่มแล้วถอยบังเกอร์ คือจุดยั่วการโจมตีระเบิดวัดเมื่อเห็นภาพ
แล้ว ขอให้ใช้สติปัญญาการอ่าน อย่าเข้าใจว่าเป็นการปลุกระดม แต่ขอให้เข้าใจเนื้อหาของหนังสือเล่มนนี้ ที่เปิด
โปงแผนการของโจรปัตตานี พวกโจรปัตตานี อาศัยการสร้างคัมภร์ปลอม หลอกลวงพี่น้องอิสลามว่า "ฆ่าพุทธ" 
แล้วได้บุญ โดยเฉพาะการทำลายวัด ฆ่าพระ ยิ่งจะได้บุญมาก
คำหลอกลวงพวกนี้ ถ้าหลอกลวงแล้วไม่มีคนเชื่อก็จะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ปัญหามีอยู่ว่า มีคนหลงเชื่อ ว่าฆ่าพระ ฆ่าชาวพุทธแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ทำให้พระและวัดได้รับความ
เดือดร้อนแสนสาหัส ชาวพุทธทั้งหลาย ถูกไล่ล่าฆ่าฟัน ถ้าไม่หนีเอาตัวรอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีรอให้ราชการมา
แก้ปัญหา จนป่านนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ (ธันวาคม - ๒๕๔๙) !!
ยิ่งอำนาจรัฐในห้วงเวลานี้ไม่มีเหลือแล้ว ยิ่งหมดโอกาสแก้ดังนั้น วิธีหนึ่ง ที่จะต้องทำให้เห็น คือชี้ให้ดูว่า พวกโจร
ปัตตานีเล่นงานวัดอย่างป่าเถื่อน ผมเอาภาพถ่ายหน้าวัดตันหลงมัส ที่ถูกวางระเบิด มาให้ดู โดยที่ชาวพุทธไม่เคย
ไปทำลายมัสยิดตอบโต้เลยคนพุทธไม่กล้าเพราะกลัวบาป !!
ผมไม่อยากเอาภาพโจรเผาวัด ฆ่าสับคอพระมาลง เพราะไม่ต้องการปลุกระดม !!
บทที่ ๑๘ - ๑ ช่วง...โฉมหน้าโจรหดหายไป / โดย สอาด จันทร์ดี
ท่านผู้รักชาติ โปรดอ่านต่อไป....
ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๒๕
ในยุคประเทศไทยมีพรรคคอมมิวนิสต์ (พคท.) รบกับรัฐบาล เป็นยุคที่โจรแบ่งแยกดินแดนเลื่อนไหวรุนแรงไม่ได้
 เพราะรัฐบาลก็ใช้กำลังปราปปรามกับ ผกค. อย่างถึงพริกถึงขิง พวกโจรที่ก๋ากั่นออกมา ก็จะถูกปราบอย่างไม่ไว้หน้า
 ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย ทำให้พวกโจรต้องหลบฉากรักษาตัวรอดเอาไว้ก่อน แต่พวกโจรปัตตานี และโจรจับ
ตัวเรียกค่าไถ่จำนวนหนึ่ง ได้รับความเสียหายสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อย
ทางการสืบทราบมาว่า โจรปัตตานีได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) เป็นการให้ความช่วย
เหลือในฐานะหัวอกเดียวกัน แต่อยู่บนเงื่อนไข "มิตรและสหาย" สถานเดียว ไม่ใช่เป็นการร่วมอุดมการณ์
ในขณะพรรคคอมมิวนิสต์ทำสงคราม เพื่อหวังจะเปลื่ยนแปลงระบอบการปกครอง ให้ได้ไม่เกินปี ๒๕๒๕ นั้น 
โจรปัตตานีตระหนักดีว่า ถ้าพรรคคอมมิวนิสต์ชนะศึก พรรคคอมมิวนิสต์ก้จะใช้ลัทธิเผด็จการ รวบอำนาจการ
ปกครองเป็ดเสร็จ ไม่มีทางที่ปัตตานีจะเรียกร้องอะไรได้ ดีไม่ดีอาจถูกปราบแบบถอนรากถอนโคนอีกด้วย
 โจรปัตตานีจึงหันไปพัฒนาบุคลากรอย่างขนานใหญ่ เพราะเชื่อว่า ถ้าขบวนการ "พูโล" มีผู้คนที่ทรงภูมิปัญญา
 เขาหล่านั้นจะสามารถต่อกรกับพรรคคอมมิวนิสต์ได้ในภายหลัง พวกโจรปัตตานีหรือ "โจรพูโล" จึงทุ่มเงินลง
ไปเพื่อพัฒนาคนในช่วงดังกล่าวนี้ โฉมหน้าของโจรก่อการร้าย " ปรากฎไม่มาก" จะมีอยู่ไม่กี่คน เช่น "เปาะสู" 
เป็นต้นในระยะเวลาดังกล่าวนี้ โจรปัตตานีได้คัดสรรตัวแทนส่งไปศึกษาต่อทั้งในตะวันออกกลาง ประเทศยุโรป
-ตะวันตก รวมถึง อเมริกา คณะกรรมการพัฒนาการศึกษา ได้ติดตามดูแลตัวแทนที่เป็นนักศึกษา มีการประเมินผล 
และวัดผล เก็บข้อมูลอย่างสมบูรณ์ว่า เยาวชนที่คณะกรรมการออกทุนให้นั้น เมื่อกลับมาเมืองไทย จะได้เป็นเพชร
เม็ดงามของพวกขบวนการพูโล สืบทอดอุดมการณ์ของอับดุลกาเดร์และหะยีสุหลง นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาต่อไป
ฝ่ายราชการที่ไม่ประสากับความลึ้ลับของเรื่องนี้เป็นทุนอยู่ก่อนแล้ว เมื่อข่าวคราวที่น่ากลัวเริ่มจางลง ก็ทึกทักเอาว่า
 โจรปัตตานีกำลังจะหมดไปจากประเทศไทยรัฐบาลเองก็ได้ใช้จ่ายเงินทุนส่งเสริมพวกโจร ให้พวกเขาได้รับการ
ฝึกที่ต่างประเทศ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน