โอกาสและความทรงจำ

ตามรอยตะวัน

       ข้าพเจ้ามีโอกาสไปฝึกงานให้กับรัฐวิสหกิจหนึ่งสมัยเรียนอาชีวะฯ   สมัยนั้นทราบข่าวว่าใครได้เข้าทำงานที่แห่งนี้รายได้ดี  โบนัสเยอะ  ก็เป็นความใฝ่ฝันของลูกชาวนาชาวไร่รากหญ้าคนหนึ่ง  จึงเข้าไปฝึกงานอยู่ 2 เดือน  เพื่อจะได้เรียนรู้ระบบงาน   ข้าพเจ้ามีหน้าที่โทรศัพท์ทวงหนี้ลูกค้าที่ยังค้างฯ ไม่มาจ่าย...  แล้วมีโอกาสได้คุยปรึกษากับพี่เลี้ยงฝึกงาน   พี่ท่านนี้ใจดีก็นำใบสมัครแนะนำให้เขียนจดหมายสมัครไปยังสำนักงานใหญ่...  แต่ก็ตบท้ายๆ  อีกว่า  ที่นี่เขาเอาแต่ญาติพี่น้องลูกหลานเข้านะ...   มันก็เป็นความจริงก็เห็นพนักงาน พ่อทำงานแผนกหนึ่ง  แม่อีกแผนก  ลูกอีกแผนก  เป็นครอบครัว... กันเลย   หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้วก็เขียนจดหมายสมัครส่งเข้าไปยังสำนักงานใหญ่แถวๆแจ้งวัฒนะ  
ต่อมาไม่นานข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายเชิญให้ไปสอบครั้งแรก    และประกาศผลออกมาติดข้อเขียน   เชิญสัมภาษณ์   คำถามที่ถูกถามคือ "คุณมีญาติพี่น้องที่นี่หรือไม่"   คำตอบคือ  "ไม่มี  หลังจากประกาศผลสัมภาษณ์ไม่มีชื่อ-นามสกุล  บ้านนอกๆ  ของข้าพเจ้าติดบอร์ดไว้เลย    มีแต่นามสกุลเพราะๆ ดังๆ   ลูกท่านหลานเธอทั้งหลายติดอยู่
ครั้งที่ 2  ไม่ละความพยายามเขียนจดหมายเข้าไปอีกครั้ง  เก่งจังเลยติดข้อเขียนอีกแล้ว   สอบสัมภาษณ์คำถามเหมือนเดิม   หลายๆ  คนเริ่มบอก ."เฮ้ย..  ต้องหาเส้นเข้านะ   รู้จักใครหรือเปล่า     เด็กบ้านนอกอย่างข้าพเจ้าจะไปรู้จักใคร   มีแต่หนึ่งสมอง 2 มือ   ประกาศผลออกมาไม่มีชื่อ-นามสกุล  บ้านนอกๆ  ของข้าพเจ้าติดบอร์ดไว้อีกเช่นเคย
ครั้งที่ 3ไม่ละความพยายามเขียนจดหมายเข้าไปอีกครั้ง   เก่งอีกแล้วติดข้อเขียนเหมือนเดิม  พลาด 2 ครั้งแล้วทำงัยดี  แต่คิดว่าคงได้แน่นอนเพราะสอบติดข้อเขียนมาแล้ว 2 ครั้ง  เพราะด้วยความหวัง  ครอบครัว  จึงอยากเข้าทำงานที่นี่มาก   ลูกชาวนาชาวไร่ไม่รู้จะพึ่งใคร   คนที่พึ่งได้คือ  สส.  เพื่อขอคำปรึกษา   แม่พาข้าพเจ้าไปปรึกษา สส. ท่านหนึ่งเป็นนายตำรวจยศพลโท   จำได้ว่าวันที่เขาไปหาเสียง  เขาแทบจะก้มกราบ(ตีน)  แม่ของข้าพเจ้า   แต่วันที่เราไปหาเขาที่บ้าน  เขาปล่อยหมาออกมาเห่า  แล้วมีลูกน้องมาเปิดประตูให้  บ้านตกแต่งด้วยไม้ราคาแพง  คุยกันที่หน้าบ้านแม้แต่น้ำก็ไม่มีให้ดื่ม  เขาคุยกับแม่ของข้าพเจ้าแล้วบอกว่าให้เข้าไปคุยกับคุณนาย    แล้วพวกเราบ้านนอกก็ได้คำตอบ  200,000  บาทๆ   จะเอาเข้าให้ได้ เปรียบเหมือนซื้อที่นาให้กับครอบครัวอีกแปลง  คงเอาเข้ากระเป๋าพวกเขาแหละนะข้าพเจ้าคิด   พวกเราก็ต้องเดินกลับสีหน้าตกออกมา   จะไปหาที่ไหนสองแสน  หาเงินส่งลูกเรียนกว่าจะจบปริญญาก็แทบแย่แล้วสำหรับชาวนาชาวไร่    ก็ได้แต่รอคอยด้วยความหวังพระเจ้าจะเข้าข้าง  ผลปรากฎประกาศรายชื่อออกมาไม่มีชื่อ-นามสกุล  บ้านนอกๆ  อีกเช่นเคย   คงหมดหวัง  หมดนาคตแล้วเรา   ข้าพเจ้ากับแม่เดินออกสำนักงานด้วยความเศร้าใจ.... (การเข้าทำงานราชการ หรือ รัฐวิหกิจ  มันคือความหวังของคนรากหญ้าทั้งหลายที่จะได้เห็นลูกหลานของเขาทำงาน  มีสวัสดิการให้กับพ่อแม่  แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าคนระดับรากหญ้าทั้งหลายทำไมจึงต้องถูกกีดกันปิดกั้นโอกาส  โดนถูกหลอก - ความคิดเห็น)
ข้าพเจ้าท้อแท้หมดกำลังใจ  ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลย  เราไม่รวยไม่มีเงิน นามสกุลไม่เพราะ  ลูกชาวนาชาวไร่  อยากจะมีงานที่ดีๆ ทำ  แต่ก็ถูกปิดโอกาสด้วยระบบเจ้าขุนมูลนายทั้งหลาย  และทุกๆ ครั้งไป   อยากได้งานมีเงินเดือน   ยังต้องหาเงินก้อนไปซื้องานเขามาทำอีกหรือ (นี่หรือประเทศไทย)
ในที่สุดข้าพเจ้าหันเข้าทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ประมาณ 2 เดือน  ได้รับจดหมายจากองค์การที่ว่า    ขอเรียนเชิญไปรายงานตัวเพื่อปัจจุเข้าทำงานยังหน่วยงานจังหวัดของท่าน       ตัดสินใจไปตามจดหมายเชิญ    แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เอกสารมากรอก ไปตรวจสุขภาพ   เปิดบัญชีธนาคาร   เพื่อรับเงินเดือน   ข้าพเจ้าถามเขาว่าก็ตกสัมภาษณ์ทำไมเรียกตัวมา     แต่ก็ได้รับคำตอบ `คุณติดสำรองอันดับหนึ่ง   ตอนสัมภาษณ์   ข้าพเจ้าถามแต่ตอนประกาศไม่มีชื่อสำรองติดไว้   เจ้าหน้าที่เงียบแล้วบอกปัดไปว่า จะรู้เฉพาะภายในเท่านั้น.. ข้าพเจ้านำหลักฐานที่เจ้าหน้าให้มาเก็บเอาไว้กับตัวเองคิดหนักจะเอาอย่างไรดี  เพราะงานที่ได้ก็ดีเงินเดือนก็สูงกว่า 2-3 เท่า บริษัทก็มั่นคง   มีสองสิ่งที่ให้ข้าพเจ้าต้องเลือก  และก็ไม่ไปรายงานตัวสุดท้ายได้รับโทรศัพท์ให้ไปรายงานตัวอีกครั้ง...  จึงตัดสินใจแน่วแน่นำเอกสารไปคืนแล้วบอกว่าให้เรียกคนอื่นมาทำแทนเราเถอะขอสละสิทธิ์    เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ยินข้าพเจ้าพูดเช่นนั้น   ก็เข้ามานั่งล้อมวงน้องคิดดีๆ   ตัดสินใจอีกครั้ง    ไม่มีโอกาสอย่างนี้นะ    ใครๆ  เขาก็อยากได้กัน  บางคนต้องเสียเงินเข้า  นี่ไม่ต้องเสียอะไรเลย     ข้าพเจ้าวางกระดาษต่อหน้าเจ้าหน้าที่   นี่คือคำตอบที่ได้ยินจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ตอนที่หนูอยากได้ทำไมไม่มีใครมาพูดแบบนี้บ้าง   ข้าพเจ้าพูดด้วยความน้อยใจ   แล้วก็เดินลงจากสำนักงาน
จะเห็นได้ว่าคนเราต่อให้เก่ง  มีความสามารถแค่ไหน   แต่ขาดโอกาส(คือสิ่งที่บุคคลอื่นหยิบยื่นให้)   ความเก่งความสามารถก็ไม่มีความหมายอะไรเลย    ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่าชีวิตนี้ต้องมี _"ดวง"    ด คือ เด็กใคร   /  ว คือ  วิ่งใคร  /  ง  คือ เงินถึงมั๊ย    มันก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่และอะไรละคือความยุติธรรม    ปัจจุบันข้าพเจ้าออกจากบริษัทเอกชนมาเป็นเจ้าของกิจการ  เป็นนายตัวเอง  มีความเป็นอิสระ  รายได้ดี  ไม่ต้องตื่นแต่เช้า  เข้าทำงาน  เซ็นชื่อตอกบัตร... จงเชื่อมั่นว่าโอกาสไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว  ยังมีโอกาสที่ดีๆ อีกมายที่รอคอยเข้ามาในชีวิตและนำพาเราประสบความสำเร็จ และมันอาจดีกว่าในสิ่งที่เราต้องการในครั้งแรกก็ได้...    ฉนั้นสิ่งที่เราเลือกแล้วคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตเรา.แต่ครั้งหนึ่งมันคือบทเรียน   คงไม่ใช่เพียงแต่ข้าพเจ้าอีกหลายคนก็คงเจอเช่นกัน   และอยากเห็นประเทศชาติเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น  จงเป็นผู้ให้และให้โอกาสกับคนที่เขาไม่มีโอกาสเถอะ....   				
comments powered by Disqus
  • แมงกุ๊ดจี่

    21 เมษายน 2550 14:57 น. - comment id 95738

    สวัสดีค่ะ
    
    อ่านแล้วทำให้คิดถึง  ตอนที่ตัวเองเรียนจบใหม่ ๆ   แบบนี้เลยล่ะ...
    36.gif
  • ตามรอยตะวัน

    22 เมษายน 2550 06:27 น. - comment id 95743

    นั่นซิ  คุณแมงกุดจี่  หลายๆ สิ่งหลายอย่างบอกว่ายุติธรรม  แต่เอาเข้าจริงๆ  ก้ไม่ใช่  สังคมไทยเรามีแต่ความเห็นแก่ตัว  ก็คงต้องอาศัยหลักพระพุทธศาสนาปลอบใจตัวเอง   (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน