มีบางคนเคยถามผม.. ว่าเรื่องจริงกับเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นนั้น ต่างกันที่ตรงไหน ผมบอกว่า..สำหรับผมแล้ว ..เรื่องที่ถูกแต่งขึ้น มักจะสมเหตุสมผลมากกว่าเรื่องจริงเสมอ.. ใครคนนั้น คนที่ถาม..แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ ผมอธิบาย..ว่าเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น ผู้แต่งมักจะพยายามใส่เหตุผลที่น่าเชื่อถือลงไปทุกอย่าง เพื่อให้เรื่องนั้น ดูสมจริงที่สุด.. แต่ขณะที่เรื่องจริง..โดยตัวของมันเองแล้ว บ่อยครั้งที่เราต้องมาไขว่คว้าหาเหตุผล ว่าทำไม ทำไม อยู่เสมอ.. และบางครั้ง..ท้ายที่สุด เราก็ยังไม่อาจหาเหตุผลให้กับมันได้อยู่ดี ..และถึงแม้ว่าเราจะไม่อาจหาเหตุผลใดๆมาทำความเข้าใจกับมันได้ แต่สุดท้าย..เราก็จำเป็นต้องยอมรับ ว่ามันคือเรื่องจริง.. คนเหงานอกหน้าต่าง 1.เธอ เธอคนนั้น..อยู่ในบ้าน มีผู้คนสองสามคนอยู่รอบๆ ทุกคนพูดคุย ยิ้ม หัวเราะ ระหว่างในห้องกับด้านนอกมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ใส พอที่จะมองผ่านไปมาระหว่างทั้งสองด้านได้ชัดเจน แต่หนา พอที่จะกั้นไม่ให้เสียงด้านนอกผ่านเข้า..เฉกเช่นเสียงด้านใน ที่ไม่อาจผ่านออกมา ถัดออกมาเป็นรั้วไม้เตี้ยๆสีขาว มีพุ่มไม้ดอกตลอดแนวรั้ว ปลายรั้วมีไม้ยืนต้นต้นหนึ่ง ดอกหอม..ไม่รู้ว่าต้นอะไร ทุกๆวันก่อนกลับบ้าน ผมมักจะมายืนอยู่ริมรั้วตรงนี้อยู่เสมอ ยืนมองดูเธอ.. เธอก็มองดูผม.. เธออยู่บ้านกับเพื่อนสนิทสองสามคน บ้านของเธอมีเพื่อนฝูงมากมายแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน เกือบทุกคนล้วนเคยเห็นผม แต่แปลก..ที่มีเธอคนเดียวที่มองดูผม.. ที่แปลกกว่าคือ ไม่มีใครสักคน แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอจะรู้ ว่าเธอมองดูผม.. ผมรู้จักเธอ ผมเคยคุยกับเธอ แต่ผมไม่เคยพูดกับเธอ.. เธอก็ไม่เคยพูดกับผมเช่นกัน แปลกที่ตราบจนกระทั่งวันที่เราต้องจากกัน เราก็ยังคงไม่เคยพูดกัน.. เธอคนนี้ เธอคนที่สวยกว่าดอกไม้ทุกดอกที่ผมเคยพบเห็นด้วยตาของตัวเอง กลับมีทีท่าเหินห่างจากผมอย่างเห็นได้ชัด เธอแสนดีกับทุกคน เว้นไว้แต่เพียงผม..เพียงคนเดียว ผมมักถามตัวเองเสมอ ว่าผมไปทำอะไรให้เธอโกรธ คำตอบที่ได้รับกลับมาเสมอๆก็คือ “ไม่ได้ทำ” ตอนนั้นผมยังนึก ว่าบางทีเธอก็คงแค่ไม่ชอบหน้า ก็แค่ความคิดใน ณ เวลานั้น ตอนนั้น.. ไม่ใช่ตอนนี้ นาน กว่าที่ผมจะรู้ว่านั่นคือการแสดงออกในแบบของเธอ ในความหมายของคำว่า”คนพิเศษ” ผมมีเบอร์โทรศัพท์มือถือของเธอ แต่ทุกๆครั้งที่โทรเข้าไป เธอไม่เคยรับสาย ไม่เคยโทรกลับ จนวันหนึ่งผมยืนอยู่นอกหน้าต่างตรงที่เก่า ผมตัดสินใจส่งข้อความเข้ามือถือของเธอ “ดึกแล้วนะ ผมจะกลับบ้านแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ” ชั่วไม่นานนักที่ผมเดินออกมา ใต้แสงดวงดาวที่เต็มฟ้า ในกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้กลางคืน “กลับบ้านดีๆนะ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” ผมเรียกวินาทีนั้น..ว่า จุดเริ่มต้น 2. ดอกไม้ จากคืนนั้นระหว่างผมกันเธอ เราติดต่อกันผ่านกระจกหน้าต่างบานหนาบานนั้น ด้วยข้อความทางโทรศัพท์ ผมส่งข้อความให้เธอไม่บ่อย เลือกที่จะยืนมองดูเธออย่างเงียบๆอย่างนั้นมากกว่า บางค่ำคืน เธอมองเห็นผม แต่หากบางค่ำคืนเธอก็เหมือนมองไม่เห็น ด้วยร่มไม้ที่ผมบังอยู่นั้นมืดเกิน หรือไม่ก็ด้วยเพื่อนฝูงในบ้านเธอนั้นมากเกินไป ในบางคืนที่เธอมีสีหน้าไม่สบายใจ ผมจะส่งข้อความไปหาเธอ “วันนี้สีหน้าคุณดูไม่สดชื่นเหมือนทุกวัน พักผ่อนมากๆนะ นอนหลับฝันดีครับ” ข้อความนี้ ผมไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา.. หากแต่วันรุ่งขึ้น เธอปล่อยผมที่เคยรวบไว้ด้านหลังลง แต่งหน้าบางๆ ประดับตุ้มหูคู่สวยที่หูทั้งสองข้าง ใบหน้าและดวงตาที่ประดับรอยยิ้ม และเบือนออกมาด้านนอกหน้าต่าง..บ่อยกว่าที่เคย ข้อความที่ผมส่งให้เธอ ส่วนใหญ่จะได้รับคำตอบตอบกลับมา เว้นเสียแต่ว่าเธอวุ่นวายจริงๆเท่านั้น ในคืนหนึ่งคืนที่สายลมหนาวพัดแผ่วพอให้รู้สึก ฟ้ากระจ่างดังตั้งใจจะอวดดาว ขณะที่ผมยืนอยู่นอกหน้าต่างเช่นทุกวัน ผมได้รับข้อความจากเธอ.. “ถ้าไม่รบกวนเกินไป กรุณาช่วยเด็ดดอกไม้สีขาวจากต้นตรงริมรั้วให้หน่อยได้ไหมคะ มันอยู่สูง ฉันเอื้อมไม่ถึง” ผมแหงนขึ้นมอง มันอยู่สูงก็จริง แต่ไม่เกินเอื้อมของผม.. อันที่จริงแล้ว มันไม่น่าเกินเอื้อมของเธอด้วยซ้ำ ผมเขย่งขึ้นเด็ด หากแต่ไม่ถึง แต่เพียงกระโดดนิดหน่อย ผมก็เด็ดดอกไม้สีขาวช่อสวยนั้นลงมาได้สำเร็จ ผมลังเลอยู่นิดหนึ่ง ก่อนที่จะเอื้อมมือข้ามรั้วไปวางช่อดอกไม้นั้นไว้ที่ตรงขอบหน้าต่าง เธอส่งยิ้ม ปากเธอขมุบขมิบ เป็นคำ “ขอบคุณค่ะ” ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ตรงกึ่งกลางระหว่างสายลมเงียบๆที่พัดผ่านหัวไหล่ทั้งสองข้าง ผมเพิ่งรู้ตัว.. ว่าวันนี้ผมได้ให้ดอกไม้กับเธอ.. 3. ความปวดร้าว แล้วกาลเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ ลมหนาวค่อยอุ่นเป็นลมร้อนอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก การเปลี่ยนแปลงแต่เพียงน้อยในแต่ละอย่างนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการไม่เปลี่ยนแปลง หากเราไม่อาจรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงที่น้อยนั้น นั่นมิใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นน้อยเกิน แต่เป็นเพียงเพราะเราต่างหาก ที่ไม่ละเอียดมากพอที่จะจับมัน.. เมื่อฤดูร้อนเพิ่มขึ้น ผมมีบางอย่างที่ต้องวุ่นวาย ผมไม่ได้อยู่ตรงริมรั้วนั้นทุกคืนเหมือนเก่า บางครั้งบางคืน ที่เลิกงานดึก ผมเดินร่วมทางกับน้องผู้หญิงที่ทำงานผ่านหน้าบ้านเธอ เธอมองออกมา ผมมองเข้าไป.. คืนนั้นผมส่งคำราตรีสวัสดิ์ไปให้เธอ แต่จวบรุ่งเช้าอีกวัน ก็ไม่มีข้อความใดๆตอบกลับมา และเมื่อความวุ่นวายเรื่องการงานผ่านพ้นไป ผมไปยืนอยู่ตรงข้างรั้วริมหน้าต่างเหมือนเก่า หากแต่อะไรๆก็ดูไม่เหมือนเดิม เธอมองออกมาน้อยลง ส่งยิ้มให้ผมน้อยลง ผมส่งข้อความให้เธอถี่ขึ้น แต่เธอแทบจะไม่ตอบกลับมา ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับผม เธอคือสิ่งที่อยู่ไกลที่ไม่มีวันจะเอื้อมถึง เหมือนดวงดวงในผืนน้ำที่บางครั้งผมก็แทบไม่แน่ใจในการมีอยู่จริงของเธอ สิ่งที่ผมต้องการ จากการเฝ้าดูเธออยู่ทุกวันนั้นเป็นเพียงแค่รอยยิ้ม แค่ได้รู้ว่าเธอสบายดี แค่เพียงได้เห็นว่าเธอมีความสุข เพียงเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพียงความฝัน ที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคาดหวังที่ให้เปลี่ยนเป็นความจริง ดังนั้น ผมจึงไม่รู้ว่าเธอโกรธผมเรื่องอะไร หรือว่าเธอเบื่อกับการที่มีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ที่ริมรั้วทุกคืน.. หรือ... หรือ... .. .. เหมือนเหตุผลที่ผมคิดขึ้นมีมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วผมไม่รู้อะไรเลย สุดท้าย ผมจึงส่งข้อความถามเธอในวันหนึ่ง “ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมคุณจึงทำเหมือนไม่อยากติดต่อกับผม ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ?” “คุณเลิกมายืนตรงนอกหน้าต่างนี่เสียเถอะนะ ฉันไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว” นั่นคือคำตอบ ที่ทำให้ผมอึ้งในความรู้สึก “ทำไม? การที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมแค่อยากดูแลคุณ อยากเห็นคุณยิ้ม คุณมีความสุข เท่านั้นผมก็พอใจ ผมไม่เคยหวังอะไรไปมากกว่านี้ ทำไมคุณถึงต้องเจ็บปวด?” เธอไม่ตอบข้อความนั้นของผม... จนกระทั่งอีกคืนถัดมา “ฉันเพิ่งรู้ ว่าที่ผ่านมา ..คุณไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของฉันเลย” ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่ผ่านๆมา ในทุกค่ำคืนเธอมองเห็นผมมาโดยตลอด ผมต่างหากที่ไม่เคยมองเห็นเธอแม้สักคืน บางทีผมอาจเห็น แต่ใจต่างหากที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น และถึงแม้ว่าผมจะเข้าใจ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อระหว่างเรานั้น มีกระจกหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง ซึ่งแม้จะใส หากแต่หนา ถ้าเธอไม่ก้าวออกมา ผมก็ไม่มีทางที่จะผ่านเข้าไป แปลก ที่คนรักกันมักจะทำร้ายกันและกันเสมอๆ นับแต่วันนั้น ข้อความที่เธอส่งมา ข้อความที่ผมส่งกลับไป ล้วนต่างเป็นข้อความที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บช้ำ แต่เมื่อมาหวนนึก ผมกลับพบว่า บางที..นั่นอาจเป็นเพราะว่าเรารักกันต่างหาก เพราะลึกๆแล้ว ผมว่าเราต่างรู้ ว่าข้อความเหล่านั้น ไม่อาจทำร้ายใครได้ นอกเสียจากคนที่มีหัวใจให้กัน.. เราส่งข้อความ เพื่อให้เห็นความเจ็บปวดของอีกฝ่าย และเจ็บปวด..กับข้อความที่อีกฝ่ายตอบโต้กลับมา ..ทั้งหมดทั้งสิ้น อาจเป็นแค่เพียงแรงขับอันโหยหา เพื่อที่จะยืนยัน ว่าความรักระหว่างเรา..มีอยู่จริง 4. หน้าต่างที่เปื้อนฝุ่น สัปดาห์สุดท้าย ก่อนที่เธอจะย้ายออกจากบ้านหลังเก่า บางที การลาจาก มันได้ทำให้เราได้รู้ว่า เรามีเวลาเหลือน้อย เกินกว่าที่จะมาทำร้ายกันและกนด้วยถ้อยคำ เราส่งข้อความหากันทุกว้น ข้อความที่ไม่มีสาระอะไร ตอนเช้าเธอจะส่งคำว่า"อรุณสวัสดิ์"มา และผมก็จะตอบกลับไป กลางดึก ก่อนนอนผมจะเป็นคนกล่าว"ราตรีสวัสดิ์" กับเธอผ่านทางข้อความ และเธอก็จะตอบมันกลับมา ไม่มีข้อตกลง ไม่มีการนัดหมายใดๆ จู่ๆมันก็เริ่มต้นขึ้น และดำเนินไปอย่างนั้น.. นอกเหนือจากคำว่า อรุณสวัสดิ์ และ ราตรีสวัสดิ์ แล้ว สิ่งเล็กๆน้อยที่เราส่งหากันเพื่อไม่ให้ข้อความมันห้วนเกินไปนั้น ล้วนไม่มีสาระอันใด แต่บางครั้ง ผมก็คิดว่า เพราะการที่มันไม่มีสาระนั่นแหละ มันจึงงดงาม.. ถึงวันนี้ เธอย้ายออกไปจากบ้านหลังนั้นได้หลายเดือนแล้ว ผมมองไปที่กระจกหน้าต่างที่เปื้อนฝุ่นบานนั้น ผมรู้ว่าข้างในมันยังคงว่างเปล่า แม้ฝุ่นนั้นจะจับหนาเสียจนไม่อาจมองทะลุเข้าไป ในกระจกนั้น ผมเห็นดวงตาคู่หนึ่งสะท้อนออกมา ดวงตาเศร้าคู่คุ้นเคย.. มีเรื่องราวอยู่มากมายในความว่างเปล่า บางครั้ง อาจเป็นเพราะว่ามันว่างเปล่า มันจึงมีพื้นที่ให้เก็บเรื่องเก่าๆเอาไว้ได้มากมาย ผมไม่รู้ ว่าบ้านใหม่ของเธอ มีกระจกหน้าต่างไหม และถ้ามีมันจะอยู่ติดรั้ว ชิดริมถนนอย่างหลังนี้ไหม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อว่าผมรู้ก็คือ ทุกครั้งที่เธอมองผ่านกระจกหน้าต่าง ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ไม่ว่ามันจะติดริมถนนหรือไม่ เธอก็จะเห็นแววตาคู่หนึ่งมองตอบกลับมาเสมอ และหลังแววตาคู่นั้นก็จะมีเรื่องราวมากมายอยู่ภายใต้กรอบกระจกหน้าต่าง เรื่องราวที่อาจจะไม่เหมือนเรื่องของผมเสียทีเดียว แต่ทั้งสองเรื่องก็ล้วนเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน.. .......................................................................
4 มกราคม 2550 08:15 น. - comment id 94554
ความเหงา ครอบคลุมไปทั้งคนที่อยู่ด้านในและด้านนอกหน้าต่าง
4 มกราคม 2550 08:59 น. - comment id 94555
.. ห้วงแห่งความปวดร้าวนั่น.. ช่างงดงามในความรู้สึก บางที.. หากได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้.. ความงดงามเหล่านั้น.. อาจจางหายไป.. ไม่รู้สินะ...
4 มกราคม 2550 12:16 น. - comment id 94559
"แปลก ที่คนรักกันมักจะทำร้ายกันและกันเสมอๆ" ทุกความปวดร้าว ซุกซ่อนความรักล้นในหัวใจ... งดงาม...สวยงามในความรู้สึก และน่าจะเป็นความทรงจำที่งดงามในใจของคนทั้งคู่ สวัสดีปีใหม่นะคะ
4 มกราคม 2550 15:06 น. - comment id 94562
เรื่องจริง ยากบรรยายให้ใครรับรู้ความรู้สึกนั้นๆเพราะบางทีสิ่งนั้นควรเก็บไว้ในใจเราคนเดียวจะดีกว่าให้ใครรับรู้? อยู่ที่ไหนก็เหงาได้ คงเป็นอย่างนี้เอง
4 มกราคม 2550 16:54 น. - comment id 94563
เรื่องที่แต่งขึ้นด้วยความสมเหตุสมผลต่างๆนานา แต่ก็ช่ายว่ามันจะสมเหตุสมผลในความรู้สึกของแต่ละคน อะไรหล่ะที่เราเรียกว่าเหงา อะไรหล่ะที่เราเรียกว่าเศร้า อะไรหล่ะที่เรียกว่าถูกต้อง อะไรหล่ะคือสิ่งที่ผิด เรื่องจริงแม้อาจไม่สมบูรณ์ อาจมีบางส่วนขาดหายหรือไม่สละสลวย แต่มันก็มีชีวิต ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องการสิ่งเติมเต็ม ด้วยวิธีการที่เหมาะสม
5 มกราคม 2550 11:09 น. - comment id 94572
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2380.html เติมใจให้กัน มัม ลาโคนิค ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำ เก็บไว้ ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำ เก็บไว้ ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม... พี่พุดนะคะ รักงานหมอกจางเหลือเกินค่ะ สวัสดีปีใหม่ค่ะน้องชายที่รัก พี่พุดไพร
5 มกราคม 2550 16:34 น. - comment id 94576
งานคุณสวยจัง สวัสดีปีใหม่
5 มกราคม 2550 21:00 น. - comment id 94580
แม้จะเจ็บปวด .. หากแต่สวยสดเสมอ .. ในจินตนาการ .. และความห่างไกล ..
6 มกราคม 2550 00:20 น. - comment id 94583
คุณอิมฯ นั่นสิ เหงาเนาะ ................................... ผู้หญิงช่างฝัน อาจจะใช่ อาจจะไม่ใช่ ไม่มีใครรู้หรอก ว่าไหม? .................................. คุณสาวภูไท บางความทรงจำที่งดงาม มันก็มีความปวดแปลบอยู่ข้างในนะครับ.. ................................. คุณเฌอมาลย์ ................................... คุณเจน ..................................... พี่พุด สวัสดีปีใหม่ครับ ดีใจที่พี่พุดแวะมาเยี่ยมเยือนกัน ...................................... ก้าว..ที่กล้า ขอบคุณครับ ..................................... กีกี้ อืมม ที่สวยก็สวย ที่เจ็บก็เจ็บ ...................................... สวัสดีปีใหม่ทุกๆคนครับ..
6 มกราคม 2550 15:26 น. - comment id 94592
กระทบความรู้สึกผม... ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบ แหละหลายอย่างก็วนเวียน รอคอยคำตอบที่ผมมิอาจให้ได้มาหลายราตรีกาลแล้ว... บางทีนะครับ แค่บางที่ งานคุณอาจเป็นบางคำตอบที่ผมรอคอยก็เป็นได้... ขอให้มีแต่ความสุขนะครับ ผลงานงดงามมากครับ จากใจผม/แทนคุณแทนไท