ผู้ชายในสายลม (1)
โนริโกะ
ฉันได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้ปีกว่าแล้ว ฉันมีความสุขในการทำงานมากเพื่อน ๆ ดีกับฉันทุกคนฉันทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ แล้วมาวันหนึ่ง ฉันได้รู้ว่าแผนกจัดซื้อมีพนักงานมาใหม่ เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักชื่อว่า น้องนัท และฉันก็ได้รู้จักกับเธอ น้องนัท เป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีมาก ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันคงจะจีบเธอแน่นอน แต่น้องนัทเขาก็มีเจ้าของหัวใจแล้วเป็นหนุ่มใหญ่ ท่าทางสุภาพ เอาใจเก่ง ซึ่งฉันก็รู้สึกว่าเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันดีนะ...
และหลังจากนั้นไม่นานแผนกจัดซื้อก็ได้รับพนักงานเข้ามาใหม่อีกคน คราวนี้เป็นผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาชื่อว่า ภานุ เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีคนหนึ่ง ฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เพื่อนร่วมงานดี ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ตำแหน่งหน้าที่ของฉันทำให้ฉันได้รู้จักกับคนจำนวนมาก เพราะฉันต้องติดต่อประสานงานกับแผนกอื่น ๆ อยู่เสมอ และมันก็ทำให้ฉันได้สนิทกับ ภานุมากขึ้น แต่สำหรับฉันนั้น ฉันไม่เคยคิดกับภานุเกินคำว่าเพื่อนเลย....
เพราะลักษณะท่าทางของ ภานุ นั้น ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของฉันเลย ภานุ เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางค์ บางครั้งฉันและเพื่อน ๆ ก็ล้อเขาบ่อย ๆ ว่าเขาเป็นกะเทย เป็นตุ๊ด แต่เขาก็ไม่เคยถือโกรธสักครั้ง กลับกลายเป็นเรื่องสนุก ทำให้เพื่อน ๆ ได้หัวเราะกัน นี่เป็นความน่ารักของ ภานุ แล้วมาวันหนึ่งฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า ภานุ เขาแอบปลื้มฉันอยู่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ว่าจริงหรือเปล่า แต่ฉันก็รู้สึกเฉย ๆ นะ เพราะฉันไม่คิดจะมีใครในตอนนี้ เพราะฉันคิดแต่เรื่องงานเท่านั้น...
จนกระทั่งวันหนึ่ง ภานุ ได้ไปประชุมที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาสองเดือน พอเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากเขา โทรเข้ามือถือของฉัน
สวัสดี ครับ
ว่างไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย
ฉันจำได้ว่า นี่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา และหลังจากนั้น ฉันก็ได้คุยกับ ภานุ ทางโทรศัพท์ทุกวันตลอดเวลาที่เขาไปอบรม เราคุยกันถูกคอ สนุกสนาน เฮฮา บางครั้งคุยกันนานเป็นชั่วโมง ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่า ขณะที่เราทำงานอยู่ด้วยกันนั้น เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ทำไมเวลาเราคุยกันทางโทรศัพท์ มันเหมือนกับว่าเราสนิทสนมกันมานาน
จนกระทั่ง ภานุ กลับมาจากฝึกอบรม ความรู้สึกที่ฉันมีกับเขาและการแสดงออกของฉันมันเปลี่ยนไป โดยที่ฉันไม่รู้ตัว มันอาจจะเป็นความผูกพันตลอดเวลา เกือบสองเดือนที่เขาไปอบรมและฉันได้คุยกับเขาทุกวันทางโทรศัพท์ แต่สำหรับ ภานุ นั้นการแสดงออกกับฉันเหมือนเดิมทุกอย่างคือเหมือนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ฉันไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ เพราะถึงแม้ว่าในที่ทำงานเราจะไม่ได้คุยกันหรือแสดงออกถึงความสนิทสนมกัน ก็ไม่เป็นไร เพราะเวลาที่ฉันกลับบ้าน ภานุ ก็โทรมาหาทุกวันอยู่แล้ว...
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้หญิงเข้ามาคุยกับฉันและเตือนฉันว่า รู้ไหมว่าในที่ทำงานทุกคนมองว่าฉันแอบชอบภานุ อยู่ฝ่ายเดียว ตอนนั้นฉันรู้สึกงงเหมือนกัน เพราะในความรู้สึกของฉันนั้น ฉันคิดว่า ภานุ เขาแสดงออกว่าเขาชอบฉันนะ และเขาก็แสดงว่าห่วงใย ใส่ใจฉัน แคร์ความรู้สึกฉัน แต่ฉันลืมคิดไปว่า สิ่งที่เขาแสดงนั้นมันแสดงออกเฉพาะกับฉันเท่านั้น อาจจะเป็นเวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันวันหยุด หรือไม่ก็แสดงออกด้วยคำพูดทางโทรศัพท์เท่านั้น
ฉันยอมรับว่าฉันมองโลกแคบ ไม่ทันคน ฉันมองแค่ด้านเดียว เพราะฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในการคบใครเลย และฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า เมื่อเวลาใครถาม ภานุ ว่าเขาชอบฉันหรือเปล่า เขาจะตอบแค่ว่า แค่แอบปลื้มเฉย ๆ ที่ฉันทำงานเก่ง ไม่ได้ชอบฉัน
ตอนนั้น ฉันรู้สึกสับสนมาก ว่าฉันจะเชื่อใครดี ฉันควรเชื่อเพื่อนที่เขามาเตือนฉัน หรือฉันควรจะเชื่อตัวเองดี เพราะถ้า ภานุ เขาคิดกับฉันแค่เพื่อน ฉันจะได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉันรู้ว่าตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มถล้ำลึกลงไปมากแล้ว ถ้าฉันรู้คำตอบที่แน่นอนฉันจะได้หยุด และห้ามใจตัวเองได้ทัน ฉันจึงตัดสินใจถามเขาทางโทรศัพท์เมื่อเขาโทรมาหา
เธอคิดยังไง กับเรากันแน่ คำถามนี้ทำให้ภานุอึดอัดไปนานเหมือนกัน
ถ้าเธอไม่คิดชอบเราจริง เราก็หยุดกันไว้แค่เพื่อนเถอะนะ อย่าให้เรื่องของเรามันไกลไปกว่านี้เลย ในที่สุดภานุก็ตอบมาว่า
ผมรักคุณนะ ถ้าผมไม่รักผมจะโทรมาหาทุกวันหรือ
แล้วเธอรู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเลย เพราะใคร ๆ ก็มองว่าเราไปแอบชอบเธออยู่ฝ่ายเดียว เพราะเธอบอกว่าเธอไม่ได้ชอบเรา
ที่ผมพูดไปอย่างนั้น ก็เพื่อปกป้องคุณนะ ผมไม่อยากให้ใครเอาเรื่องของเรามาพูดล้อคุณ ผมกลัวคุณไม่สบายใจ ภานุรีบอธิบาย
คุณอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นได้ไหม ทำไมไม่ไว้ใจผมบ้าง
ครั้งนี้เป็นการปรับความเข้าใจของเราสองคน คำพูดของเขานั้นฉันก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นควรเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่ลึก ๆ ในใจของฉันก็คงไม่อยากจะเลิกคบกับภานุเพราะเรื่องแค่นี้ ฉันอยากจะซื้อเวลาออกไปในนานกว่านี้อีกสักนิด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่...
คุณจะเชื่อไหมว่า ฉันกับภานุไม่เคยออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันเลยสักมื้อ เขาก็ไม่เคยชวนฉันไป เวลาพักเที่ยงเขาก็ขับรถพา น้องนุช และเพื่อน ๆ ในแผนกจัดซื้อไปทานอาหารข้างนอกเสมอ ๆ เขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม แต่สำหรับฉันก็ได้แต่พยายามอดทน พยายามไม่คิดอะไร และพยายามไม่เอาปัญหาเหล่านี้มาทำให้เกิดปัญหาระหว่างฉันกับเขา
แต่แล้ววันหนึ่งมันก็คงถึงเวลาที่เราสองคนคงต้องจบกันเสียที ฉันรู้ว่าการที่ฉันไม่พูดความรู้สึกที่ฉันไม่สบายใจออกไปให้ ภานุรับรู้ ปัญหามันก็ทับถมตัวฉันมากขึ้น มากขึ้น ฉันมีแต่ความไม่สบายใจ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักฉัน แต่การกระทำของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันหวังอะไรจากเขาไม่ได้เลย ฉันเหมือนคนที่ไม่มีหลักยึดเหนี่ยว การแสดงออกของเขานั้น ฉันไม่รู้สึกเลยว่าเขารักฉันหรือแคร์ความรู้สึกของฉันจริง ฉันได้แต่ฟังคำแก่ตัวของเขาไปวัน ๆ เขามีฉันไว้เพื่ออะไรกันแน่ บางครั้งฉันคิดว่าฉันเป็นแค่ตัวสำรองคนหนึ่งใช่ไหม เขาทำตัวเหมือนคนที่ไม่มีพันธะหัวใจกับใคร ใครจะมาชอบเขา หรือเขาจะไปชอบใครก็ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าวันไหนเขาผิดหวังจากใครคนนั้น อย่างน้อยก็ยังมีฉันที่ยังจงรักภักดีต่อเขาอยู่อีกทั้งคน...
นี่คือความรู้สึกของฉัน ความรู้สึกของคนที่ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ในสายตาของคนที่ตัวเองรัก ความรู้สึกนี่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ฉันไม่เคยไปวิ่งตามความรักแต่ความรักมันเข้ามาหาฉันเองโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และมันทำให้ฉันขาดสติ ขาดการไตร่ตรองว่าสิ่งไหนควรเชื่อ สิ่งไหนไม่ควรเชื่อ หรือจะเรียกว่าความรักทำให้ตาบอด ก็คงไม่ผิดนัก ตลอดเวลาขณะที่ฉันไม่เคยพูดว่ารักเธอ แต่การกระทำของฉันได้แสดงออกถึงความห่วงใย แคร์เธอเสมอ โดยที่ไม่เคยคิดว่าคนอื่น ๆ จะรู้ว่าฉันชอบเธอ ฉันคิดแต่ว่ามันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเราจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก เพราะเราทำด้วยความจริงใจ ตั้งใจอยากจะทำให้เขา.....(โปรดติดตามตอนต่อไป นะคะ)