เรื่องเล่าในคืนหนาว..

judas

ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้..
เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันในอาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่
ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน
แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน
รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก..
คืนหนาว ใบไม้ร่วง ต้นไม้ที่เหลือแต่กิ่งก้านตัดกับพระจันทร์เสี้ยวด้านหลัง ทำให้อากาศดูเหมือนจะยิ่งหนาวมากกว่าที่มันเป็นอยู่..
ประสาทสัมผัสของมนุษย์มักถูกทำให้เบี่ยงเบนด้วยอารมณ์
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องจากริมถนนฝั่งตรงข้าม เหลือบตาขึ้นดู เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมเหมือนเด็กจรจัด ผู้ชายอีกคน หนวดเคราเฟิ้มแต่งตัวไม่ต่างกัน กำลังบีบคอแม่หนูน้อย บีบจนแน่น กดร่างนั้นไว้กับพื้นฟุตปาท
ผมหยุดยืนมอง
แม่หนูน้อยพยายามดิ้นรน แต่ดูเหมือนว่าจะอ่อนแรงลงทุกที ทุกที..
เฮือกสุดท้ายของลมหายใจแม่หนูน้อยหันมองมาทางผม ด้วยสายตาวิงวอน สิ้นหวัง..
ผมยังคงยืนเฉย มองดูเด็กหญิงขาดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา
จากนั้นผมก็สาวเท้าออกเดินต่อ..
.
.
ถ้าเป็นเมื่อสักหลายวันก่อน ผมคงเข้าไปช่วย
.
.
ขยับกระเป๋าโน้ตบุคบนบ่าให้เข้าที่ จากป้ายรถเมล์ไปบ้านที่จริงก็ไม่ไกลเกินไปนัก แต่อาจเพราะด้วยน้ำหนักของกระเป๋าโน้ตบุคและลมหนาว จึงทำให้มันดูไกลเหมือนไม่รู้จักถึง..
เอี๊ยด..โครม กลางถนนด้านหน้า รถเก๋งสีขาว ดูจากรุ่นน่าจะสักยี่สิบสามสิบปีก่อน หากแต่ยังใหม่ พุ่งเข้าเสยเสาไฟฟ้าริมถนน ห่างออกไปด้านหน้าผมไม่เกิน 5 เมตร
ผมเดินไปหยุดดูตรงริมกระจก คนขับยังหายใจพะงาบๆ ลำตัวอัดเข้ากับพวงมาลัย กระจกแหลมเสียบเข้าไปในตา ท่าทางจะลึก เลือดปุดๆออกมาเหมือนเวลาท่อน้ำใต้ถนนแตก
นี่แหละน๊า รถรุ่นเก่า กระจกยังไม่เป็นกระจกนิรภัยก็แบบนี้แหละ
ผมออกเดินต่อไป โดยไม่รอให้ชายในรถขาดใจตาย 
ผมรู้..ว่ายังไงเขาก็ตายแน่ๆ
.
.
เดินต่อมาได้อีกนิด ขณะกำลังผ่านร้านขายเครื่องเขียน ผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมไม่ได้เดินอยู่คนเดียว แต่เมื่อเหลียวหันกลับไปมองก็ไม่เห็นใคร
.
.
อีกสักสิบก้าวตรงด้านหน้ามีถังขยะ ตรงมุมมืดของถัง มีเด็กทารกแรกเกิดนอนร้องไห้จ้า ร่างเขียวเป็นจ้ำๆอมม่วงถูกไต่ด้วยมดแดงจำนวนนับร้อย คงถูกแม่ใจยักษ์เอามาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว
ใบไม้แห้งปลิวผาดผ่านฟุตปาท ภายใต้แสงจันทร์จางๆ เสียงร้องไห้ดูน่าเวทนาจนวังเวง
ผมไม่แม้แต่จะคิดอุ้มเด็กคนนั้นขึ้น
เพราะผมรู้ ว่าเด็กคนนั้นตายไปนานแล้ว..
.
.
คุณคิดว่าคนเราตายแล้วดวงวิญญาณจะไปไหน?
นรก-สวรรค์ มีจริงหรือเปล่าผมไม่รู้ ผมรู้เพียงแต่ว่าบางดวงวิญญาณ ไม่ได้ไปไหน เขายังไม่ยอมรับว่าตัวเองตายไปแล้ว ยังคงยึดติดอยู่กับสถานที่สุดท้ายที่จดจำได้ วนเวียนทำอะไรซ้ำๆเดิมๆ เหมือนกับหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่มันเคยเป็น
แต่แล้วสุดท้าย มันก็จบลงเหมือนเดิม
เด็กหญิงในชุดสกปรก ชายคนขับในรถเก๋งสีขาว เด็กทารกข้างถังขยะ เขาเหล่านั้น คงจะตายบนถนนสายนี้ ในต่างกรรม ต่างวาระ และยังคงวนเวียนอยู่ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ผู้คนมักจะมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง
แต่ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี
.
.
ตรงตึกสูงด้านหน้าก่อนเลี้ยวเข้าซอยบ้านที่ผมเช่า เดี๋ยวจะมีผู้หญิงในชุดนอนสีชมพูตกลงมาตาย..
ตุ้บ ร่างนั้นตกคลาดหลังผมไปนิดเดียว หน้ายุบไปครึ่งซีก แขนขาหักหมดทุกข้างกลางลำตัวมีรอยไหม้เป็นแถบยาวสองสามแถบ คงหล่นมาพาดกับสายไฟแรงสูง
รายละเอียดทั้งหมดนี่ผมบอกคุณโดยไม่ต้องเหลียวไปดูด้วยซ้ำ
ทำไมน่ะเหรอ..
หึ.. ผมเห็นมันมาทุกคืนนั่นแหละ
.
.
ผมเลี้ยวเข้าซอย บ้านเช่าอยู่ไม่ไกลเกิน 30 เมตร
เฮ้อ..ถึงบ้านซะที จะได้นอนพักให้เต็มตื่น พรุ่งนี้ค่อยไปเริ่มงาน งานใหม่ ชีวิตใหม่
.
.
เสียงฝีเท้าด้านหลังผมดังชัดขึ้น
ผมเหลียวกลับไปดู แต่ยังหันไม่ทันเสร็จก็ได้ยินเสียง พลั่ก หนักๆ ปวดแปลบที่ท้ายทอย รู้สึกว่าเข่าลงไปแตะพื้น แล้วก็ได้ยินเสียง พลั่ก อีกที..
.
.
.
.
.
.
.
....................................................................................
ผมเป็นคนหน้าใหม่ของเมืองนี้..
เมืองใหญ่ที่วุ่นวายสับสน แต่ผู้คนไม่ถึงกับแออัด นี่เป็นวันแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่จริงๆจังๆ ไม่นับสองสามวันเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมมาเพื่อหาบ้านเช่าและย้อนกลับไปขนสัมภาระทั้งหมดที่มีในชีวิต มาเริ่มต้นใหม่ที่นี่
ผมเพิ่งไปรายงานตัวกับที่ทำงานใหม่ในตอนบ่าย พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงาน
แวะซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นในตัวเมือง และด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ฟ้าก็มืดลงเนิ่นนาน ก่อนที่ผมจะถึงบ้าน
รถเมล์คันสุดท้ายสุดสายห่างบ้านผมเกือบครึ่งกิโล ผมกระชับเสื้อแจ๊กเก็ตเดินฝ่าความหนาวจากป้ายรถเมล์ผ่านถนนที่ค่อนข้างมืดและเงียบ มีรถผ่านไปมาบ้าง แต่ไม่ถี่นัก..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
				
comments powered by Disqus
  • น้ำ

    18 มิถุนายน 2549 22:02 น. - comment id 91260

    ice plo
  • อัลมิตรา

    18 มิถุนายน 2549 21:39 น. - comment id 91262

    ไม่น่าหลงอ่านจนจบเลย
    แล้วคืนนี้จะอยู่ยังไงเนี่ย ฝนก็พรำๆ บรรยากาศหนาวยะเยือกชอบกล
    
    วิญญาณจะมาเพ่นพ่านแถวนี้หรือเปล่าเนี่ย ?
    
    ยี้ .. โป้งหมอกจาง
  • กีกี้

    19 มิถุนายน 2549 00:04 น. - comment id 91264

    นึกว่ามีเราคนเดียว .. 
    ที่เดินกลับบ้านเมื่อไร .. สิ่งเดิมๆ ยังคงวนเวียนซ้ำๆ ให้พบเจอทุกวัน .. 
    
    แล้วก็น่าแปลก .. ที่เราก็ไม่ยักกะเปลี่ยนที่อยู่ซะที .. 
    
    น่ากลัวแค่ไหนก็ยังคงเดินกลับมาพบเจออยู่นั่นแหละ .. 
    วันไหนไม่เจอเหมือนชีวิตมันขาดรสชาติชอบกลแฮะ .. 
    
    อยากเขียนเรื่องแบบนี้ได้มั่งอ่ะ .. 
  • judas

    19 มิถุนายน 2549 08:16 น. - comment id 91268

    คุณอิมฯ
    
    ..เล่นโป้งอย่างนี้ผมก็แย่น่ะสิครับ..
    
    ความล้งความลับแตกหมด..53.gif
    
    ..................................................
    
    น้ำ
    
    ดีใจจังที่เจอในนี้..  1.gif
    
    ................................................
    
    กีกี้
    
    เขียนเรื่องหวานๆแหละดีแล้ว
    
    อันนี้ไว้ให้พวกโรคจิตเขียน44.gif
    
    ...............................................
  • ponder_ppp@hotmail

    19 มิถุนายน 2549 18:54 น. - comment id 91271

    สั้นตรงไห น คับท่านคับ
  • ponder

    19 มิถุนายน 2549 18:56 น. - comment id 91272

    ลอเล่นขับท่านขับ
  • ผู้หญิงสีรุ้ง

    21 มิถุนายน 2549 08:13 น. - comment id 91279

    อืมๆ สรุปว่า คุณก็ตายปแล้วอ่ะดิ อิอิ 
    ดีดีๆ เราชอบ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน