ความประทับใจแรก

โคลอน

"Be prepared you never get a second chance to make a good first impression."
"จงเตรียมพร้อม คุณไม่มีโอกาสที่2 ที่จะสร้างความประทับใจที่ดีในยามแรกพบอีก!"
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่จะช่วยสนับสนุนประโยคข้างต้น ที่เคยอ่านในหนังสือ"ข้อเขียน ควรคิด"เมื่อนานมาแล้วได้เป็นอย่างดีเลย แต่ถ้าคาดหวังว่าจะเป็นเรื่องรักแรกพบอะไรเทือกนั้นล่ะก็ ได้โปรดมองข้ามเรื่องสั้นนี้ไปเสียเถอะ เพราะคงไม่มีเรื่องหวานแหววให้ได้อินเลิฟตามแน่ๆ... (*^3^*)
 เมื่อมาย้อนคิดถึงจุดเริ่มต้นที่เราได้พบกับเจ้าเหมียว ที่ตอนนี้ถูกเราตั้งชื่อให้ว่า มีมี่(ชื่อจริง มารายห์  แครี่ (- ^^)" แล้วล่ะก็ เราขอยกนิ้ว (^A^) ให้กับคนที่คิดคำคมนี้ขึ้นมาเลยว่า ทำให้เราทึ่งได้จริงๆ... ขอหมุนเวลาย้อนกลับไปเมื่อประมาณ1ปีที่แล้วแป๊บ...แกร๊กๆๆๆ(เสียงเกาหัวเพราะเราแค่คิดเฉยๆน่ะ :p)
 เรื่องก็มีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่งขณะที่เรากำลังเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมก็บังเอิญไปจ๊ะเอ๋เข้ากับ เจ้าเหมียวตัวหนึ่งเข้า เป็นตัวเมีย สีเทา-ดำ ลายเสือ ท่าทาง ปราดเปรียว เฉลียวฉลาด หางสั้นกุด(ไม่รู้เป็นกรรมพันธุ์หรือว่าถูกตัดหางเหมือน ร๊อตไวเลอร์ ...มีใครรู้มั่งว่าทำไม ร๊อตไวเลอร์ต้องตัดหางตั้งแต่ยังเด็กด้วยอ่ะ เราว่ามันคงไม่ชอบเท่าไหร่หรอก...)เราสังเกตุเห็นว่าเจ้าเหมียวมีตาสีทอง...กำลังจ้องมองมาทางเราอย่างไม่คลาดสายตา ภายในปากมีจิ้งจกลักษณะขาวๆอวบๆดิ้นดุ๊กดิ๊กๆอยู่ ...ด้วยความตกใจเราก็เลยเผลออุทานออกมาเสียงดังว่า บรู๊วววววว...(เจ๊ย!...ล้อเล่น)(^^)"แต่เสียงอันนุ่มนวลของเราก็ทำให้เจ้าเหมียว วิ่งหายไปเลย หลังจากนั้นอีก2-3วันเราก็เจอเจ้าเหมียวบ่อยๆแต่ก็แค่มองกันไกลๆไม่มีอะไรมากกว่านั้น แถมเรายังอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า"แมวกินจิ้งจกด้วยเหรอ?(หรือว่าเป็น ออเดิร์ฟ ของเจ้าเหมียวมานานแล้ว) 
 อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เจอกันจังๆก็ตอนที่เราออกไปข้างบ้านแล้วก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ เจ้าเหมียวที่กำลังนั่งเฝ้าเหยื่อที่นอนหายใจรวยรินอยู่ตรงหน้า เหยื่อที่ว่าก็คือ นก ลักษณะ อ้วนดำ ปากสีเหลือง(อืม...กินไม่เลือกแฮะ)เราก็เลยเผลอไล่เจ้าเหมียวไปอีก จากนั้นเราก็อุ้มนก เคราะห์ร้ายตัวนั้นมาสำรวจบาดแผลซึ่งก็ไม่มีแต่อย่างใด เราก็เลยเอาไปใส่กล่องแล้วแอบไว้ห้องเก็บของ
หลังบ้าน กลัวเจ้าเหมียวจะย้อนกลับมาอีก คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาปล่อยแระกันเพราะมันบินได้ไม่สูง คงจะบอบช้ำจากข้างในมากกว่า พอตอนเช้าเรามาดู นกตัวนั้นก็ไม่รอดแล้ว อืม...เราก็เลยจัดแจงเอาไปฝังไว้ใต้ต้นปีบหน้าบ้าน(ไม่รู้ทอดกรอบจะอร่อยป่าวนะ...มาคิดตอนนี้ก็ช้าไปแระ...)^^" ก็เลยคิดในแง่ดีว่าอย่างน้อย เจ้านกน้อยตัวนั้นก็คงได้นอนตายตาหลับล่ะนะเมื่อคืน
ลองคิดภาพว่าเราเข้าไปอยู่ในหนังจักรๆวงศ์สมัยก่อนที่มียักษ์กินคนดูดิ ให้แมวเป็นยักษ์แล้วตัวเราเป็นนกตัวนั้น...กึ๋ย... (*~*)
 ช่วงนั้นดวงเราเป็นไรไม่รู้ต้องได้มาพบเจอ ศพแล้วศพเล่าของทั้ง นก และ หนู อยู่คนเดียวในบ้าน ไหนใครว่า นกมีหู หนูมีปีก ไงล่ะ สรุปไม่รอดเงื้อมมือเจ้าเหมียวซักตัว หลังๆมาเราเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจนั่ง ลับมีด เอิ๊ก...ไม่ใช่(^^)" เราก็เลยเริ่มคลุกข้าวให้เจ้าเหมียวกินโดยคลุกทิ้งไว้งั้นแหละ กินมั่งไม่กินมั่ง...แต่ก็ดีที่ไม่มีซากของเหยื่อเคราะห์ร้ายของเจ้าเหมียวมาให้เราเห็นอีก...บอกตรงๆนะเหตุผลที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เราใจบุญอะไรหรอก แล้วก็ไม่ใช่ใจบาปด้วย(สรุปเราไม่ใช่ทั้งนางฟ้าและซาตานอ่ะแหละ จะอธิบายทำไมเนี่ย(^^)") เหตุผลสำคัญก็คือเรากินข้าวไม่ลงอ่ะ(^A^)(ฟังดูเข้าท่าเนาะ) พักหลังเจ้าเหมียวเริ่มมานอนค้างอ้างแรมที่บ้านเกือบทุกคืน(สงสัยยังโสดอยู่)...พอเช้าก็หายไปเหมือนเดิม แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะผูกมิตรกับอาคันตุกะตัวนี้ใช่มั๊ยล่ะ...
เหตุการณ์ก็ดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆจนเราเริ่มชินและเจ้าเหมียวก็คงชินเพราะรู้สึกว่าจะเริ่มปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนบ่อยขึ้น บางวันก็แอบมานอนกลางวันที่โรงรถมั่ง ข้างบ้านมั่ง อยู่ประจำแต่เราไม่เคยได้ยินเสียงร้องของเจ้าเหมียวเลยสักแอะ...ชักสงสัยว่ามันจะเป็นใบ้หรือเปล่าหนอ:p 
จนเช้าวันหนึ่งเราก็ได้ยินเสียงร้องอย่างออดอ้อนสุดฤทธิ์(เอ...จะเป็นไปได้เหรอเจ้าเหมียวที่วันๆเอาแต่ สวย...เริ่ด...เชิด...หยิ่ง จะยอมศิโรราบให้กับเรา)คิดได้อย่างงั้นก็รีบเปิดประตูออกไปดู แต่ผิดคาด ภาพที่เราเห็น กลับเป็น เจ้าเหมียวตัวผู้ ดูไม่คุ้นตานั่งทำหน้าเหรอหรา พอเห็นเราก็ร้องเมี๊ยวๆมาคลอเคลียเล่น รูปพรรณสัณฐานก็ ลำตัวสีขาวแต้มดำเป็นจุดๆ เท้าทั้งสี่เป็นสีขาว หางเป็นดอกสีดำ ปากสีชมพู(น่าอิจฉาชะมัด... ธรรมชาติช่างลงโทษมนุษย์ผู้หญิงอย่างเราได้ขนาดนี้เมื่อเทียบกับแมวตัวผู้ตรงหน้าที่แม้หน้าตาจะมอมแมมแต่ก็ปากสีชมพู๊ชมพูทั้งที่ไม่ได้ผ่านการแต่งหน้าหรือทาลิปกลอสมาเลย..เหอๆ..เริ่มฟุ้งแระกลับมาๆ ต่อ)เมื่อมานั่งพิศรูปร่างของเจ้าเหมียวดูอีกครั้งก็ดูจะผอมโซอยู่ คงจะหิวน่าดู เพราะร้องไม่หยุดเลยเราก็เลยคลุกข้าวให้กิน
 นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเราก็เลยต้องคลุกข้าวสองถ้วย ไว้คนละที่เพราะ มีมี่ดูเหมือนจะไม่ชอบ ทามะ(ตัวผู้...ซึ่งถูกเราตั้งชื่อไปอีกตัว) เจอกันทีไรก็เห็นมีแต่ ทามะอ่ะแหละที่คอยตื้อเค้าแล้วสุดท้ายก็ถูก มีมี่ ทั้งขู่ ทั้ง ข่วน จนเราเผลอคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นโลกของแมว นี่ ทามะคงจะไม่หล่อแน่ๆ เพราะ มีมี่แสดงท่าทางรังเกียจอย่างชัดเจน น่าสงสารสุดๆ ตื้อเค้าอยู่ได้ ลูกเอ๊ย... (แต่ถ้าในโลกของคนก็ถือว่า ทามะ เป็นผู้ชายหน้าหวานเลยล่ะประมาณ กอล์ฟ-ไมค์ยังไงยังงั้น) ช่วงหลังมานี่เราเริ่มสังเกตุเห็นว่า มีมี่จะมาตอนกลางคืนเพราะ ทามะไม่อยู่ พอเช้า มีมี่จะหายตัวไป แล้ว ทามะก็จะปรากฏตัวขึ้น เหมือนเป็นเส้นขนาน เหมือน พระอาทิตย์ กับ พระจันทร์ ที่มีเราเป็นศูนย์กลางมองดูอยู่(แล้วเราจะเป็นไรดีหว่า...ที่คั่นระหว่าง กลางวันกับ-กลางคืน...ความมืดและแสงสว่าง..)				
เมื่อนึกถึงความแตกต่างในการพบกันครั้งแรก ระหว่างเรากับ มีมี่ และ ทามะ ก็ดูจะไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่มันจะเป็นแบบนี้ รวมถึง จุดเริ่มต้นของ ทามะ กับ มีมี่ ด้วยซึ่งเราคิดว่าคงเคยเจอกันมาก่อนที่จะมาเจอเราด้วยซ้ำไป.  


"Be prepared you never get a second chance to make a good first impression."
"จงเตรียมพร้อม คุณไม่มีโอกาสที่2 ที่จะสร้างความประทับใจที่ดีในยามแรกพบอีก!"

(ขอหยิบยกประโยคข้างบนมาตบท้ายอีกครั้ง)

ปล.สำหรับใครที่เข้ามาอ่านเรื่องสั้นของเราครั้งแรกไม่รู้ว่าจะสร้างความประทับใจได้หรือเปล่าเพราะมีคนบอกว่า ถ้าจะหัดเขียนเรื่องสั้นให้เก่งแล้วล่ะก็ ให้เริ่มเขียนจากเรื่องใกล้ตัวก่อน...ตอนนี้เราคงเขียนเรื่องสั้นในแบบฉบับของเราไปก่อนล่ะนะ ขอบคุณที่อ่านจนจบ...ขอให้ เงินทองไหลมาเทมาทุกคน(แอบติดสินบนซะงั้น...อิอิ)				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    15 มกราคม 2550 07:54 น. - comment id 94694

    สาธุ ขอให้เงินทองไหลมาเทมา อิอิ
    
    สงสัยเพียงพลิ้วต้องใช้โอกาสทั้งชีวิตจึงจะสร้างไดสักครั้งค่ะ ความประทับใจ อิอิ
    
    หรือไม่ก็ไม่ได้เลย อิอิ
    
    โดยส่วนตัวไม่ชอบเหมียวเลยค่ะ
    เด็กเคยเล่นกับเหมียวแล้วโดนข่วนเต๋มไปหมดค่ะ 
    
    หลังจากนั้น ไม่เอาแล้ว กลัวกรงเล็บ อิอิ 
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ไผ่พริ้ว

    15 มกราคม 2550 09:48 น. - comment id 94697

    น่ารักจังค่ะ เหมือนเจ้าเหมียวที่บ้านเลย
    ข้างบ้านเอามาเลี้ยงแต่มันมาอยู่บ้านเราเฉยเลย นี่เลี้ยงจนแก่ไม่รู้จะแก่ยังไงแล้ว คิดดู
    ฟันไม่เหลือซักกะซี่แล้วอ่ะ ออกลูกไว้ให้เลี้ยง
    อีกไม่รู้กี่ครอก จนลูกตายหมด ตัวแม่ยังนอนอ้วนกลมอยู่เลย
  • โคลอน

    16 มกราคม 2550 07:17 น. - comment id 94700

    โอมเพี้ยง...ขอให้รวยทั้งคนเขียนและคนอ่าน(น่าน...อิอิ)
    ***เพียงพลิ้ว***เจ้าเหมียวน่ารักออกนา ตอนสิ้นปีเรากลับบ้านที่เชียงรายก็มีแมวที่ไหนไม่รู้มานอนผึ่งพุงอยู่ในบ้านตรงที่ประจำที่เราดูทีวีด้วยอ่ะ พอเราไปเล่นด้วยแรกๆมันก็อ้อนอยู่นะ แต่สงสัยจะเกาผิดที่เลยโดนข่วนเข้าให้เหมือนกัน...แต่เราชอบนิสัย แมวนะ ดู เป็นสัตว์ที่รักสันโดษแต่ก็อบอุ่นอยู่ในที 
    ***ไผ่พริ้ว***11.gif เรื่องเจ้าเหมียวของไผ่พริ้วก็น่ารักเหมือนกันนะ...สรุปมีแมวอ้วนพริ้วอยู่กับไผ่พริ้วใช่ป่าวตอนนี้...อิอิ27.gif แสดงว่าเจ้าของบ้านใจดีไงเค้าถึงไม่ไปไหน...แต่ของเรานี่เป็นได้แค่ทางผ่านอ่ะ (เวลาหิวถึงจะมาให้เห็นหน้า)ไม่มีตัวไหนยอมตกร่องปล่องชิ้นกับเราสักตัว53.gif...4.gif
  • ..สีน้ำฟ้า..

    16 มกราคม 2550 21:00 น. - comment id 94707

    ตามมาอ่านเรื่องแมว ๆ เหมียว ๆ 
    
    11.gif11.gif
  • โคลอน

    18 มกราคม 2550 07:11 น. - comment id 94718

    11.gif ขอบคุณมากจ้า ***สีน้ำฟ้า***36.gif
  • boytilldie

    9 กุมภาพันธ์ 2550 01:11 น. - comment id 94928

    "Be prepared you never get a second chance to make a good first impression."
  • โคลอน

    9 กุมภาพันธ์ 2550 11:39 น. - comment id 94935

    ขอบคุณมากจ้า***boytilldie***11.gif36.gif
    
    เราเคยนะเตรียมพร้อมมากเกินไปพอถึงเวลาจริงๆเข้า อาการโก๊ะ กำเริบซะงั้น...65.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน