โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก บนถนนสายแคบๆเส้นทางมุ่งสู่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี รถโดยสารประจำทางนำผมมายืนอยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ป้ายขนาดใหญ่บอกผมว่าไม่ผิดที่อย่างแน่นอน โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก หลังจากสูดกลิ่นอายจากป่าเขาสักพักจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่ภายใน สองข้างทางดูคล้ายสวนป่า รกชัฏและเงียบสงบ เสียงเจี๊ยวจ๊าวได้ยินมาแต่ไกล อึดใจหนึ่งจึงพบกับที่มาของเสียง บนสนามฟุตบอลที่หมาดชื้น บางแห่งยังมีน้ำขังแอ่ง แต่เด็กกลุ่มหนึ่งยังเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน ซักพักจึงหยุดยืนมองดูผม บุคคลแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาในยามเย็นย่ำ แล้วหันไปใส่ใจลูกกลมๆตรงหน้าแทนคล้ายไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ พี่พาใครมาด้วยเหรอครับเสียงตะโกนทักแต่ไกล ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินอยู่ ชุดกีฬาสีเขียวเดินตรงเข้ามาพลางชะงักงันเมื่อรู้ว่าทักผิดคน ขอโทษครับ ผมนึกว่าพี่ผม แล้วพี่จะไปไหนเหรอครับ?ผมเอ่ยบอกจุดมุ่งหมาย พลางเร่งสาวเท้าให้เร็วขึ้น ใครอีกคนที่ว่าคือตากล้องที่เดินทางมาด้วยกัน บรรยาภายในครึ้มไปด้วยแมกไม้ บ้านพักแต่ล่ะหลังซ่อนตัวอยู่ในอาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด เด็กหลายคนวิ่งเล่น เสียงหัวเราะ ร้องไห้ สับสนปนเปไปหมด ผมเดินเลี่ยงเข้าสู่เรือนพัก ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ โดยมีไกด์เด็กๆนำทางไปและกับประโยคที่ทำเอาเราสองคน ผมกับตากล้อง มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม พี่จะไปไหนบอกผม ตามผมมาเลยท่าทางทะมัดทะแมงเต็มไปด้วยความมั่นใจ และดูภูมิใจกับหน้าที่ไกด์อันทรงเกียรติ ผมเดินตามอย่างไว้ใจ เพราะที่นี่คือ บ้านของเขา กีฬายอดฮิต ดีดลูกแก้ว เสียงไก่ขันปลูกโรงเรียนกลางป่าให้ตื่นขึ้นรับวันใหม่ วันนี้หน้าที่แรกของเด็กๆคือ ลงแปลงผัก ต่างคนต่างขยันขันแข็ง เด็กโตจับจอบเสียมลุยแปลง เล็กลงมาหน่อยลากสายยางรดน้ำผักที่ปลูกไว้ ส่วนที่เหลือนอกจากนั้นวิ่งเล่นกันไปในสวนเกษตร บ้างปีนป่ายห้อยโหนอยู่ตามต้นไม้ เก็บมะขาม ชมพู่ จนเหลือแต่ลูกที่อยู่ไกลมือ ที่นี่ถือว่าเป็นครัวของเด็กๆ ผักต่างๆที่ปลูกจะถูกกลายสภาพเป็นอาหารอันโอชะ เด็กๆปลูกเอง ทำอาหารเอง กินเอง เสร็จจากลงแปลงผักทุกคนต่างชำระล้างร่างกายเตรียมตัวสำหรับอาหารเช้าที่โรงอาหาร ผมเห็นเด็กคนหนึ่งเดินมา ในมือลากเศษเหล็กมาหอบใหญ่ ชุดกีฬาสีเขียวยังไม่เปลี่ยน น้องจะเอาเศษเหล็กพวกนี้ไปไหนผมเอ่ยถามด้วยความสนใจ แลกลูกแก้วกับแม่เฑียร แม่เฑียรคือหนึ่งในครูที่ดูแลเด็กๆที่นี่ เด็กที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กทุกคนจะเรียกครูว่า แม่คล้ายที่นี่คือครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง เด็กที่นี่แทบทุกคนมีลูกแก้ว หนึ่งในกีฬายอดฮิตของที่นี่! ยังไม่ทันจะรับประทานอาหารเช้า เด็กๆก็เกาะกลุ่มกันเล่นลูกแก้วเสียแล้ว เสียงเจี๊ยวจ๊าว ผสมกับเสียงลูกแก้วกระทบกันดังไปทั่วบริเวณลานใต้ร่มไม้ อาหารเช้าผ่านไปเด็กๆยังคงจับกลุ่มบนลานดิน จนสิ้นเสียงระฆังบอกเวลา 8.00 น.จึงจำใจละจากลานดินมาอย่างอ้อยอิ่ง เข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ ก่อนจะมีครูพี่เลี้ยงมาตรวจร่างกาย ความสะอาดต่างๆ และคนที่มาไม่ทันร้องเพลงชาติก็จะโดนให้ออกมาร้องเพลงชาติและสวดมนต์ โดยมีเพื่อนๆเข้าแถวรออยู่ ใครมาไม่ทันร้องเพลงชาติบ้างสิ้นคำถามเด็กหลายคนยกมือขึ้นและก้าวออกมาข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ยอมรับผิดแต่โดยดี เสียงร้องเพลงชาติกระท่อนกระแท่นดังก้องไปทั่วบริเวณ... เสร็จสิ้นกิจกรรมหน้าเสาธง ก็ต่างแยกย้ายไปเรียนตามวิชาต่างๆ หลายคนเข้าห้องคอมพิวเตอร์ ทอผ้า เย็บผ้า ทำผ้าบาติกฯลฯและอีกหลายคนขลุกอยู่กับลานดิน เล่นลูกแก้ว... ลูกแก้ว ดูจะเป็นสิ่งบันเทิงเริงใจเพียงอย่างเดียวที่เด็กๆเล่นกันยามว่าง ไม่รวมถึงฟุตบอลที่เล่นกันเฉพาะกลุ่มเด็กผู้ชายที่โตแล้วและอาศัยเพียงช่วงเย็นของวันเท่านั้น ผมเดินเลาะเลียบไปตามอาคารเรียน ก่อนจะเดินกลับมาตรงสนามเด็กเล่น เด็กๆไม่ค่อยใส่ใจกับส่วนเกินผมและตากล้อง ที่เข้ามามากนัก อาจเป็นเพราะที่นี่มีแขกมาเยี่ยมประจำ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีคนเข้ามา... โครงการอาหารกลางวันสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กมีอาหารกินอิ่มตลอดทุกมื้อ ทางโรงเรียนจึงได้จัดโครงการ อาหารวันเกิดขึ้นมา โดยประกาศไปทางผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเด็กๆในวันเกิดของตัวเอง ในแต่ละวันจึงมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามา เสียงลูกแก้วกระทบกัน เสียงหัวเราะเฮฮา เสียงจักรเย็บผ้า และเสียงอึกทึกจากก้นครัวดังแทรกเข้ามากลางหมู่แมกไม้ เศษลูกแก้วที่แตกร้าวตกเกลื่อนอยู่เต็มลาน รวมทั้งลูกแก้วที่แหว่งวิ่นจนไม่สามารถทำหน้าที่ของมันเองได้ก็ถูกทิ้ง กลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนดิน ยามนี้มันต้องแสงอยู่วิบวับอวดแสงสีอยู่ใต้เท้าน้อยๆของเด็กๆ สายน้ำ ดนตรีธรรมชาติที่ปลอบประโลม เมื่อเอ่ยถึงโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก หลายคนที่เคยไปสัมผัสบรรยากาศของที่นั่นคงประทับในหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นป่าเขา เสียงหัวเราะของเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนนึกถึงคือ แม่น้ำแควใหญ่ที่ไหลเอื่อยคดโค้งอ้อมมาทางด้านหลังโรงเรียน ท่าน้ำ และภาพของเด็กๆที่เปลือยกายทิ้งตัวหล่นตูมลงน้ำอย่างเบิกบาน หลังอาหารกลางวัน ทุกคนต่างแยกย้ายไปเรียนตามอาชีพที่ตัวเองสนใจ แต่เด็กเล็กๆหลายคนยังคงง่วนอยู่กับสิ่งหนึ่ง มองไกลๆคล้ายตุ๊กตา แต่เมื่อเข้าไปใกล้จึงรู้ว่ามันเป็นลูกหมา... ลูกหมาที่นี่มีอยู่หลายตัว เด็กผู้หญิงเหล่านี้ต่างหอบหิ้วมันไปด้วยทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ตอนกินข้าว พูดคุยกับมันราวกับจะเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี บางตัวน่ารักขนปุกปุย บางตัวมอมแมมผอมกะหร่องเพราะเฉามือ มันไม่มีโอกาสได้เดินเอง ผลัดจากมือนี้ก็จะมีอีกมือหนึ่งมาแทนที่ ยกหอมแก้มซ้ายขวา ซึ่งมอมแมมไม่ต่างกันนักระหว่างคนอุ้มและตัวที่ถูกอุ้ม แดดร่มลมตก แสงตะวันยามเย็นฉานฉายลอดเหลี่ยมเขา สะท้อนกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย เด็กๆรอโอกาสนี้มาทั้งวัน... เสียงตูมสนั่นผืนน้ำ ร่างขาวโพลนไร้เสื้อผ้า ดูราวกับทโมนน้อยต่างทยอยโยนตัวลงน้ำอย่างสนุก โดยมีครูพี่เลี้ยงเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง บ้างลอยเล่นริมฝั่ง บ้างไล่กวดกัน บ้างชวนกันจับมือกระโดดลงพร้อมกันและมีบ้างที่นั่งกอดลูกหมาอยู่บนศาลาริมน้ำ พี่ค่ะ ช่วยถ่ายรูปหนูกับดากานดาหน่อยผมหันกลับไปมองดูหน้าดากานดาที่อยู่ในอ้อมอก หันกลับไปอมยิ้มกับตากล้อง ฉวยเอากล้องอีกตัวในกระเป๋าขึ้นมา พร้อมทั้งสั่งโพสท่านางแบบจำเป็น และตากล้องจำเป็น.... เราใช้วิธีของธรรมชาติบำบัดเข้ามาช่วย เด็กที่นี่จะชอบเล่นน้ำมาก เหมือนกับว่าเขาได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างในตัวออกมา อารมณ์รุนแรงต่างๆ ถ้าเขาไม่เอาเรี่ยวแรงมาเล่นน้ำ แรงที่มีก็อาจจะไปลงกับเพื่อน กับข้าวของต่างๆ ตรงนี้จึงช่วยเขาผ่อนคลายมากขึ้นนี่คือคำพูดของแม่ณี ครูอีกคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจ ดูแลเด็กๆรุ่นแล้วรุ่นเล่า มาจนกระทั่งไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว สายน้ำยังคงไหลเอื่อยเสียงเด็กๆเริงเล่นราวกับนกน้อยที่ส่งเสียงระริกริมฝั่งน้ำยามเย็น มีบางคนลุกขึ้นเต้นโชว์สัดส่วน ก่อนทิ้งตัวหายลับไปจากท่าน้ำ ยินเพียงเสียงน้ำ และเห็นเพียงฝอยน้ำที่กระเซ็นขึ้นมา ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า ทุกคนขึ้นมาริมฝั่ง เปียกปอนหนาวสั่นแต่ดวงตาฉายแววแห่งความสุข ก่อนเก็บเสื้อผ้าวิ่งไล่เรียงกันขึ้นไปยังบ้านพัก ซึ่งอาหารเย็นแต่ละบ้านจะตระเตรียมทำกันเอง โดยจะมีเวรทำอาหารประจำบ้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป...วันนี้ผมมีโอกาสชิมฝีมือทำอาหารของเด็กๆ
30 กรกฎาคม 2549 02:14 น. - comment id 91957
ตาหลกจังรูปภาพไม่ออกมาเวยย
31 กรกฎาคม 2549 22:24 น. - comment id 91981
ทวนความหลังนะครับ สำหรับผมเกือบจะได้ไปทำงานที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กตอนเป็นบัณฑิตหมาด ๆ เขียนจดหมายสมัครงานไป ทางโน้นเขาตอบรับให้ไปทำงาน คนส่งจดหมายตอบมาชื่อคุณพุก ไม่ทราบหญิงหรือชาย และยังอยู่หรือเปล่าไม่รู้ บังเอิญว่าผมสมัครงานไว้หลายที่เลยมีโอกาสเลือก และได้ทำงานที่ขอนแก่นเลยไม่ได้ไปที่หมู่บ้านเด็กsummerhill เสียดายนิด ๆ แต่ผมรักอีสานมากกว่า เคยไปดูงานตอนที่เรียนอยู่ปี 3 ก่อนออกฝึกสอน ก็ชอบหลายอย่างครับ เรื่องที่คุณลุ่มน้ำเล่ามาเห็นบรรยากาศชัดเจนดี ตอนนี้ผมมีอาณาจักรเล็ก ๆ เป็นที่ปั้นคนก็ที่โรงเรียนเล้กไงครับ พยายามทำตามแนวคิดของตนที่ว่าดีและสังคมยอมรับ บางอย่างมันก็แหกโค้งไปบ้าง แต่ก็มีอิสระในการทำงานไม่ยึดติดระบบ มานั่งคิดดูถ้าผมเลือกไปทำงานที่หมู่บ้านเด็ก ตอนนี้ผมจะเป็นครูแบบไหนนะ? อ้อ ลูกแก้วที่โรงเรียนเล็กห้ามเด็ดขาด เด็กก็เชื่อฟังดี มีแอบเล่นวันเสาร์อาทิตย์ที่บ้าน เพราะครูใหญ่ดุมากถ้าเห็นใครเล่นลูกแก้ว กับเป่ากบ (ยางยืด) มันคล้าย ๆ การพนันเลยต้องห้าม แต่อนุญาตให้เล่นกระโดดยาง (ภาษาลาวว่าเล่นเต้นยาง) ครูใหญ่ชอบหลอกเด็กน้อย(พูดติดตลก) ว่าถ้าเล่นกระโดดยางเก่ง ๆ จะพาไปชิงแชมป์ที่ประเทศเขมร เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ นะ
31 กรกฎาคม 2549 18:38 น. - comment id 91982
ขอบคุณครับ ดอกข้าวที่เข้ามาบอกกล่าวให้ทราบ น่าสนใจว่าดอกข้าวเป็นใคร และมีความผูกพันธ์ใดกับโรงเรียนแห่งนี้ เพราะว่าเราอาจรู้จักกันก็ได้นะครับ แต่ช่วงที่ผมไปไม่มียางยืดให้เห็นเลยนะครับ
31 กรกฎาคม 2549 12:58 น. - comment id 91987
การเล่นลูกแก้วก็จะมีช่วงของมัน.. ถัดจากลูกแก้ว ก็จะเป็นยางยืด ลูกแก้วนอกจากเอามาดีดเฉยๆ เรายังเอามาลงพนันในการเตะบอลด้วย และยางยืดก็เช่นกัน.. ลุกแก้วแตกก็จะเก็บไว้เป็นลูกหนังสติ๊ก จะไม่ทิ้งให้เปล่าเปลือง ถ้าเล่นลุกแก้วได้เยอะ... ราคาในการจำหน่ายจะตกที่ ๕ ลูกบาท ซื้อกันในบรรดาเพื่อนเล่น เช้าๆ หลังอาคารเรียน เราจะเล่นกันที่นั่น พอถึงเคารพธงชาติ เราก็ยังหลบเล่น นอกเสียจากครูเวณจะไล่กวด.. ครานั่นเราจะวิ่งกันอุตลุด
1 สิงหาคม 2549 16:39 น. - comment id 91999
การใช้ชีวิตของเด็กหมู่บ้านเด็กไม่แตกต่างกับเด็กที่โรงเรียนเลยคะ แต่อาจจะแตกต่างในแง่ความสวยงามและทันสมัยมั้งคะ เพราะลูกแก้วที่เด็กในโรงเรียนเล่นมีสีสันสวยงามแปลกตามาก จนคุณครูอย่างเราเห็นแล้วยังอดชอบแล้วสอบถามที่มาไม่ได้เลยว่าไปซื้อจากร้านไหน...อิอิอิ อยากได้อ่ะ แล้วเด็กที่โรงเรียนก็ชอบแอบหนีเรียนไปเล่นน้ำที่คลองหลังโรงเรียนเสมอ เด็กหนอเด็ก......
2 สิงหาคม 2549 12:52 น. - comment id 92017
..................... ลูกหมาที่นี่มีอยู่หลายตัว เด็กผู้หญิงเหล่านี้ต่างหอบหิ้วมันไปด้วยทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ตอนกินข้าว .................... ชอบตรงนี้ค่ะ เพราะชอบเลี้ยงหมา แต่แม่มีรึจะยอมให้อุ้มนาน มีหวังนอกจากเหา ได้หมัดเพิ่มมาอีก สวัสดีค่ะคุณ ลุมน้ำฯ ................................................ถึงว่าถามเด็กว่าครูใหญ่ดุไหม เงียบกริบกันหมด ... ที่แท้ดุมากนี่เอง ค้นพบความจริง
11 พฤศจิกายน 2549 12:45 น. - comment id 93537
เคยได้ไปสัมผัสและได้อยู่กับพวกเด้กๆเป็นเวลา1คืน2วัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับพวกพี่ๆน้องๆเช่นกิจกรรมงานวันเด็กเมื่อ ปีพ.ศ.2547และได้มีพวกพี่ๆจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ร่วมกิจกรรมด้วย สนุกมากเลยค่ะ ถึงมันจะเป็นเพียงช่วงเวลาอันสั้นแต่เราก็ไม่เคยลืมความรู้สึกดีๆที่ได้อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง เด็กทุกคนน่ารักมาก น่าสงสาร ถึงเวลาได้ผ่านไปหลายปีแล้วแต่เราจะไม่ลืมโรงเรียนหมู่บ้านเด้กอีกเลย ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมอีกถึงมันจะนานเกินไปแต่สัญญาว่า "ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่จะกลับไปหาน้องๆอีกขอให้น้องโปรดรอพวกพี่หน่อยนะ" พี่ไม่เคยลืม น้องไมค์ น้องนวล น้องเท่ เลยนะ รักและคิดถึง
25 กันยายน 2550 19:32 น. - comment id 97743
ผ่านมาพอดี ตัวเองเคยทำงานที่หมู่บ้านเด็กเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เป็นความทรงจำที่ไม่เคยเลือน เด็กๆที่เคยรู้จักคงโตเป็นหนุ่มสาวกันหมดแล้ว เจ้าโอ เจ้าเล็กน้อย เจ้าปูเล็ก เจ้าแก่น โอย จำไม่ได้แล้ว ต้องไปรื้อบันทึกเก่าๆ มาอ่าน อยากกลับไปเยี่ยมอีกครั้ง ที่นั่นธรรมชาติมาก ไม่มีมายา เด็กๆ ก็คือเด็กๆ ..เคยถูกเด็กๆเรียกว่าแม่เหมือนกัน จำได้มั๊ยน๊อ แม่ปุ๊กตัวเล็กๆ อยู่ห้องสมุดอ่ะ
6 สิงหาคม 2552 13:51 น. - comment id 106995
ชอบมากค่ะสำหรับบทความฉบับนี้ มีอะไรที่เป็นชีวิตเมื่อ30 ปี ที่แล้ว แต่ผู้เขียนๆ เมื่อปี 49 แต่เหมือนย้อนไปไกลมาก เด็กๆ ยังมีชีวิตที่เหมือนในบทความค่ะ ยังเล่นลูกแก้ว เล่นยาง เล่นอีโบ๊ะ (อะไร!) เครื่องเล่นวิทยาศาสตร์ของที่นี่ค่ะ เด็กๆ จะทำกันเองจากไม้ไผ่ สนใจเข้ามาดูได้นะค่ะ ฝากหมู่บ้านเด็กไว้ในใจของทุกคนชาวไทยด้วยค่ะ อยากเห็นเด็กๆ อยู่ในสังคมไทยอย่างภาคภูมิใจตนเองมากที่สุด เป็นสิ่งที่ "แม่" ปรารถนาจะให้เป็น