ฉันเดินหลบความวุ่นวายเข้าไปตามทางที่มีป้ายเขียนว่า .. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช เราสองคนเดินชมดอกไม้และพระพุทธรูปในบริเวณพิพิธภัณฑ์อย่างสบาย เพราะไม่มีใครอื่นอีก .. ในที่สุด .. ความสวยงามแห่งพระพุทธศาสนามีมุมแห่งความสงบ .. ถ้าเรารู้จักวิธีที่จะค้นหามัน .. เราคงได้พบ ..
อันที่จริงถ้าใจเราสงบและมีสมาธิเพียงสิ่งที่เราสนใจ .. ความวุ่นวายใดๆ คงมิอาจรบกวนจิตใจเราได้ .. แต่หากใจเราไม่สงบ .. แม้เงียบต่อเงียบ .. จิตใจเราคงมีสิ่งรบกวนอยู่ตลอดเวลานั่นแหละนะ .. เราอยู่จนร้านค้าเก็บร้านจึงขับรถออกจากวัดใหญ่ ผ่านวัดนางพญา แต่เพราะเสียงท้องร้อง จึงทำให้เราคิดว่าการขับรถเลยไปหาอะไรใส่ท้องน่าจะดีกว่า .. ลืมเสียเถอะ .. วัดนางพญา .. และค่ำวันนั้นเราก็ฝากท้องที่มีคุณสมบัติคล้ายกระเป๋าของโดเรมอนคือ .. ใส่เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็มซะที .. เอาน่า ยังดีกว่าจะต้องตะลอนออกมาหาบะหมี่ร้อนๆ กินอีกตอนดึก .. มัวแต่โม้ซะเพลินตะกี้จะเล่าอะไรน้า ..? อ้อ .. เราฝากท้องไว้กับร้านข้าวต้มที่มีผัดผักบุ้งลอยฟ้าในตัวเมืองแถวๆ บ้านคลอง เราสั่งผักบุ้งไฟแดงเพราะอยากรู้ว่าเวลามันลอยฟ้าแล้วจะอร่อยกว่าเดิมไหม ก็คงอร่อยมั้ง .. เพราะซัดกันซะเกลี้ยง .. เมื่อหนังท้องตึงมันก็ดึงหนังตา .. ..... ... .. . หลังจากส่งเจ้าบ้านที่มหาวิทยาลัยนเรศวรตอนหกโมงเช้าแล้ว ฉันมีเวลาหกชั่วโมงในการไปแอ่วน้ำตกอันมีชื่อแห่งเมืองสองแคว (แล้วน้ำตกไหนไม่มีชื่อมั่งเนี้ย? ..) อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็น .. และด้วยว่าลืมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ไว้ที่พัก .. ทำให้ฉันจำต้องแวะซื้อกาแฟร้อนซักแก้วเพื่อเพิ่มไออุ่นให้ร่างกาย .. ถนนสายวังทองมุ่งหน้าหล่มสักยามเช้าดูสงบนัก ..
ฉันขับรถไป จิบกาแฟไป .. ฟังเพลงไป .. (แหม ดูท่าจะมีความสุขไปมั๊ยนะ) มองท้องทุ่งตลอดสองข้างทาง .. บ้างเขียวชอุ่ม บ้างเพิ่งไถพรวน .. ต้นตาลสูงที่หันหลังให้ดวงตะวัน .. มันเกาะดินคันนากว้างเพียงคืบไว้แน่น .. คงกลัวร่วงหล่น .. หากไร้ดินมันจะอยู่ได้ฤา .. ฉันนึกถึงประโยคที่เคยอ่านพบจากหนังสือ .. จงเป็นไม้แก่น อย่าเป็นไม้เลื้อย ฉันนึกขำ .. แม้จะเป็นไม้แก่นหากแต่ก็ยังต้องพึ่งพาดินอยู่ดี .. จะเกิดเป็นอะไรดีหนอจึงจะอยู่ด้วยตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด? .. จะคิดไปทำไมให้ปวดหัวว้า .. เส้นทางเริ่มลาดชันเลาะไหล่เขา .. ถนนบางส่วนกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง .. ห่างจากตัวเมืองมาทางเส้นหล่มสักราว 45 กิโลเมตรก็ถึงน้ำตกแห่งแรก
เลี้ยวรถผ่านป้อมหน้าน้ำตกเข้าไปจอดในที่จอดรถ ฉันคงเป็นนักท่องเที่ยวคนแรกในวันนี้ .. ลงจากรถ เดินตามทางลงน้ำตก .. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ในชุดกางเกงกีฬาขาสั้นท้าลมหนาวเพิ่งออกจ๊อกกิ้งยามเช้า .. ไอหมอกบางโรยตัวเหนือยอดไม้ ..
ฉันกอดไหล่ตัวเอง .. ชักหนาวแฮะ ..
เดินไปจนถึงน้ำตกที่ไม่ค่อยมีน้ำซักเท่าไหร่ ..
แต่รู้สึกสดชื่นยามได้มองเห็นผืนน้ำนิ่ง ..
มีพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ .. ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาที่นี่เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2501
ศาลาริมน้ำฝั่งตะวันออกใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำวังทอง อากาศหนาวเย็นจริงๆ นะ .. ฉันตัดสินใจกลับขึ้นรถเพราะทนหนาวไม่ไหว ..
เดินผ่านคอกปุ๋ยหมัก .. ด้วยเป็นคนกรุงที่ไม่เคยเห็น เลยถือโอกาสเดินเข้าไปสูดกลิ่นความหอมของปุ๋ยหมักเสียหน่อย
..T o b e c o n t i n u e ..
24 ธันวาคม 2549 20:02 น. - comment id 94434
มะชวนมั่งอ่ะค้าบ
24 ธันวาคม 2549 20:27 น. - comment id 94435
คุณ nig... ชวนแล้วไปได้ช่ายม้าย .. จะได้ชนเอสเปรสโซ่ด้วยซะเลย .. ถ้าชวนแล้วมาไม่ได้ .. มีงอนนะบอกก่อน .. ปล. merry X'mas คนทางโน้นด้วยนะ ..
25 ธันวาคม 2549 09:06 น. - comment id 94438
อิจฉา เนอะ
25 ธันวาคม 2549 10:48 น. - comment id 94441
เอาละ ค่อยเจอกัน ปีใหม่ลงไปเที่ยวกรุงเทพซะดีไหม สวนกระแสอากาศหนาว
26 ธันวาคม 2549 13:15 น. - comment id 94477
คุณแทนคุณแทนไท .. น่าอิจฉาปลาวาฬสีชมพูมากกว่า .. มีคนกลับไปดูมันตอนปีใหม่ด้วย .. อิอิ คุณร้อยฝัน .. ที่กรุงเทพฯ มีก๋วยเตี๋ยวห้อยหัวนะร้อยฝัน .. แบบว่ากินแล้วไม่จ่าย .. เจ้าของร้านจับเรามัดห้อยหัวไว้อ่ะ .. สนป่ะ ..