เสอั๋น ตอนแรก
บุญนำ
เสนาอั๋น
เรื่องนี้เป็นเรื่องบ้าๆบอๆของฝ่ายเสนาธิการทหารเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงในที่พักอาศัย และโปรดอย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้พิจารณาไตร่ตรองด้วยความรอบคอบเสียก่อน เนื่องจากว่าการเขียนอะไรออกมาสักอย่างมันมักจะขาดความเชื่อถือดังนั้นจึงอาจมีการอ้างอิงประกอบกับเนื้อหาด้วย ในทุกครั้ง
วันหนึ่งเมื่อเขาได้เห็นคำสั่งกองทัพบกให้เขาต้องประจำทั้งๆที่ก็พยายามรักษาศีลห้า นั่งสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน เขาได้เซ็นต์รับทราบคำสั่ง เก็บข้าวของจากห้องทำงาน อำลานายทหารหน้าห้องแล้ว ก็กลับบ้านด้วยความวาบหวิว นั่นหมายความว่า เงินค่าสมองไหลได้กระเด็นหายไปต่อหน้าต่อตา
มันมีเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง ไคเภ็ก ตอนที่พระเจ้าเงี่ยวเต้ ถามไต้ซุ่น แล้วไต้ซุ่นได้ตอบไว้ในหน้าที่ ๒๙๑ ว่า .....ให้พิจารณาตรึกตรองขุนนางข้าราชการทั้งปวงให้เที่ยงแท้ว่า ผู้ใดเป็นคนดีมีกตัญญูทำความชอบต่อแผ่นดินครั้งหนึ่งหรือสองครั้งสามครั้ง ควรที่จะเลื่อนที่และยศให้เป็นใหญ่ตามความชอบ ก็ให้ยกขึ้นตามความชอบก็จะอุตส่าห์ประพฤติทำแต่การดีๆ ชนทุกชั้น เมื่อขุนนางข้าราชการทั้งปวงประพฤติแต่การที่ดีๆแล้ว ไพร่บ้านพลเมืองอาณาประชาราษฎรก็จะมีความสุขเสมอไปเป็นนิตย์ถ้วนหน้าทุกอาณาจักร ..... ซึ่งในสมัยดังกล่าวได้พูดถึงการเลือกคนมาเป็นผู้นำที่มุ่งเอาคนที่นอกจากจะมีความรอบรู้ ความสามารถแล้ว ยังต้องมีคุณธรรมอีกด้วย ไม่ได้เลือกเอาลูกหลานขึ้นมาครองอำนาจต่อ ก็ดูเหมือนว่าสภาพสังคมในตอนนั้นจะอยู่กันแบบมีความสุขดี
การทำงานทุกอย่างต้องมีความคิด ไม่ต้องไปกล่าวถึง คำว่า จิตใจสาธารณะให้ปวดหัวกันเลยครับ เอาแต่คำว่า มีศีลห้า ตอนที่คิดก็น่าจะพอเพียงแล้วเพราะว่าคนจำพวกนี้จะไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ มากเกินขีดอันตราย และจะคิดได้ตลอดรอดฝั่งไม่ต้องมาติดกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ก็จะทำให้งานที่ทำออกมาด้วยความหมดจดสมบูรณ์
ทันใดนั้นเอง เสนาอั๋นก็สะบัดหัวสลัดความเคลิ้มในเรื่องที่เป็นสาระมาหาเรื่องที่เป็นสัพเพเหระคือมีแต่สัพเพ กับเหระ ไม่มีสาระ
ปัญหาแรกคือ ปัญหาสุนัขข้างบ้าน ซึ่งมีความละเอียดอ่อนในการแก้ปัญหาพอๆกับปัญหาใหญ่ๆของประเทศทีเดียว เสนาอั๋น ครุ่นคิดด้วยความเคลิบเคลิ้ม จากข่าวสารบ้านเมืองก็ปรากฏว่า เจ้าของหมาต้องเข้าคุกหลายคนมาแล้ว ไม่ใช่เพราะหมากวนข้างบ้านแล้วตำรวจจับ แต่ทว่าส่วนมากแล้วคนข้างบ้านทนไม่ไหว เอาปืนสิบเอ็ดมอมอ ไปยิงหมาตาย แล้วเจ้าของหมาโกรธเลยรัวเอ็มสิบหกฆ่าคนฆ่าหมา ทำให้เจ้าของหมาต้องติดคุก
หนทางแก้ไขทางแรก คือ ไปหาสัตว์เลี้ยงอะไรก็ได้ที่ชอบกินสุนัข เอามาเลี้ยงไว้ ส่วนเมื่อมันโตแล้วจะกินคนต่อไป เอาไว้คิดทีหลัง
หนทางที่สอง ถ้าไม่ชอบฆ่าสัตว์ ก็ผูกมิตรกับสุนัขข้างบ้านซะ โดยโยนกระดูกหมู ให้มันหากหมาข้างบ้านมีสองตัว ก็โยนกระดูกชิ้นใหญ่ให้มันชิ้นเดียวเพื่อทำลายความสามัคคีของหมาข้างบ้านเป็นอันดับแรก แต่ถ้าชอบฆ่าสัตว์ทำบาปแล้วก็ชุบยาพิษเล็กน้อย เช่น พิษสลายกระดูก ซึ่งเมื่อรับพิษไปแล้วเมื่อเดินได้เจ็ดก้าวต้องตาย
หรือหนทางปฏิบัติที่สาม คือ มองให้เห็นความเป็นจริงของปรมัตถธรรม ว่า สิ่งที่เห็นก็เป็นรูป ตาเห็นก็เป็นรูป แต่ทำให้เกิดนาม มีแต่รูปกับนามเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น ไม่มีโทสะ ไม่มีความพยาบาท อาจจะคิดไกลไปอีก ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดความสงบได้ในท่ามกลางความทุกข์
หรือหนทางที่สี่ คือ ไปเรียนภาษาอะไรก็ได้ ที่จะทำให้พูดสื่อภาษากับเจ้าของหมานั้นให้รู้เรื่องให้ได้
ปัญหาของหมาข้างบ้านเป็นปัญหาโลกแตกทีเดียว ผู้ใดไม่รู้ผลดีของการเลี้ยงหมาแล้ว ก็ไม่รู้หรอกว่าผลร้ายของการเลี้ยงหมาเป็นอย่างไร (อันนี้ลอกเลียนแบบมาจากตำราของซุนวู)
ปัญหาที่สองของเสนาอั๋น คือ ปัญหาเรื่องคนขับรถในเมืองหลวงซึ่งมักจะขับแบบกระทบกระเทือนใจแก่เรา
หากต้องเจอกันทุกเช้าและตอนเย็นทุกวันเว้นวันหยุด ก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาโลกแตกอีกปัญหาหนึ่ง คำว่าปัญหาโลกแตกหมายความว่าเป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วฝ่ายใดฝ่ายใดอาจเกิดความคลุ้มคลั่งใช้อาวุธสงครามถล่มอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างไม่คาดคิด พอรู้สึกตัวอีกทีอาจจะร้อง อุแว้ๆ ใหม่อีกครั้งก็ได้ ดังนั้น ก็เป็นปัญหาที่เสนาอั๋น จะต้องคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบ
ผมเคยเห็นในห้องทำงานของสารวัตรตำรวจเขาเขียนแปะข้างฝาเอาไว้ว่า ปัญหามีไว้เพื่อแก้ ไม่ใช่เอาไว้ทุกข์ ก็ลองตรองกันดูเอง
สำหรับผมปัญหาเรื่องรถยนต์จะต้องคิด
แนวทางแรก หาหมากฝรั่งมาเคี้ยว เพื่อว่าเวลามีปัญหาจะได้ไม่ต้องด่าเพราะว่าขณะที่เคี้ยวหมากหรั่งนั้นก็เมื่อย กราม (ไม่ใช่เมื่อยกาม) จะแย่อยู่แล้วไม่มีแรงด่าไอ้คนที่ขับรถห่วยแตก ขับป่าเถื่อน ขับไม่ดี ขับทุเรศ แต่ทว่าก็มีปัญหาเหมือนกันระหว่างที่ขับไป หากเจอคนขับคันอื่นมองเข้ามาในรถของเราแล้วเห็นเราขยับปากไปมา เราก็อาจจะซวยได้นึกว่าเราไปด่าแม่เขาเข้า ดังนั้นเวลาเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเห็นคนจ้องมองเอามองเอาก็ต้องหยุดเคี้ยวก่อนนิดหนึ่งแล้วยิ้มด้วยไมตรีให้เขา หรือหากไม่ชอบอมยิ้มก็ต้องไปติดฟิมล์ใหม่ให้เขามองไม่เห็นจากข้างนอก พูดถึงเรื่องฟิมล์แล้วก็นึกได้ว่ามีบางคันมันใช้ประเภทสะท้อนแสง เวลาเขาขับอยู่ข้างหลังเราแล้วแสงสะท้อนทำให้เราขับรถแทบไม่ได้ เหมือนกันทางแก็ก็คือ ขับช้าๆเข้าไว้เพื่อให้เขาแซงไปก่อน หากข้างหลังเขาติดฟิมล์อีกสะท้อนเข้าตาเราอีก ก็ต้องจอดรถให้เขาไปก่อน ไปสู่ที่ชอบที่ชอบของเขาก่อน
หนทางที่สอง ใช้วิธีของอาจารย์ พร รัตนสุวรรณ คือ พอโกรธเกิดขึ้นมาเนื่องจากความไม่ยอมหรือไม่มีน้ำใจ หรือการเอารัดเอาเปรียบของคนขับรถคันอื่น ก็ต้องเข้าใจว่าความโกรธจะเกิดขึ้นแป๊บเดียว อย่าไปเอาเรื่องเอาราวกับเขาคนนั้น ปล่อยให้ผ่านไปสักเดี๋ยวก็จะหายโกรธ หรือลืมโกรธไปเอง ซึ่งก็ได้ผลบางครั้ง แต่บางคนกลับมีคำถามว่า อ้าวถ้าไม่โกรธแล้วและจะมันได้อย่างไร ผมว่าเขาเป็นคนที่ช่างคิดซะจริง
หนทางที่สาม ตาต่อตา ฟันต่อฟัน วิธีนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก มันช้ามาเราช้าไป มันปาดเราเราปาดมัน วิธีนี้เป็นวิธีการที่ตำรวจชอบมาก เพราะฟันเละทั้งคู่เลย และเป็นวิธีการที่ซี๊ดซ๊าดมาก ทำให้ต่อมอะดรีนะลีนที่อยู่ที่ก้นกบร้อนวาบๆทีเดียว
หนทางที่สี่ ไปหาซื้อรถเก่าๆมาขับลุย รถเก่าบางคันแม้จะลืมเปิดกระจกหน้าต่างไว้ ก็จะไม่มีอะไรหาย เนื่องจากไม่มีอะไรจะให้หายได้ แล้วก็นำมาใช้ในการขับขี่ประจำวัน ก็จะทำให้รถหลายๆคันต่างหลบหลีกให้ด้วยความจำใจ เพราะว่า เขาไม่อยากจะเอาพิมเสนมาแลกกับเกลือ แต่ทว่าต้องระวังนิดหนึ่ง เจอคนรวยจริงๆและใจถึงขึ้นมารับประกันว่าเจ็บปวดแน่เลย
หนทางที่ห้า ทำประกันชั้นหนึ่ง อันนี่เป็นวิธีการที่มันที่สุด เป็นการกระทำของอำนาจจริงๆ หากไม่กลัวรถเจ๊งละก็ทำไว้ เมื่อเจอไอ้คนที่มันสุดๆก็กดมันสุดๆกัน นัยว่าเป็นแนวทางของคนใจแข็งดังเหล็ก หรือคนเหล็ก
ข้อที่พึงพิจารณาไว้สำหรับเตือนตนในการขับรถ เวลาจะเข้าเลนอื่นคนเขาไม่ยอมให้เราเข้าแล้วเราก็ด่าเขาว่าไม่มีน้ำใจ เวลาเขาเปิดไฟขอเข้าเลนเราเราก็ไม่ให้เขาเข้าเนื่องจากเห็นไปว่า เขาอาจจะไม่ยอมเข้าคิว หรือ บางครั้งก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอยากจะกลั่นแกล้งเขา หรือต้องการให้เขาไปขอเข้าทางช่องอื่นมีแบบนี้บ้างไหม ทางที่ต้องเข้าคิวยาวแต่เราไม่เข้าเราแซงออกไปเพื่อไปแย่งเขาเข้าเพื่อเราไม่ต้องเสียเวลาหรือเปล่า หรืออ้างว่าเราต้องรีบเพราะว่าเราต้องรีบไปรับลูก หรือรับเมีย หรือมีนัด หรืออื่นๆที่เห็นว่าชอบธรรมที่ไม่ต้องเข้าคิว บางครั้งเราก็ขับรถย้อนศรในที่ๆซึ่งไม่มีใครมาบังคับเราได้หรือเปล่า เป็นต้น
ปัญหาต่างๆจะเริ่มใกลตัวออกไปเรื่อยๆนะครับ คาดว่าอาจจะหลุดออกนอกวงโคจรของโลกได้เหมือนกัน ปัญหาอีกอันหนึ่งนะครับคือ ปัญหาซีรี่เกาหลี คือต้องเข้าใจว่าหากเมื่อไรได้ดูสักตอนหนึ่งมันก็ต้องติด ผมก็ต้องมานั่งคิดว่าทำอย่างไรจะไม่ติดแต่อย่างไรก็ตามเอาไว้คราวหน้าในบทต่อไปนะครับ เพราะว่าการแก้ปัญหาหากเอาแต่นั่งเทียนแก้ปัญหาแล้วมันก็ย่อมไม่เวิร์ค ดังนั้นขอผมไปซื้อเทียนก่อนแล้วกระผมจะกลับมา เจอกันใหม่ครับ
ป.ล.มีความรู้สำนึกในจิตใจได้ท้วงติงตัวกระผมว่า ไอ้ที่เอ็งเขียนนี่หรือคือเรื่องสั้น ผมก็ขอตอบได้อย่างมั่นใจว่านี่แหละคือเรื่องสั้น เพราะถ้ามันไม่ใช่เรื่องสั้นแล้วมันจะเป็นอะไรได้ละ