สลักระเบิดหัวใจ**บทที่3**(มาแล้วจ้า)
ภาเกตุ
บทที่ 3
น้องครับ ชายคนนั้นส่งเสียงเตือนสติเธออีกครั้ง อรพิมลออกจากภวังค์ เธอรู้ได้ว่าตอนนี้หน้าของเธอคงมีสีแดงขึ้นมาจับจองเสียแล้วแต่เธอก็ไม่ทำเสียเรื่องอีกคราวนี้เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเขินไว้เล็กน้อย
........... มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าค่ะ
.......... คือพี่เห็นกระเป๋าเพื่อนพี่วางอยู่นะ แต่ไม่เห็นเขา ไม่ทราบว่าน้องรู้จักผกายดาวไหมครับ ชายคนนั้นพูดพลางชี้มือไปที่กระเป๋าสีม่วงอ่อนที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นเอง
.......... อ๋อ กระเป๋าพี่หญิง พี่มาหาพี่หญิงหรือคะ อรพิมลตอบไป เธอได้รู้แล้วว่าที่แท้ผู้ชายคนนี้ก็เป็นเพื่อนของพี่หญิงป้ารหัสของเธอ
.......... พี่หญิงไม่อยู่ค่ะ เห็นบอกว่าเหนื่อยแล้วก็ไปไหนไม่รู้
.......... เหรอครับ งั้นพี่นั่งรอตรงนี้ได้ไหม ไม่รบกวนน้องใช่ไหมครับ เขาขออรพิมลอย่างมีมารยาท และเมื่ออรพิมลอนุญาตชายหนุ่มจึงได้นั่งลงข้างเธอ การนั่งของเขาเว้นระยะห่างจากเธอพอประมาณ สำหรับอรพิมลแล้วเขาเป็นพวกชายที่สุภาพคนหนึ่งทีเดียว ระหว่างที่นั่งรอผกายดาว เขาไม่ได้ชวนอรพิมลคุยอีกแต่กลับสนใจหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ และลองหยิบบางเล่มขึ้นมาอ่าน ซึ่งอรพิมลเองก็เช่นกันเธอยังคงอ่านหนังสือเล่มเดิมต่อไป แม้ตอนนี้ความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม
.......... องค์หญิง ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เสียงของชายหนุ่มทำให้อรพิมลเงยหน้าขึ้น ผกายดาวกำลังเดินทำหน้าเบื่อโลกไปดูดน้ำไปเดินตรงมายังพวกเขา เมื่อมาถึงผกายดาวก็นั่งลงที่เก้าอี้อีกฝากแล้วทำหน้ามุ่ยใส่กองหนังสือตรงหน้า
.......... ไงจ๊ะ เป็นอะไรบอกพี่ซิ ชายหนุ่มยังคงถามต่อด้วยคำถามที่นิ่มนวลจนอรพิมลอดเหลือบมองเขาไม่ได้
......... พี่ณน เราทำไม่ได้เลยทั้งข้อสอบเมื่อวาน ทั้งรายงานบ้าบอเนี่ย สงสัยเราจะเรียนไม่จบซะแล้วแหละ ผกายดาวเอ่ยตอบด้วยใบหน้าชวนให้คนฟังทั้งขำขันและน่าเห็นใจไปพร้อมกัน
......... อะไรกัน องค์หญิงอย่าเพิ่งท้อซิ
......... โห้ พี่ณนก็รู้ว่าเราเรียนไม่เก่ง แล้วก็ไม่ชอบเรียนด้วย ทำไมทุกคนต้องเข็นให้เราเรียนด้วย ผกายดาวร่ายถึงความอัดอั้นตันใจ แต่พอมองหน้าณนอีกครั้งเธอก็เริ่มนึกได้ว่าเมื่อกี้นี้ เธอนั่งอยู่กับอรพิมลน้องรหัส แล้วณนมาตั้งแต่เมื่อไร
......... อุ้ย แล้วพี่ณนมานานยังนี่ เรามัวแต่ไปเดินแก้เซ็ง
......... ไม่นานหรอก องค์หญิงกำลังทำรายงานอะไรอยู่ให้พี่ช่วยไหม ณนเสนอความคิดเห็นที่ฟังก็รู้ว่าสร้างความปิติยินเป็นอย่างยิ่งให้แก่ผกายดาว ซึ่งตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มตื้นด้วยรอยยิ้ม (ก็ตอนนี้มีตัวช่วยถึงสองคนแล้วนี้ผกายดาว)
หลังจากนั้นผกายดาวก็ได้เริ่มทำรายงานวิจารณ์ภาษาอังกฤษของเธอสักที โดยมีทั้งชายหนุ่มที่มีทักษะภาษาอังกฤษเชี่ยวชาญอย่างณน และอรพิมลที่แม้จะเป็นรุ่นน้องแต่สำรับเรื่องภาษาอังกฤษเธอก็มีความรู้พอตัว จนณนเอ่ยปากชมเธอหลายครั้ง ณนช่วยเธออ่านและแปลซึ่งก็ดูเหมือนจะคล้ายเล่าเรื่องให้เธอฟังซะมากกว่า อรพิมลช่วยวิจารณ์บทความเป็นภาษาอังกฤษร่วมกับผกายดาวที่ขอวิจารณ์เป็นภาษไทยก่อนแล้วค่อยแอบไปให้ณนแปลเป็นอังกฤษให้อีกที ทั้งสามช่วยกันคิดช่วยกันทำ บรรยากาศที่เริ่มร่มเย็นลงแม้ว่าพระอาทิตย์จะยังไม่ตกดินก็ตาม ผกายดาวยกแขนดูนาฬิกา
......... นี่จะสี่โมงขึ้นแล้ว พี่ณน ออย เอาไว้แค่นี้ก่อนดีไหม นี่ก็เกือบเสร็จแล้ว เหลืออีกสองสามบทแล้วก็วิจารณ์ตัวละคร
......... ทำไมไม่ทำให้เสร็จเลยล่ะคะ อรพิมลที่สนุกกับการอ่าน แปลแล้วก็วิจารณ์ ไม่ได้รู้ถึงความรู้สึกเหนื่อยสุดๆของคนภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอย่างผกายดาวเอาซะเลย
......... ไม่ดีกว่า คือพี่รู้สึกเหนื่อยนะ โอ้....เหนื่อยแล้วจริงๆ พักก่อนนะนะ ผกายดาวใช้เสียงออดอ้อนโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่ อรพิมลจึงได้แต่ยิ้มยอมทำตามแต่โดยดี ณนที่รู้หน้าที่เริ่มเก็บของที่กระจัดกระจายอย่างประณีต มีการเขียนหน้าหัวกระดาษไว้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะใส่แฟ้มชนิดที่ผกายดาวไม่ต้องเอ่ยปากเลย อรพิมลที่ดูอยู่นั้นรู้สึกชื่นชมเข้าอย่างมากในความรู้สึกนั้นยังมีสิ่งอื่นที่แปลกๆปะปนอยู่อีก ..............ตอนนี้สิ่งที่เธออยากรู้คือณนจะเป็นเพื่อนกับผกายดาวจริงอย่างที่เขาบอกกับเธอตอนเจอกันครั้งแรกหรือไม่
.......... น้องออย ไปบ้านพี่หญิงนะ วันนี้พี่หญิงเลี้ยงเองอุตส่าห์ มาช่วยพี่เกือบทั้งวันนะนะ ผกายดาวใช้เสียงอ้อนอีกครั้งชวนอรพิมล ขณะที่อรพิมลอ้ำอึ้งอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ทำให้เธออยากจะไปขึ้นมา
.......... ไปด้วยกันสิครับ น้องออย พี่ก็ไปด้วย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ สิ้นเสียงนั้น อรพิมลสาวน้อยร่างเล็กก็ตัดสินใจรับคำชวนทันที