ปัง สิ้นเสียงปืนผมวิ่งหนีไปตามเชิงเขาที่มีแต่โขดหินน้อยใหญ่ประปรายกับพุ่มไม้เล็กๆ เป็นหย่อมๆ ผมพยายามวิ่ง วิ่ง และวิ่ง เพื่อจะไปให้ไกล-ไกลจนเอาตัวรอดจากเป้ากระสุน ผมเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว อาจเป็นเพราะสภาพพื้นที่ที่วิ่งหนีขรุขระบวกกับความหิวที่ก่อตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ แต่จะยังไงผมต้องไปให้ถึงจุดหมาย ไปโดยที่ไม่ถูกพวกเขาตามมาทันหรือไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง ผมหันกลับไปมองจึงรู้ว่ามาไกลมากแล้ว และพวกเขายังไม่ตามมา มันอาจยังไม่ถึงเวลาหรือคิดว่าผมเป็นลูกไก่ในกำมือก็ได้ ส่วนจะให้พวกเขาปล่อยผมไปเฉยๆ นั้นเป็นไปไม่ได้แน่ เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ต้องตามยิงผมอย่างแน่นอน ผมเชื่อเช่นนั้น ปัง พลิ้ว ยังไม่ทันขาดคำเสียงปืนดังขึ้นพร้อมเสียงลูกปืนกระทบหินใกล้ตัว สัญชาตญาณบอกให้ผมหมอบหลบวิถีก่อนคืบคลานหาที่กำบัง ชั่วอึดใจจึงตัดสินใจออกจากที่กำบังแล้ววิ่งส่ายก่อนที่จะหลบเข้าโขดหินใหญ่ข้างหน้าเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าอีกต่อไป ดวงตะวันตรงหัวแผดแสงร้อนระอุราวจะเผาผลาญสรรพสิ่งบนผืนพิภพให้เป็นจุล ผมกัดฟันพาร่างอันหิวกระหายวิ่งไปอย่างทรหด เป้าหมายอยู่ข้างหน้าแต่ไม่รู้ว่าไกลสักแค่ไหน และผมก็ไม่มีทางเลือกไปกว่านี้ ตั้งแต่เช้ามาผมยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง แต่ช่างเถอะผมยังมีแรงพอที่จะวิ่งหลบหนีต่อไป แม้ว่าท้องจะกิ่วลำคอจะแห้งเป็นผงสักแค่ไหนก็ต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้เสียก่อน ปัง ปัง พลิ้ว เสียงปืนบ่งบอกว่าพวกเขาตามใกล้เข้ามาแล้ว และพวกเขาต้องมองเห็นผม แต่ผมจะไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้พวกเขาเล็งง่ายๆ เมื่อได้จังหวะผมกระโจนออกจากที่กำบังอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้า ปัง เป็นไปตามที่คิดไว้เสียงปืนดังขึ้นเมื่อผมออกจากที่กำบัง ผมจำต้องวิ่งต่อในท่าก้มสลับกับส่ายตัวไปมา เวลาผ่านไปราวชั่วโมง ผมอ่อนล้าคล้ายจะหมดแรงและอยากจะพักหลบแดด แต่...ไม่ได้ จะพักไม่ได้เดี๋ยวพวกเขาตามทันแน่ ความหิวความกระหายโจมตีผมมากขึ้น หิวข้าวพอทนแต่ไอ้กระหายน้ำนี่สิมันช่างทรมานเหลือหลาย ผมรู้จากตำราว่าอดข้าวได้สิบกว่าวันถึงจะตาย แต่อดน้ำได้ไม่เกินสอง-สามวันตายแน่ เพราะร่างกายคนเราขาดน้ำไม่ได้ จะยังไงก็ช่างเถอะอย่าเพิ่งไปคิดเรื่องนั้น คิดเรื่องที่จะไปให้ถึงที่หมายหรือไม่ก็หลบหลีกให้พ้นวิถีกระสุนก่อน กลิ่นเหม็นเน่าลอยมากระทบจมูก ผมไม่สนใจคงมุ่งหน้าวิ่งต่อ และแล้ว...ในเสี้ยววินาทีนั้นผมสะดุดก้อนหินล้มลง ใบหน้าของผมไปคลุกอะไรบางอย่างกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงแค่ปลายจมูก พอลุกขึ้น...โอ! มันเป็นซากศพมนุษย์ที่มีแต่หนอนไต่ยั้วเยี้ยจนผมคลื่นไส้อาเจียน ผมรีบปัดหนอนที่ติดขึ้นมาตามใบหน้าออกไปพร้อมกลั้นลมหายใจก่อนฉุกคิดขึ้นได้ว่ากำลังถูกตามล่า ปัง โอ๊ย ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่ไหล่ซ้าย เมื่อหันไปมองเสื้อของผมฉีกขาด เลือดไหลซึมออกจากแผลที่ถูกกระสุนถากเป็นทางยาว ผมนั่งลงฉีกเอาชายเสื้อขึ้นมาพันแผลไว้ก่อนวิ่งส่ายไปหาที่กำบังข้างหน้า ผมเห็นซากศพอีกแล้ว หลายต่อหลายศพแต่ละศพจะมีหนอนไต่บ้าง แห้งกรอบจนเห็นโครงกระดูกบ้าง ผมรู้ทันทีว่านี่คือเหยื่อของพวกเขา และจุดๆนี้ต้องเป็นจุดที่เหยื่อตกใจเมื่อเห็นศพหรือเป็นจุดที่วิ่งมาหมดแรงก็เป็นได้จึงถูกยิงตายเกลื่อนเช่นนี้ ///////////////////////////////////////// เราได้ข่าวมาว่าเป้าหมายของพวกมันเป็นคนอีสานเสียส่วนมาก จ่าเป็นคนอีสานจ่าจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับคดีนี้ ครับสารวัตร ผมตอบรับอย่างภูมิใจเมื่อผู้บังคับบัญชาเห็นเป็นบุคคลสำคัญ ผมสะพายกระเป๋าเป้เดินแฝงตัวกับฝูงชนที่สถานีรถไฟหัวลำโพงในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ผมยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากก้าวพ้นประตูสถานี น้องๆ มาทำงานแม่นบ่? มาทำกับอ้ายบ่ล่ะ? ชายวัยกลางมองรูปร่างหน้าตาของผมก่อนเดินเข้ามาถาม มีงานเบาะครับ งานอีหยัง? แล้วอยู่ไสครับอ้าย? ผมเร่งถามคืนพร้อมแสดงท่าทางดีใจ งานดีเงินดีอีหลีเด้อ รับรองได้ น้องมาถูกหม่องแล้ว...ปะอ้ายสิพาไป พูดจบเขาดึงแขนผมไปที่รถตู้ ผมก้าวขึ้นไปนั่งในรถตามที่เขาเปิดประตูให้ ราวครึ่งชั่วโมงมีคนเข้ามาสมทบอีกห้า-หกคน ออกรถได้ หมดแล้ว คนที่พามาสั่งคนขับก่อนหันมาทางผมกับเพื่อนๆ ผมแสดงความดีใจกับพวกเฮาทุกๆ คน และกะขอต้อนรับสู่โรงงานใหญ่ ที่มีค่าจ้างสูง รายได้ดี ผมเชื่อแน่ว่าทุกคนต้องพอใจอย่างแน่นอน ชายคนเดิมพูดขณะรถเคลื่อนออกไปและอธิบายค่าจ้างเสียยืดยาว ผมมองข้างทางว่าพวกเขาจะพาไปที่ไหนเพื่อจะได้รายงานความเคลื่อนไหวให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แต่ยังก่อนยังไม่ชัดเจนว่าคนพวกนี้เป็นกลุ่มที่หลอกลวงคนงานไปทำงานแรงงานเถื่อนหรือไม่ ผู้ที่อยู่ในรถต่างพากันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บ้างบอกเพื่อนว่าจะส่งเงินให้ลูกเมียทางบ้าน คราวนี้ล่ะจะได้มีค่าใช้จ่ายซะที ลูกๆ จะได้เลิกอดอยากมีเงินค่าขนมไปโรงเรียน บ้างก็ว่าปีนี้จะไม่กลับไปทำนาแล้วมันแห้งแล้งเสียเหลือเกิน ผมรู้ว่ารถออกจากเขตกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก นานหลายชั่วโมงรถมาจอด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ดูแล้วเป็นท่าเรือ เชิญขึ้นเรือต่อเด้อครับโรงงานของเฮาอยู่ที่เกาะสะดวกสบายทุกอย่าง ชายคนเดิมพูดขึ้นเมื่อเห็นทุกคนแสดงท่าทางสงสัย ทุกคนเก็บสัมภาระก่อนก้าวขึ้นเรืออย่างว่าง่าย ขอให้ทุกคนโชคดีเด้อครับเด้อ เขาพูดนอบน้อมก่อนลงจากเรือไป เรือเคลื่อนออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่กลางทะเลท่ามกลางแสงตะวันที่สายโด่ง ข้าวกล่องกับขวดน้ำดื่มถูกแจกให้ผมกับเพื่อนๆ ตื่นๆ ตื่นได้แล้วโว้ย ผมมารู้สึกตัวเมื่อโดนน้ำราดจนเปียกโชก เห็นเพื่อนๆที่มาด้วยกันนอนรวมกันอยู่กลางโกดังกว้าง ชายฉกรรจ์หลายคนถือปืนลูกซองยาว บ้างก็ถือเอ็มสิบหกยืนคุม พวกผมอยู่ไสครับนี่? แล้วพวกผมมาได้จั่งได๋? ผมตัดสินใจถามออกไป ไม่ต้องรู้หรอกว่าที่นี่คือที่ไหน ส่วนมาที่นี่ได้ไงงั้นรึ ก็พวกเอ็งดื่มน้ำที่ผสมยานอนหลับตอนอยู่บนเรือไง...ไอ้โง่ เขาตอบอย่างเย้ยหยัน ไป๊ ไปทำงานได้แล้ว อีกคนร้องสั่งพลางเตะคนที่นั่งนิ่งเฉย บางคนร้องเอะอะโวยวายจึงถูกกระแทกด้วยด้ามปืนจนเงียบกริบ พวกเราถูกต้อนไปรวมกลุ่มกับคนงานเก่าที่มีอยู่ราวห้าสิบกว่าคน ผมกวาดสายตามองรอบๆ โกดัง คงไม่สามารถติดต่อรายงานผู้บังคับบัญชาได้แน่ ผมเริ่มวิตก กลางคืนพวกเราถูกขังให้นอนห้องละสามคน แต่ละห้องมีกรงเหล็กเป็นประตูปิดกั้นอย่างแน่นหนา ดูแล้วไม่ต่างจากนักโทษในเรือนจำ ผมถูกขังร่วมกับคนงานเก่า เขาเล่าให้ฟังว่าที่นี่คือเกาะร้างกลางทะเล โรงงานแห่งนี้เป็นที่เก็บสินค้าหนีภาษี หลายคนถูกกักขังให้ทำงานมานานหลายปีแล้ว ทุกคนอยู่กินอย่างอดอยากหิวโหยแถมถูกบังคับให้ทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกทุ่มโดยไม่ได้รับค่าแรง ใครเจ็บป่วยทำงานไม่ได้จะถูกปล่อยให้ตายเอง บางครั้งมีผู้หลบหนีแต่ก็ไปไม่รอดถูกพวกเขายิงตาย คนงานที่ตายก็ตายไปส่วนคนงานใหม่จะมีมาเพิ่มเรื่อยๆ คนงานเก่าเล่าให้ฟังต่อว่าทุกวันอาทิตย์เถ้าแก่จะมาเยี่ยม วันนั้นทุกคนจะถูกสั่งเข้าแถวต้อนรับ เถ้าแก่ใจดีมากจะให้ทุกคนจับฉลากหาผู้โชคดีหนึ่งคน ใครได้เป็นผู้โชคดีเถ้าแก่จะพากลับบ้าน ทุกคนจึงมีกำลังใจรอความหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นผู้โชคดีคนนั้น ได้ยินแล้วผมไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาจะยอมปล่อยให้คนที่โชคดีที่ว่าได้กลับบ้าน เพราะฟังดูแล้วมันง่ายเกินไปต้องมีอะไรสักอย่าง หลายอาทิตย์ผ่านไปผมพยายามหาช่องทางหลบหนี โดยชักชวนคนงานหลายคนเป็นแนวร่วม ในที่สุด...วันอาทิตย์ตามที่วางแผนไว้ก็มาถึง จากการขีดเส้นบันทึกไว้มันเป็นวันอาทิตย์ที่ห้าที่ผมมาอยู่ที่นี่ พวกเราวางแผนไว้ว่าจะร่วมมือกันแย่งปืนจากผู้ที่ยืนคุมหลังจากมีการจับฉลากหาผู้โชคดีเสร็จสิ้น แต่แล้ว...ก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเมื่อผมจับฉลากได้รางวัลนั้น ผมถูกพาขึ้นรถจนมาถึงเชิงเขาลูกหนึ่ง เมื่อถูกสั่งให้ลงจากรถผมชำเลืองดูเถ้าแก่กับสมุนทั้งสองอย่างไม่ไว้วางใจ เพราะที่เอวของพวกเขามีปืนพกเหน็บอยู่ แล้วสิให้ผมกลับบ้านจั่งได๋ครับ? ผมถามอย่างหวั่นๆ ฮ่าๆ ไม่ยากเลย แค่เล่นเกม สมุนด้านขวามือเถ้าแก่พูดขึ้น เกมอีหยังครับ ผมสงสัย เกมง่ายๆ แค่หนีการตามล่าไง ถ้าเมื่อไหร่เอ็งไปถึงทะเลก่อนตะวันตกดินล่ะก็เป็นอันว่าเอ็งชนะ จะได้กลับบ้านพร้อมกับเรือสินค้า โน่นทะเลอยู่ทางโน้นข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึง สมุนด้านซ้ายอธิบายกติกา แล้วถ้าผมไปบ่ถึงหรือถึงหลังตะวันตกดินล่ะ? ผมถามพลางเก็บความรู้สึกที่หวาดหวั่น กลับบ้านเหมือนกันเว้ย แต่...กลับบ้านเก่าไง ฮ่าๆๆ ทั้งสามหัวเราะร่า พอๆ ลื้อไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว อั๊วจะยิงปืนให้สัญญาณแล้วลื้อรีบหนีไป จะให้เวลาหนีสิบนาที จากนั้นพวกอั๊วถึงจะตาม ฮ่าๆๆ สนุกอีกแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ เถ้าแก่พูดพลางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ////////////////////////////////////////////////// ความหิวความกระหายทำให้ผมอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ ไม่นานนักท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม และแล้วโชคก็เข้าข้างผมเมื่อฝนเริ่มลงเม็ดและเทลงมาอย่างหนัก ก่อนที่จะหลบฝนตามซอกหินผมโผล่หน้ามองหาพวกเขา เห็นมีแต่สายฝนมืดมัวไปหมด พวกเขาคงมีปัญหากับการตามล่าผมอย่างแน่นอน ผมดื่มน้ำฝนที่ค้างตามแอ่งหินจนความกระหายหมดไปยังคงเหลือแต่ความหิวอยู่บ้าง ผมเปิดดูบาดแผลที่ไหล่ เลือดหยุดไหลไปแล้ว ผมนึกถึงศพเหยื่อเหล่านั้น ผมยิ่งไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาจะถือตามกฎกติกา ที่พูดไว้ แม้ว่าผมจะไปถึงทะเลพวกเขาก็คงไม่ปล่อยอยู่ดี สัจจะไม่มีในหมู่โจร มีอย่างเดียวเท่านั้นที่จะรอด-รอดกลับไปช่วยคนงานในโรงงานนั้นได้ ผมคิดออกแล้ว...ผมต้องเป็นฝ่ายล่าพวกเขาคืน ผมเคยฝึกหลักสูตรการต่อสู้จับกุมผู้ต้องหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก่อน เวลานี้ผมเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ใช่...ผมมีทางเลือกอีกอย่างแล้ว ผมหมอบคลานหลบตามโขดหินที่กำบังแล้วค่อยๆอ้อมไปทางด้านหลังของพวกเขาเรื่อยๆ อย่างใจเย็น ผมใกล้พวกเขาเข้าไปทีละนิด...ทีละนิด เวลานี้ฝนเริ่มซาลงแล้วคงเหลือแค่ตกพรำๆ บ้าซิบหายฝนอะไรวะ แย่จริงๆยังดีที่มีเสื้อกันฝนมาด้วย สมุนคนหนึ่งบ่นเสียงดัง ดีโว้ยล่าอย่างนี้ล่ะวะอั๊วชอบได้รสชาติดี ว่าแต่ว่าเดี๋ยวนี้เหยื่ออยู่ตรงไหนวะ? เสียงเถ้าแก่ร้องแข่งกับสายฝน ที่โขดหินใหญ่ก้อนโน้นครับเจ้านาย ยังไงๆ มันก็ไปไม่รอดเราหรอกมันบาดเจ็บ ผมว่าเรารีบไปจัดการกับมันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา แต่เดี๋ยวผมขอตัวฉี่ก่อนนะครับเจ้านาย ปวดจริงๆ สมุนคนเดิมว่า มันเป็นโอกาสของผมแล้วเมื่อสมุนคนนั้นเดินแยกออกมาจากกลุ่มเดินมาทางผม เถ้าแก่กับสมุนอีกคนเดินล่วงหน้าไป ผมเลือกเอาก้อนหินที่เหมาะมือ รอจังหวะ รอ...อย่างใจจดจ่อ และแล้ว...ผมตัดสินใจปรี่เข้าประชิดด้านหลังของสมุนคนนั้นแล้วทุบลงที่ท้ายทอยอย่างแรง แทบไม่มีเสียงร้องร่างนั้นม้วนลงกองกับพื้นแล้วกระตุกสอง-สามทีก่อนแน่นิ่ง ผมรีบคว้าเอาปืนแล้วหลบที่ซอกหินก้อนเดิม ไม่นานนักสมุนที่เหลือเดินร้องเรียกหาเพื่อนผ่านมา พอมาถึงก็โดนผมทุบแน่นิ่งไปอีกคน ผมสะกดรอยตามเถ้าแก่ไป อ้าวเฮ้ย...พวกลื้อไปไหนกันหมดวะ? เถ้าแก่ร้องเอะอะเมื่อไม่เห็นสมุนตามไป เสี้ยววินาทีนั้น หยุด...แล้วก็ทิ้งปืนผมทำเสียงขู่พร้อมเล็งปืนเข้าใส่ อ้าวเฮ้ย...กะ แก โอ๊ะอย่าๆ ใจเย็นๆ นะเราพูดคุยกันได้ ใจเย็นๆ ลื้อต้องการอะไรบอกอั๊วเลย อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ? ดะ ได้ ได้ แล้วอั๊วจะแถมเงินให้ลื้ออีกหลายหมื่นทีเดียว เถ้าแก่พูดอย่างหน้าถอดสี ไปขึ้นรถ...แล้วพาผมไปที่โรงงาน ผมวางแผนไว้ในใจขณะขับรถที่ยึดมาได้มุ่งหน้าสู่โรงงาน ผมชำเลืองดูเถ้าแก่ชายร่างอ้วนหน้าตาหยีที่ถูกมัดมือไขว้หลังนั่งเบาะข้างๆ อย่างหวาดกลัว นี่ล่ะน๊าเวลายิงคนอื่นสนุกสนาน แต่พอถึงเวลาถูกเอาคืนมั่งกลับกลัวลนลาน ผมคิด ผมต้องเอาเถ้าแก่เป็นตัวประกันเพื่อที่จะช่วยเหลือคนงานเหล่านั้นออกมา จากนั้นพวกเราจะช่วยกันทลายโรงงานเถื่อนแห่งนี้ให้สิ้นซาก ต่อไปจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อเกมนี้อีก ก็ไอ้เกมบ้าๆ บอๆ ที่ผมชนะนี้แหละ แต่...เอไม่ใช่สิ!...ผมอาจจะเป็นผู้แพ้ก็ได้ แพ้ในสายตาเถ้าแก่... แพ้ตรงที่ผมไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาที่พวกเขาวางเอาไว้ไงล่ะ..... @@@@@@@@@@@@@@
23 พฤศจิกายน 2549 11:03 น. - comment id 93881
เอาไปอ่านหน่อยครับ นี่ก็อีกเรื่องที่ตกรอบ ฮ้า....ไร้ฝีมือจริงๆ เลย
23 พฤศจิกายน 2549 12:56 น. - comment id 93883
กำลังอ่านยังไม่จบ
23 พฤศจิกายน 2549 13:03 น. - comment id 93884
อ่านจบแล้ว...เนื้อเรื่องใช้ได้..... ขอเร้าใจกว่านี้อีก...คนอ่าน.. เร้าใจคือตื่นเต้นนะ.....