.....ไพรลวง.....(ตอนที่3 ตอนจบ)
ธนา
พี่อ้าย............พี่อ้ายผาคำ........ เสียงแว้วๆ ราวกับลอยมาตามลมกระทบโสตผาคำเป็นช่วงๆ
..ผาคำพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะลืมตาให้ขึ้น แต่ทำไมมันชั่งหนักนักหนา เสียงเรียกยังดังอยู่ในโสตประสาทคล้ายกับเสียงเรียกในความฝันอย่างต่อเนื่อง พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าผาคำก็ยังลืมตาไม่ขึ้น และแล้วน้ำค้างหยดหนึ่งซึ่งเย็นยะเยือบเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่จนหนักก็ไหล ตกลงจากใบไม้สูงตกลงมากระทบใบหน้าผาคำเข้าพอดี ความเย็นของน้ำค้างเรียกสติผาคำกลับคืนมา สิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นได้คือสำรวจรอบๆตัวถึงที่มาของเสียง ว่าเป็นเสียงในความฝันหรือจริงกันแน่ ผาคำตั้งสติได้นิ่งฝัง ความเงียบของราวป่าเงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจของตนเองอย่างถนัดถนี่.....
ข้าฝันไปหรือป่าวนี่.....อะไรกัน ฤ เจ้าป่าเขาอำข้าเล่นลองใจ.. ผาคำความคิดเริ่มฟุ้ง
.....อยู่คนเดียวระวังความคิดก็เห็นจะจริง ผาคำเริ่มมีความระแวงสงสัยขึ้นมา ในรอบชีวิตของการเป็นพรานมาเกือบค่อนชีวิต ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อนจึงเต็มไปด้วยความฉงน แต่ก็ยังนิ่งฟังเสียงต่างๆแปลกปลอมรอบข้าง และแล้ว เสียงย้ำเท้าเบาๆดังขึ้นเป็นจังหวะๆ อย่างสม่ำเสมอ ในเงามืดข้างหน้า ผาคำตกใจเล็กน้อย ค่อยๆยกปืนเล็งกะไปตามเสียงนั้น เสียงก้าวย่างเบาฟังดูคล้ายระวังอะไรบางอย่าง แล้วมาหยุดตรงโคนไม้ใหญ่ห่างจากขัดคอนห้างผาคำไม่เกิน 15 ก้าว ระหว่าง เงาไม้ยังพอมีแสงจันทร์สาดส่องกระทบดินเป็นช่อง พอเห็นสิ่งที่อยู่บนดินรางๆ ขณะนี้ประสาทผาทองเครียดผึงจะดับจิตให้ได้ เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร และแล้ว....
พี่อ้าย........พี่อ้าย ข้าเอง....... เสียงเบาบานกระซิบแต่ทว่าได้ยินในความเงียบชัด
.....ผาคำจำได้ทันที่ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของน้องชายตนเอง แต่ยังไม่แน่ใจ ยังคงจดๆจ้องๆอยู่.....
พี่อ้าย....ข้าเอง....ข้ามาตามพี่............ เสียงเบารอดออกมาจากเงามืดหลังต้นไม้
หล้าแสน.....น้องหรือ......หล้าแสนใช่ไหม...... ผาคำพูดออกไปเหมือนกระซิบเช่นกัน กะพอคุยกันรู้เรื่อง
พี่อ้าย....ข้าเอง....ข้ามาตามพี่อ้าย...... เสียงหล้าแสนยังคงยืนยันประโยคเดิม
แสน.... เจ้ามีสิ่งใด.......ถึงฝ่าดงตามพี่มาถึงนี่........หรือเอื้องจันหอมเมียพี่เป็นอะไร หรือพ่อเฒ่าแม่เฒ่า..... ดั่งชี้โพลงให้กระรอกผาคำเอ่ยชื่อคนในเรือนตนออกไป เสียงนั้นหายไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดออกมาต่อ
ใช่แล้วเอื้องจันทร์หอม ไม่สบายหนัก.........มาเถอะกลับบ้านกัน ข้ามาตาม พ่อเฒ่าก็มา...
ผาคำใจหายวาบเมื่อได้ยินคำว่า พ่อเฒ่ามาด้วย เพราะพ่อเฒ่าแก่ชรามากแล้ว
.....ผาคำรีบปลดเถาวัลย์ที่พันธนาการตนเองไว้ออกจนหมด กุรีกุจอควานหาของของตนเองเป็นการใหญ่.....
หล้าแสน....ออกมาเถอะ...ไม่ต้องหลบที่นี่ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวพี่อยู่บนนี้.... ผาคำบอกเสียงน้องของตน
ไหน....พี่อ้ายอยู่ไหน.... เสียงนั้นดังตอบมาซักถาม
ข้างบนๆ ไม่ต้องกลัว พี่เก็บของก่อน ผาคำพูดไม่ได้สนใจอะไร คงงมหาโน้นหานี่ยัดใส่ย่าม
.....และแล้ว ก็ปรากฏร่างๆหนึ่ง ค่อยๆก้าวเดินออกมาจากเงามืดหนังต้นไม้ใหญ่ มายืนอยู่ชายขอบต้นไม้ใหญ่ที่ผาคำขัดห้างอยู่ ร่างนั้นยังคงยืนก้มหน้านิ่ง ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ผ้าเตี่ยวผืนเดียวที่ปกปิดร่างกาย ผาคำเก็บของเสร็จ ก็แลเห็นร่างนั้นจากที่สูง ก็สร้างความแปลกใจยิ่งนัก.....
หล้าแสน เสื้อผ้าหายไปไหนหมด.. ผาคำถาม
มันมืดพี่อ้าย คงหลุดระหว่างทางมา หนามมันเยอะ ร่างนั้นตอบ ผาคำไม่ใส่ใจ ค่อยๆปีนต้นไม้ลงมาหา แล้วไม่นาน ทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากัน ร่างน้องชายยังคงยืนก้มหน้าอยู่
ไหนพ่อเฒ่า.. ผาคำเอ่ยถาม ร่างนั้น หันหลังกลับแล้วยกมือชี้ไปทางต้นไม้ใหญ่ที่ตนออกมา ผาคำพยายามหรี่ตามองตาม คงเพราะความมืดตนเองจึงเดินล้ำหน้าร่างหล้าแสนออกไปข้างหน้าเพื่อมองหาพ่อเฒ่า
.....และก่อนที่จะหันกลับมาซักถามหล้าแสนในเรื่องราวต่างๆ ผาคำรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวบริเวณต้นคอ ดั่งคมมีดเล่มใหญ่แทรกเข้าเนื้อ ผาคำสะดุ้งสุดตัว หันตัวกลับได้ สิ่งที่เห็นอยู่ข้างหน้า กลับกลายเป็นเสือร้ายตัวใหญ่กว่า 8 ศอก คมเขี้ยวของมันขย่ำลงต้นคอผาคำพอดี แต่ยังไม่ถูกจุดตาย ผาคำรวมกำลังผลักมันออกทันที เมื่อคมเคี่ยวถอนออกจากคอ เลือดอุ่นๆจากปากแผลผาคำกลับพุ่งกระฉูดคาวออกมาเป็นสาย ปากสมิงร้ายแดงฉานไปด้วยเลือดมันยังคงแลบลิ้นเลียลิ้มรสเลือดที่ติดฝีปากมันอย่างโอชะและย่ามใจ ผาคำโซเซแต่ยังมีสติ ชักพร้าคู่ใจออกมาจากเหน็บหลังกำไว้ในมือ แต่ทะว่ากำแทบไม่อยู่ เพราะมือทั้งสองข้างลื่นไปด้วยเลือดของตนเอง.....
.....อ๊าววววววววววววววว ฮึ๊ม.....!!!! เสียงคำรามประกาศศักดิ์ดาสนั่นหวั่นไหว แต่ทะว่าไม่ใช่เสียงคำรามจากสมิงร้ายตัวที่กัดผาคำ แต่.....กลับเป็นอีกตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย และดูแก่กว่าตัวแรก ผาคำแทบเขาทรุด...
.....สมิงแก่ตัวที่มาใหม่ไม่รอช้า กระโจนหมายขย้ำผาคำดั่งสมั่นน้อยทันที่ ผมคำตั้งสติ สู้อย่างยิ๊บตาด้วยเลือดพรานไพร สองสมิง หนึ่งคน พันตูกันจนเลือดสาดกระจาย ต่างส่งเสียงคำรามและโวยหวน เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด.....
.....เช้ามืดวันต่อมา ป่าท้ายหมู่บ้าน ร่างที่โชกไปด้วยเลือดของผาคำ พยายามกระโหยกกระเหยก อย่างลำบากยากเย็น เพื่อหวังจะกลับบ้าน สภาพผาคำตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับซากที่เดินได้ เนื้อบางส่วนที่หลุดหายไปเป็นกระบิๆ เลือดโทรมกายจำไม่ได้ว่า เป็นคนหรือไม่ พยายามแข็งใจเดินกลับบ้านตนเอง กลับมาด้วยความห่วงหาเมียรัก ของตนเอง เมียที่กำลังจะให้กำเนิดลูกน้อยเชื้อสายของตนเองคนแรก สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผาคำกัดฟันทนมาได้จนถึงหมู่บ้าน ตะวันยังไม่จับขอบฟ้า หมู่บ้านยังตกอยู่ในความมืด แต่บ้านบางหลังก็ตื่นแล้วตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารเตรียมไปไล่ไปนาล่าสัตว์ตามวิสัยชาวป่าดง.....
.....ผาคำแข็งใจ เดินจนถึงหน้าบ้านต้นเอง แต่ตนเองกลับไม่มีเสียงร้องเรียกคนในบ้าน สัญญาณบนบ้านบ่งบอกว่า ทุกคนตื่นหมดแล้ว เพราะได้ยินเสียงทำครัว ตำน้ำพริก เสียงพูดคุยของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเสียงเจ้าน้องชายหล้าแสนเอะอะอยู่ในครัว เสียงเมียรักของตนเองพูดคุยกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเกี่ยวกับลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา ผาคำรวมแรงเฮือกสุดท้ายปีนป่ายขึ้นบันได เข้าไปในเรือนจนสำเร็จแต่หมดแรงอยู่หน้าประตูบ้าน สิ้นเรียวแรงแม้นจะเรียก ทุกคนภายในบ้านนั่งหันหลังให้ ต่างพูดจาหยอกล้อกัน ไม่มีใครเอะใจเลยสักคน.....
.....และแล้วก็มีแมวดำตัวหนึ่ง มันมายืนอยู่หน้าผาคำ มันจ้องมองผาคำเหมือนกับฉงนอะไรบางอย่าง ชั่วไม่นาน มันก็ออกเดิน แต่ทว่า มันไม่ได้เดินอ้อมผาคำไปแต่ประการใด มันเดินผ่านตัวผาคำออกไปดื้อๆ ผ่านไป ราวกับผาคำไม่มีตัวตน ร่างผาคำเป็นเพียงแต่อากาศธาตุหาที่จับต้องไม่ได้ มันเดินผ่านไป แล้ววกกลับมาผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง เดินมุ่งตรงไปยังห้องครัว แล้วก็มีเสียงเอะอะโวยวายออกจากครัว.....
ไปๆๆ อ้ายแมวโพง จะมาลักแกงลักปลากิน ไปๆ หล้าแสนถือไม้วิ่งไล่แมวออกมา ทั้งแมวทั้งคนวิ่งตรงมายังผาคำ ผาคำพยายามยกมือเหมือนจะห้ามน้องแต่...ทั้งแมวทั้งคน วิ่งผ่านเค้าไป.... ผาคำไร้ตัวตน เป็นเพียงอากาศธาตุ ผาคำเป็นเพียงวิญญาณธาตุ วิญญาณที่ยังรักเมียตนห่วงลูกของตน......
.....ขณะนี้มีแต่เสียงร่ำไห้ของผาคำ แต่ไร้ผู้คนที่จะได้ยินเสียงที่ร่ำไห้นั้น.....
จบ ไพรลวง