กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว จนไม่อาจระบุวันเดือนปีที่แน่นอนได้ ณ บ้านตัวเล็ก เอ๊ย...บ้านหลังน้อย แถบชานเมืองนิวยอร์ค มีสาวใหญ่วัยดุ นั่งทำหน้ามู่อยู่นอกซาน ปานประหนึ่งว่า จะเพิ่งถูกทึ้ง...เอ๊ย ถูกทิ้ง! มา ฉะนั้น เธอมีชื่อว่า "หง่าว" ชาวบ้านแถวนี้ ถูกเธอบังคับให้เรียกเธอว่า "Katty" หรือ "Kattina" ถ้าใครไม่เรียก เธอจะเรียก 911 มาจับ ในข้อหาทารุณกรรมทางจิตใจเธอ และเธอมักจะเรียกร้องค่าเสียหาย จากคนที่ยังไม่รู้จักเธอบ่อย ๆ เพราะมัวเผลอเรียกเธอว่า หมูตอน ชื่อ "หง่าว" แม่เธอตั้งให้ตั้งแต่เด็ก ๆ เหตุที่มาของชื่อนี้ เพราะเธอชอบแย่งข้าวแมวกินตอนเด็ก ๆ แม่ห้ามก็ไม่ฟัง เธอมักจะเล่น นอน และแอบกินข้าวแมวบ่อย ๆ เวลาที่แมวตัวไหนจะมากินข้าว เธอก็จะร้องขู่แมวตัวนั้นว่า "หง่าวๆ" พร้อมกับกระทึบเท้าใส่หน้าแมวตัวนั้น จนแมวทุกตัวพากันขยาด ไม่อาจจะสู้ฝ่าเท้าอันทรงพลังของเธอได้ แมวทั้งหลาย ในตอนแรก ๆ พยายามจะต่อสู้ต้านทานพลังฝ่าเท้าของเธอ ด้วยการข่วน และร้องขู่ตอบ "เหมียว ๆ" แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ แมวทุกตัวจึงเข็ด ขยาด ไม่อาจจะสู้ฝ่าเท้า เอ๊ย...สู้หน้าเธอได้ ขณะนั้น เป็นเวลาเย็น ๆ ลมพัดผ่านยอดหญ้าและใบไม้ พาให้ไหวเอนไปตามแรงลม ผสมกับความเย็น ที่เริ่มจะคลืบคลานเข้ามา ณ หนึ่งราตรีที่เริ่มจะเย็นยะเยือก ยามราตรีที่มหานครนิวยอร์คนี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่า เหน็บหนาว เสียวสะท้าน และน่าหวั่นสะพรึงกลัวยิ่งนัก ยิ่งในแถบชานเมืองแล้ว จะเย็นยะเยือกยิ่งกว่าในเมืองมากมายนัก แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า หง่าว หญิงสาวเจ้ากลับกล้ามานั่งกอดเข่า ก้มหน้าเหงา เศร้าสร้อยละห้อย ประหนึ่งว่า นารีน้อย กำลังเฝ้าคอยการกลับมาของใครสักคน ธรรมชาติชุมชนของคนนิวยอร์ค ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างรู้ดีว่า ต่างคนต่างอยู่ หาผู้ที่จะมาอุ้มชูกันและกันค่อนข้างยาก จนอาจกล่าวได้ว่าหาไม่ได้เลยทีเดียว แต่เหตุไฉนนงนุช จึงยังคงผุดลุกผุดนั่ง ประหนึ่งดุจดังว่า กินอาหารเป็นพิษเข้าไป จนทำให้เกิดอาการเสียดแทงภายใน...กระนั้น แต่เมื่อสังเกตดูจริง ๆ กลับพบว่า ไม่ใช่อาการของการปวดท้องบิด หรืออาหารเป็นพิษแต่ประการใด เพราะเธอเพียงลุกขึ้นเดิน หกเหิน (แต่ไม่ถึงกับหกคะเมน) ไปมา ทำหน้าตาเลื่อนลอย ถ้าให้เดา เธอคงจะกำลังคอยใครสักคน พักใหญ่ต่อมา เธอก็กลับทรุดตัวนั่งลงกับพื้นตรงชานหน้าบ้านอีกครั้ง อย่างไม่ปราณีต่อบั้นท้ายที่สุดแสนจะทรมาน เมื่อต้องกับพื้นด้านล่างเข้าอย่างจัง! หากไม่มีกางเกงตัวใหญ่ และหนา ๆ พอจะปิดกั้นผิวสาว และความเหน็บหนาวล่ะก็ บั้นท้ายนารีคงห้อเป็นเลือดปั้นใหญ่! สายลมพัดผ่าน ซากหิมะที่จับตัวกันเปรียบดังแท่นศิลาอันแข็งแกร่ง นำความหนาวยะเยือกเข้าสู่กระดูกก้นกบแบบไม่ปราณี และไม่รีรอวันเวลา แห่งการหายใจที่ร้อนผ่าวของเธอบ้างเลย ธรรมดาคนเราจัดว่าเป็นสัตว์เลือดอุ่น มีที่การปรับอุณหภูมิในร่างกายให้มีความสมดลได้ไม่ธรรมดา น้องหง่าว ก็เป็นคน ๆ หนึ่ง ที่มีความสามารถพิเศษในการปรับอุณหภูมิของร่างกาย ในท่ามกลางหิมะขาวที่พราวพร่าง อยู่ด้านล่าง หน้าบ้าน และทั่วบริเวณ ในราตรีนี้ สาเหตุหนึ่ง คงมาจากใจของเธอเอง ที่ร้อนผ่าว เกินกว่าจะวัดค่าอุณหภูมิด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ได้ ความเร่าร้อนภายในใจนั้น ได้ถูกกลั่นออกมา นำพาให้กายาของเธอมีไออุ่น พอที่จะผุดลุก ผุดนั่ง รวมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ หลายต่อหลายครั้ง อากาศหนาวแค่ไหนใครรู้บ้าง รายรอบข้างหิมะขาวพร่างพราวทั่ว รัตติกาลผ่านมาดูน่ากลัว แม่ทูนหัวยังคงนั่งตรงที่เดิม ครู่ใหญ่ต่อมา ประมาณชั่วโมงเศษ ๆ เห็นจะได้ มีรถคันใหญ่คันหนึ่งบึ่งมาแต่ไกล เธอลุกขึ้นยืนอย่างฝืนยิ้ม และปริ่มไปด้วยคราบน้ำตา พลางเดินลงมาจากชานหน้าบ้าน ลองมายืนตรงพื้นด้านหน้าติดถนนใหญ่ เธอมองย้อนดูบ้านปูนเก่า ๆ ที่อยู่ด้านหลัง พลางหันไปที่รถคันดังกล่าว ทันทีที่รถจอดสนิท เธอก็รีบจ้ำอ้าว สาวเท้า พาเอาบั้นท้ายอันไม่ธรรมดา มาพักลงตรงเบาะผู้โดยสารด้านหลังคนขับ หลังจากหย่อนบัตรเมโทรคลาส (Metro Card) ลงบ่นช่องสำหรับหย่อนบัตร ที่รถดังกล่าวจัดไว้ให้ดี เอ...แล้วนี่ เธอจะไปไหนกันล่ะ ดึกดื่นป่านนี้ ช่วงเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถคันใหญ่ได้นำพาเธอเข้าไปในเมืองใหญ่ ที่ดูมีสีสัน และเสียงดนตรีขับกล่อม ย้อมใจให้ใหลหลงพะวงหาใครสักคน เพื่อมาร่วมเดินเวียนวน เที่ยวชมบรรยากาศในเมืองยามราตรี ในปลายปีเฉกเช่นนี้ หลายคนเคียงคู่กันจู๋จี๋ เดินท่องราตรีที่สุดแสนหวาน ท่ามกลางความหนาวสะท้าน แห่งเหมันตฤดู ที่สังคมชั้นเลิศหรูนี่นิวยอร์คเรียกกันว่า Winter นั่นเอง รถคันใหญ่วิ่งผ่านกลุ่มชนมากมาย ภายนอกรอบถนนใหญ่ มีตึกสูงระฟ้า ที่ประดับประดาไฟแสงสีอย่างอลังการ ยากที่จะหาชมที่ไหนได้ รถวิ่งผ่านไปอย่างช้า ๆ จอดเป็นพัก ๆ ตามหลักสัญญาณให้จอด จนกระทั่งถึงตึกใหญ่แห่งหนึ่ง รถนั้นได้บึ่งเข้าไปด้านในใต้อาคารมหึมานั้น รถจอดสนิท ทุกคนต่างทะยอยเดินลง และแยกย้ายกันไปตามหาประดาฝันอันจะพึงมี Katty ค่อย ๆ ก้าวลงอย่างช้า ๆ ตามหลังใครต่อใคร มากหน้า หลายตา หลากสีผิว หลากภาษา หลายวัฒนธรรม สักพักเธอก็มายืนหันซ้ายแลขวา อยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ อ่ะแฮ่ม...สวัสดีเด้อ ข่อยมาหาหมู่ผู้หนึ่ง เป็นผู้หญิง รูปร่างคือกันกับข่อยนี่ล่ะ อายุหลายเติบอยู่ หลายกว่าข่อยประสองเท่าพุ้นล่ะ Im sorry mum, I dont know what the language that you said The giant man said. This is New York City, you know? So please speak English to me. ฮ่วย...! บักหน้ายักษ์นี่แหม เธอพึมพำในใจแต่แรงแห่งสุรเสียงนั้น พลันแทรกออกมาพอให้ได้รู้ว่า เธอกำลังไม่พอใจ Excuse me sir, Id like to see a lady likes this, could you show me? Where is she right now? ว่าแล้วเธอก็ส่งเอกสารในมือให้ชายร่างยักษ์หน้าหมึกคนนั้น แล้วเขาก็ชี้มือไปที่ป้ายแห่งหนึ่งทางด้านขวามือของเธอ You need to wait for her in the window number 911, OhSorryits 119. She is coming soon. Have a nice day and Happy Halloween Day, Byegiant girl เขาพูดพลางยิ้มอย่างน่ากลัว ในคืนวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม. วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ถือว่าเป็นวันปล่อยผี (Halloween Day) ของคนอเมริกัน โดยเฉพาะในนิวยอร์ค จะมีเทศกาลผี ๆ กันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเลยทีเดียว Happy Halloween Day 2549
31 ตุลาคม 2549 13:10 น. - comment id 93264
เมื่อคืนวาน อัลมิตราหลับตั้งแต่ทุ่มกว่า ๆ ฟื้นมาอีกที ตีสอง .. ตื่นเพราะเสียงโหยหวนของเจ้าโฮ่ง .. หลาย ๆ โฮ่ง มานึกขึ้นได้ อ้อ .. เวลาเดินเข้าสู่ช่วงของฮาโลวีนแล้วสินะ ครั้นจะลุกมาเปิดเน็ต ก็กลัวผี ครั้นจะนอนต่อ ก็นอนไม่หลับ :) อีกวูบ ตื่นมาตอนหกโมงกว่า ๆ โอ สบายแท้ นอนเกือบ 12 ชั่วโมง อัลมิตราใกล้จะเป็นหนอนแล้วค่ะ
31 ตุลาคม 2549 15:13 น. - comment id 93266
Hello Mister Niphon, Welcome back, lucky you had a vacation and thank you for the cute kitten script. First of all I'd like to say that Halloween is not American culture, but from the Celts, in Europe. If you'd like to know more please read the history of Halloween from the enclosed link. Please do some research, otherwise other people may misunderstood what the truth is. http://www.neopagan.net/Halloween-Origins.html See you around, have a nice day. PS. Halloween vs. Harvest season. It is a very long story.