** ทัศยุราชันย์** บทที่ ๒ แปลกถิ่น “ ตื่นเถอะคุณ...ๆ” เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นริมหู “ นี่เกือบเที่ยงแล้วล่ะน๊ะ “ “รีบแต่งตัวเถอะเดี๋ยวต้องไปพบ “ท่านพ่อปู่ ”ท่านกำลังคอย อย่าช้านะจ๊ะ ” เสียงหญิงสาวเรียกรีบเร่ง ชายหนุ่มลืมตาขึ้นแล้วขยี้นัยน์ตาพลางหันมอง พบใบหน้าของหญิงสาวที่เคยพบกำลังถือเสื้อผ้าเรียกอยู่ พร้อมก้มมองตัวเองซึ่งมีเพียงแค่กางเกงขาก๊วยและผ้าขาวม้าผืนเดียวเท่านั้น ส่วนมีดและเชือกเถาวัลย์ไม่รู้ อยู่ตรงไหนหรือหล่นหายไปพร้อมกับสายน้ำคราวหนีน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน กระพริบตาถี่ๆแล้ว ค่อยๆลุกขึ้นนั่งมองอย่างงวยงง พ่อปู่ไหนหรือเขาคิด ก็พบเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นยังมีใครอีกหรือ แต่ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะปกตินิสัยเขาก็ไม่ค่อยชอบพูดจาวิสาสะกับใครๆอยู่แล้ว เมื่อรำคาญชาวบ้าน ก็จะรีบแต่งตัวเข้าป่าทันทีเพื่อให้พ้นๆไปเสียจากการพูดจาต่างๆนานา มักจะชอบวิจารณ์เรื่องไม่ใช่เรื่องของตน แต่กับไปวิจารณ์เรื่องของคนอื่น บางครั้งก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอๆ เขาอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่พ่อแม่ ได้ทิ้งเขาไปเมื่อเริ่มวัยหนุ่ม เขาก็มิได้ติดพันใครๆทั้งสิ้น ญาติพี่น้องรึก็ไม่มี พ่อแม่ก็นิสัยเหมือนเขาคือไม่ค่อยชอบพบปะมักจี่กับใครๆนอกจากทำหน้าที่ภายในบ้านเท่านั้น จะมีบ้างก็เป็นงานประจำหมู่บ้านเท่านั้นหรือประชุมบางครั้งบางคราว ต่างคนต่างหากินกันไปตามอัตภาพ ฉะนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มแล้วยืนมองหล่อน พร้อมทั้งกล่าวขึ้นว่า “ จะไปล้างหน้าและอาบน้ำที่ไหนล่ะจ๊ะ ไม่เห็นมีน้ำที่ไหนเลยนอกจากแก้วหินเหล่านี้ ” ชายหนุ่มถาม หล่อนยิ้ม จนเขาต้องอดชมในใจเสียมิได้ว่าหล่อนช่างงามอะไรเช่นนี้ ผิดกับหญิงชาวบ้านป่าทั่วๆไปราว ฟ้ากับดินทีเดียว ใบหน้าเรียวกลมรับกับคิ้วจมูกปากราวกับถูกปั้นจากเทวดาตามที่เห็นจากปฏิทินรูปนางฟ้าจัง เออ...แต่นี่อะไรๆก็ดูแปลกตาแปลกใจไปเสียทั้งหมดหรือว่าเป็นถิ่นสถานของเทวดาจริงๆน๊ะ เขาคิดรำพึง “เร็วๆเถอะจ๊ะ ท่านพ่อปู่คอยนานไม่ได้ ” หล่อนเร่งเขา “ เดี๋ยวก่อนจ๊ะ...เออๆ!!...ท่านมีชื่ออะไรหรือ...ตั้งแต่มายังไม่ทราบชื่อท่านเลยล่ะ” “ อ้าๆๆ...ผมเองชื่อทัดจ๊ะ ทัดบ้านป่า...” ชายหนุ่มถามพร้อมแจ้งชื่อให้หล่อนทราบ “ จะรู้ไปทำไมจ๊ะ เพราะเราก็ต้องจากกันอีกแล้วน๊ะ” หล่อนติง “ อ้อ..เพื่อฉันจะได้จดจำผู้มีคุณแก่ฉัน ก็เท่านั้นเองแหละจ๊ะ” “ สักวันหนึ่งแวะมาแถวๆนี้จะได้มาเยี่ยมเยียนจ้า” ชายหนุ่มอ้อนพร้อมเผยยิ้มที่คิดว่าตัวเองจะยิ้มได้งาม “ ช่างเถอะ...เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละน่า” หญิงสาวก้มหน้าตอบเพื่อหลบสายตาของชายหนุ่ม “ หากไม่ทราบชื่อคุณ ผมว่าไม่ไปดีกว่านะ เพราะเดี๋ยวท่านพ่อปู่ถามก็ไม่รู้ว่าใครช่วยเหลือผมซิ” เขาตอบ พร้อมทั้งทำท่าจะเอนตัวลงนอนต่อ หากไม่ได้รับคำตอบจากหญิงสาว ทำให้หญิงสาวลังเลใจไปสักครู่ “ อันที่จริงไม่สำคัญอะไรหรอกนะ แต่ว่าเฮอะๆๆช่างเถอะ ฉันชื่อ “ดาริกา” อย่ามัวโอ้เอ้เลยเร็วๆเข้า” “เพราะท่านพ่อปู่จะต้องรีบไป ให้มาเร่งก่อนท่านจะไปน๊ะ” หล่อนก้มหน้าตอบเขา “ แค่นี้แหละ..ทำหวงชื่อไปได้ ไม่เห็นจะน่าหวงเลยชื่อก็ไพเราะเหมือนดวงดาว ไม่เห็นเหมือนตัวตุ่นเลย” เจ้าหล่อนทำตาโต คิดจะพูดแต่ก็นิ่งเสียพร้อมวางเสื้อผ้าไว้ที่โต๊ะหินข้างๆ เดินหลบไปพร้อมเสียงกำชับ “แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยล่ะ อ๋อ...น้ำอยู่หลีบหินโน้นแน๊ะ” พร้อมชี้มือบอกทางเขา แล้วก็เดิน หนีไปยังหลีบหินอีกด้านหนึ่ง คอยให้ชายหนุ่มชำระร่างกายแต่งตัวเสร็จจะมารับ “ อ้าวๆๆแล้ว ดาว จะไปไหนล่ะ ไม่รอก่อนรึ” เมื่อเห็นหล่อนเดินจะเข้าหลีบหินข้างหน้า “ ฉันชื่อดาริกาย๊ะ...มิใช่ ดาว น๊ะ...ฮึๆๆๆดาว ดาว เอ๊ะก็ไพเราะดีนี่นา “ หล่อนท้วงพร้อมอมยิ้มเหมือน จะรู้สึกพึงพอใจต่อคำว่า “ดาว” เสียจริงๆ พร้อมทั้งรีบเดินหนีไปไม่ฟังคำท้วงติงใดๆจากชายหนุ่มอีก เขารีบลุกขึ้นเดินไปยังที่หลีบหินที่หล่อนบอกทางให้เมื่อพ้นหลีบหินก็เห็นเป็นลานกว้างพอประมาณ ตรงกลางเป็นแอ่งน้ำใสสะอาดไม่ใหญ่และกว้างนักประมาณสองสามวาเห็นจะได้ มีหินย้อยหลากสีส่งประกาย ระยิบระยับแพรวพรายส่งสะท้อนแสงแวววับช่างงดงามอะไรเช่นนั้น แต่แต่น้ำในแอ่งก็ยังส่งประกายหลากสี เช่นกัน เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยได้พบเห็นอะไรจะงามเท่าสถานที่นี้อีกเลย “ แล้วเราจะปลดทุกข์หนักได้อย่างไรเล่าหว่า” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง แต่ทว่าเหมือนจะมีอะไรมาดลใจ ทำให้ต้องเหลือบไปมองตรงหลีบหินตรงมุมสุดของลานหินเห็นเป็นหินเหลื่อมซ้อน เขาจึงเดินไปสถานที่ ดังกล่าวจะเป็นตามที่เสมือนมีอะไรดลใจหรือไม่ ก็ต้องแปลกใจที่ความคิดอ่านช่างตรงกันเสียเหลือเกิน เพราะสถานที่นี้ก็เป็นสถานที่ใช้สำหรับปล่อยทุกข์จริงๆด้วย เขาจึงรีบจัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ พร้อมทั้งชำระร่างกายไปด้วย แล้วเดินออกมาเพื่อล้างหน้าอาบน้ำ แต่ทว่าพอหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง ก็ต้องสะดุ้งในใจเพราะบริเวณเมื่อกี้นี้หายไปกลับเป็นเพียงหินย้อยที่ย้อยลงไปจัดเป็นม่านเล็กๆเท่านั้นเอง “ ฮึๆๆหรือว่าพวกเทวดาไม่ต้องปล่อยทุกข์หนักดังเช่นเรา” เขาคิดคำนึง เพราะที่นี้อะไรๆก็แปลกๆ อยู่แล้วล่ะ “ มันเป็นวาสนาหรือเคราะห์แน่โว้ย” เขารำพึงกับตัวเอง พร้อมรีบจัดการกับตัวเองลงอาบน้ำในแอ่งน้ำ “ อ้าวๆๆไม่มีอะไรถูตัวหรือ เอ๊ะก้อนหินสีนี้มีกลิ่น เอาล่ะเอาไอ้นี่แทนก็ได้” เขาคิดพร้อมทั้งนำหินสี นั้นมาทำความสะอาดร่างกาย แล้วก็ต้องสะดุ้งในใจเพราะปรากฏว่าใช้ชำระร่างกายได้ดีกว่าสบู่ที่เขาทำขึ้น ใช้เสียอีก ความรู้สึกว่าร่างกายช่างสะอาดสะอ้านกว่ากัน พร้อมทั้งเร่งตัวเองแล้วขึ้นจากแอ่งน้ำ “ตายล่ะหว่า เสื้อผ้าที่เขาเอามาให้อยู่ข้างนอกโน่น จะเดินไปเอาก็กลัวสาวเจ้าจะมาเห็น ทำไงดีล่ะ” แต่แล้วความคิดก็นึกถึงผ้าขาวม้าได้จึงรีบนำมาคาดนุ่ง พร้อมทั้งหยิบกางเกงเดินออกไปบริเวณลานถ้ำนั้น พร้อมทั้งจัดการรีบผลัดเปลี่ยน พอหยิบขึ้นมาเห็นเป็นกางเกงเช่นขาก๊วยก็ค่อยโล่งอกไป เพราะเขา คิดว่าจะเป็นผ้าถุงหรือผ้าสำหรับนุ่งโจงกระเบนเช่นคนแก่ๆในหมู่บ้านเขาใช้นุ่งกันเสียอีก เพียงแต่ว่ากางเกง นั้นเป็นสีลายแปลกตา ตรงขอบทั้งด้านล่างบนเป็นขลิบลายทองริมขากางเกง ส่วนด้านบนเป็นรูปคล้ายดอกไม้ กำลังบานช่างเถอะรูปอะไรก็ช่าง แล้วหยิบเสื้อขึ้นมาดูเป็นเสื้อไร้แขนบางเบาใสมีขอบทองทั้งปกและขอบเสื้อ “จะใส่ไปทำไม ใส่หรือไม่ใส่ก็คงเหมือนกันแหละบางอย่างนี้” เขาคิด แต่พอสวมเสื้อดังกล่าวแล้วมองตัว เองก็พบว่าไม่สามารถแลเห็นเนื้อตัวเองเลยซ้ำยังอบอุ่นเย็นๆอย่างประหลาด รู้สึกตัวชักเบาๆอย่างไรชอบกล “ช่างเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วอะไรจะเกิดให้มันเกิดไป” เขารำพึงตัวเอง พร้อมทั้งหันมองหาหญิงสาวคนนั้น ก็เห็นเจ้าหล่อนเดินยิ้มออกมา แล้วยืนตะลึงจ้องมองดูเขาแต่งตัว รู้สึกตัวเจ้าหล่อนจะเบิกตากว้างเป็นพิเศษ เหมือนจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เหมือนผิดกันเป็นคนละคน” หล่อนยืนรำพึง “ เรียบร้อยแล้วหรือ ทีแรกนึกว่าเต่าใส่เสื้อเสียอีก ผิดคาดจริงๆ ฮึๆๆ” สาวเจ้ากล่าวหัวเราะเบาๆ พร้อมทั้งเดินมาดึงแขนเขาเพื่อนำเขาออกไป “เดี๋ยวก่อนๆ ” “ อะไรอีกล่ะ “ “เปล่าหรอก....!!!.... ฉันคงหล่อนะซิ ฮิๆๆ” เขากระเซ้าหล่อน “จะบ้าหรือ...คนอะไรหลงตัวเอง รีบไปเถอะ” หล่อนปล่อยแขนเขา พร้อมก้มหน้าสะเทิ้นอาย “ บอกตรงๆนะเธอ...ตั้งแต่ผมเกิดมาเป็นหนุ่มนี่ยังไม่เคยเห็นใครสวยเท่าเธอเลยล่ะ” เขายืนอมยิ้ม “ ช่างเถอะๆ เธอก็หล่อจริงๆนี่ อุ๊ย บ้าบอเหมือนคุณไม่มีหรอก ไปๆๆๆรีบไปเถอะพ่อปู่จะคอยนาน” หล่อนหันมาตอบพร้อมรีบเดินนำทางเข้าไปยังหลีบหินด้านที่หล่อนเดินออกมา เขารีบเดินตามหลังหล่อน ก่อนนั้นเคยมาสำรวจเห็นเป็นโพรงใหญ่พอประมาณมืดสนิท แต่พอเธอเดินผ่านพลันก็ปรากฏแสงเรืองรอง กระจายไปทั่วบริเวณนั้นเป็นบริเวณกว้างพอประมาณใช้สำหรับเดินได้สักสามสี่คนเห็นจะได้ เป็นทางราบ แต่คดเคี้ยวไปมา ข้างฝาผนังถ้ำส่งประกายสีขาวนวลอมแดงชมพูตลอดแนวทางเห็นสองข้างทางปูไปด้วยหิน หลากสีเล็กๆส่งประกายใสสดแวววาวไปทั่วราวกับมณีที่ต้องแสงอาทิตย์ก็มิปานระยิบระยังพร่างพราวไปหมด สักพักหนึ่งก็แลเห็นปากทางออกเป็นแสงสว่างสีเขียวขจีสดใส หล่อนและเขายืนหยุดตรงนั้นเห็นหล่อน ยกมือแล้วทำปากขมุบขมิบเหมือนจะท่องอะไรสักอย่างหนึ่ง เขายืนมองอย่างสงสัยแต่มิได้กล่าวถามอะไรหล่อน คงยืนดูหล่อนเฉยๆ สักครู่ปรากฏตรงกลางแสงสว่างสีเขียวนั้นคล้ายมีบานประตูเปิดออก หล่อนหันมามองเขา พร้อมเร่งให้รีบเดินตามหล่อนอย่าได้ห่างไกลนัก ทั้งสองเดินผ่านประตูนั้นเข้าไปแต่เขาอดเสียมิได้ที่ต้องหันหลัง กลับไปมองทางออกอีกปรากฏว่าทั้งแสงและประตูนั้นหายไป เป็นเพียงผนังหินกั้นธรรมดาเท่านั้นเอง แล้วหันหน้ากลับแต่อนิจจา เขาต้องตกตลึงพึงเพริศต่อภาพต่างๆอีกครั้งเพราะบริเวณที่เขาแหละหล่อน ยืนอยู่เป็นบริเวณกว้างเต็มไปด้วยไม้นาๆพันธุ์ชนิด ทั้งสองด้านเป็นภูเขาขึ้นกั้นทางไว้แต่แปลกกว่าภูเขาทั่วๆไป เพราะเขาแต่ละลูกมีประกายแสงส่องออกมาจากด้านหลังเป็นแสงสะท้อนขึ้นไปในอากาศส่วนด้านหน้านั้น แพรวพราวหลากสีกระจายคล้ายแสงหิงห้อยที่กลับบินว่อนในอากาศก็มิปาน รอบบริเวณดังกล่าวมีดอกไม้สะพรั่ง กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมโชยอ่อนๆล่องลอยมาจะว่ากลิ่นคล้ายดอกกุหลาบก็มิใช่เป็นกลิ่นนมแมวก็มิเชิง ครั้นสูดเข้าไปทำให้ร่างกายสดชื่นสมองรู้สึกปลอดโปร่งเป็นพิเศษ แต่ละช่อละดอกมีแสงสีทองส่องลอยประกาย รอบล้อมดอกไม้นั้นๆระยิบระยับวนพราวไปทั่วทุกๆช่อดอกไม้นั้น เบื้องหน้าเป็นทางเดินเล็กๆแต่โรยด้วยหินสีประหลาดต่างๆส่งแสงแพรวพราวไปทั่ว สองข้างทางเป็นต้นไม้เตี้ยดอกเล็กๆระยิบระยับพร้อมกลิ่นโชยมาแต่กลิ่นแตกต่างกันของระยะเส้นทางที่เดินเข้าไป เขาเดินตามเจ้าหล่อนซึ่งเดินนำหน้ามุ่งตรงไปยังภูเขาลูกกลาง ที่แลเห็นไม่ใกล้ไม่ไกลนัก พอเข้าระยะใกล้ก็แลเห็นวิหารเล็กๆตั้งอยู่โดดเด่นเดี่ยวหลังเดียวรายล้อมด้วยดอกไม้ หน้าวิหารเป็นลานกว้างเล็กน้อยสองข้างเป็นสระน้ำที่ปลูกดอกบัวกำลังเบ่งบาน บริเวณรอบวิหารเห็นเป็นแสง สว่างครอบคลุมเป็นแนววงโค้งครอบไว้หลากสี หล่อนพาเขาเดินมาจนถึงปลายสุดของวงโค้งแสง ก็ดึงเขาให้ ทรุดตัวลงนั่งกึ่งคุกเข่าพนมมือ พลางหล่อนก็น้อมตัวกล่าวคำออกไป “ ท่านพ่อปู่...ข้าพเจ้านำท่าน “ทัศยุ”มาพบแล้วเจ้าค่ะ ” เสียงเงียบไร้สุ่มเสียงตอบรับ เพียงแต่แสงโค้งนั้นเปิดเป็นทางพอทีจะเดินผ่านไปได้ พลางหล่อนหันมากล่าว กับชายหนุ่มเบาๆ “ ท่านระวังกิริยาไว้บ้าง กล่าวคำใดควรระมัดระวังคิดก่อนพูดนะ” หล่อนหันมาเตือนเขา เหมือนกึ่งได้ยินซึ่งเป็นช่วงที่เขางุนงงต่อคำที่หล่อนกล่าวกับพ่อปู่ของหล่อน “ทัศยุๆ” แต่ เราชื่อ “ทัด” นี่หว่า ไหงเป็น “ทัศยุ”ไปได้ ก็ไม่เห็นมีใครอีกนอกจากเรา จนกระทั่งหล่อนกระตุกชายเสื้อเขานั่นแหละถึงจะรู้ตัว ทั้งสองเดินผ่านแสงเข้าไปยังประตูวิหารเล็กๆนั้นแล้วก้าวข้ามพ้นธรณีประตู ก็แลเห็นชายชรานุ่งขาวห่มขาวนั่ง อยู่ตรงกลางใกล้ๆริมผนังด้านหลัง อากาศภายในเย็นฉ่ำกำลังพอดีๆ ลืมตามองมายังเขาทั้งสอง ด้วยใบหน้าเฉยเมย ปราศจากอาการใดๆทั้งสิ้นดั่งผู้ทรงศีล ใบหน้าเต็มไปด้วยผมเครายาวขาวโพลงดุจดังใยหิมะ........ “ ทัศยุ ท่าน ”
27 ตุลาคม 2549 14:01 น. - comment id 93178
นางเอกมาแล้ว สวยเสียด้วย ไม่สวยก็เสียชื่อคนแต่งเนอะคุณลุงเนอะ อิอิ
27 ตุลาคม 2549 16:53 น. - comment id 93183
ว๊าวๆๆๆ..นานๆๆเข้ามาที...ลุงแก้ว....เขียนนิยายให้อ่านด้วย ขอนั่งอ่านก่อนละ....แล้วจะรอตอนต่อไปนะลุงแก้ว ดูแลสุขภาพด้วยนะจ๊ะลุงแก้ว
27 ตุลาคม 2549 20:35 น. - comment id 93185
แปลกถิ่นได้ แต่อย่าแปลกใจ เพราะ.. เคยเจอกันแล้วนี่
27 ตุลาคม 2549 21:49 น. - comment id 93194
คุณ เพียงพลิ้ว ใช่แล้วจ้า ชื่อเต็มคือเจ้าหญิงกานต์วลีศรีสมร อมรดาริกาจ้า เธอสวยและใจดีเสียด้วยน๊ะ นั่นซินึก ถึงภาพเจ้าหญิงกานต์เลยจับมาเป็นนางเอก ฮ่าๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
27 ตุลาคม 2549 21:55 น. - comment id 93195
คุณ แก้วนืดา ดีใจจังได้พบกันอีก เขียนกลอนชักเบื่อเลยหัน มาทางนี้บ้างเปลี่ยนอารมณ์ ก็สนุกดีนะ เชิญเลยจ้า แต่บอกไม่ได้ว่าจะยาวขนาดไหนนะต้องตามใจและ อารมณ์ผมเสียด้วยซีจ๊ะ รักและคิดถึงเสมอ แก้วประเสริฐ.
27 ตุลาคม 2549 21:57 น. - comment id 93196
คุณ อัสสุ สำหรับเจ้าชายอัสสุไม่แปลกหน้าหรอกครับ ยินดีที่มาเยี่ยมอีกครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
27 ตุลาคม 2549 23:11 น. - comment id 93198
อ่านเพลินเลยนะคะ... เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
27 ตุลาคม 2549 23:42 น. - comment id 93206
หวัดดีค่ะลุงแก้ว
28 ตุลาคม 2549 09:28 น. - comment id 93209
คุณ แมงกุ๊ดจี่ ขอบคุณที่เป็นกำลังให้สร้างจินตนาการต่อไปครับ แก้วประเสริฐ.
28 ตุลาคม 2549 09:30 น. - comment id 93210
คุณ idaho สวัสดีจ้าหลานสุดสวย คิดถึงเสมอจ๊ะรอยยิ้ม อันน่ารัก แก้วประเสริฐ.
29 ตุลาคม 2549 11:46 น. - comment id 93230
แอ่น แอ้น...วันนี้เจ้าชายของยายแม่มดอารมณ์ดีนึ ...แวะมาก่อกวนค่ะ
29 ตุลาคม 2549 16:29 น. - comment id 93234
คุณ ยายแม่มด อย่าลืมอ่านตอนต่อไปทุกๆตอนนี้รับนับวัน จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังได้สิ่งแปลกๆใหม่ด้วยนา รับรองในนามปากกาแก้วประเสริฐจ้า เจ้าชายคนนี้ กำลังเจ้าหญิงแม่มดน้อยอยู่ ฮ่าๆๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
30 ตุลาคม 2549 01:37 น. - comment id 93242
...ปกติก็ชอบเรื่องเจ้าหญิง...เจ้าชายอยู่แล้ว..พออ่านตอนที่ 2 เริ่มสนุกและเข้มข้นมากขึ้น..จะติดตามต่อไปค่ะ...
30 ตุลาคม 2549 13:06 น. - comment id 93244
คุณ ราชิกา สงสัยคุณกับผมมักจะมีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง ตามที่คุณแจ้งมานะครับ ผมเองมักชอบอ่านหนังสือ ลี้ลับโบราณมากกว่านิยายสมัยใหม่มาก เพราะไม่ ตื่นเต้นในอารมณ์ผิดกับนิยายสมัยเก่ามาก ผมเอง ก็เขียนแนวสมัยใหม่จนต้องวางมือสักพักเพราะเหตุ ดังกล่าวนี้แหละ ตอนเด็กๆชอบอ่านนิยายพวก จักรๆวงศ์ๆครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
22 พฤศจิกายน 2549 19:19 น. - comment id 93847
แล้วนี่อยู่ถิ่นไหนละคะคุณแก้วประเสริฐ
13 ธันวาคม 2549 19:58 น. - comment id 94280
คุณ แม่มดใจร้าย ตอนนี้อยู่ถิ่นแถวมีนบุรีเขตชานเมืองครับผ๊ม แก้วประเสริฐ.