หิ่งห้อยร้อยแสงมิแรงนัก ..

keekie

ลงดีๆ นะคุณ .. 
ลุงคนเรือบอกเมื่อเห็นฉันกระย่องกระแย่งก้าวลงเรือแจวลำเล็ก 
ผมไม่ได้เอาเรือออกมาสองเดือนแล้ว ไม่รู้รั่วตรงไหนบ้างหรือเปล่า? 
คุณลุงสาธยายต่อ 
ฉันชะงักขณะกำลังก้าวขาจากท่าลงเรืออย่างระมัดระวัง .. 
แหม ลุงคะ ลุงพูดยังงี้หนูอุ่นใจจังเลย .. ฉันหยอก 
พอลงเรือได้ก็รีบชะโงกดูผืนน้ำในคลองเขิน .. มันมืดสนิท .. 
พลางเริ่มจินตนาการถึงอะไรก็ตามที่อยู่ใต้ผืนน้ำยามค่ำคืนเช่นนี้ .. 
บรื๋อออ .. 
ก็สมัยนี้เขาลงเรือยนต์กันทั้งนั้นนี่คุณ .. นี่คุณนึกยังไงถึงอยากนั่งเรือของผม .. 
คุณลุงคนพายเรืออธิบาย ในขณะที่มือก็ถ่อเรือล่องตามคลองไปเรื่อยๆ 
เรือยนต์เสียงดัง  หิ่งห้อยก็หนีหมดสิคะ .. ฉันตอบ
ฉันมองสองฟากฝั่งคลอง บ้านเรือนแต่ละหลังอยู่ไม่ห่างกันนัก
แสงจากหลอดไฟนีออนส่องสว่าง ..  
คืนพระจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ .... ท้องฟ้ากระจ่างสวยงามนัก .. 
แสงสว่างแห่งดวงเดือนจะกลบแสงริบหรี่เล็กน้อยเสียหมด ..
อย่าว่าแต่แสงหิ่งห้อยเลย .. แม้ดาวสักดวงก็แทบมองไม่เห็น .. 
อะไรที่สวยงามมันก็คงมีสองคม .. ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ล่ะมั้ง .. ว่าเราจะโดนคมไหนเข้า
คืนนี้เดือนหงาย .. คงไม่ค่อยได้เห็นนักหรอกคุณ  คุณลุงบอก
.. คืนเดือนหงาย .. 
.. เอ .. ฉันแทบจะลืมคำนี้ไปเสียแล้ว .. 
แล้วคืนเดือนคว่ำหน้าตาเป็นยังไงนะ? .. 
ไปไหน? .. เสียงตะโกนทักทายเป็นภาษาถิ่นเหน่อๆ ดังมาจากริมฝั่งคลอง ..
พาเขาไปดูหิ่งห้อย ..  ลุงตะโกนตอบ 
อ้อ .. จะเห็นเร้อ .. เดือนเต็มดวง ..  พูดพลางโบกไม้โบกมือ .. 
เออ ๆ  เดี๋ยวกลับมาคุยด้วย ..  ลุงตะโกนพลางโบกมือตอบ ..
ฉันนั่งอมยิ้ม .. ฟังเขาทักทายกัน ..
เอ .. คนข้างบ้าน .. นอกจากพี่เล็กที่ขายก๋วยเตี๋ยวซึ่งฉันรู้จักเพราะต้องอาศัยฝากท้องบ้างเป็นบางมื้อแล้ว .. บ้านอื่นๆ ที่ติดกัน .. ฉันนึกไม่ออกแฮะ .. กลับจากทำงานเขาก็ปิดประตูเข้านอนกันหมดแล้ว วันหยุดถ้าไม่ออกไปไหนฉันก็มุดหัวอยู่แต่ในบ้าน .. ไม่รู้จะเอาเวลาตอนไหนเงยหน้าไปทักทายทำความรู้จักพวกเขา .. หรือคิดอีกทีอาจเป็นพวกเขาเองล่ะมั้งที่ทำงานกันงกๆ ซะจนไม่มีเวลาทำความรู้จักฉัน .. หรือคิดอีกแง่ ทั้งพวกเขาและฉันมันก็พอๆ กัน ..
คุณพายเรือเป็นหรือเปล่า? .. ลุงชวนคุย
ก็พอได้ค่ะ .. ยิ่งพายเรือในอ่างด้วยแล้ว .. ถนัดนัก   ฉันตอบ .. 
ได้ยินเสียงลุงหัวเราะหึหึในลำคอ .. 
มันก็อยู่ที่คุณ .. คุณรู้ตัวไหมว่าคุณพายเรือไปทำไม? .. ลุงตั้งคำถาม .. 
มีด้วยหรือคะ .. คนเราทำอะไรไม่รู้ตัว? .. ฉันถามกลับ
ก็นั่นแหละ คุณรู้หรือเปล่าล่ะ? .. ลุงยังคงย้อนถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
ฉันนิ่งคิด .. 
นั่นสินะ .. ทุกวันที่ไปทำงานหรือไปไหนมาไหนก็ขับรถไป ..
ในชีวิตประจำวันของฉันมันก็จำเป็นต้องใช้แต่ถนนหนทาง ..
คลองในเมืองหลวงน่ะเท่าที่รู้ก็มีแต่คลองแสนแสบที่ยังพอมีเรือ หนำซ้ำยังเน่าเหม็นเสียอีกด้วย .. 
แล้วฉันจะพายเรือไปทำไมหนอ? .. 
นั่นไงคุณ .. ลุงชี้ไปที่ต้นไม้ข้างหน้าฉัน .. แล้วหยุดเรือใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น
ฉันพยายามเพ่งสายตาฝ่าความมืด .. มองเห็นดวงไฟเล็กๆ พราวระยับจับยอดไม้
หิ่งห้อยตัวน้อยร้อยเรียงแสงที่พอมีในตัว .. 
พวกมันทำเพื่ออะไรหนอ? .. 
คงเพื่ออะไรสักอย่างที่ฉันไม่เคยรู้ .. 
แม้จะมีใครบอกถึงเหตุผลใดๆ ตามหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ว่า ..
เหตุใดหิ่งห้อยน้อยถึงมีแสงสว่างในตัวเอง .. 
แต่ความจริงใครจะรู้ว่าแสงสว่างที่พวกมันมีนั้นเพื่ออะไร? ..
คงมีแต่พวกมันเท่านั้นกระมังที่รู้ .. และพวกมันก็เจรจาภาษามนุษย์ไม่ได้เสียด้วย .. 
คงมีแต่พวกมันเท่านั้นที่รู้ .. แสงสว่างในตัวของมันนั้นมีเพื่ออะไร?
ลุงคะนั่นใช่ต้นลำพูหรือเปล่า?  ฉันถามพลางนึกถึงอมตนิยายเรื่องดัง .. 
ใช่ ...  ลุงตอบ .. 
ลุงคะแล้วหิ่งห้อยจะอยู่เฉพาะใต้ต้นลำพูจริงหรือเปล่าคะ?..  คำถามพาซื่อ
ส่วนใหญ่พวกมันก็อยู่ใต้ต้นลำพูแหละ แต่วันนี้ลมแรง พวกมันก็กระจัดกระจายไปต้นโน้นบ้างนี้บ้าง ตรงนี้ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เดี๋ยวไปฟากนั้นดีกว่า ..  ลุงตอบแล้วถ่อเรือเคลื่อนไปข้างหน้า ..
เรือพาเราเคลื่อนออกห่างจากกลุ่มบ้านเรือน .. ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟนีออนแล้ว 
จันทร์เจ้าส่องสว่างกระจ่างฟ้าทอดแสงทาบบนยอดไม้ .. 
ก่อให้เกิดเงาทอทอดตัวลงบนระนาบผิวน้ำ .. เงาที่แกว่งไกวไหวเอนตามแรงลม
ฉันยิ้มกับตัวเอง .. 
นับเป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ได้พายเรือเลียบคลองยามค่ำคืนอันเงียบสงัดเช่นนี้ ..
คุณไม่กลัวหรือ? ..  เสียงลุงถามทำลายความเงียบ
กลัวอะไรคะ?..  นอกจากไม่รู้สึกกลัวแล้ว ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรที่ฉันควรกลัว
ผมเห็นสาวๆ เขากลัวความมืด .. พามาได้ไกลที่สุดก็ต้นไม้ตะกี้นั่นแหละ หากเลยมาถึงนี่ก็ไม่ไหวแล้ว ร้องให้พากลับบอกว่ามืด ขนาดมากันหลายคนนะนั่น ..  คุณลุงเล่ายาวเหยียด
ฉันหัวเราะ .. ถ้าร้องหนูคงร้องว่า อย่าเพิ่งพากลับได้ไหมคะ .. ไปอีกๆ .. 
นั่นไงคุณ .. ลุงชี้มือไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ก็คงต้นลำพูอีกนั่นแหละ 
ฉันจ้องมองแสงกระพริบวิบวับบนยอดไม้ .. ไม่สูงนัก ..
นึกถึงต้นคริสมาสต์ในหนังฝรั่ง ..
แต่เนี่ยสวยกว่าเยอะ .. 
ลุงเอื้อมมือรั้งกิ่งไม้เข้ามาใกล้ฉัน ..
อยู่ตรงนี้ตัวนึง .. คุณเห็นไหม?..  ลุงส่งกิ่งไม้นั้นมาให้
ฉันพยักหน้า ..
ตามองแสงริบหรี่วิบวับปลายใบไม้ .. 
ทำไมมันถึงอยู่ตัวเดียวหนอ .. ทั้งที่เพื่อนๆ อยู่กันบนโน้น .. 
หากแต่แม้มีมันเพียงตัวเดียว .. แสงสว่างในตัวเองก็มิได้หายไป ..
มันยังคงเปล่งแสง .. 
ลมพัดมาวูบใหญ่ .. 
แรงจนทำให้เรือโคลง ...
เห็นทีต้องกลับแล้วคุณ ฝนท่าจะตก ..  ลุงบอกพลางปล่อยกิ่งไม้กิ่งนั้น
ค่ะ ..  ฉันรับคำแม้ใจจะยังไม่อยากกลับ
ลุงพาเรือเคลื่อนฝ่าความมืดทวนกระแสน้ำกลับ ..
ฉันปล่อยมือระผิวน้ำชุ่มฉ่ำ ..
แม้กระแสน้ำไม่อาจไหลย้อนกลับ ..
แต่คนเราก็ยังคงหาวิธีทวนกระแสน้ำให้จงได้อยู่นั่นเอง .. 
พรุ่งนี้คุณไม่ทำงานหรือ?  ลุงเอ่ยถามทำลายความเงียบ
ไม่ค่ะ อยากหยุด  ฉันตอบโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
ท่าทางคุณดูเหนื่อยๆ ..  ลุงเลียบเคียง
ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ .. แค่เบื่อน่ะ  ฉันตอบตรงๆ อย่างไม่คิดจะปิดบังใดๆ 
คนเราก็ยังงี้ .. คุณเบื่อชีวิตคุณ .. ผมก็เบื่อชีวิตผม .. แต่ถ้าจะให้ผมแลกชีวิตผมกับใคร ผมก็ยังคงเลือกที่จะมีชีวิตอย่างเดิมอยู่ดี .. และในความเป็นจริงมันก็แลกกันไม่ได้เสียด้วย ..  ลุงอธิบายยืดยาว
ฉันยิ้ม .. นึกถึงคำของ   JERRY   MCGUIRE    พระเอกจากหนังเรื่องที่เคยดู
ชีวิตของผมล้มเหลวพอๆ กับ ประสบความสำเร็จ ...
แต่ .. ผมก็รักชีวิตของผม ..  
แม้ชีวิตฉันจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ .. ฉันก็ยังรักชีวิตของฉัน .. ซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยความหวังตลอดมา .. 
ลุงไม่ได้เอาเรือออกมานาน แล้วมีรายได้จากไหนล่ะคะ ..  ฉันชวนคุย
ผมตื่นแต่เช้าขึ้นตาลทุกวัน พวกที่ตลาดเขามารับไปขายน่ะ .. ผมไม่เดือดร้อนหรอก .. แม่บ้านผมเขาก็ขายของอยู่หน้าบ้าน ร้านอาหารเล็กๆ น่ะ
ฉันยิ้มอีก กับคำว่า .. แม่บ้าน .. วิธีเรียกคนใกล้ชิดของลุงน่ารักชะมัด
ลูกชายผมก็ช่วยด้วย อยู่ที่บ้านกันเนี่ยแหละ ป่านนี้ยังไม่มีครอบครัวอายุปาเข้าไป 34  แล้ว ก็อยู่แต่กับบ้านแบบนี้จะมีครอบครัวได้ยังไง   ลุงยังคงเล่าเรื่อยๆ
แหมลุงคะ คนจะมีอยู่ที่ไหนมันก็มี ดูแต่หนูสิตระเวนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ .. แล้วไง? ..  ฉันปลอบใจแก   เอ .. หรือปลอบใจตัวเองหว่า? .. 
ได้ยินเสียงลุงหัวเราะหึหึในลำคอ
ลุงขึ้นตาลตรงไหนคะ ..  ฉันเปลี่ยนเรื่อง ชักอยากเห็นลุงขึ้นตาลเสียแล้ว
ก็สวนข้างพี่พักคุณนั่นแหละ ..  ลุงตอบ
อ้อ .. แล้วพรุ่งนี้ลุงขึ้นตาลหรือเปล่า?..  ฉันถามอีก
ทุกวันแหละคุณ แวะมาสิ ผมจะทำน้ำตาลสดให้คุณชิม ..  แน๊ะ มีชวนอีกแฮะ .. 
 
นั่นคุณต้นหมากเตี้ยๆ นั่นหิ่งห้อยเยอะเชียว .. ลุงหยุดพายเรือชี้ชวนให้ดูหิ่งห้อย
ฉันมองตามมือชี้ชวน ..
เห็นแสงวิบวับจับตัวเป็นกลุ่มก้อนใต้ต้นหมากเตี้ยเกือบระผิวน้ำ ..
น่าจะใช้คำว่า เป็นประกายระยิบระยับจับตา .. 
แสงเล็กๆ .. เรื่อเรืองเพียงน้อย .. 
.. หิ่งห้อย .. 
ขอบคุณนะคะลุง .. พรุ่งนี้หนูจะแวะไปชิมน้ำตาลสดแต่เช้า ..  ฉันกล่าวขอบคุณ 
ได้คุณ .. รีบเข้าบ้านเถอะ .. ฝนลงแล้ว ..  ลุงใจดีบอก .. 
ค่ะ ..   ตอบรับแต่ยังคงยืนอยู่ริมท่าตามองเรือของลุงค่อยๆ หายไปในความมืด
ฝนเริ่มทยอยลงเม็ด .. 
ฉันเพ่งสายตาฝ่าความมืดไปยังต้นหมากเตี้ยต้นนั้น ..
เห็นเพียงแสงวิบวับเพียงน้อยนิดจากเจ้าหิ่งห้อยพวกนั้นผ่านม่านฝน ..
แม้ปากจะบอกว่าที่ดั้นด้นมาถึงนี่เพื่อมาดูแสงแห่งหิ่งห้อย ..
แต่ความจริงมีฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า .. ฉันมาที่นี่ทำไม? .. 
และแม้จะไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อดูแสงแห่งหิ่งห้อยเหล่านั้น
หากแต่ฉันก็ดีใจที่ได้มาเพื่อรับรู้ว่า .. 
แสงแห่งหิ่งห้อยอันริบหรี่นั้น .. 
แม้จะไม่ได้ให้แสงสว่างเรืองโรจน์เป็นประโยชน์แก่ผู้ใด ..
และฉันยังคงไม่รู้ว่าพวกมันมีแสงสว่างในตัวเองเพื่ออะไร? ..
แต่สิ่งที่ฉันได้เห็นกับตาเวลานี้ .. 
แสงวิบวับยังคงระยิบระยับผ่านม่านฝน .. 
ทำให้ฉันได้รู้ว่า .. 
สิ่งเล็กน้อยที่คงมั่น 
ไม่ไหวหวั่นสั่นหายกับสายลม
ระยิบระยับวับวาวแม้ขืนข่ม
มิมลายสลายล่มแม้ไม่สมใจ .. 
ฉันยิ้มให้กับตัวเอง .. สายฝน .. ลมแรง .. 
และแสงริบหรี่เล็กๆ เหล่านั้น .. 
พรุ่งนี้ฉันจะกลับเข้าสู่ชีวิตของฉัน ..
นำแสงริบหรี่เหล่านั้นมาจุดประกายสว่างในหัวใจ ..
และแรงแห่งลมจะพัดกระพือโหมให้แสงสว่างนั้นลุกโชติช่วง .. 
สายฝนชุ่มฉ่ำจะเตรียมไว้ .. หากแสงสว่างแห่งไฟในใจนั้นลุกโชติช่วงจนร้อนรุ่ม .. 
ขอบคุณแสงริบหรี่เล็กๆ ที่ต่อเติมประกายในใจมิให้ดับมอด .. 
ฉันยังคงยืนมองแสงริบหรี่วิบวับผ่านม่านฝน ..				
comments powered by Disqus
  • แทนคุณแทนไท

    14 พฤษภาคม 2549 13:25 น. - comment id 90698

    ผมชอบอ่านคุณครับ...
    
    เป็นเรื่องสั้นจริงๆ
  • กีกี้

    14 พฤษภาคม 2549 18:33 น. - comment id 90704

    .. 1.gif ..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน