เช้านี้.. ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง เป็นคืนแรกในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ฉันรู้สึกเต็มอิ่ม.. กับการพักผ่อน ที่เคยเหนื่อย.. ที่เคยล้า... ที่เคยว้าวุ่น.. ก็ดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์ หมดพิษสง.. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกฉันได้ตกต่ำจนถึงที่สุดแล้ว หรือเพราะฉันเข้มแข็งขึ้น หรือที่เค้าว่า.. เมื่อเราถูกทำให้เจ็บปวด หรือทำตัวเองให้เจ็บปวดได้ถึงที่สุดแล้ว เราจะรู้สึกถึงได้ว่า - - - ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดอีกแล้ว ไม่มีอะไรน่าเจ็บปวดอีกต่อไป หรือไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดต่อไป - - เพื่ออะไร - - ..จะเป็นจริง .. ฉันทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา กับอีกบางเรื่องราวที่กำลังจะผ่านไป ฉันมองเห็นความไร้สาระของตัวเองผ่านชีวิตอันเปี่ยมด้วยสาระของคนอื่น - ความเศร้า - ทำลายฉันจนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของตัวเองไปแล้ว ฉันหยิบหนังสือหลายต่อหลายเล่มมากองไว้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีหนังสืออื่นที่ควรอ่านมากกว่านั้น ..เอาน่า.. ครั้งสุดท้ายแล้ว ฉันบอกตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ หนังสือหลายต่อหลายเล่ม.. หนังสือดีดี ที่ฉันเคยหยิบประโยคนั้น ประโยคนี้ ไว้คอยสอนใจคนอื่น แต่หลงลืมที่จะเก็บมันมาบอกตัวเอง ความทรงจำสุดสวยหวาน ทำให้คุณหายใจออกมาเป็นคำว่า.. เสียดาย.. หนังสือเล่มหนึ่งบอกฉันอย่างนั้น.. คุณปล่อยเวลาหมดไปกับการคิดถึงอดีตและเฝ้าหวังให้มันย้อนคืนกลับมา ฉันอยากรู้นักเชียว ความต้องการเหล่านั้นจะไปอ้อนวอนจากใคร คุณรู้บ้างหรือเปล่าว่าชีวิตคุณกำลังจะเดินทาง เดินทางไปในที่สักแห่งหนึ่งที่เป็นจุดหมาย ยากที่คุณจะมองเห็นวันวานหรือพบเจอกับความทรงจำเก่า ๆ จะมีเพียงแค่โลกกว้างให้คุณได้สูดอากาศ ผู้คนมากหน้าหลายตาที่อาจหยิบยื่นมิตรภาพอันอบอุ่น และการยิ้มรับชีวิตใหม่ของคุณผู้เข้มแข็ง แล้วไยคุณจึงฉุดรั้งชีวิตของคุณเองเช่นนั้น ไยคุณกล้าที่จะเจ็บจมกับอดีต มากกว่าที่จะออกไปพบกับสิ่งสวยงาม... ฉันไม่เข้าใจ นั่นสินะ.. ฉันคิดตาม อะไรกันที่ทำให้ฉันอ่อนแอได้จนถึงขนาด... ฉันยึดติดและเสียดายอะไรกันนะ .. ความผูกพันอันเหมือนเส้นใยเบาบาง.. ที่เพียงแค่กระแอม..ก็ปลิวหายจากฉันไปไหนต่อไหน. อย่างนั้นหรือ.. .. หยดน้ำค้าง.. ที่นำพาความชุ่มชื่นมาให้ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เลือนหาย อย่างที่มีคนเปรียบให้ฉันฟัง..อย่างนั้นหรือ... คุณคือ ผื น ห ญ้ า อ่ อ น ไว้นอนหนุน ให้อบอุ่นในคืนวันอันหมองหมาง ซับน้ำตาประโลมปลอบใจบอบบาง ดับอ้างว้างด้วยดวงใจมิตรไมตรี.. บทหนึ่งของงานที่ฉันตั้งใจเขียน เมื่อครั้งรู้สึกขอบคุณใครที่ให้รู้สึกดีดีมากมายแก่ฉัน ผืนหญ้าอ่อน.. อย่านอนนาน หนังสือเล่มนี้กลับบอกฉันอย่างนั้น ผืนหญ้านุ่มที่แผ่กว้าง.. ให้คุณทิ้งตัวลงนอนพักผ่อนเอนกายได้เสมอ แต่แท้จริงแล้วหญ้านั้นช่างอ่อนไหวนัก หากต้องแบกรับคุณนานเกินไป อย่างไรมันก็มีวันแห้งเหี่ยวเฉา นั่นสินะ.. ฉันคิด..
นับว่าเป็นความโชคดีของชีวิตคุณ หากว่ามีใครสักคน หรือหลาย ๆ คนดีต่อคุณ ยินดีเป็นที่พึ่งพิง และให้ความช่วยเหลือคุณได้เสมอด้วยความจริงใจ ไม่ว่าคุณ... จะเคยตอบแทนให้กับเขาบ้างหรือไม่ก็ตาม เหตุผลก็อาจด้วยความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ หรือแม้แต่แค่น้ำใจจากคนที่ถูกชะตากัน และทุกครั้งที่คุณได้พึ่งพิงเขา คุณจะรู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี .. แต่คุณรู้ไหมว่า... การพึ่งตนเองนั้น เป็นความสบายใจที่หาใดเปรียบไม่ได้ หากคุณเกิดปัญหา และยังพอมีหนทางที่จะดิ้นรนหาทางออก คุณก็ควรเลือกที่จะพึ่งพาตัวเองเป็นอันดับแรก.... ฉันคิดอีก... และคิดเลยไปถึงคราที่ขับรถพาตัวเองไปอยู่หน้าบ้านใครคนหนึ่งกลางค่ำคืน ชนิดเจ้าของบ้านไม่รู้ตัว ..นั่งนิ่งอยู่ในรถ.. ฟังบทเพลงโหยหวนที่คนช่างว่าคนหนึ่งชอบเรียกเวลาได้ยินฉันฟังเพลงแบบนี้ ชั่วโมงเศษ.. เพียงเพราะแค่อยากรู้สึกว่า.. มีใครสักคนอยู่ใกล้ ๆ .. ทำไปได้.. ฉันนึกตำหนิตัวเอง.. ท่าจะเพี้ยน.. (เหมือนฉันได้ยินเสียงใครบางคนแว่วมานะ) ฉันรู้ว่ายิ่งอารมณ์ฉันเตลิดไปมากแค่ไหน.. คนรอบข้างก็ยิ่งเดือดร้อนกับฉันมากขึ้นเท่านั้น.. ฉันยังจำน้ำเสียงอันง่วงงุน.. จนแทบจะคุยกันไม่รู้เรื่อง หลายต่อหลายคืน... ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า.. ดึกแล้ว.. นอนเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก... ไม่เป็นไร.. เลิกร้องไห้ก่อน.. เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยับย่นไม่แพ้กัน ตีหนึ่ง... ตีสอง... ไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน.. จนฉันรู้สึกผิด และสัญญากับเขาว่า ขอเวลาอีกนิดนะ ไม่นาน.. คนคนนี้จะกลับไปเข้มแข็งเหมือนเก่า.. ขอบคุณที่อดทน.. กับคนอย่างฉัน .. นี่ฉันทำร้ายมิตรภาพที่แสนดี.. มากี่คนแล้วนะ ..ฉั น ข อ โ ท ษ.. ยังมีหนังสืออีกหลายเล่ม.. ที่ฉันอยากเอ่ยถึง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น.. ฉันว่าหนังสือบางเล่มที่รอให้ฉันเปิดอ่าน.. ที่ฉันควรอ่าน คงจะน้อยใจเป็นแน่.. และที่สำคัญฉันคงจะเดือดร้อนเสียเองหากยังทำเฉยเมยกับหนังสือเหล่านั้นอยู่อย่างนี้ เอาไว้มีเวลาฉันจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกที ดีกว่านะ... .. บันทึกเล่มเก่า .. ข้างในมีแต่เรื่องราวร้าวล้า เก็บในชั้นให้ฝุ่นฝังลงตามเวลา ไม่ขอรื้อค้นออกมาให้เปื้อนใจ อยากเขียนบันทึกสักเล่มหนึ่ง เขียนถึงเรื่องราวชีวิตใหม่ วันนี้.. พรุ่งนี้.. ที่เป็นไป จะไม่มีคำว่า ร้องไห้ สักคำเดียว / ณัชชา ....
14 มกราคม 2550 20:32 น. - comment id 94690
เป็นบันทึกที่น่าอ่านนะเพราะให้ข้อคิดที่ดี บางทีเราอ่านหนังสือมากมายหลายเล่มที่เตือนสติให้ข้อคิดที่ดีแต่ทำไมพอถึงเวลาที่เราควรจะใช้ข้อคิดในหนังสือที่เราเคยอ่านให้เป็นประโยชน์เรากลับลืมซะล่ะ...ก็เพราะเราเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของปัญหาจนลืมว่ารอบๆตัวเรายังมีคนที่พร้อมจะรับฟังปัญหาหรือให้คำแนะนำที่ดีๆอยู่
15 มกราคม 2550 07:57 น. - comment id 94695
มาแอบอ่านบันทึกของหนอนเพียนค่ะ อิอิ
15 มกราคม 2550 07:57 น. - comment id 94696
เคยหยิบยกหลายประโยคที่อ่านเจอจากหนังสือมาบอกตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่พอจะทำมันดันทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เห็นเหมือนประโยคเหล่านั้นที่ฟังดูเหมือนท่าจะดีเลยซักกะนิด จนวันหนึ่ง .. นึกสงสัยเลยถามตัวเองว่า .. ไอ้ที่เราทำอยู่เนี่ย? .. ใครบอกให้ทำนะ.. จนวันนี้จึงตอบตัวเองได้ว่า .. ไอ้ที่ทำไปนั้นหัวใจมันบอกมา .. ซึ่งไม่เหมือนกับที่จำมาจากหนังสือสักอย่างเลย .. สรุปแล้ว .. หัวใจมันดื้อ ..
16 มกราคม 2550 11:33 น. - comment id 94701
ที่จริงก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือนะ ยิ่งของสำนักพิมพ์ใยไหมนี่ รู้สึกว่าจะมีแทบทุกเล่ม คือว่าเวลาอ่านแล้วมีข้อคิดให้เรามากมาย แต่ยอมรับนะว่าทำไม่ได้หรอกในช่วงที่เรายังทำใจกับเรื่องบางเรื่องไม่ได้อ่ะ ยิ่งเรื่องความรักนะ หากเรายังตัดใจจากเขาไม่ได้อ่ะ ถึงอ่านให้ตายก้อไม่มีประโยชน์ แต่พอตัดใจได้นะ ก้อจะเหมือนในหนังสือเขียนบอกไว้เลย นี่แหละนะ ประสบการณ์เราจะต้องได้มาด้วยตัวเอง ถึงมีคนบอกเราเป็นร้อยเราก็ไม่ทำตามหรอก
16 มกราคม 2550 12:47 น. - comment id 94702
คุณโคลอน... อืม..ม.. จริงค่ะ ที่คุณกล่าวมา.. ผู้หญิงช่างฝันว่า.. ใช่นะ.. .... คุณเพียงพลิ้ว.. บันทึกของหนอนเพี้ยนหรือคะ.. อือ.. ก็ใช่นะ .... คุณกีกี้... ที่คุณสรุปให้.. ก็ใช่อีก .... คุณ invisble.. คำกล่าวคุณ.. ยิ่งใช่ใหญ่เลย... .. .. แหะ.. แหะ.. ครือแบบว่า.. ช่วงนี้มีอาการคล้ายสมองตายน่ะค่ะ คิดอะไรไม่ค่อยออก ตอบอะไรมากกว่านี้มะดั้ยอ่า.... ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นค่ะ