การตัดสินใจครั้งสำคัญ

พัฒนา สุดยาใจ

ฉันจะไปทันงานสังสรรค์เย็นนี้หรือเปล่าเนี่ย หากคะเนจากสภาพการจราจรอันเป็นอัมพาตเช่นนี้ คงสรุปได้ว่าต้องไปไม่ทันตามเวลาที่กำหนดยิ่งวันนี้เป็นวันศุกร์เสียด้วย
	เฮ้อ! นึกถึงสมัยเรียนทีไรเป็นต้องมีความสุขทุกครั้ง ฉันและเพื่อนอีกเก้าคนเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน แน่นอนว่าพวกเรามีความแน่นแฟ้นกันมาก ยามค้นคว้าหาข้อมูลทำรายงานก็มักจะไปแหล่งเดียวกัน ยามเที่ยวก็มักไปเที่ยวด้วยกัน ใครเห็นก็รู้สึกอิจฉาที่พวกเราสิบคนกลมเกลียวกันดี 
	ฉับพลันเมื่อสัญญาณไฟแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว บรรดายวดยานพาหนะต่างแล่นกันอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์ดังกังวานที่มาพร้อมกับควันดำจากบรรดาวัตถุสี่ล้อเคลื่อนที่ตลบอบอวลไปทั่วท้องถนน เมื่อขับพ้นสี่แยกนี้ไปแล้วก็ปรากฏว่าฉันสามารถขับเร่งความเร็วได้มากขึ้นเพราะจำนวนรถบนท้องถนนเริ่มน้อยลง
	จุดนัดพบคือร้านอาหารแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ เพ่งมองดูที่นาฬิกาข้อมือปรากฏว่าฉันมาสายไปครึ่งชั่วโมงจึงตะลีตะลานเข้าไปที่ร้านอาหาร บรรดามิตรสหายจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติบนโต๊ะอาหาร
	อ้าว! วีณา เชิญ เชิญ มานั่งนี่ ตระการเพื่อนชายรีบผายมือเชิญให้ไปนั่งข้างเขาและจัดจาน ถ้วยน้ำแกง ช้อน และส้อมให้ รถติดมากเลยล่ะซิ ขวัญตาเพื่อนหญิงถาม
	อื้อ 
	ตระการตักต้มย้ำปลาช่อนจากหม้อไฟให้ฉัน
	การสนทนาพลางละเลียดอาหารเป็นไปอย่างครื้นเครงแต่ฉันไม่ค่อยชอบใจนักที่แต่ละคนถามไถ่กันในเรื่องของเงินเดือนและตำแหน่งหน้าที่การงาน สำหรับบางคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ก็คงไม่ตะขิดตะขวงใจแต่ถ้าคนที่ยังต๊อกต๋อยได้เป็นแค่เสมียนหรือแม้แต่ฉันเองก็คงไม่ชอบใจนักหรอก
	ว่าไงณา...ยังทำบัญชีอยู่หรือเปล่า เป็นผู้จัดการหรือยัง ขวัญตายิงคำถามเดิมเหมือนครั้งที่มีการสังสรรค์กันครั้งแรก
	อ๋อ...ตอนนี้ฉันไม่ได้ทำบัญชีแล้วล่ะ ไปเป็นเซลส์แล้ว สบายใจดี ฉันไม่ชอบพวกพนักงานบัญชีที่จุกจิกและค่อนข้างเรื่องมาก ฉันเห็นสีหน้าของขวัญตาเจื่อนลงทันทีเพราะเท่ากับหลอกด่าหล่อนนั่นแหละ
	งานเลี้ยงเลิกราในเวลาห้าทุ่มเพราะทุกคนไม่อยากกลับบ้านดึกดื่น
	
	จริงอยู่ที่งานด้านการขายมีความเป็นอิสระเพราะไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศมาตอกบัตรเข้างานแต่ก็เคร่งเครียดหนักยิ่งกว่าการทำงานอยู่กับโต๊ะเพราะต้องเป็นฝ่ายไปพบลูกค้า เจอลูกค้าหลายรูปแบบทั้งประเภทที่ชอบเอาเปรียบผู้ขาย มีทั้งที่มีโอภาปราศรัยและชอบโขกสับ 
	และสิ่งที่เป็นตัวกดดันพนักงานขายดังเช่นฉันก็คือการถูกกำหนดเป้ายอดขายนี่แหละ ฉันจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่นั้นถูกตั้งเป้ายอดขายที่หนึ่งล้านบาท เผอิญฉันทำได้หนึ่งล้านห้าแสนแทนที่จะสบาย กลับกลายเป็นว่าฉันต้องทำให้ได้มากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่ฉันก็เอาตัวรอดมาได้แต่ปัจจุบันนี่สิ ฉันกำลังอยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะตกงานหากไตรมาสนี้ทำยอดขายไม่ถึงสิบสองล้านบาท
	นอกเหนือจากความเครียดกับลูกค้าแล้ว ฉันยังต้องเคร่งเครียดกับภาระทางบ้าน น้องชายของฉันถูกตรวจพบเมื่อไม่นานมานี้ว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วจึงต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจซึ่งก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก ไหนจะค่าผ่อนบ้าน ยังดีว่ารถไม่ต้องผ่อนแล้ว คิดไปก็ยิ่งกลัดกลุ้ม 
 	
	แสงแดดยามสายส่องผ่านกระจกหน้าต่างที่ปิดสนิทกระทบใส่ใบหน้าทำให้ฉันตื่นจากนิทรารมณ์ ฉันรีบหยิบนาฬิกาปลุกจากหัวเตียง มันบอกเวลาที่เก้าโมงเช้า 
	แม้ว่าเป็นวันเสาร์ฉันก็ต้องขับรถตระเวนเยี่ยมลูกค้ายิ่งช่วงนี้ฉันต้องหมั่นไปเสาะหาลูกค้าเพราะโดนย้ายเขตขายจากสาทรมาอยู่แถวบางนา-ตราดซึ่งก็ไกลจากบ้านฉันที่อยู่วงเวียนใหญ่ไปมากกว่าเดิม	เหลืออีกหนึ่งเดือนก็จะหมดไตรมาสที่สามแล้ว ฉันเพิ่งทำยอดขายได้เพียงสี่ล้านบาทเท่านั้นยังห่างไกลความจริงอยู่มากยกเว้นว่าจะมีออร์เดอร์ใหญ่สักแปดถึงสิบล้านมาช่วยต่ออายุงานให้ฉัน แต่ ณ ปัจจุบันเป็นเรื่องยาก คู่แข่งขันมีมากขึ้นจนเรียกได้ว่าลูกค้ามีโอกาสเลือกซื้อสินค้าได้มากกว่าเดิม
	สุดท้ายฉันส่งรายงานยอดขายของไตรมาสนี้ได้เพียงห้าล้านเศษ และเดินออกมาจากแผนกบัญชีอย่างหน้าบอกบุญไม่รับ เห็นทีชะตาของฉันอาจขาดผึงแล้วก็ได้
	เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่ฉันขับรถกลับบ้านพลางทอดสายตามองไปที่พื้นถนนอย่างไร้ชีวิตชีวา
	ฮัลโหล...คุณทรงพลหรือคะ
	คุณวีณาใช่มั้ย พรุ่งนี้ผมอยากให้คุณเข้ามาที่ออฟฟิศด่วนเลยนะ 
	ค่ะ สีหน้าของฉันยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น ฉันรู้ดีถึงสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแต่ถึงยามนี้ก็ให้นึกถึงสุภาษิตฝรั่งเขาบอกว่า วอท เอฟเวอร์ วิลล์ บี วิลล์ บี ฉันพยายามจะทำใจยอมรับชะตากรรม
	ฉันเข้าบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นที่รู้กันว่าคุณทรงพลเป็นผู้บริหารที่ไม่เคยมาสายฉะนั้นจึงไม่มีพนักงานกล้าแตกแถวมาสาย
	การเข้าพบคุณทรงพลคราวนี้อาจเป็นการชี้ชะตาของฉันก็เป็นได้ ก่อนเปิดประตูเข้าไปฉันพยายามหาเหตุผลที่ดูเข้าทีที่สุด
	ฉันเห็นเขามีสีหน้าเคร่งเครียดเรียกได้ว่าคิ้วสองข้างขมวดกันแบบจะชนกันเลยทีเดียว
	นั่งซิ เขาผายมือเชื้อเชิญ
	ค่ะ
	เอาล่ะ...เข้าเรื่องกันเลยนะ เมื่อวานนี้ทางแผนกบัญชีได้ส่งรายงานมาว่าไตรมาสนี้คุณทำยอดได้ไม่ถึงครึ่งของเป้าที่ตั้งไว้ มันเกิดอะไรขึ้น
	เอ่อ...คือ
	คุณอย่าได้ปิดบัง ขอให้พูดความจริง พวกเราจะได้ช่วยกันแก้ไข
	คืออย่างนี้ค่ะ เป็นเพราะดิฉันถูกย้ายเขตขายซึ่งต้องสร้างลูกค้าใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยประกอบกับมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ
	เขาทำสีหน้าเครียดมากขึ้นกว่าเดิมพลางขยับแว่นตา คุณไม่ควรอ้างเหตุผลข้อนี้ เหตุที่คุณถูกย้ายเขตขายก็เพราะทางบริษัทเห็นว่าคุณหาลูกค้าได้เก่ง บริษัทจึงอยากให้คุณนำข้อดีตรงนี้มาช่วยเจาะตลาดลูกค้าใหม่เป็นการหาเงินเข้าบริษัทให้เป็นกอบเป็นกำ แต่ในเมื่อคุณพูดเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้เลย เพราะคำพูดของเขาทำให้ฉันไม่กล้าสบตาเขา
	ถ้าตามนโยบายของบริษัท คุณน่ะต้องพ้นสภาพการเป็นพนักงานของที่นี่แล้ว แต่เห็นว่าคุณเคยมีผลงานให้กับบริษัท ดังนั้นผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ผมจะอนุโลมให้คุณทำยอดขายให้ถึงสิบสองล้านเหมือนเดิม หากทำไม่ได้คุณก็ไม่มีข้อแก้ตัวนะ เขาพูดเสียงแข็ง
	ฉันเดินคอตกออกจากห้องทันที ได้แต่ตัดพ้อต่อโชคชะตา การที่คุณทรงพลให้โอกาสแก่ฉันในคราวนี้ก็เป็นได้แค่การต่ออายุงานของฉันไปอีกสามเดือนเท่านั้น
	เส้นทางที่ทอดยาวไปตลอดแนวบนถนนบางนา-ตราด ฉันขับรถตระเวนไปตามร้านค้าต่าง ๆ มีทั้งผิดหวังและสมหวัง ประเด็นที่ลูกค้าไม่สนใจซื้อสินค้านั้นยังไม่เท่ากับที่เจ้าของร้านบางคนฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวฉัน บางคนก็แอบจับก้นฉันแต่ฉันก็ไม่อาจส่งเสียงเอะอะมิฉะนั้นแล้วงานติดต่อลูกค้าก็เป็นอันจบสิ้นทันที
	
	เหลืออีกเพียงสิบห้าวันฉันเพิ่งทำยอดขายได้เพียงหกล้านเท่านั้นทั้ง ๆ ที่หากพิจารณาให้ถ่องแท้ก็น่าจะถือว่าฉันประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดลูกค้าใหม่เสียด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันนายจ้างสามารถเลือกผู้ใช้แรงงานได้มากกว่าในอดีต บริษัทต่าง ๆ จึงเลือกที่จะจ้างพนักงานหน้าใหม่เพื่อจะได้จ่ายเงินเดือนในอัตราต่ำลงยิ่งฉันมีฐานเงินเดือนสูงแล้วโอกาสโดนปลดออกจากงานมีมากทีเดียว
	ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา ฉันไม่น่าลืมตระการเลยเพราะเขาทำงานอยู่ในย่านถนนบางนา-ตราดนี่เอง เขาอาจช่วยฉันได้ ฉันไม่รอช้ารีบกดเลขหมายโทร.หาทันที
	ฮัลโหล...ว่าไงณา
	ตระการ ฉันอยากให้เธอช่วยฉันสักเรื่อง
	เรื่องอะไรหรือ เสียงหัวเราะเล็ดลอดให้ฉันได้ยิน
	ไตรมาสนี้ฉันต้องทำยอดขายให้ได้สิบสองล้านแต่ตอนนี้ฉันทำได้เพียงหกล้านเท่านั้นถ้าไม่ถึงเห็นทีฉันต้องออกจากงานโดยไม่ได้ค่านายหน้า
	เฮ้อ! ฉันว่าเธอคงอยู่บริษัทนี้ไม่ยืดแน่ ๆ ลาออกเสียตอนนี้จะดีกว่านะ
	ถ้าทำได้ฉันทำไปนานแล้ว เพราะฉันต้องหาเงินมารักษาน้องชาย เปลี่ยนลิ้นหัวใจทีหนึ่งใช้เงินไม่น้อย เอาเป็นว่าขอให้ผ่านไตรมาสนี้ให้ได้ก่อน
	อืมม์ ฉันเห็นใจเธอ เอาอย่างนี้ เธอช่วยส่งอีเมล์รายการสินค้าทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันจะพยายามช่วยเธออย่างเต็มที่
	ขอบคุณมาก ฉันเริ่มมีความหวังขึ้นบ้าง
	เมื่อมาถึงบ้าน ฉันส่งอีเมล์รายการสินค้าให้ตระการด้วยความหวังว่าเขาคงช่วยฉันได้บ้าง
	  
	ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ยอดขายกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยแต่ยังขาดอีกสี่ล้าน กับเวลาหนึ่งอาทิตย์คงไม่ง่ายอย่างแน่นอน แต่ฉันก็ยังยึดถือคติว่าหากเวลายังไม่สิ้นสุดจริง ๆ ก็ยังมีความหวังอยู่ คำตอบจากตระการก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
	เสียงกริ่งโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะขับรถอยู่บนท้องถนนในยามเปลวแดดอันร้อนระอุ ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพาย ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของตระการทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมากทีเดียว ฉันหวังว่าคงมีข่าวดี
	ฮัลโหล...ตระการเหรอ ตกลงมีหนทางไหม
	อื้อ...เจ้าของโรงแรมบลูแม็กพายส์สนใจจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าชุดใหญ่เพื่อนำมาติดตั้งแทนเครื่องใช้ไฟฟ้าชุดเก่า 
	เหมือนยกภูเขาออกจากอก ฉันเริ่มมีความหวังเพิ่มขึ้นอักโข โรงแรมนี้อยู่ที่ไหน 
	อยู่เกือบถึงบางพลี รู้จักซอยศรีกิจมั้ย
	อื้อ อื้อ รู้จักสิ
	นั่นแหละอยู่ในซอยนั้น เป็นอาคารสิบห้าชั้นอยู่ตรงข้ามภัตตาคารเฮงหลี ป้ายโรงแรมเด่นชัดมาก เธอไม่น่าหลงหรอก ติดต่อคุณชาญชัยนะ เธอหยิบกระดาษมาจดเบอร์โทรศัพท์ไว้เลย
	ฉันรีบหยิบกระดาษและปากกาเตรียมจดเลขหมายพลางนึกไปว่าคงเป็นชายหนุ่มวัยสี่สิบต้น ๆ ดูภูมิฐาน ฉันคิดเลยเถิดไปว่านี่อาจเป็นรักแรกพบก็เป็นได้ 
	
	เมื่อแสงแรกแห่งยามเช้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างในห้องนอนปลุกให้ฉันตื่นนอน ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความสบายใจ คุณชาญชัยอาจเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่ช่วยให้ฉันรอดพ้นจากการถูกไล่ออกก็เป็นได้ 
	ฉันใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าห้องน้องชายเพื่อดูอาการ แกยังไม่ตื่นนอน ฉันเชยแก้มและลูบหน้าผากอย่างเอ็นดูและหวังใจว่าอีกไม่นานนี้แกคงได้รับการเยียวยาให้กลายเป็นผู้มีสุขภาพดีอีกครั้ง
	ก่อนออกจากบ้านฉันกำชับให้คนรับใช้ดูแลน้องชายและตรวจตราความเรียบร้อยภายในบ้าน เมื่อเบาใจได้แล้วจึงรีบเดินออกจากบ้านและกระวีกระวาดขึ้นรถ 
ดูเหมือนทุกอย่างเป็นใจเมื่อรถราบนท้องถนนมีไม่มากผิดกับทุก ๆ วัน ฉันขับรถขึ้นทางด่วนลงบางนาและเข้าสู่เส้นทางถนนบางนา-ตราด 
	ในที่สุดก็ขับรถมาถึงซอยศรีกิจในเวลาแปดโมงเช้า ฉันขับรถพลางกวาดสายตามองไปโดยรอบจนในที่สุดก็พบอาคารอันสูงตระหง่าน สูงกว่าสิ่งปลูกสร้างในบริเวณนั้นทั้งหมด ฉันเชื่อมั่นว่าตอนขากลับออกมาคงมีแต่รอยยิ้ม
	ฉันรีบรุดไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สาวตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ไม่นานนักเธอก็ให้ฉันไปพบคุณชาญชัยที่ห้องประชุมชั้นสาม ลิฟท์ตัวเขื่องนำฉันไปที่ชั้นดังกล่าวอย่างรวดเร็ว 
	ผิดคาดแทนที่จะมีคนเดินกันขวักไขว่แต่กลับกลายเป็นวิเวกปราศจากสุ้มเสียงทุกชนิด ดูวังเวงชอบกล ฉันสืบเท้าพลางกวาดสายตามองไปทางซ้ายและทางขวาจนกว่าจะเจอป้ายบอกว่า ห้องประชุม
	ฉันเดินไปจนเกือบสุดทางเหลือห้องสุดท้ายแล้วฉันหวังว่าคงเป็นห้องนี้ 
	จริงดังคาด ห้องนี้คือห้องประชุมจริง ๆ ฉันเคาะประตูเป็นมารยาท
	เชิญครับ ผิดคาดเมื่อได้ยินเป็นเสียงแหบแห้งดั่งคนมีอายุมาก
	ฉันหมุนลูกกุญแจเปิดประตูเข้าไป เสียงเปิดประตูดังเอี๊ยดอ๊าด เมื่อกวาดสายตามองรอบห้อง ฉันอดสะดุ้งโหยงไม่ได้เมื่อพบชายวัยกลางคน หัวเถิก ไว้หนวดไว้เครา อ้วนลงพุง แต่งกายในชุดสูทแต่ผูกเนคไทไม่ใคร่เรียบร้อย
	สะ สวัสดีค่ะ ฉันกระพุ่มมืออย่างนอบน้อม
	อื้ม... เขามองหน้าฉันพลางหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูประหนึ่งเปรียบเทียบรูปร่างหน้าตาของฉัน
	คุณคือวีณาตามที่นายตระการแนะนำมาใช่ไหม
	เอ่อ ค่ะ ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ชวนพิสมัยเสียแล้ว
	เอาล่ะ เราเข้าเรื่องกันเสียที
	ค่ะ
	ได้ยินว่าคุณเดือดร้อนเรื่องการทำยอดขายอีกทั้งต้องหาเงินรักษาโรคหัวใจของน้องชายใช่ไหม ฉันพยักหน้า ดีแล้ว ผมยินดีซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประมาณหกล้านบาทและยังจะแถมเงินก้อนโตให้คุณอีกหนึ่งล้านบาท เขายื่นใบสั่งซื้อ เช็คลงวันที่ปัจจุบันสองฉบับ ฉบับหนึ่งหกล้านบาทสั่งจ่ายในนามบริษัท อีกฉบับคือหนึ่งล้านบาทสั่งจ่ายในนามฉันแต่ทั้งหมดยังขาดลายมือชื่อ
	เพียงแต่ ชายวัยกลางคนหยุดชะงัก
	แต่อะไรคะ
	นับจากวันที่คุณได้รับเงินจากผม คุณต้องเป็นภรรยาลับของผมตลอดไป ยามหลับนอนก็ต้องให้ความสุขกับผมอย่างเต็มที่
	ฉันตวาดกลับด้วยความโมโห ไม่ค่ะ ฉันไม่ใช่นางบำเรอนะคะ ขอตัวค่ะ
	โอ๊ะ โอ๋ ผมไม่ได้บังคับคุณ อันที่จริงผมจะซื้อสินค้ากับบริษัทอื่นก็ยังได้แต่นี่ผมยินดีช่วยเหลือคุณนะ แต่ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน คุณมีเวลาถึงสามทุ่มของวันพรุ่งนี้ที่สามารถให้คำตอบแก่ผมได้ เขายิ้มอย่างผู้ได้เปรียบ ว่าไงล่ะ คุณไม่อยากช่วยชีวิตน้องชายแล้วหรือ 
	ฉันผลุนผลันเดินออกจากห้องนั้นและโทร.หาตระการทันที 
	ฮัลโหล ตระการเหรอ...ทำไมถึงติดต่อตาแก่ลามกให้ฉัน ฉันตวาดอย่างไม่ปรานีปราศรัย
	ณา เข้าใจผิดหรือเปล่า คุณชาญชัยเป็นคนดีนะ แล้วเขาจะทำอะไรเธอหรือ
	ฉันเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ตระการฟังขณะก้าวเดินพ้นจากโรงแรมแห่งนั้น 
	ฉันไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ตอนที่ขอรูปถ่ายฉันก็ให้โดยไม่เอะใจ ตระการชี้แจง 
	เธอว่าอย่างไรล่ะ วันจันทร์ต้องส่งรีพอร์ทให้ฝ่ายบัญชีแล้วไม่ใช่เหรอ เหลือพรุ่งนี้อีกวันนะ ตระการย้ำเตือน
	ตกลงว่าเธอเห็นดีเห็นงามไปด้วยงั้นสิ ฉันยังบริภาษตระการต่อ
	ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าเธอไม่อยากทำก็ปฏิเสธไป บอกแล้วไงว่าฉันเองก็ไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้
	เพลานี้ฉันสับสนไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรต่อไป
	ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอวางสายล่ะนะ ตระการวางสายจากฉันทันทีมิให้ฉันพูดต่อ
	ฉันขับรถด้วยจิตใจเหม่อลอย คิดอะไรไม่ออก ดูเหมือนหนทางเริ่มตีบตันมากขึ้นเรื่อย ๆ	
	ฉันนอนเบิกตาโพลงตลอดทั้งคืน ใจพะวักพะวงเกี่ยวกับเรื่องงาน หรือว่าการพลีกายแลกกับเงินล้านคราวนี้เป็นหนทางสุดท้ายจริง ๆ คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จู่ ๆ ว่าพรุ่งนี้จะมีลูกค้าที่อื่นสั่งออร์เดอร์สี่ล้านบาทในบัดดล
	เช้าวันอาทิตย์คือวันสุดท้ายของไตรมาสนี้ วันจันทร์อาจเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ฉันทำใจให้สงบนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรด ดูแลน้องชายที่นอนป่วยอยู่ และออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน
	เวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว เหลืออีกเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่ฉันยังมีความหวังอยู่ มีอยู่สามทางที่ฉันทำได้คืออาจนิ่งเฉยจนเลยเวลาสามทุ่ม โทร.ไปปฏิเสธหรือไม่ก็ตอบรับตามเงื่อนไข
	ฉันสูดหายใจลึก ๆ ก่อนกดเลขหมายโทร.หาคุณชาญชัย ฉันตัดสินใจแล้ว				
comments powered by Disqus
  • ต๊อง

    21 พฤศจิกายน 2549 15:55 น. - comment id 93819

    นิยายน้ำเน่าทั้งหลาย ล้วนมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณวีณาโชดดีค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน