เรื่องรักธรรมดา ตอน*~วันฟ้าใส~* ๑

หนูนิล


    เสียงกุกกักปลุกให้ร่างใต้ผ้าห่มแพรบนเตียงต้องลืมตาตื่นคว้านาฬิกาปลุกข้างกายมาเพ่งมองฝ่าความมืดสลัวในห้องภายใต้เวลาห้านาฬิกาครึ่งของเช้าวันใหม่  ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตท์ไฟที่ผนังห้องอย่างแม่นยำ
     "หาอะไรน่ะหนิง"
     "โอ๊ะ..เราทำเธอตื่นเลย" ผู้ที่ถูกทักบ่นเบาๆพลางหาสิ่งของบนโต๊ะอ่านหนังสือข้างเตียงเดี่ยวต่อไป  สักครู่ก็ชูผ้าคาดผมแบบที่นักกีฬาใช้ให้ร่างที่อยู่บนเตียงดู 
      "ไปวิ่งเหรอ" ดารกาหันกลับไปปิดสวิตท์ไฟเมื่อเพื่อนร่วมห้องพบสิ่งที่ต้องการแล้ว 
      "อือฮึ...เอาไรมั้ยเดียวแวะซื้อมาฝาก"
      "ส้มตำ" เสียงอู้อี้ดังมาจากกองผ้านวมที่อยู่ชั้นบนของเตียงสองชั้น
       ดารกายิ้มน้อยๆ  เมื่อเห็นเมธินีค้อนให้เจ้าของเสียงในเงาสลัว
       เสียงประตูห้องปิดลงเบาๆ เสียงฝีเท้าที่วิ่งซอยลงบันไดค่อยๆเลือนหาย  ร่างบนเตียงชั้นสองก็ก้มศีรษะโผล่มาสนทนากับคนด้านล่างที่ปิดตาลงอีกครั้ง
       "หนิงมันไปวิ่งทำไมทุกเช้า" กฤตติกาตั้งคำถาม
       "จะไปรู้เหรอ...ลดน้ำหนักมั้ง...ทำไมตัวไม่ถามดูล่ะ" ดารกาตอบเพื่อนทั้งๆที่ยังหลับตา
        "ไม่หรอกถามมันมันก็ไม่ตอบตรงๆหรอก"
        "ตัวก็ตื่นไปวิ่งตามดูสิแก้ว"  แนะเสร็จก็ตวัดผ้าแพรคลุมศีรษะตัดการสนทนายามเช้าไว้แค่นั้น
       "เรื่อง...เสียเวลานอน" แล้วกฤตติกาก็ผลุบกลับไปนอนต่ออีกคน  ทิ้งให้ความเงียบครอบคลุมห้องอีกครั้ง
       "อรุณสวัสดิ์" เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆตัว เมธินีดูอารมณ์เสียทันที
       "ทำไมวันนี้มาช้าจัง  เราวิ่งได้สอบรอบแล้วนะ" ร่างที่วิ่งเหยาะๆอยู่ข้างๆ สู่งกว่าเมธินีไม่ขาดไม่เกินห้าเซนติเมตรเท่าไหร่ดีนัก  ผิวสองสีหากเข้มเกรียมจากแดดมากกว่าธรรมชาติ  ใบหน้ากลมไม่มีอะไรสะดุดนอกจากคิ้วเข้มที่รับกับนัยน์ตาคมที่มีประกายสดใสตลอดเวลา
      "เรื่องของฉัน" ไม่ว่าเปล่า เมธินีหมุนตัวกลับวิ่งไปคนละทิศกับเมื่อคู่  ทำให้ดนัยต้องหยุดมองอย่างงง  สงสัยว่าตนพูดสิ่งใดผิดไป
       แต่พอวิ่งได้สักพัก  เมธินีก็เริ่มเหนื่อย  เธอเลือกหยุดพักบนอัฒจรรย์ริมสนามบาสเก็ตบอล  ทอดสายตามองกลุ่มนักศึกษาชายห้าหกคนที่เล่นบาสเก็ตบอลกันอย่างสนุกสนาน  พักใหญ่ก็มีมือใหญ่ยื่นขวดน้ำดื่มมาให้
       เมธินีปรายตามองก่อนจะหยิบขวดน้ำนั้นมาเปิดดื่ม  จากนั้นก็จ้องมองที่สนามบาสเก็ตบอลต่อไป  โดยไม่สนใจแม้แต่จะมองดนัยที่นั่งลงบนอัฒจรรย์ถัดจากเธอสองชั้น
       "ไอ้แก้ว..กับดายังไม่ตื่นเหรอ"
       "อือฮึ...ใกล้เรียนนั่นแหล่ะ"อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีไมตรีให้ จึงตอบแกนๆรักษาน้ำใจบ้าง
        "เหรอ...งั้นหนิงก็กินข้าวคนเดียวสิ" ดนัยชำเลืองมอง แต่คู่สนทนาก็ยังทอดสายตาไปข้างหน้านิ่ง
        "ไปกินข้าวกับเรา.....กับไอ้ยักษ์มั้ยล่ะ" 
        "อือฮึ.....หือ?" คำถามของดนัย  ทำอารมณืของเมธินีเริ่มกรุ่นขึ้นมาอีก
        "เดียวเราไปตามไอ้ยักษ์มาด้วย  หนิงจะได้ไม่ต้องกินคนเดียวงัย" หน้าตาที่ดูเหมือนจะพูดซื่อๆนั้นแฝงรอยกังวลไว้ไม่มิด  และเป็นจริงดังที่ดนัยคิด
        "ไม่ต้องหรอกฉันชอบกินข้าวคนเดียว" ว่าแล้วเมธินีก็ลุกพรวด กระโดดลงจากอัฒจรรย์  ขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์คันเล็กจากไป  และมิต้องสงสัยดนัยได้แต่คอตก  เดินกลับไปยังรถตนเองขับออกไปเงียบๆอีกคน				
comments powered by Disqus
  • คนใจแตก

    15 มีนาคม 2550 22:45 น. - comment id 95383

    ดีมากๆครับผมชอบมาก

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน