ชายเทียมในโลกแท้ ( GayGuy in Straight World ) ตอนที่ 5 เรื่องเจ็บที่ต้องเผชิญ

ชายชัช

ตอนที่ 5 เรื่องเจ็บที่ต้องเผชิญ
		
วันศุกร์
เวลา 11.30 น
		ขณะที่ผมกำลังง่วนกับรายงานที่ต้องตามหลังจากสรุปงานประชุมของวันสุดสัปดาห์ตอนเช้า เสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น หน้าจอแจ้งว่าเป็นเป็นสายของน้องเล็ก  ผมรับสายนั้น
		 ฮัลโหล ว่าไง  
  
		พี่พลขา  ตอนนี้พวกหนูอยู่บนรถกัน  กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ คาดว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ราวๆทุ่มสองทุ่มนะค่ะ   น้องเล็กรายงานผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยเสียงระริกระรี้
		เหรอ  มาถึงเร็วขนาดนั้นเชียว ดีเหมือนกันจะได้กินข้าวเย็นด้วยกันนะ พี่จะรอ
		ดีค่ะ หนูก็อยากกินข้าวกับพี่ม้าก มาก
		พี่พล คิดถึงพี่พลจังเลย เสียงกวางตะโกนเข้ามาผ่านโทรศัพท์น้องเล็ก
		คิดถึงเหมือนกันจ้า ผมตอบกลับ
		ขับรถระวังนะ เดินทางมาด้วยความปลอดภัยล่ะ แค่นี้ก่อนละกันแล้วค่อยเจอกันตอนเย็น
		ค่ะพี่พล แล้วค่อยเจอกัน เสียงเล็กตอบพร้อมกับวางสายไป   
		ผมคิดมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่าผมกำลังทำสิ่งที่ถูกหรือไม่ ที่เป็นคนมาตัดสินว่า ผุ้ชายคนล่าสุดของน้องเล็กเป็นชายแท้หรือเกย์แอบแฝงโดยใช้เกย์ด้า ถ้าเกย์ด้าผมบกพร่องล่ะ  ? ! ? ความแม่นยำเกย์ด้าของผมอาจผิดพลาด ถ้าผมตัดสินเค้าว่าเป็นเกย์โดยที่เค้าเป็นชายแท้ ผมอาจทำลายความรักของทั้งสอง แล้วถ้าแฟนใหม่ของน้องเล็กเป็นเกย์จริงแต่ไม่ส่งสัญญาณเกย์ด้ามาที่ผม ทำให้เกย์ด้าผมอ่านผิดคิดว่าเค้าเป็นชายแท้ล่ะ!  น้องเล็กมิต้องกลายเป็นเครื่องมือตกเป็นแฟนหญิงบังหน้าของเกย์ไร้จรรยาบรรณหรอกหรือ ยิ่งเมื่อใกล้เวลาที่จะพบกันอีกประมาณไม่ถึง 10 ชั่วโมง ยิ่งทำให้ผมลนลายทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง 
ผมสะดุ้งจากความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังอีกครั้ง ที่หน้าจอโทรศัพท์แจ้งว่าเป็นเบอร์ของ  นุ่น  นั่นเอง
หวัดดีนุ่น มีอะไรให้เรารับใช้ครับ ผมรับสายพร้อมกับทักทาย
พล  ธันวานี้เราคงไปเที่ยวเชียงใหม่เหมือนทุกปีๆไม่ได้แล้วนะ น้ำเสียงนุ่นเครียดๆ
เกิดอะไรขึ้นเหรอ?  ผมถามด้วย ความเป็นห่วงอย่างจริงใจ
นุ่นเงียบไปสักอึดใจ แล้วตอบว่า
นุ่นกำลังจะมีน้อง! นุ่นตะโกน 
ตกใจหมดนึกว่าเรื่องคอขาดบาดตาย ดีใจด้วยนะ   ผมตอบกลับด้วยความโล่งอก
อิอิอิ แบบนี้สนุกจังทำให้คนตกใจเล่น เสียงหัวเราะนุ่นยังไม่จบที่สามารถหลอกผมให้ตกใจได้สำเร็จ
แหมสนุกจังนะ แล้วท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ  ผมถาม
สามเดือนกว่าๆแล้วจ้ะ แต่กว่าจะถึงธันวาก็คงอุ้ยอ้ายเต็มที่เลยโทรมาหา  นึกขึ้นได้ว่าเรามีนัดกันทุกเดือนธันวา ช่วงนั้นก็ใกล้คลอดเต็มที่เลยนึกถึงพลขึ้นมาต้องแจ้งข่าวดีให้ลุงพลก่อน ให้รู้ตัวว่าจะมีหลานแล้ว
  
นุ่นยังคงคิดถึงผมสม่ำเสมอ เป็นคนเดิมที่ผมรู้จักไม่เคยเปลี่ยน รู้สึกถึงความโชคดีทีสามีของนุ่นว่าเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดที่มีนุ่นเคียงข้าง และยิ่งนุ่นดีต่อผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผมช่างเป็นคนที่แย่ที่สุดสำหรับนุ่น
ผมเจอนุ่นครั้งแรกเมื่อตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่งพึ่งเป็นน้องใหม่หน้าใสบริสุทธ์ จะพูดว่าพึ่งเป็นน้องใหม่ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดๆ เพราะเหตุการณ์นั้นมันผ่านมา สิบกว่าปีแล้ว ผมรู้จักนุ่นผ่านเพื่อนผมที่เรียนคณะเดียวกันบอกว่านุ่นเรียนอยู่คณะแพทย์ ผมทึ่งในความสามารถของนุ่นเพราะเรียนถึงคณะแพทย์  นอกจากนั้น นุ่นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจริงๆ นุ่นเป็นผู้หญิงที่ไว้ผมยาว และนุ่นก็มีผมที่สวยนุ่มสลวยเงางามดำขลับ ผมรู้สึกถูกชะตากับนุ่นทันทีเมื่อแรกเจอ ใครบ้างเล่าที่ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงสวยที่ฉลาดและนิสัยดี
โอเค ! ผมสารภาพก็ได้ครับผมเคยแอบหลงรักนุ่น ผมหลงรักจริงๆครับ แต่ประเด็นของผมคือ ในขณะเดียวกันตอนที่ผมหลงรักเธอ  ผมก็ทำเรื่องผิดอย่างร้ายแรงที่สุดต่อชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเช่นกัน
คนหนึ่งคน  ที่ไม่มั่นใจตัวเองว่ามีรสนิยมว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย จะรู้ได้อย่างไรว่าเราชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ หากเราไม่ได้ลองนอนกับทั้งสองเพศ    นอน  ในที่นี้ ผมหมายถึงมีเพศสัมพันธ์นะครับ หาใช่การนอนเฉยๆ ในห้องเดียวกันแต่คนละเตียงไม่ อย่างหลังไม่นับรวม  และอีกอย่างผมหมายถึงนอนกับผู้ชาย คนละเวลากันกับนอนกับผู้หญิงนะครับ ไม่ใช่นอนทีเดียวพร้อมกันทั้งสองเพศ เอ๊ะ หรือหรือว่าเราควรนอนพร้อมกันสามคนดี.......... ผู้อ่านชายแท้ที่อ่านถึงตรงนี้คงวาบหวามไม่น้อย เพราะตอนนี้ความคิดในหัวคุณคงนึกถึงผู้หญิงเซ็กซี่สองคนกึ่งเปลือยกายด้วยชุดชั้นในแฟนซีคลอเคลียกับคุณพร้อมกับป้อนความสุขให้แก่คุณ สุขสมทั้งสาม   แต่ผมขอทำลายความฝันนั้นโดยให้คิดใหม่เป็น ผู้ชายหน้าตาดีสองคนเซ็กซี่ในแบบผู้ชายของร่างกำยำกำลังคลุกเค้ากันอยู่โดยมีหญิงสาวร่างเปล่าเปลือยอยู่คั่นกลาง ความคิดนี้ขอเอาใจสาวซุกซนทางความคิดครับ
ที่นี่เรามาออกจากความคิดนี้โดยด่วน เพราะในเรื่องที่ผมจะเล่าไม่เกี่ยวกับกรณี Three-some ( three-some อ่านว่า ทรีซัม สำหรับคนที่ไม่ประสาเวอร์จิ้นทางความคิด ขอแจ้งให้ทราบว่า นี่คือศัพท์แสลงไว้เรียก การมีเพศสัมพันธ์พร้อมกันทีเดียวสามคนและสามรถใช้  four-some , five-some เมื่อเพิ่มจำนวนคนขึ้นเรื่อยๆ)  
ประเด็นที่ผมจะเล่าคือ ประเด็นของชายคนหนึ่งสมัยพึ่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย  โลกที่กว้างมากขึ้นกว่าสมัยมัธยม ถึงแม้ส่วนหนึ่งลึกๆ เค้าอาจจะพึ่งพอใจในรูปร่างและรู้สึกตื่นตัวเมื่อพึงพอใจกับเพศเดียวกัน แต่ความรู้สึกนั้นถูกกดไว้เพราะรอบข้างบอกว่าการรักเพศเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด และอาจโดนล้อจากกลุ่มเพื่อนหากคุณทำตัวแปลกแยก และรู้สึกว่า เราจะตัดสินว่าเราเป็นเกย์ได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่เคยนอนกับผู้หญิงเลยและภายใต้ความคิดนี้ จึงเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นระหว่าง  ผมกับนุ่น
ยิ่งผมรู้จักนุ่นมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเท่านั้น นอกจากความสวยฉลาดที่เธอมีเธอยังเป็นคนที่มีจุดยืนในด้านความคิดที่ผมชื่นชมอยู่เสมอ คราวหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่รุ่นพี่ตามนุ่นไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ นุ่นปฏิเสธอย่างนุ่มนวลพร้อมกับให้เหตุผลว่า ยังมีคนที่ต้องการความช่วยเหลืออีกเยอะภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย นุ่นต้องการเอาเวลาที่จะใช้การซ้อมเชียร์นั้นไปดูแลหาข้อมูล ออกอาสาตามหน่วยแพทย์ชนบท หรืออะไรก็ได้ที่สามารถรู้ข้อมูลและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้คนที่อยู่ภายนอกที่ด้อยโอกาส นุ่นไม่เพียงแต่จะพูด นุ่นยังปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจัง 
ครั้งหนึ่งผมตามเธอไปช่วยเหลือในการหาข้อมูลช่วยองค์กร เอ็นจีโอ ในการต่อต้านเตาเผาขยะที่จะมาก่อสร้างในตำบลเล็กๆใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนหาเหตุผลเก็บข้อมูลจนสามารถเลิกล้มการก่อสร้างนั้นได้ เพราะเตาเผาขยะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เพราะคนไทยยังอยู่กับขยะไร้ระเบียบไม่มีการแยกการจัดเก็บ ขยะเปียกขยะแห้งปนกัน มีเตาเผากี่เตาก็เสียหายแน่ 
เราสองคนช่วยกันกับองค์การเอ็นจีโอนั้นอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่จนทำให้เราสองคนรู้สึกดีๆต่อกัน  ถึงเพื่อนๆ ในคณะแพทย์จะดูนุ่นเป็นคนแปลก จนทำให้ผู้ชายที่เข้ามาจีบนุ่นหายไปทีละคน  เพราะนุ่นทำกิจกรรมอาสาซะจนไม่มีเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆในคณะ แต่สำหรับผมแล้ว นุ่นเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเสียสละต่อสังคมอย่างแท้จริงและถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวผมเอง นุ่นก็คงมีความรู้สึกดีๆ กับผมเช่นกัน
คืนหนึ่งประมาณ 3 ทุ่ม ในเดือนกุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็นบรรยากาศดีที่สุดสำหรับช่วงเดือนของหน้าหนาว ผมได้ทำสิ่งที่ถือว่าโรแมนติกที่สุดในชีวิต วันนั้นขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อสาขาหลังมหาวิทยาลัย มีชาวเขานำกุหลาบมาขายวางไว้หน้าร้าน ชาวขาวบอกว่าช่วยหน่อยอยากกลับบ้านแล้ว ผมกะสายตากุหลาบสีแดงก้านยาวดอกใหญ่ในกาละมังมีไม่ต่ำกว่า 100 ดอกแน่ๆ ผมสอบถามราคา ชาวเขาตกลงขายทั้งหมดในราคา 100 บาท ซึ่งถูกมากๆกับจำนวนกุหลาบที่สวนขนาดนี้ ผมควักเงินซื้อกุหลาบทันที   เมื่อซื้อเสร็จปัญหาคือ จะเอากุหลาบทั้งหมดนี้ ไปทำอะไร? ดอกไม้งามย่อมคู่กับสาวสวย ผมนึกถึงนุ่น ผมได้หอบกุหลาบร้อยกว่าดอกนั้นไปที่หอพักหญิงคณะแพทย์ทันที เพราะคิดอย่างเดียวว่านุ่นคือคนที่เหมาะสมมากที่สุดที่จะเป็นเจ้าของกุหลาบทั้งหมดนี้
เมื่อนุ่นเดินลงจากหอมาหาผมเจอผม สีหน้าของนุ่นรู้สึกดีใจ นุ่นยิ้มเผยฟันขาวมีระเบียบแล้วทักผม
พล   !  พรุ่งนี้ต่างหากวันวาเลนไทน์
ผมสะดุดอารมณ์ทางความคิดไปชั่วขณะเพราะผมลืมไปว่าวันนี้วันที่ 13กุมภาพัน์ซะสนิท แต่ผมก็ลื่นไหลไปว่า
ถ้าเราต้องการให้ดอกไม้กับคนที่เรารู้สึกดีๆด้วย จำเป็นต้องรอให้ถึงวันวาเลนไทน์เหรอ
นุ่นยิ้มรับผมไม่เคยเห็นนุ่นยิ้มอย่างมีความสุขอย่างนี้มาก่อน  เราสองคนสบตากันและนั้น.....นั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องเศร้าทั้งหมด
พลกำลังจะบอกว่า...ต่อไปนี้เราสองคน... 
ใช่เราอยากให้นุ่นเป็นคนพิเศษสำหรับเรา  
 
มันคือคำตอบอย่างเด็ดเดี่ยวของผม ในตอนนั้น  ในหัวผมคิดเพียงแต่ว่า นุ่นคือผู้หญิงที่ผมรัก และผมจะหายจากอาการที่ชอบมองผู้ชายด้วยกัน  ช่วงปีสองถึงปีสามในมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมากที่ผมได้คบนุ่นเป็นแฟน  และการคบกันของเราสองคนก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ผมลืมการมองผู้ชายไป ผมสนใจแต่นุ่น เราเป็นเหมือนปาท่องโก๋ ผมคิดว่าผมคงหายจากอาการชอบผู้ชายเพราะนุ่นแน่ๆ แต่ความรักระหว่างเราสองคนก็ไม่ได้ล่วงเกินกันถึงขั้นชิงสุขก่อนห่ามจนกระทั่ง
การปิดเทอมของปีที่สาม ปีที่นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์สามารถยื่นเรื่องขอฝึกงานเพื่อเรียนรู้ชีวิตการทำงานในสถานที่จริงในช่วงภาคฤดูร้อน ผมได้รับการการตอบรับจากสำนักงานการออกแบบด้านวิศวกรรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ที่ทำงานนี่เองทำให้ผมได้พบกับ พี่  สมชาย
พี่สมชาย เป็นหัวหน้าแผนกที่ผมฝึกงานอยู่อายุ 35 ปี พี่สมชายมีรูปร่างสูงใหญ่ สูงประมาณ 185 เซ็นติเมตร หน้าตาสะอาดหมดจด ขาว ตี๋ ปากแดงๆ ใส่แว่นน่ามองยิ่งนัก  ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาฝึกงานในที่สำนักงานแห่งนี้ ผมรู้สึกได้ว่าพี่สมชายแอบลอบมองผมอยู่บ่อยๆ  ในตอนนั้น ผมไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ว่านั้นคือ เกย์ด้า ที่พี่สมชายต้องการจะส่งสัญญาณให้ผมตอบรับ ผมรักษาระยะการพูดคุย การวางตัวของผมต่อพี่สมชายทุกครั้งตลอดเวลาของการทำงานเพราะผมต้องเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดเวลาผมคือนักศึกษามาฝึกงานผมต้องรักษาชื่อเสียงเกียรติของสถาบันเอาไว้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รุ่นน้องจะได้โอกาสมาฝึกงานที่นี่ต่อไป อีกอย่าง ตอนที่ผมเรียนอยู่ปีสอง ผมก็เจอกรณีของพี่ชัยยุทธ ผมไม่อยากมีประวัติซ้ำรอย และที่สำคัญ ผมคิดว่าผมหายจากอาการเป็นเกย์ ผมคิดเอาเองของผม ซึ่งอาการเหล่านั้น หายได้เพราะผมคบกับนุ่น....  
วันหนึ่งขณะที่ผมกำลังทำงานที่ได้รับมอบหมาย โทรศัพท์ของสำนักงานบนโต๊ะทำงานชั่วคราวของผมก็ดังขึ้น นุ่นนั้นเอง นุ่นโทรมาบอกผมว่าคณะแพทย์ของเธอปิดเรียนแล้ว  ( คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเปิดปิดไม่ตรงกับคณะอื่น ) จะตามลงมาอยู่กับผมที่กรุงเทพฯสัก 2-3 วัน ก่อนที่จะกลับบ้าน ผมดีใจที่ได้รับข่าวนั้น เหมือนระฆังช่วยชีวิต  !   สวรรค์ส่งนุ่นมาช่วยให้ผมไม่วอกแวกต่อพี่สมชายเป็นแน่ 
วันต่อมาผมไปรับนุ่น และให้นุ่นพักกับผมที่หอพักที่ผมเช่าไว้ขณะฝึกงานและนัดกันว่าหลังผมเลิกงานเราจะไปทานข้าวด้วยกันสองคนเป็นการต้อนรับนุ่น
ตอนบ่ายสามของวันนั้นพี่สมชายเดินมาที่โต๊ะพร้อมแบบผังโครงการมาให้ผม   ยิ้มพร้อมกับบอกว่า
พล วันนี้น้องพลต้องช่วยพี่หน่อยล่ะ งานนี้ต้องส่งให้ทันมือลูกค้าแต่เช้าตรู่ เพราะฉะนั้นงานชิ้นนี้จะต้องเสร็จภายในวันนี้ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน พลคำนวณขนาดท่อและความลาดเอียงของระบบท่อน้ำทิ้งของโครงการให้เรียบร้อย แล้วพี่จะตรวจสอบนะ
ครับพี่                   
ผมยิ้มตอบด้วยความเต็มใจเพราะเรื่องการคำนวณและการวางแผนงานท่อเป็นเรื่องที่ผมถูกสอนมาแล้วจากพี่สมชายเองนั้นแหละ
การทำงานของผมดำเนินไปต่อเนื่องแต่เมื่อใกล้เวลา 5 โมงเย็น  งานของผมไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จแน่ ผมจึงโทรไปบอกเลิกนัดกับนุ่นที่หอพักพร้อมกับให้นุ่นทานข้าวก่อน เพราะผมไม่รู้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่  นุ่นมีน้ำเสียงที่ผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจถึงสภาพงานของผมว่ามันฉุกละหุกจริงๆ  ผมบอกว่าจะชดเชยให้วันพรุ่งนี้ นุ่นอวยพรให้ผมทำงานเสร็จไวไว จะได้กลับมาเจอกัน
ผมทำงานไปด้วยความบากบั่น ดูเหมือนงานจะต้องใช้เวลามากกว่าที่ผมประเมินไว้  คนอื่นๆ กลับบ้านไปทีละคนสองคน จนทั้งออฟฟิตเหลือกันอยู่แค่สองคน   โดยที่ผมอยู่คนเดียวในห้องกว้างและพี่สมชายกำลังตรวจงานอื่นๆ และรอตรวจงานของผมอยู่ในห้องประจำตำแหน่ง เมื่อผมทำงานเสร็จผมเหลือบไปที่นาฬิกาเป็นเวลา 2030 นาฬิกาแล้ว  ผมเงยหน้าถอนหายใจแล้วก็เจอพี่สมชายกำลังเดินมาที่โต๊ะผม ในมือทั้งสองข้างของพี่สมชายมีถ้วยกาแฟถ้วยใหญ่ทั้งสองมือ  พี่สมชายยิ้มให้ผมเช่นแล้วพูดกับผมว่า
เลยเวลากินข้าวแล้วพี่กลัวเราหิวเลยชงโอวัลติลร้อนๆมาให้รองท้องก่อน
ขอบคุณมากครับพี่    พูดเสร็จผมก็รีบลุกจากเก้าอี้มารับถ้วยจากมือพี่สมชายพร้อมกับบอกพี่สมชายว่า
งานเสร็จแล้วครับพี่ เชิญพี่ตรวจทานได้เลย ผมเช็คตัวเลขคำนวณสองรอบครับ ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
เท่าที่ตรวจงานที่ผ่านมา พลก็ไม่เคยทำงานพลาดนะครับ พี่ขอชม      พี่สมชายบอก
พี่สมชายก็ใจดี ดูแลผมช่วยผมให้ผมรู้จักการทำงานผมก็ต้องขอบคุณพี่สมชายมากๆ เพราะพี่ใจดีจริงๆ         ผมบอกพี่สมชายด้วยความจริงใจ
 ไม่ใช่ทุกคนนะ ที่พี่จะใจดีด้วย พี่สมชายบอกผมด้วยประโยคที่แฝงความหมาย  
เราสองคนเงียบจ้องตากัน หัวใจผมเริ่มเต้นถี่  หายใจแรง แล้วพี่สมชายก็วางถ้วยกาแฟ ก้าวเข้ามาประคองหน้าผมเงยขึ้นไปจูบกับพี่เค้า ผมสัมผัสถึงความเร่าร้อนของรสจูบพี่สมชายที่ผ่านริมฝีปากคู่นั้น  มือข้างขวาของผมยังถือถ้วยกาแฟอยู่ทำอะไรไม่ถูก พี่สมชายดึงตัวผมเข้าไปเบียดกับร่างกายของเค้ามือพี่สมชายลูบไล้ทั่วแผ่นหลังของผม ผมสัมผัสถึงความเป็นแข็งแกร่งเบื้องล่างของพี่สมชายผ่านเป้ากางเกง มือพี่สมชายดันสะโพกของผมเข้าไปเบียดให้ผมรู้ว่าเค้ามีความต้องการมากแค่ไหน ขณะเดียวกันผมคงจะปฏิเสธว่าผมไม่รู้สึกรู้สาเลยก็ไม่ถูก เพราะผมเต็มใจที่จะจูบตอบ  ช่วงล่างผมเบียดและบดคลึงสนอง จนคะเนได้ว่า พี่สมชาย....สมชายสมชื่อ 
 
แต่แล้วขณะที่ ผมเคลิ้บเคลิ้มกับรสจูบที่พี่สมชายจูบผม  สติสัมปชัญญะ ผมก็เรียกผมมาสู่ความรู้สึกถึงความเหมาะสม แม้ขณะที่ลิ้นของพี่สมชายอยู่ในปากผมก็ตามเถอะ แต่สิ่งที่เรียกสติกับมาคือแว่นตาของพี่เค้า เนื่องจากการจูบที่เร่าร้อน แว่นตาของพี่สมชาย ได้กระทุ้งกับหน้าผากผมจนรู้สึกเจ็บ  ผมรีบถอนจูบนั้น แล้วรีบพูดกับพี่สมชายด้วยอาการละล่ำละลัก
 พะ..พะ..พี่ครับ ผมว่าเรากำลังทำให้สิ่งที่ไม่ควรนะครับ ผมมาฝึกงาน....พี่เป็นเจ้านายของผม ผมคิดว่าผมกำลังทำผิดครับ 
 
 ผมหายใจหอบเพราต้องเรียกสติกลับมา ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ไม่กี่นาทีนี้คือสิ่งที่ผมกำลังเอ็นจอยก็ตามเถอะ  ได้ผล.....พี่สมชายถอนหายใจ หายใจแรงถี่คลายอ้อมกอดผม สีหน้าพี่สมชายเปลี่ยน
 ผมขอโทษ ผม...  ผมพูดต่อ
ไม่...ไม่... ไม่ต้องขอโทษพี่  พลพูดถูก เรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิด พี่ผิดเอง       พี่สมชายพูดแทรก
 ผม.. เออ...ผม   ผมพูดไม่ออก  การพูดผมตะกุกตะกักไปหมด
 พลกลับไปก่อนไป  งานก็เสร็จแล้ว ขอพี่ตรวจทานก่อนถ้ามีอะไรผิดพลาด พี่จะแก้ไขตัวเลขเองไม่ต้องห่วง   พี่สมชายเปลี่ยนเรื่องพูด หอบแบบงานเดินหันหลังให้ผม ผมรีบพูดออกมาจนรู้สึกว่าผมเสียงดังไป  
 
พี่สมชายครับ!   ถึงยังไง ผมก็นับถือพี่และพี่คือพี่ที่ใจดีสำหรับผมครับ! 
พี่สมชายหยุดเดินหันหน้ามาให้ผม   แล้วยิ้ม...เป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่ายิ้มนั้นทั้งดีใจ ทั้งขมขื่นปนกันแล้วเอ่ยว่า
อย่าบอกเรื่องนี้กับใครในออฟฟิตนะครับ พี่ขอร้อง
ผมพยักหน้าตอบรับ  แล้วพี่สมชายก็เดินเข้าห้องประจำตำแหน่ง...เสียงประตูปิด  ผมรู้สึกถึงความเดียวดายของพี่สมชาย และตอนนี้ ผมกำลังทำความรู้จักกับความเดียวดาย....ความเศร้าที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง   ผมรู้สึกสับสนเคว้งคว้าง บอกไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ ผมอึ้งหนักอก เดินทางกลับหอพักด้วยอะไรๆหลายๆอย่างที่เกิดจากความครุกรุ่นในจิตใจ
เมื่อผมกลับถึงหอพัก เจอกับนุ่น ผมคงมีสีหน้าที่เคร่งเครียดจนนุ่นสังเกตได้
งานหนักมากเหรอ แล้วทานข้าวเย็นยัง        
นุ่นถามผมด้วยความเป็นห่วง
ผมบอกนุ่นไม่ถูก ได้แต่พยักหน้า ทั้งๆที่ผมยังไม่ทานข้าวเย็น ผมเข้าไปอาบน้ำ ไม่เอ่ยปากใดๆอยากทิ้งตัวลงนอนบนเตียง 
ขอนอนก่อนนะ 
ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี่คือประโยคเดียวที่ผมพูดกับนุ่น แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง มองเพดาน นุ่นค่อยๆ ลมตัวลงมานอนข้างๆตัวผม แล้วกอดผม ผมมองหน้านุ่น  นี่เป็นครั้งแรกที่นุ่นกอดผม  ถึงแม้เราจะเคยอยู่กันสองต่อสองในที่รโหฐานมานับครั้งไม่ถ้วน  แต่นี้เป็นครั้งแรกที่นุ่นกอดผม มองหน้าผม แล้วเราก็จูบกัน ผมไม่รู้ว่าว่าใครจูบใครก่อน นุ่นโน้มตัวมาจูบผมก่อน หรือผมดึงตัวนุ่นเข้ามาจูบเอง  ผมรู้เพียงแต่ว่าผมเหงา ผมสับสน ผมพูดอะไรไม่ออก และการกอดสัมผัสของนุ่น มันช่างอบอุ่นละมุนละไมมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่โดดเดียวในจักรวาลนี้  ผมถอนริมฝีปากผมออกมาจากริมฝีปากของนุ่น เรามองหน้ากัน  ผมถามนุ่นว่าพร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดหรือไม่
แน่ใจนะนุ่น...ว่านุ่นพร้อม
นุ่นพยักหน้า ตอบรับ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามวิถีที่ควรจะเกิด ผมไม่ใช่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิง ผมมีบ้างแต่ที่ผ่านมาคือการมีเซ็กส์แบบไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ในครั้งนี้ ผมกำลังมีกับผู้หญิงที่ผมรัก  ผมเล้าโลมนุ่น จูบนุ่นทั่วร่างกาย ค่อยๆถอดชุดนอนออกทีละชิ้นๆ จนเราทั้งสองตัวเปลือยเปล่า ผมถาโถมเข้ากอดและรวมตัวผมกับนุ่นเป็นหนึ่งเดียวกัน 
แต่...ถึงแม้คนที่อยู่ตรงหน้าคือนุ่นหญิงสาวที่สวยสดและมีรูปร่างอวบอิ่มสารีระ เป็นหญิงงามทั้งร่างกายไม่มีที่ติ แต่ภาพในหัวของผมกลับกำลังคิดว่าได้ร่วมรักกับผู้ชายคนนั้น...พี่สมชาย
ผมยอมรับว่าการร่วมรักของผมกับนุ่นในความรู้สึกของผมนั้นเป็นไปอย่างลำบาก เพราะผมต้องต่อสู้กับพลังภายในที่ต่อต้านอยู่ในตัวของผมเอง การร่วมรักยาวนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ผมรู้สึกโล่งใจเมื่อทุกอย่างถึงจุดสุดยอด.......
ผมและนุ่นเราได้นอนกอดกันหลังจากร่วมรักเสร็จ เมื่อนุ่นหลับสนิท ผมค่อยๆคลายอ้อมกอดนั้น แล้วนอนหันหลังให้นุ่น   น้ำตาของผมค่อยๆไหลเพราะผมรู้ตัวว่าผมได้ทำความผิดต่อนุ่น ในขณะเดียวกัน ผมก็ค้นพบตัวเองว่าผมต้องการอะไรในชีวิตในเรื่องรสนิยมทางเรื่องเพศ  แต่ต้องแลกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ยุติธรรมสำหรับนุ่นเลย    ผมด่าตัวเองในใจ ทำไม !  เราห้ามไม่ให้เกิดเซ็กส์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องได้ แต่ทำไมเราห้ามใจที่จะทำลายผู้หญิงที่ดีที่สุดต่อเราไม่ได้ ทำไม ทำไม และทำไม....
ผมนอนแน่นิ่งแต่ผมไม่สามารถข่มตาให้หลับได้จนล่วงเวลาถึงเช้า ผมดันตัวเองลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวพยายามทำตัวค่อยๆที่สุดเท่าที่จะค่อยได้ เพื่อไม่ให้นุ่นตื่น ผมรีบออกจากห้องไปทำงานโดยไม่บอกอะไรนุ่น   นุ่นหลับอยู่ที่เตียงอยู่โดยที่ผมไม่ได้ปลุก หรือกล่าวสิ่งใดกับเธอเลย
เมื่อผมไปถึงออฟฟิต บรรยากาศของผมกับพี่สมชายเป็นไปอย่างกระอักกระอ่วน เหมือนพี่สมชายทำอะไรไม่ถูก และผมก็เช่นกัน วันนั้นเป็นวันแห่งการทำงานที่ช้ามากที่สุดในความรู้สึกผม เพราะมีเรื่องให้ผมคิดหลายอย่างว่าผมจะทำอย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไรกับนุ่น ทิศทางความสัมพันธ์ของผมกับนุ่นจะเป็นแบบไหน และผมเริ่มรู้สึกว่าผมได้มองพี่สมชายไปในวิธีที่แปลกออกไปเพราะเรื่องเมื่อวาน
เมื่อเลิกงาน การก้าวเท้าเดินกลับบ้านของผมเป็นเรื่องที่ฝืนใจมาก เพราะผมต้องกลับไปเจอนุ่น ผมเริ่มไม่ถูกที่จะพูดกับนุ่นอย่างไร และเมื่อผมถึงหน้าประตูห้องพัก เปิดประตูเข้าไป ผมพบกับ....ความว่างเปล่า.....นุ่นได้เก็บข้าวของออกจากหอพักผมแล้ว นุ่นทิ้งจดหมายไว้ที่หมอนบนเตียงที่เก็บในสภาพเรียบร้อย โดยมีข้อความสั้นๆ ว่า
 
พล
นุ่นขอกลับบ้านก่อนหนึ่งวันนะ  เจอกันตอนเปิดเทอม 
คิดถึงและ...รัก
นุ่น
ผมโล่งใจที่ไม่ต้องประจันหน้ากับนุ่น แต่แล้วความเป็นห่วงนุ่นก็มาแทนที่ ผู้หญิงหนึ่งคนที่พึ่งจะมีความสัมพันธ์ทางกายจะต้องแบกรับความกังวลแค่ไหน แม้แต่ตัวผมเองเป็นฝ่ายชาย ยังอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นุ่นเป็นผู้หญิง  และที่สำคัญเป็นผู้หญิงไทย ที่เกิดมาในสังคมที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีเสรีในเรื่องของการแสดงออกในเรื่องเพศเท่าใดนัก นุ่นคงยิ่งจะลำบากกว่าผมเป็นแน่ ผมรีบโทรศัพท์ไปที่บ้านนุ่น  แต่พบกับเสียงของพ่อของนุ่น บอกว่านุ่นเข้านอนแล้ว ทั้งๆที่มันเป็นเวลาแค่ สองทุ่มครึ่ง  ถึงแม้ผมจะไม่ได้คุยกับนุ่นเลย แต่เมื่อผมรับรู้ว่า นุ่นถึงบ้านอย่างปลอดภัย ผมก็โล่งใจ อย่างน้อย...เธอก็อยู่ภายใต้ชายคาที่มีคนให้ความรักกับเธอ
ผมไม่กล้าโทรไปที่บ้านนุ่นอีกเลย ผมพยายามทำตัวให้ยุ่งเพื่อจะทำไม่ให้ผมมีเวลาคิดเรื่องความไม่สบายใจนั้น ผมตั้งหน้าตั้งตาฝึกงานจนครบกำหนดวันสุดท้ายของการฝึกงาน ผมเข้ารับใบประเมินการฝึกงานที่ห้องทำงานของพี่สมชาย ในห้องประจำตำแหน่งของเค้า พี่สมชายยื่นซองให้ผม
นี่คือใบประเมินความสามรถทั้งหมด รับไว้นะครับ อย่าทำหายและอย่าเปิดดูก่อนที่จะส่งถึงมืออาจารย์ประจำภาควิชานะครับเพราะไม่งั้นเดี๋ยวน้องพลไม่ผ่านการฝึกงานพี่ไม่รู้ด้วย
ผมรับซองประเมินการฝึกงานมา ผมกังวลกับคะแนนที่ได้พี่สมชายคงเห็นสีหน้ากังวลนั้นจึงบอกว่า
อย่าห่วงเลย  ผ่านอยู่แล้ว น้องพลทำงานดีอย่างนี้ แต่พี่อยากเสริมอย่างหนึ่ง วิชาการบางเรื่องของน้องพลยังไม่แน่นพอขอให้เสริมตรงนี้ จบมาทำงานจะได้ไม่มีใครว่าได้
 พี่สมชายให้คำแนะนำผม ผมยิ้มและขอบคุณ แล้วสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อพี่สมชายกล่าวขึ้นว่า
ตอนนี้น้องพลก็พ้นสภาพเด็กฝึกงานแล้ว เราก็คงเป็นแค่พี่กับน้องและคนรู้จักกันไม่ได้ทำงานที่เดียวกันอีก พรุ่งนี้ก็วันเสาร์น้องพลจะว่าไงถ้าเราจะขับรถไปเที่ยวพัทยากันหลังเลิกงานเลี้ยงส่งน้องพลคืนนี้
ผมมองหน้าพี่สมชายไม่ตอบใดๆ พี่สมชายไม่เปิดโอกาสให้ผมคิดพร้อมกับพูดต่อว่า
พี่ไม่หวังว่าน้องพลจะมารักคนอย่างพี่หรอกนะ   แต่เรื่องคืนนั้นทำให้พี่สลัดน้องพลออกจากความคิดพี่ไม่ได้ซักที  ถ้าน้องพลไม่อยากไป  พี่ก็ขอโทษในสิ่งที่พี่...
ตกลงครับ      
ผมตอบตกลงทั้งๆที่พี่สมชายยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ   พี่สมชายเงียบ ไม่มีเสียงตอบ พี่สมชายดีใจขึ้นและยิ้ม ผมชอบพี่สมชายตรงที่พี่สมชายเป็นคนที่ซื่อๆคิดอย่างไรก็บอกไปอย่างนั้นไม่มีมาดมากมายเหมือนคนหลายคนที่ผมเคยรู้จัก   ผมเดินออกมาจากห้องพร้อมซองประเมินการฝึกงานในกำมือ ผมดีใจที่การฝึกงานเสร็จสิ้น และในใจผมรู้ว่า ผมเลือกแล้วกับสิ่งที่ผมกำลังจะตัดสินใจ
หลังงานเลี้ยงอำลาผมที่พี่สมชายจัดขึ้น พี่สมชายบอกให้ผมไปกับรถพี่สมชายบอกว่าพี่สมชายจะมาส่งผมเอง แต่จริงๆ เราสองคนรู้อยู่แล้วว่าเส้นทางที่เรามุ่งตรงคือ โรงแรมที่พัทยา ระหว่างทางเราคุยกันเรื่องชีวิตของแต่ละคนจนกระทั่งผมเอ่ยปากว่า
ผมคิดว่าจะมีอะไรกับพี่สมชาย โดยพี่จะเป็นคนสุดท้ายและครั้งสุดท้ายของผม แล้วผมจะหันหลังให้กับสิ่งเหล่านี้ตลอดไป
พี่สมชายนิ่งถามผมว่า
ทำไมละครับ
อาจเป็นเพราะผมอัดอั้นมานาน ผมจึงเล่าเรื่องผมกับนุ่นให้พี่สมชายฟังและผมรู้สึกผิดต่อนุ่นและกำลังจะตัดสินใจจะไม่ยุ่งกับผู้ชายอีก เมื่อเล่าเสร็จพี่สมชายให้ความคิดเห็นสั้นๆว่า
ตามใจน้องพลแล้วกัน อีกเดี๋ยวน้องพลก็จะได้คำตอบ
เมื่อเรามาถึงพัทยา พี่สมชายได้เช็คอินเข้าโรงแรม เมื่อถึงห้องปิดประตูเท่านั้น เราสองคนก็โผเข้าหากัน กอดรัดฟัดเหวี่ยงแลกจูบกันอย่างเร่าร้อนเหมือนคนที่อัดอั้นและสามารถมาระบายได้ในคืนนี้ ต่างคนต่างรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างชายสองคนที่เปล่าเปลือยได้กอดบดคลึงกันและกัน ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการดิบของแต่ละฝ่าย แต่แล้วพี่สมชายก็หยุดการกระทำทั้งหมดพร้อมกับบอกว่า
ไม่ได้ พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้ พี่จะทำกับคนที่ไม่รู้จักตัวเองไม่ได้
ผมชะงักกับสิ่งที่พี่สมชายพูด ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับกองไฟกำลังลูกโชนแต่โดนกระสอบป่านตบลงกองไฟให้ดับในทันที ผมมองหน้าพี่สมชายงงๆ พี่สมชายยิ้มแล้วขำพร้อมกับพูด
พี่ขอโทษ พี่ทำไม่ได้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ     
พี่สมชายหัวเราะพร้อมกับทิ้งตัวเปล่าเปลือยลงบนเตียง
มานี่มา 
พี่สมชายเรียกผมให้ไปนอนข้างๆ  ให้ผมนอนหนุนแขนของเค้า แล้วนอนลงกอดพี่สมชายโดยที่เราไม่ได้ใส่ผ้าสักชิ้น แต่น่าแปลกที่เราสองคนกลับไม่ตื่นตัวทางเพศเลยแม้แต่น้อย  พี่สมชายจูบผมที่หน้าผากแล้วพูดอย่างถอนหายใจว่า
น้องพลเอ้ย...น้องพล   แล้วน้องพลจะทำอย่างไงกับน้องนุ่นต่อล่ะ    พี่สมชายถาม
ผมไม่รู้ ผมตอบตามความสัจจริง
บอกเค้า บอกความจริงทั้งหมดให้เค้ารู้               เสียงที่แนะนำของพี่สมชายจริงจังนัก
.............                 ผมนิ่งไม่มีความเห็น
พี่ไม่เชื่อว่าการเป็นเกย์จะหายเพียงเพราะคุณหันหลังไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิง เหมือนคำพูดสั่วๆของผู้ชายโง่ๆบางคนว่าผู้หญิงจะหายเป็นทอมถ้าได้ลองนอนกับผู้ชาย
พี่สมชายพูดยาว
มันไม่ใช่เรื่องของการถูกหรือสอดใส่อวัยวะเพศแล้วจะหายนะ มันเป็นเรื่องของจิตใจความพอใจและมันคือสิ่งที่เราเป็นมาตั้งแต่เกิด
แต่ผมกลัวนุ่นจะโกรธผมว่าผมหลอกเค้า ผมแทรก
นั้นมันเป็นเรื่องของพลเองที่จะจัดการกับความกลัวนั้นยังไง ทุกคนมีความกลัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ แต่พลคิดดูให้ดี พลกลัวจะทำร้ายจิตใจเค้าจะถึงขั้นหลอกตัวเอง ซึ่งจริงๆ พลไม่ได้หลอกแค่ตัวเอง พลกำลังหลอกผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิต เพียงเพราะกลัวทำร้ายจิตใจเค้า ถามใจตัวเองเถอะ จริงๆพลรักนุ่นหรือรักตัวเอง ถ้าพลกลัวเค้าโกรธเพราะว่าโดนหลอกแล้วเค้าจะเปลี่ยนไป นั้นคือ พลกำลังทำทุกอย่างเพื่อพลเอง ไม่ได้ทำเพื่อเค้า พลกลัวที่จะสูญเสียมิตรภาพดีๆ ต่างหาก พลทนไม่ได้ที่จะหาผู้หญิงที่ดีต่อพลไม่ได้อีกต่างหาก จริงๆ พลกำลังกลัวเสียเพื่อนรักไม่ได้กลัวเสียคนรัก
ผมรู้สึกหน้าชาเมื่อคนหนึ่งคนที่ผมรู้จักเฉพาะเวลาทำงานได้ไม่กี่เดือนจะอ่านผมทะลุปรุโปร่งขนาดนี้
และที่สำคัญที่พี่รู้ว่าพลรักนุ่นแบบเพื่อนที่รักมากที่สุด ไม่ใช่รักแบบคนรักมากที่สุดก็คือ...ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่จะทิ้งผู้หญิงที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจเพียงเพราะมานอนกับผู้ชายอีกหนึ่งคน เพราะพี่เชื่อเสมอว่าอยู่เสมอว่าถ้าคนหนึ่งคนรักใครอย่างสุดหัวใจแล้วจะไม่มีวันนอกใจเป็นอันขาด
พี่สมชายกอดผมกระชับแน่นขึ้นจูบที่ปากของแผ่วเบาผมช่วงเวลาสั้นๆ  มันเป็นจูบที่บริสุทธ์ผมรู้สึกได้   ไม่มีความรู้สึกของรสจูบที่ปนด้วยเสน่หาเลยแม้แต่น้อย
พี่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ต้องรู้สึกดีกับพลขนาดนี้  พี่คงบอกพลได้เท่านี้ที่เหลือต้องเป็นพลเองที่จะตัดสินใจ 
..............................   
 ผมเงียบกอดพี่สมชายไว้เหมือนรู้สึกว่าในโลกนี้เรามีคนเข้าใจตัวเราจริงๆครั้งแรก   เราสองคนกอดกันทั้งๆที่ตัวเปล่าเปลือย ดื่มด่ำกับความเงียบของห้อง    เสียงเครื่องปรับอากาศที่ตอนแรกเราไม่ได้ยินก็กลับได้ยินเสียงของมัน เรากอดกันหลับ ปล่อยให้ความเงียบเป็นเสียงดนตรีกล่อมให้เรานอน และคืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมรู้สึกว่าผมหลับสนิทที่สุดหลังจากที่ผมนอนแทบไม่หลับมาหลายคืน
รุ่งเช้าเราไปท่องเที่ยวที่ต่างๆในเมืองพัทยาและชานเมืองทางชลบุรี ใกล้ค่ำเราสองคนก็ขับรถเข้ากรุงเทพฯ โดยเราสองคนไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเซ็กส์ที่เกิดขึ้นระหว่างเรา นั้นอาจเป็นเพราะเราสองคนรู้ว่าความเป็นพี่เป็นน้องถึงแม้ไม่ใช่พี่แท้ๆก็แนบแน่นได้หากเราเข้าใจกัน และเราสองคนอยากดำรงมันไว้อย่างนั้น ไม่อยากให้เซ็กส์เป็นเงื่อนไขของการคบกันของเราสองคน  ตอนขับรถกลับพี่สมชายถามผมว่า
เป็นไง   สบายใจขึ้นไหม ?
ผมพยักหน้าแต่เมื่อพี่สมชายเอ่ยถึงเรื่องนี้เหมือนมีการมาสะกิดแผล ผมเริ่มอึดอัดอีกครั้งแต่ผมก็ถามพี่สมชายไปตรงๆว่า
ถ้าเรื่องผมกับนุ่นมันจบไม่สวยต่างคนต่างเจ็บละครับ ? 
พี่สมชายนิ่งสักอึดใจแล้วถามผมว่า
พลจำตอนที่เป็นเด็กหัดขี่จักรยานไหม   มีเด็กคนไหนบ้างที่หัดขี่จักรยานแล้วไม่เคยล้ม เด็กทุกคนเจ็บก่อนที่จะรู้ว่าลมปะทะหน้าตอนขี่จักรยานลู่สู่เนินถนน มันทั้งตื่นเต้นและสดชื่นแค่ไหน เด็กจะไม่รู้สึกถึงเรื่องเหล่านี้ ถ้าทุกคนไม่ยอมเจ็บและบากบั่นจนขี่จักรยานเป็น
ผมยิ้มกับคำตอบที่เปรียบเทียบอันชาญฉลาดของพี่สมชาย ผมมองออกผ่านกระจกรถยนต์ด้านข้างเห็นวิวทิวทัศน์  ผมคิดออกแล้วว่าทางออกที่ผมกับนุ่นจะมีนั้นมันควรเป็นไปในทิศทางใด....
..................จบตอนที่ 5 ...................				
comments powered by Disqus
  • ชายชัช

    25 มกราคม 2549 01:03 น. - comment id 89186

    คืนนี้มาอัพเดทตอนดึก  จะได้อ่านกันตอนเช้าๆ เนื่อเรื่องแต่ละตอนอาจยาวหน่อยนะครับ อาจใช้เวลาหน่อย ตอนนี้กำลังทะยอยแต่งเรื่อยๆครับ ยังไงก็คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
  • ชอบมากๆเลย เฝ้ารอเลยอ่ะ

    25 มกราคม 2549 11:15 น. - comment id 89191

    จะติดตามตอนต่อไป ชอบมาก และก็อยากรู้ว่าจะจบแบบไหน
  • นักอ่านนิยายเกย์

    25 มกราคม 2549 16:51 น. - comment id 89201

    29.gif สุดยอดครับ ผมอ่านตอนนี้แล้วชอบมากๆ เพราะมานเหมือนเรื่องราวของผมที่ตัวเองเจอมา จนกระทั่งเดี๊ยวนี้ความรู้สึกผิดยังอยู่ในใจผมอยู่เลย ถ้าเรื่องนี้ที่คุณเขียนเป็นเรื่องจริง ผมว่าความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมามันคล้ายความรู้สึกของผมเหมือนกัน ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆออกมา เขียนมาอีกเร็วๆนะผมรออ่านอยู่ เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ41.gif
ชื่อเรื่องสั้น-นิยาย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน