ปากกาไร้หมึก1

ขนม

ทุกครั้งที่ฝนตกคนจะรีบวิ่งเพื่อหาที่หลยฝน  สำหรับฉันแล้วในวันที่ฝนตก ฉันจะปล่อยให้น้ำฝนที่ไหลลงมา ชำระล้างความเจ็บปวด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันได้อยู่กับโลกส่วนตัวของฉัน ในห้องกลม ๆ แคบ ๆ ที่สามารถจะบันดาลให้เกิดฝน หิมะ หรือแม้แต่ พายุ ก็ได้ ห้องนี้เปรียบเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่รู้ใจฉัน ทำได้ทุกอย่าง และยังมีอะไรอีกมาก ที่ฉันไม่รู้ การได้มีน้ำเป็นเพื่อนแทนน้ำตาที่ไหลร่วงริน
ในแต่ละครั้งนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้และดีที่สุด ซึ่งมันจะไม่มีวันหยดจากดวงตาทั้งสองตาให้ใครได้เห็นมัน แต่จะไหลรินลงไปในใจ ไหลรินอย่างช้า ๆ 
          "คุณหนูเล็กค่ะ ได้เวลาแล้วค่ะ" นั่นเป็นน้ำเสียงคุ้นหู ลีลา พี่เลี้ยงแสนสวยของฉันเอง ฉันเติบโตมากับการเลี้ยงดูโดยพี่เลี้ยง ซาวอนท่านข้าหลวง และมัมเรดี้ ผู้เป็นแม่ แม่ที่ฉันแทบจำไม่ได้แล้วว่ากอดท่านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่จำได้ดีว่าไออุ่นที่ได้เมื่อครั้งที่มัมเรดี้ กอดด้วยความรักยังตรึงใจอยู่ไม่หาย
          "คุณหนูเล็ก อายุครบ 10 ขวบแล้วนะค่ะ จะทำอะไรตามใจไม่ได้นะค่ะ"
          "แล้วมันต่างจากมะวานนี้ยังไง บอกฉันสิ ลีลา"
          "อีกไม่กี่วัน คุณหนูจะต้องถูกรับขวัญ จากมัมเรดี้ ซาวอน และทุกคนที่ไคโร คุณหนูต้องเป็นผู้ใหญ่ รับผิดชอบงานมากขึ้น และต้องเรียนรู้กฎต่าง ๆ อีกมากมาย"
          เมื่อพูดจบลีลาก็ไป ปล่อยให้ฉันหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองตามลำพัง
นี่เป็นสิ่งที่ฉันยังไม่ได้คิด หรือว่าเกินความคาดหมาย ฉันยังคงนั่งอยู่หน้ากระจก และบอกตัวเองว่าเราจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น จะไม่มีเวลาได้อยู่กับ ทุก ๆ คนเหมือน พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่ และพี่ห้า ว่าแล้วนี่ก็เย็นมากแล้วทำไมพี่ ๆ ไม่เห็นมาพบเราเลยนะ รู้สึกใจไม่ได้เลย ไปดูข้างนอกหน่อยดีกว่า 
          ในระหว่างทางจะพบทาสยืนเคารพฉันด้วยความเกรงกลัวฉันในฐานะ
ลูกสาวคนเล็กของ วังอเมทิส ฉันต้องเดินด้วยความระมัดระวังในกิริยา มารยาทอันน่าเบื่อ ซึ่งฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องทำ ฉันต้องใส่เสื้อผ้าที่ทำจากไหม ทุกชิ้น ถักทอจนเป็นลายที่สวยงาม ที่ยากแก่การลอกเลียนแบบ ปล่อยผมอันยาวสลวย เป็นลอน เงางาม ม้วนอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวฉันยังไม่กลิ่นหอมอันยั่วยวนใจเหลือเกิน จนแม้แต่ ฉันเองก็ยังเคลิ้ม ฉันรู้สึกว่าฉันช่างเปราะบางเหลือเกิน ไม่ว่าเสื้อผ้า เครื่องประดับในตัวของฉันจะมีค่าซักเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำให้ฉันแข็งแรง ได้มากกว่าแต่ก่อน และไม่มีอะไรมารักษา โรคที่ฉันเป็นอยู่ได้ การหายใจเข้าออกในแต่ละวันสำหรับฉันแล้วช่างเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน
          "คุณหนูเล็กค่ะ ยังเข้าไปในห้องไม่ได้ค่ะ" นี่เป็นคำพูดของทาสหน้าประตู ที่พูดขึ้นทันทีที่ฉันมาถึงหน้าห้อง 
          "เกิดอะไรขึ้น" ฉันถามด้วยความสงสัย
          "มัมเรดี้ และท่านพี่ของคุณหนูเล็กกำลังประชุมเรื่องงานรับขวัญ ในอีก 2 วันข้างหน้าค่ะคุณหนูเล็ก " นั่นเป็นคำตอบที่ไม่ได้ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเลย สิ่งที่ฉันทำได้คือกลับมาที่ห้อง และรอคอยเวลาที่พี่ ๆ จะมาหาพร้อมบอกฉันว่า ฉันจะต้องทำอะไรอีกตามเคย อืม ! จริงสิ ถ้าจะให้รออยู่เฉย ๆ ก็น่าเบื่อ งั้นฉันไปเล่นกับ มัธซาดีกว่า มัธซาเป็นลูกของ ท่านข้าหลวงในวังอเมทิส เป็นเพื่อนเล่นที่ฉันสนิทที่สุด ว่าแล้วฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกนอก ต้องใส่เสื้อผ้าที่รัดกุมกว่าอยู่ในวัง ฉันต้องสวมกระโปรงยาว ผ่าข้างถึงต้นขา ใส่เสื้อที่รัดหน้าอกให้มากที่สุด และใส่เสื้อคลุมแขนยาวอีกที ฉันรู้สึกอึดอัดมาก ดีที่มีลีลาเป็นคนแต่งตัว และทำทุกอย่างให้ ไม่งั้นฉันคงลำบาก โดยเฉพาะผมที่ต้องรวบ ผูกสูง เก็บไม่ให้ไหล่ผมตกลงมา และรวมรองเท้าที่ทำจากผ้าไหม และถักทอกับหนังสัตว์ เพื่อความอบอุ่น และป้องกันอันตรายได้ เมื่อเสร็จแล้วจะรออะไรอีกหละ ก็รีบวิ่งไปหามัธซาดีกว่า				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน