ชิน

กวีปกรณ์

โทรทัศน์บอกเล่าข่าวสารวันใหม่ในยามเช้า สลับกันกับโฆษณาสินค้า และประชาสัมพันธ์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใคร ๆ คงคิดอย่างนั้น "ชิน" กลับบอกผมอีกอย่างหนึ่ง บอกให้ผมลองหยุดหายใจเพื่อเงียบไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออกมารบกวนการทำงานของระบบโสตประสาท "เฮ้อ...!!" เสียงนี้เล็ดลอดเข้ามาอย่างแผ่วเบา คล้าย ๆ กับจะสิ้นเรี่ยวแรงระหว่างกำลังเดินทางมายังหูของผม ใช่ครับ เสียงนี้คือเสียงถอดถอนใจด้วยความเหนื่อยล้า แต่จะมาจากที่ใดหล่ะ เมื่อผมกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับการจดจ้องหน้าจอโทรทัศน์เพื่อรับข่าวสารที่กาคาบข่าวอย่างโทรทัศน์จะบอกเล่าได้ ใช่...ผมอยู่คนเดียว...ภายในห้องพักที่กำลังปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นตามการแรเงาของแสงที่กำลังขับไล่ความมืดให้หนีไปอีกซีกหนึ่งของโลก มีบางความมืดที่หนีความร้อนของแสงไม่ทัน ก็จะพยายามหลบซ่่อนอยู่ตามมุมมืด ไม่ว่า จะซอกตึก หลังม่าน ในกล่อง ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ ฯลฯ เท่าที่ตัวเองจะคิดได้ว่าจะหลบหนีแสงที่ส่องสว่างนั้นได้ และกลับมายึดพื้นที่บนโลกใบนี้เพื่อสร้างความพรั่นพรึงในยามดึกของโลกอีกครา
ผมยังคงเงียบและพยายามฟังเสียงนั้นอีกครั้งหนึ่ง ตามคำบอกเล่าของโทรทัศน์ที่พยายามแปลงเสียงตัวเองให้เหมาะสมเพื่อให้ตรงกับเพศของผู้ประกาศ นักพากย์ นักแสดง ตัวการ์ตูน ตัวตลก อีกมากมายล้านแปด ...หรือแม้แต่ตัวประหลาดที่มันจะจินตนาการหรือลอกเลียนได้ 
"...เฮ้อ...!!" ผมได้ยินอีกครั้งหนึ่ง ผมยืนยันกับตัวเองในใจ
ผมพยายามหาที่มาของเสียงโดยพยายามจับที่มาของเสียงนั่น แต่ก่อนที่ผมจะตามเสียงนั้นออกไป ผมขอรับประทานอาหารมื้อแรกแห่งวันหยุดนี้ก่อน
บางทีผมก็อดชื่นชมผู้สรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์อย่างโทรทัศน์นี้ไม่ได้ ก็แม้จะเป็นเครื่องมืออิเล็คทรอนิคที่รับประทานไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นแรงให้การฟื้นฝอยเรื่องราวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศบนโลกมาบอกเล่าก้าวสิบให้ฟังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เอ...ผมชักไม่แน่ใจแล้วหละสิครับ ว่าจะใช้คำว่ารู้จักเหน็ดเหนื่อยดีหรือไม่ เอาเป็นว่า ผมขอเปลี่ยนเป็น... แม้จะเป็นเครื่องมืออิเล็คทรอนิคที่รับประทานไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นแรงให้การฟื้นฝอยเรื่องราวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศบนโลกมาบอกเล่าก้าวสิบให้พวกเราได้ฟังเท่าที่มันจะค้นหาได้ เก่งไหมหละครับ สำหรับผมขอยกนิ้วให้ว่าเก่ง
หลังจากมื้อเช้าหมดไป ผมยังคงทิ้งทุก ๆ อย่างไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ที่เหมือนเดิมที่สุด เพราะผมคิดว่า เสียงถอนหายใจคงไม่ได้มาจากอาหารเช้าที่เพิ่งหมดไปแน่ ๆ หากเป็นเช่นนั้นแล้วผมคงได้ยินเสียงแห่งความเจ็บปวดและก่นด่าระหว่างปรุงอาหาร หรือถ้าหากผมหรือใครบางคนปรุงไม่สุกคงจะได้ยินเสียงเหล่านั้นระหว่างบดเคี้ยวก่อนจะกลืนลงคอก็เป็นได้
ผมเงียบแทบจะหยุดหายใจไปนานพอสมควรกว่าจะได้ยินเสียงเดิมอีกครั้ง ผมทราบแล้วหละว่ามันมาจากไหน "ชิน" เพื่อนสนิทของผม ใคร ๆ มักจะคิดว่าเขาเป็นคนขวางโลกแต่ผมว่าไม่นะ เขาแค่ชอบนำเสนอความคิดแปลก ๆ ให้ผมเพื่อไม่ให้ชินว่าความคิดของตัวเองถูกต้อง (รวมไปถึงความคิดของคนอื่น ๆ ด้วย) ผมกำลังเดินไปตามทางที่เสียงนั้นเดินทางมา 
บนเส้นทางเดียวกันกับที่เสียงเดินทางมายังหูของผม (คงไม่มีใครแย้งผมหรอกนะครับว่า เดินทางมายังปาก ตา จมูก ลิ้น คิ้ว ผิวหนัง หรือแม้กระทั่งสิว ยิ่งโดยเฉพาะสิว เพราะอาจจะเกิดเป็นปัญหาในการฟังของคนหน้าใส ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิว จนทำให้ต้องเลิกใช้ และส่งผลไปยังผู้ผลิตสินค้าให้ต้องออกมาโวยเพราะขาดทุน ที่แย่กว่านั้นเศรษฐกิจอาจซบเซา เพราะเกิดการประท้วงชุมนุมให้แก้ไขหรือยุติการให้ข้อเท็จจริิงที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ได้ คุณ ๆ ก็รู้การประท้วงส่งผลมากมายขนาดใน) 
ผมคิดถึงชิน ชินมักจะสอนให้ผมคิดแตกต่าง ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาคงไม่ได้ต้องการให้ผมกลายเป็นนักอัจฉริยะ ผู้ประดิษฐ์ จนใคร ๆ ยกย่องหรอก 
ชิน เป็นชายทีชอบคิดและทำให้สิ่งที่ใคร ๆ ไม่คิดว่าจะทำ เพราะคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิด เช่น เขามักจะใช้มือซ้ายจับซ้อม เพื่อฝึกให้มือทั้งสองข้างได้ทำหน้าที่เท่า ๆ กันไม่น้อยหน้ากัน จนกลายเป็นทักษะ หรือการพยายามเชื่อว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่มีในโลก เช่น กา คือ นกพิราบสึดำ ซึ่งผมก็เคยคิดอย่างนั้น 
ชิน เป็นคนสนุกชอบเล่าและสอนสิ่งต่าง ๆ ที่รู้มาให้เพื่อน ๆ ได้เฮฮาอยู่เสมอ เพราะบางครั้งคำพูดของเขามันยากที่จะเชื่อได้ว่ามีจริงหรือไม่ หรือเป็นไปได้จริงหรือไม่ เอาเป็นว่าสมองพวกผมทำงานหนักยิ่งกว่าการชมภาพยนตร์สยองขวัญเพื่อความบันเทิง โดยต้องคิดตามไปตลอดว่า ใครคือฆาตกร หรือผีจะออกมาตอนไหน หรือผีมีจริงไหม อะไรทำนองนี้
ผมหยุดระหว่างทางเพราะเริ่มไม่มั่นใจว่า สิ่งที่ส่งเสียงร้องนั้นจะขยับเคลื่อนตัวได้หรือไม่ แล้วมันจะมีสัมผัสที่ไวหรือเปล่าว่าผมกำลังตามต้นเสียงนั้นอยู่ ผมจึงค่อย ๆ เงียบเสียงจนหน้าแทบแดงเพราะกลั้นหายใจอีกครั้ง "...เฮ้อ...!!" ที่มาของเสียงมาจากห้องน้ำซึ่งตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ห่างเลย อีกแค่เพียงสองก้าวก็จะถึงประตูห้องน้ำแล้ว ผมค่อย ๆ ย่องทีละครึ่งก้าวเพราะกลัวว่าตัวเองจะตื่นเต้นที่ได้เจอต้นกำเนิดเสียงนั้น (กลัวครับ...ผมกลัว ขอสารภาพ)
คำสอนของชิน มักจะทำให้เพื่อนขำ ๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันยากที่จะเชื่อ หรือเชื่อได้ยาก แต่คำพูดนึงที่ชินมักจะบอกผมก็คือ "เรื่องที่เขาเล่าจะไม่สนุกเลย ถ้าเอ็งคิดว่าเอ็งไม่ชินกับมัน" ผมงงครับ จริง ๆ ผมงง ก็เรื่องที่เขาเล่านั้นมักจะเกี่ยวกับเรื่องหมูหัวเราะได้ (อันนี้ไม่รู้เขาเอามาจากไหน) หรือเรื่องเจ้าดิ๊กกี้ หมาของชินที่เพิ่งขโมยกระดูกบนโต๊ะอาหารที่พยายามสั่นหัวเพื่อโกหกว่าตนเองไม่ได้เอาไปทั้ง ๆ ที่ปากยังเลอะน้ำซุปอยู่ 
	
อย่าเพิ่งงงครับ ตอนแรกผมก็เป็นอย่างคุณ ๆ นี่แหละ แต่ทว่าลองคิดดูให้ดีสิครับ เรื่องที่เราชิน คือเรื่องอะไร ตอกแรกผมก็คิดอยู่นาน จนเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองครับว่า เรื่อง หมา หมู หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เรารู้ เรามักชินกับมัน และเชื่อว่าสิ่งแปลก ๆ ไม่มีในโลก และไม่มีทางเกิดได้ สิ่งนี้แหละที่ทำให้เรื่องของชินสนุก เพราะเขามักเล่าเรื่องที่เราชินและเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (ตอนแรกผมถ้ามันพิสูจน์ทุกที แต่ก็ไม่เห็นจะมีสักครั้งที่เป็นไปได้ทั้งหมูหัวเราะ หรือหมาโกหก)  แต่ผมก็ชอบนะคำพูดหรือเรื่องที่เขาเล่ามักทำให้ผมหัวเราะขึ้นมาเมื่อคิดถึงเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ตายละซี... ผมยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำและกำลังเลื่อนม่านเพื่อดูว่ามีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่ระหว่างรอยพับของม่านใสหรือเปล่า แต่ผมหลุดหัวเราะไปเมื่อสักครู่นี้ ทำอย่างไรดีหละ... ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่กำลังตามหาอยู่นั้นคงไม่ได้ยินเสียงผม หรือเป็นสิ่งที่ขึ้ตกใจหรอก ผมจึงตัดสินใจกลั้นหายใจอีกครั้ง... "...เฮ้อ...!!" ผมได้ยินมันยังอยู่และตอนนี้จับทิศทางไม่อยู่เสียแล้ว ไม่เป็นไรเอาไงเอากัน ผมก้าวขาอีกข้างออกไปนอกอ่างอาบน้ำและเอื้อมมือเพื่อปิดประตูพร้อมล๊อคอย่างเบามือที่สุด 
อากาศในห้องน้ำเรื่องอบ คงเพราะผมอยู่ในนี้นานเกินไป ผมดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง เข็มสั้นและเข็มยามหยุดอยู่กับที่เพื่อบอกเวลาผม นี่ผ่านไปเกือบ 20 นาทีแล้วหรือเนี่ย ทำไมยังหาไม่เจอ ผมคิดว่ามันต้องตัวเล็กและใสจึงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาแต่นี่ก็นานเกินไปแล้ว ผมเริ่มเหนื่อยและบอกตัวเองว่า พอเสียที ซึ่งผมเองมักจะชินกับการค้นหาของไม่เจอ แต่พอผมนึกคำของ "ชิน" ขึ้นมาก็ทำให้ผมคิดว่าครั้งนี้แหละผมต้องหามันให้เจอ อย่ายอมแพ้ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้ผมต้องการล้างหน้าล้างตาและคลายร้อน ผมจึงเปิดฝาและจุุ่มมือที่เปียกลงในถังน้ำสำรองอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วลูบตามใบหน้าและลำคอ มันทำให้ผมสดชื่นขึ้นได้พอสมควร ผมยืนมองตัวเองหน้ากระจกและคิด
...แล้วต้นเสียงนั้นจะอยู่ตรงไหน... ไม่เป็นไรลองกลั้นหายใจอีกครั้ง ที่ผ่านมาผมกลั้นหายใจไม่นาน และแต่ละครั้งผมก็ได้ยินเสียงนั้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากครั้งนี้ทำให้นานหน่อยคงทำให้ผมได้ยินเสียงนั่นเพิ่มจำนวนครั้งขึ้น
ความเงียบเข้าครอบคลุมในห้องน้ำนี้อีกครั้ง... ....................................................................................................... ผมมองหน้าตัวเองในกระจกเริ่มแดงขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมกลั้นอีกต่อไป ตาก็เหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือที่กุมหน้าอกไว้ นี่จะผ่านไปสองนาทีแล้ว จนร่างกายบอกตัวเองว่าไม่ไหว ครั้งนี้ผมพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่หาไม่เจอคงไม่เป็นไร และการตามหาครั้งนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะเจอไหมด้วยซ้ำ เพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยพบและเห็นมันเลย เอาเป็นว่าผมให้อภัยตัวเอง หากมีครั้งหน้าเราค่อยเริ่มใหม่ก็ได้ 
เวลาผ่านไปเกือบสามนาที ผมเงยหน้าและมองตัวเองในกระจก 
"...เฮ้อ...ออ เฮ้อ!!! เฮือก เฮ้อ..."  
...........!!!!!!!!!!!!....................
เสียงนั้น... ผมได้ยิน... ผมมั่นใจ..
แต่ผมก็เลิกที่จะค้นหาแล้ว ผมจำได้ว่าผมได้บอกไปแล้วว่ายอมแพ้ ไม่ใช่ว่าผมไม่เจอนะว่าสิ่งนั้นคืออะไรกัน ผมไม่ได้ตะลึงงันจนบอกไม่ถูกด้วย ที่สำคัญผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งไว้เป็นปริศนาให้คุณคิดต่อเลย สาบานเถอะให้ตายเลยเอ้า ในเวลานี้ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่าที่ผมไม่บอกผมไปเพราะ..."ผมอายคุณ"				
comments powered by Disqus
  • ตะวันจะลับขอบฟ้า

    20 ธันวาคม 2549 17:46 น. - comment id 94380

    พี่กรเป็นอะไรมากป่ะค่ะ
    
    ไปโรงพยาบาลสิ เผื่ออาการจะดีขึ้น 11.gif
  • โคลอน

    21 ธันวาคม 2549 17:45 น. - comment id 94398

    เฮ้อ...ชิน....หนอ.....ชิน( ณ วัด 65.gif)
    
    ปล.ความรู้สึกที่ ชิน กับอะไรนี่ ไม่รู้ดีหรือไม่ดีนะแต่ส่วนใหญ่ความเคยชินมันทำให้เรามองข้ามส่วนสำคัญที่สุดไปอ่ะ4.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน