ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้.. เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันในอาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่ ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก.. คืนหนาว ใบไม้ร่วง ต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้านตัดกับพระจันทร์เสี้ยวด้านหลัง ทำให้อากาศดูเหมือนจะยิ่งหนาวมากกว่าที่มันเป็นอยู่.. ประสาทสัมผัสของมนุษย์มักถูกทำให้เบี่ยงเบนด้วยอารมณ์ ผมได้ยินเสียงกรีดร้องจากริมถนนฝั่งตรงข้าม เหลือบตาขึ้นดู เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมเหมือนเด็กจรจัด ผู้ชายอีกคน หนวดเคราเฟิ้มแต่งตัวไม่ต่างกัน กำลังบีบคอแม่หนูน้อย บีบจนแน่น กดร่างนั้นไว้กับพื้นฟุตปาท ผมหยุดยืนมอง แม่หนูน้อยพยายามดิ้นรน แต่ดูเหมือนว่าจะอ่อนแรงลงทุกที ทุกที.. เฮือกสุดท้ายของลมหายใจแม่หนูน้อยหันมองมาทางผม ด้วยสายตาวิงวอน สิ้นหวัง.. ผมยังคงยืนเฉย มองดูเด็กหญิงขาดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นผมก็สาวเท้าออกเดินต่อ.. . . ถ้าเป็นเมื่อสักหลายวันก่อน ผมคงเข้าไปช่วย . . ขยับกระเป๋าโน้ตบุคบนบ่าให้เข้าที่ จากป้ายรถเมล์ไปบ้านที่จริงก็ไม่ไกลเกินไปนัก แต่อาจเพราะด้วยน้ำหนักของกระเป๋าโน้ตบุคและลมหนาว จึงทำให้มันดูไกลเหมือนไม่รู้จักถึง.. เอี๊ยด..โครม กลางถนนด้านหน้า รถเก๋งสีขาว ดูจากรุ่นน่าจะสักยี่สิบสามสิบปีก่อน หากแต่ยังใหม่ พุ่งเข้าเสยเสาไฟฟ้าริมถนน ห่างออกไปด้านหน้าผมไม่เกิน 5 เมตร ผมเดินไปหยุดดูตรงริมกระจก คนขับยังหายใจพะงาบๆ ลำตัวอัดเข้ากับพวงมาลัย กระจกแหลมเสียบเข้าไปในตา ท่าทางจะลึก เลือดปุดๆออกมาเหมือนเวลาท่อน้ำใต้ถนนแตก นี่แหละน๊า รถรุ่นเก่า กระจกยังไม่เป็นกระจกนิรภัยก็แบบนี้แหละ ผมออกเดินต่อไป โดยไม่รอให้ชายในรถขาดใจตาย ผมรู้..ว่ายังไงเขาก็ตายแน่ๆ . . เดินต่อมาได้อีกนิด ขณะกำลังผ่านร้านขายเครื่องเขียน ผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมไม่ได้เดินอยู่คนเดียว แต่เมื่อเหลียวหันกลับไปมองก็ไม่เห็นใคร . . อีกสักสิบก้าวตรงด้านหน้ามีถังขยะ ตรงมุมมืดของถัง มีเด็กทารกแรกเกิดนอนร้องไห้จ้า ร่างเขียวเป็นจ้ำๆอมม่วงถูกไต่ด้วยมดแดงจำนวนนับร้อย คงถูกแม่ใจยักษ์เอามาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว ใบไม้แห้งปลิวผาดผ่านฟุตปาท ภายใต้แสงจันทร์จางๆ เสียงร้องไห้ดูน่าเวทนาจนวังเวง ผมไม่แม้แต่จะคิดอุ้มเด็กคนนั้นขึ้น เพราะผมรู้ ว่าเด็กคนนั้นตายไปนานแล้ว.. . . คุณคิดว่าคนเราตายแล้วดวงวิญญาณจะไปไหน? นรก-สวรรค์ มีจริงหรือเปล่าผมไม่รู้ ผมรู้เพียงแต่ว่าบางดวงวิญญาณ ไม่ได้ไปไหน เขายังไม่ยอมรับว่าตัวเองตายไปแล้ว ยังคงยึดติดอยู่กับสถานที่สุดท้ายที่จดจำได้ วนเวียนทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ เหมือนกับหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่มันเคยเป็น แต่แล้วสุดท้าย มันก็จบลงเหมือนเดิม เด็กหญิงในชุดสกปรก ชายคนขับในรถเก๋งสีขาว เด็กทารกข้างถังขยะ เขาเหล่านั้น คงจะตายบนถนนสายนี้ ในต่างกรรม ต่างวาระ และยังคงวนเวียนอยู่ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ผู้คนมักจะมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง แต่ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี . . ตรงตึกสูงด้านหน้าก่อนเลี้ยวเข้าซอยบ้านที่ผมเช่า เดี๋ยวจะมีผู้หญิงในชุดนอนสีชมพูตกลงมาตาย.. ตุ้บ ร่างนั้นตกคลาดหลังผมไปนิดเดียว หน้ายุบไปครึ่งซีก แขนขาหักหมดทุกข้างกลางลำตัวมีรอยไหม้เป็นแถบยาวสองสามแถบ คงหล่นมาพาดกับสายไฟแรงสูง รายละเอียดทั้งหมดนี่ผมบอกคุณโดยไม่ต้องเหลียวไปดูด้วยซ้ำ ทำไมน่ะเหรอ.. หึ.. ผมเห็นมันมาทุกคืนนั่นแหละ . . ผมเลี้ยวเข้าซอย บ้านเช่าอยู่ไม่ไกลเกิน 30 เมตร เฮ้อ..ถึงบ้านซะที จะได้นอนพักให้เต็มตื่น พรุ่งนี้ค่อยไปเริ่มงาน งานใหม่ ชีวิตใหม่ . . เสียงฝีเท้าด้านหลังผมดังชัดขึ้น ผมเหลียวกลับไปดู แต่ยังหันไม่ทันเสร็จก็ได้ยินเสียง พลั่ก หนักๆ ปวดแปลบที่ท้ายทอย รู้สึกว่าเข่าลงไปแตะพื้น แล้วก็ได้ยินเสียง พลั่ก อีกที.. . . . . . . . .................................................................................... ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้.. เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่ ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก.. . . . . . . . . . . . . .
18 มิถุนายน 2549 22:02 น. - comment id 91260
ice plo
18 มิถุนายน 2549 21:39 น. - comment id 91262
ไม่น่าหลงอ่านจนจบเลย แล้วคืนนี้จะอยู่ยังไงเนี่ย ฝนก็พรำๆ บรรยากาศหนาวยะเยือกชอบกล วิญญาณจะมาเพ่นพ่านแถวนี้หรือเปล่าเนี่ย ? ยี้ .. โป้งหมอกจาง
19 มิถุนายน 2549 00:04 น. - comment id 91264
นึกว่ามีเราคนเดียว .. ที่เดินกลับบ้านเมื่อไร .. สิ่งเดิมๆ ยังคงวนเวียนซ้ำๆ ให้พบเจอทุกวัน .. แล้วก็น่าแปลก .. ที่เราก็ไม่ยักกะเปลี่ยนที่อยู่ซะที .. น่ากลัวแค่ไหนก็ยังคงเดินกลับมาพบเจออยู่นั่นแหละ .. วันไหนไม่เจอเหมือนชีวิตมันขาดรสชาติชอบกลแฮะ .. อยากเขียนเรื่องแบบนี้ได้มั่งอ่ะ ..
19 มิถุนายน 2549 08:16 น. - comment id 91268
คุณอิมฯ ..เล่นโป้งอย่างนี้ผมก็แย่น่ะสิครับ.. ความล้งความลับแตกหมด.. .................................................. น้ำ ดีใจจังที่เจอในนี้.. ................................................ กีกี้ เขียนเรื่องหวานๆแหละดีแล้ว อันนี้ไว้ให้พวกโรคจิตเขียน ...............................................
19 มิถุนายน 2549 18:54 น. - comment id 91271
สั้นตรงไห น คับท่านคับ
19 มิถุนายน 2549 18:56 น. - comment id 91272
ลอเล่นขับท่านขับ
21 มิถุนายน 2549 08:13 น. - comment id 91279
อืมๆ สรุปว่า คุณก็ตายปแล้วอ่ะดิ อิอิ ดีดีๆ เราชอบ