คนล่าคน

ป.ยุทธ

ปัง
สิ้นเสียงปืนผมวิ่งหนีไปตามเชิงเขาที่มีแต่โขดหินน้อยใหญ่ประปรายกับพุ่มไม้เล็กๆ เป็นหย่อมๆ  
	          ผมพยายามวิ่ง วิ่ง  และวิ่ง  เพื่อจะไปให้ไกล-ไกลจนเอาตัวรอดจากเป้ากระสุน    
                               ผมเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว  อาจเป็นเพราะสภาพพื้นที่ที่วิ่งหนีขรุขระบวกกับความหิวที่ก่อตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็เป็นได้  แต่จะยังไงผมต้องไปให้ถึงจุดหมาย  ไปโดยที่ไม่ถูกพวกเขาตามมาทันหรือไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง
ผมหันกลับไปมองจึงรู้ว่ามาไกลมากแล้ว  และพวกเขายังไม่ตามมา  มันอาจยังไม่ถึงเวลาหรือคิดว่าผมเป็นลูกไก่ในกำมือก็ได้    ส่วนจะให้พวกเขาปล่อยผมไปเฉยๆ นั้นเป็นไปไม่ได้แน่  เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ต้องตามยิงผมอย่างแน่นอน  ผมเชื่อเช่นนั้น
	            ปัง
	            พลิ้ว
	            ยังไม่ทันขาดคำเสียงปืนดังขึ้นพร้อมเสียงลูกปืนกระทบหินใกล้ตัว สัญชาตญาณบอกให้ผมหมอบหลบวิถีก่อนคืบคลานหาที่กำบัง       ชั่วอึดใจจึงตัดสินใจออกจากที่กำบังแล้ววิ่งส่ายก่อนที่จะหลบเข้าโขดหินใหญ่ข้างหน้าเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าอีกต่อไป 
	            ดวงตะวันตรงหัวแผดแสงร้อนระอุราวจะเผาผลาญสรรพสิ่งบนผืนพิภพให้เป็นจุล ผมกัดฟันพาร่างอันหิวกระหายวิ่งไปอย่างทรหด  เป้าหมายอยู่ข้างหน้าแต่ไม่รู้ว่าไกลสักแค่ไหน และผมก็ไม่มีทางเลือกไปกว่านี้
	            ตั้งแต่เช้ามาผมยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง    แต่ช่างเถอะผมยังมีแรงพอที่จะวิ่งหลบหนีต่อไป   แม้ว่าท้องจะกิ่วลำคอจะแห้งเป็นผงสักแค่ไหนก็ต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้เสียก่อน
	            ปัง
                                 ปัง
	           พลิ้ว
                                เสียงปืนบ่งบอกว่าพวกเขาตามใกล้เข้ามาแล้ว  และพวกเขาต้องมองเห็นผม  แต่ผมจะไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้พวกเขาเล็งง่ายๆ  เมื่อได้จังหวะผมกระโจนออกจากที่กำบังอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้า   
                                 ปัง
                                เป็นไปตามที่คิดไว้เสียงปืนดังขึ้นเมื่อผมออกจากที่กำบัง   ผมจำต้องวิ่งต่อในท่าก้มสลับกับส่ายตัวไปมา    
เวลาผ่านไปราวชั่วโมง  ผมอ่อนล้าคล้ายจะหมดแรงและอยากจะพักหลบแดด  แต่...ไม่ได้ จะพักไม่ได้เดี๋ยวพวกเขาตามทันแน่   
                                ความหิวความกระหายโจมตีผมมากขึ้น  หิวข้าวพอทนแต่ไอ้กระหายน้ำนี่สิมันช่างทรมานเหลือหลาย  ผมรู้จากตำราว่าอดข้าวได้สิบกว่าวันถึงจะตาย  แต่อดน้ำได้ไม่เกินสอง-สามวันตายแน่  เพราะร่างกายคนเราขาดน้ำไม่ได้   จะยังไงก็ช่างเถอะอย่าเพิ่งไปคิดเรื่องนั้น  คิดเรื่องที่จะไปให้ถึงที่หมายหรือไม่ก็หลบหลีกให้พ้นวิถีกระสุนก่อน
                               กลิ่นเหม็นเน่าลอยมากระทบจมูก  ผมไม่สนใจคงมุ่งหน้าวิ่งต่อ และแล้ว...ในเสี้ยววินาทีนั้นผมสะดุดก้อนหินล้มลง  ใบหน้าของผมไปคลุกอะไรบางอย่างกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงแค่ปลายจมูก  พอลุกขึ้น...โอ! มันเป็นซากศพมนุษย์ที่มีแต่หนอนไต่ยั้วเยี้ยจนผมคลื่นไส้อาเจียน  ผมรีบปัดหนอนที่ติดขึ้นมาตามใบหน้าออกไปพร้อมกลั้นลมหายใจก่อนฉุกคิดขึ้นได้ว่ากำลังถูกตามล่า
	          ปัง
	          โอ๊ย
	          ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่ไหล่ซ้าย  เมื่อหันไปมองเสื้อของผมฉีกขาด  เลือดไหลซึมออกจากแผลที่ถูกกระสุนถากเป็นทางยาว   
	          ผมนั่งลงฉีกเอาชายเสื้อขึ้นมาพันแผลไว้ก่อนวิ่งส่ายไปหาที่กำบังข้างหน้า
	          ผมเห็นซากศพอีกแล้ว  หลายต่อหลายศพแต่ละศพจะมีหนอนไต่บ้าง แห้งกรอบจนเห็นโครงกระดูกบ้าง  ผมรู้ทันทีว่านี่คือเหยื่อของพวกเขา และจุดๆนี้ต้องเป็นจุดที่เหยื่อตกใจเมื่อเห็นศพหรือเป็นจุดที่วิ่งมาหมดแรงก็เป็นได้จึงถูกยิงตายเกลื่อนเช่นนี้ 
/////////////////////////////////////////
 
                                เราได้ข่าวมาว่าเป้าหมายของพวกมันเป็นคนอีสานเสียส่วนมาก จ่าเป็นคนอีสานจ่าจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับคดีนี้  
                                 ครับสารวัตร  ผมตอบรับอย่างภูมิใจเมื่อผู้บังคับบัญชาเห็นเป็นบุคคลสำคัญ
                                  ผมสะพายกระเป๋าเป้เดินแฝงตัวกับฝูงชนที่สถานีรถไฟหัวลำโพงในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น 
                                   ผมยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากก้าวพ้นประตูสถานี 
                                  น้องๆ มาทำงานแม่นบ่?  มาทำกับอ้ายบ่ล่ะ? ชายวัยกลางมองรูปร่างหน้าตาของผมก่อนเดินเข้ามาถาม 
                                  มีงานเบาะครับ งานอีหยัง?  แล้วอยู่ไสครับอ้าย? ผมเร่งถามคืนพร้อมแสดงท่าทางดีใจ
                                  งานดีเงินดีอีหลีเด้อ  รับรองได้  น้องมาถูกหม่องแล้ว...ปะอ้ายสิพาไป พูดจบเขาดึงแขนผมไปที่รถตู้
                                   ผมก้าวขึ้นไปนั่งในรถตามที่เขาเปิดประตูให้   ราวครึ่งชั่วโมงมีคนเข้ามาสมทบอีกห้า-หกคน
                                   ออกรถได้  หมดแล้ว  คนที่พามาสั่งคนขับก่อนหันมาทางผมกับเพื่อนๆ 
                                    ผมแสดงความดีใจกับพวกเฮาทุกๆ คน   และกะขอต้อนรับสู่โรงงานใหญ่  ที่มีค่าจ้างสูง รายได้ดี ผมเชื่อแน่ว่าทุกคนต้องพอใจอย่างแน่นอน  ชายคนเดิมพูดขณะรถเคลื่อนออกไปและอธิบายค่าจ้างเสียยืดยาว
ผมมองข้างทางว่าพวกเขาจะพาไปที่ไหนเพื่อจะได้รายงานความเคลื่อนไหวให้ผู้บังคับบัญชาทราบ  แต่ยังก่อนยังไม่ชัดเจนว่าคนพวกนี้เป็นกลุ่มที่หลอกลวงคนงานไปทำงานแรงงานเถื่อนหรือไม่
                                      ผู้ที่อยู่ในรถต่างพากันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บ้างบอกเพื่อนว่าจะส่งเงินให้ลูกเมียทางบ้าน คราวนี้ล่ะจะได้มีค่าใช้จ่ายซะที ลูกๆ จะได้เลิกอดอยากมีเงินค่าขนมไปโรงเรียน  บ้างก็ว่าปีนี้จะไม่กลับไปทำนาแล้วมันแห้งแล้งเสียเหลือเกิน
                                      ผมรู้ว่ารถออกจากเขตกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก  
                                      นานหลายชั่วโมงรถมาจอด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง  ดูแล้วเป็นท่าเรือ   
                                      เชิญขึ้นเรือต่อเด้อครับโรงงานของเฮาอยู่ที่เกาะสะดวกสบายทุกอย่าง ชายคนเดิมพูดขึ้นเมื่อเห็นทุกคนแสดงท่าทางสงสัย 
                                      ทุกคนเก็บสัมภาระก่อนก้าวขึ้นเรืออย่างว่าง่าย
                                     ขอให้ทุกคนโชคดีเด้อครับเด้อ เขาพูดนอบน้อมก่อนลงจากเรือไป
                                     เรือเคลื่อนออกจากฝั่งมุ่งหน้าสู่กลางทะเลท่ามกลางแสงตะวันที่สายโด่ง    ข้าวกล่องกับขวดน้ำดื่มถูกแจกให้ผมกับเพื่อนๆ 
	               ตื่นๆ ตื่นได้แล้วโว้ย
	               ผมมารู้สึกตัวเมื่อโดนน้ำราดจนเปียกโชก  เห็นเพื่อนๆที่มาด้วยกันนอนรวมกันอยู่กลางโกดังกว้าง 
	               ชายฉกรรจ์หลายคนถือปืนลูกซองยาว บ้างก็ถือเอ็มสิบหกยืนคุม 
	                พวกผมอยู่ไสครับนี่?  แล้วพวกผมมาได้จั่งได๋? ผมตัดสินใจถามออกไป 
	                ไม่ต้องรู้หรอกว่าที่นี่คือที่ไหน   ส่วนมาที่นี่ได้ไงงั้นรึ  ก็พวกเอ็งดื่มน้ำที่ผสมยานอนหลับตอนอยู่บนเรือไง...ไอ้โง่ เขาตอบอย่างเย้ยหยัน
                                     ไป๊   ไปทำงานได้แล้ว อีกคนร้องสั่งพลางเตะคนที่นั่งนิ่งเฉย  
                                     บางคนร้องเอะอะโวยวายจึงถูกกระแทกด้วยด้ามปืนจนเงียบกริบ
                                     พวกเราถูกต้อนไปรวมกลุ่มกับคนงานเก่าที่มีอยู่ราวห้าสิบกว่าคน  ผมกวาดสายตามองรอบๆ โกดัง   คงไม่สามารถติดต่อรายงานผู้บังคับบัญชาได้แน่  ผมเริ่มวิตก 
                                    กลางคืนพวกเราถูกขังให้นอนห้องละสามคน แต่ละห้องมีกรงเหล็กเป็นประตูปิดกั้นอย่างแน่นหนา  ดูแล้วไม่ต่างจากนักโทษในเรือนจำ  
ผมถูกขังร่วมกับคนงานเก่า  เขาเล่าให้ฟังว่าที่นี่คือเกาะร้างกลางทะเล  โรงงานแห่งนี้เป็นที่เก็บสินค้าหนีภาษี   หลายคนถูกกักขังให้ทำงานมานานหลายปีแล้ว  ทุกคนอยู่กินอย่างอดอยากหิวโหยแถมถูกบังคับให้ทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกทุ่มโดยไม่ได้รับค่าแรง   ใครเจ็บป่วยทำงานไม่ได้จะถูกปล่อยให้ตายเอง  บางครั้งมีผู้หลบหนีแต่ก็ไปไม่รอดถูกพวกเขายิงตาย   คนงานที่ตายก็ตายไปส่วนคนงานใหม่จะมีมาเพิ่มเรื่อยๆ
                                   คนงานเก่าเล่าให้ฟังต่อว่าทุกวันอาทิตย์เถ้าแก่จะมาเยี่ยม   วันนั้นทุกคนจะถูกสั่งเข้าแถวต้อนรับ  เถ้าแก่ใจดีมากจะให้ทุกคนจับฉลากหาผู้โชคดีหนึ่งคน  ใครได้เป็นผู้โชคดีเถ้าแก่จะพากลับบ้าน  ทุกคนจึงมีกำลังใจรอความหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เป็นผู้โชคดีคนนั้น 
 	             ได้ยินแล้วผมไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาจะยอมปล่อยให้คนที่โชคดีที่ว่าได้กลับบ้าน  เพราะฟังดูแล้วมันง่ายเกินไปต้องมีอะไรสักอย่าง
	             หลายอาทิตย์ผ่านไปผมพยายามหาช่องทางหลบหนี โดยชักชวนคนงานหลายคนเป็นแนวร่วม  
ในที่สุด...วันอาทิตย์ตามที่วางแผนไว้ก็มาถึง  จากการขีดเส้นบันทึกไว้มันเป็นวันอาทิตย์ที่ห้าที่ผมมาอยู่ที่นี่  พวกเราวางแผนไว้ว่าจะร่วมมือกันแย่งปืนจากผู้ที่ยืนคุมหลังจากมีการจับฉลากหาผู้โชคดีเสร็จสิ้น   
 	            แต่แล้ว...ก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเมื่อผมจับฉลากได้รางวัลนั้น
	            ผมถูกพาขึ้นรถจนมาถึงเชิงเขาลูกหนึ่ง
เมื่อถูกสั่งให้ลงจากรถผมชำเลืองดูเถ้าแก่กับสมุนทั้งสองอย่างไม่ไว้วางใจ  เพราะที่เอวของพวกเขามีปืนพกเหน็บอยู่
	            แล้วสิให้ผมกลับบ้านจั่งได๋ครับ?  ผมถามอย่างหวั่นๆ
	            ฮ่าๆ ไม่ยากเลย  แค่เล่นเกม  สมุนด้านขวามือเถ้าแก่พูดขึ้น
	            เกมอีหยังครับ  ผมสงสัย
	             เกมง่ายๆ แค่หนีการตามล่าไง  ถ้าเมื่อไหร่เอ็งไปถึงทะเลก่อนตะวันตกดินล่ะก็เป็นอันว่าเอ็งชนะ จะได้กลับบ้านพร้อมกับเรือสินค้า  โน่นทะเลอยู่ทางโน้นข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึง สมุนด้านซ้ายอธิบายกติกา
	             แล้วถ้าผมไปบ่ถึงหรือถึงหลังตะวันตกดินล่ะ? ผมถามพลางเก็บความรู้สึกที่หวาดหวั่น
กลับบ้านเหมือนกันเว้ย  แต่...กลับบ้านเก่าไง ฮ่าๆๆ  ทั้งสามหัวเราะร่า 
	              พอๆ  ลื้อไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว อั๊วจะยิงปืนให้สัญญาณแล้วลื้อรีบหนีไป  จะให้เวลาหนีสิบนาที  จากนั้นพวกอั๊วถึงจะตาม ฮ่าๆๆ  สนุกอีกแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ เถ้าแก่พูดพลางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
//////////////////////////////////////////////////
	              ความหิวความกระหายทำให้ผมอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ  
	            ไม่นานนักท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม  และแล้วโชคก็เข้าข้างผมเมื่อฝนเริ่มลงเม็ดและเทลงมาอย่างหนัก   ก่อนที่จะหลบฝนตามซอกหินผมโผล่หน้ามองหาพวกเขา  เห็นมีแต่สายฝนมืดมัวไปหมด  พวกเขาคงมีปัญหากับการตามล่าผมอย่างแน่นอน 
ผมดื่มน้ำฝนที่ค้างตามแอ่งหินจนความกระหายหมดไปยังคงเหลือแต่ความหิวอยู่บ้าง  ผมเปิดดูบาดแผลที่ไหล่   เลือดหยุดไหลไปแล้ว
	            ผมนึกถึงศพเหยื่อเหล่านั้น  ผมยิ่งไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาจะถือตามกฎกติกา ที่พูดไว้  แม้ว่าผมจะไปถึงทะเลพวกเขาก็คงไม่ปล่อยอยู่ดี   สัจจะไม่มีในหมู่โจร   มีอย่างเดียวเท่านั้นที่จะรอด-รอดกลับไปช่วยคนงานในโรงงานนั้นได้  ผมคิดออกแล้ว...ผมต้องเป็นฝ่ายล่าพวกเขาคืน  ผมเคยฝึกหลักสูตรการต่อสู้จับกุมผู้ต้องหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาก่อน  เวลานี้ผมเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น   ใช่...ผมมีทางเลือกอีกอย่างแล้ว
ผมหมอบคลานหลบตามโขดหินที่กำบังแล้วค่อยๆอ้อมไปทางด้านหลังของพวกเขาเรื่อยๆ อย่างใจเย็น ผมใกล้พวกเขาเข้าไปทีละนิด...ทีละนิด  เวลานี้ฝนเริ่มซาลงแล้วคงเหลือแค่ตกพรำๆ 
	           บ้าซิบหายฝนอะไรวะ   แย่จริงๆยังดีที่มีเสื้อกันฝนมาด้วย  สมุนคนหนึ่งบ่นเสียงดัง
	          ดีโว้ยล่าอย่างนี้ล่ะวะอั๊วชอบได้รสชาติดี ว่าแต่ว่าเดี๋ยวนี้เหยื่ออยู่ตรงไหนวะ?   เสียงเถ้าแก่ร้องแข่งกับสายฝน 
	          ที่โขดหินใหญ่ก้อนโน้นครับเจ้านาย  ยังไงๆ มันก็ไปไม่รอดเราหรอกมันบาดเจ็บ  ผมว่าเรารีบไปจัดการกับมันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา
	           แต่เดี๋ยวผมขอตัวฉี่ก่อนนะครับเจ้านาย  ปวดจริงๆ  สมุนคนเดิมว่า
	           มันเป็นโอกาสของผมแล้วเมื่อสมุนคนนั้นเดินแยกออกมาจากกลุ่มเดินมาทางผม  เถ้าแก่กับสมุนอีกคนเดินล่วงหน้าไป ผมเลือกเอาก้อนหินที่เหมาะมือ รอจังหวะ รอ...อย่างใจจดจ่อ
	            และแล้ว...ผมตัดสินใจปรี่เข้าประชิดด้านหลังของสมุนคนนั้นแล้วทุบลงที่ท้ายทอยอย่างแรง  แทบไม่มีเสียงร้องร่างนั้นม้วนลงกองกับพื้นแล้วกระตุกสอง-สามทีก่อนแน่นิ่ง  ผมรีบคว้าเอาปืนแล้วหลบที่ซอกหินก้อนเดิม  ไม่นานนักสมุนที่เหลือเดินร้องเรียกหาเพื่อนผ่านมา พอมาถึงก็โดนผมทุบแน่นิ่งไปอีกคน 
	            ผมสะกดรอยตามเถ้าแก่ไป
	            อ้าวเฮ้ย...พวกลื้อไปไหนกันหมดวะ?  เถ้าแก่ร้องเอะอะเมื่อไม่เห็นสมุนตามไป  
	            เสี้ยววินาทีนั้น
	            หยุด...แล้วก็ทิ้งปืนผมทำเสียงขู่พร้อมเล็งปืนเข้าใส่
	            อ้าวเฮ้ย...กะ แก  โอ๊ะอย่าๆ  ใจเย็นๆ นะเราพูดคุยกันได้ ใจเย็นๆ ลื้อต้องการอะไรบอกอั๊วเลย  อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?  ดะ ได้  ได้  แล้วอั๊วจะแถมเงินให้ลื้ออีกหลายหมื่นทีเดียว เถ้าแก่พูดอย่างหน้าถอดสี 
	           ไปขึ้นรถ...แล้วพาผมไปที่โรงงาน 
 
                                 ผมวางแผนไว้ในใจขณะขับรถที่ยึดมาได้มุ่งหน้าสู่โรงงาน  ผมชำเลืองดูเถ้าแก่ชายร่างอ้วนหน้าตาหยีที่ถูกมัดมือไขว้หลังนั่งเบาะข้างๆ  อย่างหวาดกลัว 
                                  นี่ล่ะน๊าเวลายิงคนอื่นสนุกสนาน    แต่พอถึงเวลาถูกเอาคืนมั่งกลับกลัวลนลาน  ผมคิด
                                  ผมต้องเอาเถ้าแก่เป็นตัวประกันเพื่อที่จะช่วยเหลือคนงานเหล่านั้นออกมา  จากนั้นพวกเราจะช่วยกันทลายโรงงานเถื่อนแห่งนี้ให้สิ้นซาก  ต่อไปจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อเกมนี้อีก  ก็ไอ้เกมบ้าๆ บอๆ ที่ผมชนะนี้แหละ  แต่...เอไม่ใช่สิ!...ผมอาจจะเป็นผู้แพ้ก็ได้    แพ้ในสายตาเถ้าแก่...   แพ้ตรงที่ผมไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาที่พวกเขาวางเอาไว้ไงล่ะ..... 
                                               @@@@@@@@@@@@@@				
comments powered by Disqus
  • ป.ยุทธ

    23 พฤศจิกายน 2549 11:03 น. - comment id 93881

    เอาไปอ่านหน่อยครับ  นี่ก็อีกเรื่องที่ตกรอบ
    ฮ้า....ไร้ฝีมือจริงๆ เลย 64.gif29.gif15.gif
  • ยายแม่มด

    23 พฤศจิกายน 2549 12:56 น. - comment id 93883

    กำลังอ่านยังไม่จบ
  • ยายแม่มด

    23 พฤศจิกายน 2549 13:03 น. - comment id 93884

    อ่านจบแล้ว...เนื้อเรื่องใช้ได้.....
    
    ขอเร้าใจกว่านี้อีก...คนอ่าน..
    
    เร้าใจคือตื่นเต้นนะ.....

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน