ตอนที่ 4 ใช่...ไม่ใช่ เอ๊ะ ใช่ หรือ ไม่ใช่กันแน่หนอ เช้าวันจันทร์อันวุ่นวาย หลังจากที่ผมเคลียร์งานในโปรดักชั่นไลน์ที่ผมทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ผมเปิดอีเมล์เพื่อเช็คข้อความจากเพื่อนฝูงและบุคคลที่ผมติดต่อทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ผมก็ได้รับอีเมล์หัวข้อ อยากให้พี่ช่วยดู ใช่ หรือ ไม่ใช่ จากน้องเล็ก น้องสาวที่ผมรู้จักช่วงเรียนมหาวิทยาลัย โดยมีข้อความยาวเหยียดดังนี้ พี่พลที่คิดถึงที่สุด ( หนูรู้ค่ะว่าพี่กำลังคิดว่าหนูตอแหล แต่หนูไม่สนค่ะ) พี่พลขา.......ตั้งแต่หนูเรียนจบมาทำงานฟาร์มโคนมช่วยพ่อแม่ที่สิงห์บุรีนี่ ชีวิตอันแสนบรรเจิดของหนูก็เปลี่ยนไป ไม่มีอีกแล้วสาวสังคมเมือง มีแต่อีหนูชนบททรหดกับความอัตคัดต้องสู้กับความเปล่าเปลี่ยวอันเหงาหัวใจ อยู่ที่นี้เหงามากค่ะ ที่พักและที่ทำงานหนูอยู่ไกลจากตัวเมืองตั้ง 40กว่ากิโลจะมีโอกาสเจอเพื่อนๆที่กรุงเทพก็ต้องรอ เสาร์อาทิตย์โน้นค่ะถึงจะเจอกัน ล่าสุดเจอกันก็เดือนที่แล้วทุกคนบ่นคิดถึงพี่พลใหญ่เลย โดยเฉพาะเวลาความเห็นไม่ตรงกันแล้วไม่มีใครมาตัดสิน ไม่ว่าจะเป็น นุช ,กวาง, เก๋, หมวย และปิ่น ต่างก็ลงความเห็นว่า เวลาเที่ยวหากขาดพี่พลไป เหมือนไม่ได้ใส่กางเกงในก่อนออกจากบ้าน...คือมันไม่มั่นใจมันหวิวๆค่ะ อยากไปให้ถึงเชียงใหม่ไวไวจัง อ๊ะ งง ละสิ เซอร์ไพร์!!!!!! ถูกต้องค่ะหนูกับกวาง จะเดินทางมุ่งตรงสู่เชียงใหม่ในวันศุกร์นี้ ย้ำค่ะ ศุกร์นี้ๆๆๆๆๆๆๆ ( กรุณาเก็บคอนโดให้เรียบร้อยพวกหนูจะไปพักด้วย ) นอกจากเรื่องที่พักแล้วหนูมีเรื่องจะรบกวนพี่พลค่ะ คืองี้ค่ะ พี่พลขา........พี่พลรู้ไหมค่ะว่าทำงานแถบชนบทมันเหงาจับจิตแค่ไหนกิจกรรมแต่ละวันก็เป็นประจำซ้ำๆซากๆตื่นมาก็ตักบาตร ดูแลวัว ทำบัญชี ไปส่งนม แล้วก็เข้านอนตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ละครหลังข่าวที่ชีวิตนี้ไม่คิดจะดูก็ต้องดูเพราะเป็นความบันเทิงเดียวที่หาได้ ส่วนผู้ชายแถวนี้ ก็มีน้อย จะมีก็ลูกจ้างที่กล้ามเป็นมัดแต่หน้าตาไม่ผ่านแล้วหนูมีกฎเหล็กของหนูคือสมภารไม่ควรกินไก่วัด แต่เหมือนฟ้าดินกลั่นแกล้งค่ะพี่พล คือ หนู...หนู...อยากกินสมภารค่ะ อันเนื่องมาจากแถวนี้ไม่มีผู้ชายถูกใจ หนูก็เลยหันมาเหล่พระค่ะ พี่อ่านไม่ผิดค่ะหนูเหล่พระ ( แบบว่าแอบชำเลืองพินิจยามตักบาตร ) ถือเป็นความบันเทิงเริงใจอันหมิ่นเหม่ระหว่างศีลธรรมและนรกมากๆค่ะหนูรู้ แต่แล้ววันหนึ่งเหมือนกามเทพเล่นตลก สายตาที่หนูแอบชำเลืองไปจ๊ะเอ๋กับสายตาคู่หนึ่ง ....พระหล่อมากกกก (กรุณาออกเสียงด้วยความ กระเหี้ยนกระหือรือ) หล่อจริงๆค่ะพี่พล หล่อหมดจด ตั้งแต่วันนั้นหนูก็ตื่นด้วยความกระตือรือร้นที่จะสรรหาการทำกับข้าวให้อร่อยๆสุดฝีมือมาตักบาตรทำบุญ ช่วงนั้นหนูมีความสุขมากโดยเฉพาะหากวันไหนพระท่านยิ้มให้หนูขณะตักบาตรวันนั้นทั้งวันหนูจะอารมณ์ดีตลอดวันค่ะ พี่พลขา......แต่แล้วก็เหมือนฟ้าดินกลั่นแกล้งวันหนึ่งพระรูปนั้นหายไปค่ะปล่อยให้หนูรอตักบาตรเก้อ หนูกำลังจะเอ่ยปากถามพระรูปอื่นว่าพระที่หนูหมายตา เอ๊ย! พระที่หนูสบตา เอ๊ย! หนูจะใช้คำไหนหนูก็ตกนรกใช่ไหมคะ ด้วยความที่กลัวตกนรกหนูเลยสำรวมเก็บกริยาเงียบไว้ แต่ก็มีเสียงหนึ่งถามค่ะ ถามเจ้าอาวาสว่า พระองค์ที่หน้าตาดีๆอาพาธเหรอคะ ทำไมวันนี้ไม่มาบิณฑบาต เสียงยายหนูเองค่ะ หนูเริ่มใจชื้นที่ไม่ได้มีแต่หนูคนเดียวที่เหล่พระ ยายหนูก็ใช่เล่น อายุจะ80อยู่แล้วก็ยังหาความรื่นรมย์ให้กับชีวิตตัวเองอยู่ หนูเริ่มดีใจค่ะ หากตกนรกหนูยังคงมียายเป็นเพื่อน ไม่เหงาแล้ว..เย้ เจ้าอาวาสบอกว่า พระรูปนั้นสึกไปแล้วเค้าบวช 15 วัน สึกไปเมื่อวาน คำตอบนั้นทำให้หนูหัวใจแทบสลายหงุดหงิดทั้งวัน เช้าวันต่อมาหนูก็ต้องตื่นเช้ามาตักบาตร แต่การตักบาตรแต่ละเช้ามาเต็มไปด้วยความทรมานของแรงคิดถึง จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน เวลาที่นานขึ้นทำให้หนูคลายความคิดถึงลงไปบ้าง แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่หนูทำบัญชีที่ออฟฟิต ( เรียกดูหรูค่ะจริงๆมันเป็นเพลิงหมาแหงนมีโต๊ะหนึ่งตัวตั้งอยู่ข้างๆคอกวัวค่ะ ) พี่พลขา.....มีรถตำรวจแล่นเข้ามาที่ฟาร์มของหนูค่ะ หนูชักวิตกว่าเกิดอะไรขึ้น หนูรีบวิ่งออกไปดู แล้วเจอนายตำรวจคนหนึ่งเค้าเจอหน้าหนู แล้วถามว่า จำผมได้หรือเปล่าครับ หนูนะจำได้ดีค่ะมีหรือหนูจะลืม ...แต่ด้วยความเป็นหญิงไทยหรืออาจจะเป็นอิทธิพลของละครหลังข่าวที่หนูหัดดูทำให้หนูต้องตอบว่า คุ้นๆค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันที่ไหน ลองดูผมดีๆแล้วจินตนาการหัวผมไม่มีผมและก็ไม่มีคิ้วและก็ไม่ได้ใส่ชุดนี้.....เออ.... ผมหมายถึงอยู่ในชุดอื่นนะครับไม่ได้หมายถึงไม่ใส่เสื้อผ้า สายไปแล้วค่ะ.....ร่างเปลือยของเค้าโดนหนูจินตนาการเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาอาจจะตัดสินว่าหนูเป็นคนความจำไม่ดีหนูก็รีบตอบไป จำได้แล้วค่ะ พระนั้นเอง ที่ดิชั้นเคยใส่บาตรทุกๆเช้า ดูเค้าดีใจในคำตอบของหนูหนูรู้ หนูไม่เคยใช้มารยาหญิงเลยแต่ต้องงัดมาใช้วันนั้นละค่ะในใจเปิดแชมเปญฉลองแล้วค่ะแต่ภายนอกต้องสำรวมกริยาพร้อมกับถามเค้าว่า แล้วนี่เกิดเรื่องอะไรคะ ลูกจ้างดิชั้นไปทำความเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า ไม่มีอะไรครับ ผมอยากจะมาขอบคุณที่ตักบาตรอุปถัมภ์ตอนที่ผมบวชนะครับ ดิชั้น ก็ทำหน้าที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีนะค่ะ ( คำตอบนางเอกได้ใจมากค่ะ พี่พลขา) หลังจากนั้นเราก็สานความสัมพันธ์เรื่อยมาค่ะพี่พลขา จนถึงตอนนี้ก็ปีกว่าๆแล้วที่เราคบกัน แต่หนูตะขิดตะขวงใจอย่างหนึ่งคือเค้าไม่เจ้าชู้เลยค่ะ ผิดวิสัยตำรวจมากๆและที่ทำให้หนูคาใจคือตอนที่หนูไปเที่ยวบ้านเค้า หนูเจอซีดีเพลงโอเปร่าค่ะ ไม่ใช่แค่แผ่นเดียวนะค่ะ มีเป็นคอเล็กชั่น หนูวิตกมากหนูกลัวเค้าเป็นเกย์แล้วมาจีบหนูบังหน้า เหมือนที่พี่เคยเล่าให้หนูฟังเรื่องเกย์ที่แอบแฝงใช้หญิงบังหน้า พี่พลขา......พี่เป็นพี่ที่ใกล้ชิดที่สุดของหนู หนูรักพี่เหมือนหนูเป็นพี่ชายแท้ๆที่หนูไม่เคยมี ศุกร์นี้ที่เราจะไปเชียงใหม่ หนูชวนเค้าไปเที่ยวด้วย เราสามคน หนู เค้า และก็กวางจะขับรถไปกันเองค่ะ หนูอยากให้พี่พลเจอหน้าแฟนหนู แล้วช่วยดูให้หน่อยว่าแฟนของหนู...ใช่ หรือ ไม่ใช่ เกย์กันแน่ก่อนที่หนูจะถลำลึกไปกว่านี้ ช่วยหนูทีค่ะ คิดถึงนะคะ จาก เอ็กซ์ลี อีเล็ก ผมอ่านเนื้อความในอีเมล์ของเล็กด้วยความอารมณ์ดี เล็ก เป็นรุ่นน้องคณะมนุษยศาสตร์ที่เจอกับผมตอนที่ผมไปลงเรียนวิชาจิตวิทยา เล็กและชาวแก็งของเธอจะมี กวาง นุช เก๋ หมวย และ ปิ่น เป็นซี้ตึ๋งหนึบ ทุกคนมาอยู่บ้านของปิ่น ที่พ่อของปิ่นเช่าไว้ให้ปิ่นขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บ้านนี้หญิงล้วน ผมจำได้ดีตอนที่ได้รู้จักกับกลุ่มน้องๆเหล่านี้ กลุ่มหญิงที่ทำให้ผมรู้จักว่าการเป็นผู้หญิงในปัจจุบันใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆในการเอาตัวรอดในสังคมทุกวันนี้ ผมยังจำคำที่นุชประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนว่า ผู้ชายแม่งเลวว่ะ ต่อไปนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับทอม เป็นคำพูดที่อันเนื่องจากนุชพึ่งโดนสลัดรักมาหมาดๆ แต่แล้วเชื่อไหมครับ เมื่อเรียนจบยังไม่ทันได้เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร นุชก็ก้าวเข้าสู่พิธีวิวาห์ก่อนใครเพื่อนอย่างน่าใจหายในความรวดเร็ว เธอลืมทุกอย่างลืมแม้กระทั้งว่าจะอยู่กับทอม บัดนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคราวของน้องเล็กบ้างที่จะเข้าพิธีวิวาห์ คิดมาคิดไปก็นึกถึงวันที่ได้ใช้ชีวิตการเป็นซุปเปอร์ในมหาวิทยาลัยกับเด็กพวกนี้ เรื่องที่ต้องมาใกล้ชิดเด็กพวกนี้ก็มาจากการแบ่งกลุ่มการทำรายงานตอนเรียนจิตวิทยาเมื่อผมอยู่ปี 5 แล้วน้องๆพวกนี้อยู่ปี 4 การแบ่งกลุ่มอาจารย์ให้จับกลุ่มกันทำรายงานกันสองคน ตอนนั้นหลังจากที่ผมเลิกประพฤติตัวเสเพลแล้วตั้งหน้าตั้งตาเรียน เพื่อดึงเกรดให้จบทันเวลา 5 ปีให้ได้ ผมจะเข้ามาเรียนวิชาไหนผมก็จะนั่งหน้าสุดทุกครั้ง วิชานี้ก็เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากคงเป็นลิขิตของสวรรค์ในเทอมนั้น ทั้งห้องเรียนนั้นมีผมเป็นนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เพียงคนเดียวในหมู่นักศึกษาคณะอื่น นักศึกษาสาวคนหนึ่งที่นั่งถัดมาหน้าตาจิ้มลิ้ม ก็คือเล็กนั่นเอง ตอนแรกเราก็รู้จักกันแต่ชื่อ รู้จักกันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องที่มาเรียนเซกชั่นเดียวกัน แต่เมื่ออาจารย์ให้แบ่งกลุ่มทำรายงาน ผมเห็นว่าเล็กตั้งใจเรียนและนั่งหน้าข้างผมมาตลอดไม่เคยขาดเรียนเลย เมื่อผมเห็นผลประโยชน์อยู่ตรงหน้าว่าน้องเล็กจะต้องเป็นรับผิดชอบในการทำงานแน่ๆ จึงรีบชิงเอ่ยปากขออยู่กลุ่มเดียวกันกับน้องเล็กก่อนที่น้องเล็กจะโดนคนอื่นชวนไปทำรายงานด้วย น้องเล็กครับ น้องเล็กมีคู่ทำรายงานยังครับ พี่ยังไม่มีคู่ถ้าน้องเล็กยังไม่มีคนทำรายงานด้วยขออยู่กลุ่มน้องเล็กได้ไหม น้องเล็กยิ้มอย่างเป็นมิตรและดูท่าทางดีใจเกินเหตุแล้วตอบว่า ยังไม่มีค่ะ นี่กำลังจะชวนพี่อยู่เหมือนกัน ดีแล้วค่ะหนูก็อยากให้พี่มาทำงานกับหนูเหมือนกัน ผมรู้สึกราบรื่นยังไงบอกไม่ถูกในมิตรจิตมิตรใจนั้น เรานัดกันทำรายงานที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างหอสมุด วันนั้น วันที่สวรรค์เผยความจริงทั้งหมด น้องเล็กว่าเราจะแบ่งการทำงานอย่างไงดีครับ ผมเปิดประเด็น พี่เป็นคนร่างเนื้อหาเป็นคนหาข้อมูลแล้วหนูเป็นคนพิมพ์ดีไหมคะ คำตอบนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกใจไม่นึกว่าน้องเล็กจะตอบแบบนี้ อ้าว ทำไมอย่างงั้นละครับ การทำรายงานจะต้องไปหาข้อมูลด้วยกันแล้วนำมาแชร์แลกเปลี่ยนกันสิครับ คือหนูเรียนไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เล็กโผล่งออกมา อ้าว ! ก็เห็นน้องเล็กนั่งหน้าตั้งใจเรียนประจำ เรียนไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ผมถาม หนู....หนูจะบอกตรงๆก็ได้ค่ะ ที่หนูลงเรียนวิชานี้เพราะหนู ฮักเมา อาจารย์ค่ะ เล็กตอบปัญหาที่ผมถาม ฮักเมา เป็นคำภาษาคำเมืองท้องถิ่น แปลว่า ปลาบปลื้มแอบหลงรักแบบเงียบๆมกมุ่นใฝ่ใจในเชิงเสน่หา โห นี่น้องเล็กเล่นข้ามรุ่นเลยเหรอเนี่ย อาจารย์เป็นคนเก่งในสายตาหนูมากๆ หนูเป็นปลื้มทุกครั้งที่ได้ไปเรียน หนูมัวแต่จ้องหน้าอาจารย์จนไม่ได้ฟังค่ะว่าอาจารย์สอนอะไรบ้าง เรียนแทบไม่รู้เรื่อง หนูขอโทษค่ะ แต่พี่รู้มั้ยคะ หนูดีใจมากที่พี่ชวนหนูมาทำรายงานกับพี่ เพราะพี่ตั้งใจเรียนตลอด หนูรู้ว่าพี่ต้องรับผิดชอบงานเหมือนสวรรค์ส่งพี่มาให้พี่มาช่วยเหลือหนู ...................... ผมอึ้งนึกไม่ถึงว่าน้องเค้าตกลงทำรายงานกับผมเพราะเห็นผลประโยชน์ว่าผมท่าทางจะรับผิดชอบงาน โทษน้องเค้าก็ไม่ได้ เพราะผมก็เลือกเค้ามาทำรายงานเพราะดูท่าทางน้องจะมีความรับผิดชอบทำให้การทำรายงานสะดวกและง่ายเข้า ได้ยินแบบนี้นี้ผมเชื่อทันทีว่า บาปมีจริงและตอนนี้สวรรค์ก็กำลังจะลงโทษเราทั้งคู่ เมื่อรู้ดังนั้นผมกับน้องเล็กต้องตกลงการทำรายงานแบ่งงาน ผมลงทุนติวย้อนหลังที่เรียนมาให้เล็กเข้าใจและตามทัน และการที่ผมทำแบบนั้นทำให้น้องเล็กรู้สึกดีกับผม และนับถือผมเป็นเหมือนพี่ เหมือนเพื่อนสนิท เพราะน้องเล็กเป็นคนอารมณ์ดี พูดจาตรงไปตรงมาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน จึงทำให้เราสนิทกันอย่างรวดเร็ว การทำรายงานผ่านไปได้ด้วยดี มิตรภาพระหว่างผมกับน้องเล็กขยายไปสู่หมู่เพื่อนน้องเล็ก นั้นคือ กวาง นุช เก๋ หมวย และปิ่น เด็กสาวกลุ่มนี้ เป็นเด็กที่จัดว่าหน้าตาดี ถึงดีมากแต่ขณะเดียวกัน การใช้ชีวิตของเด็กกลุ่มนี้สมัยเป็นนักศึกษาบางเรื่องก็ทำให้ผมตกใจไปไม่ใช่น้อย เช่น การเที่ยวกลางคืนทุกวันเสาร์ น้องเล็กรู้ว่าเพื่อนร่วมรุ่นของผมเรียบจบไปแล้วแต่ผมยังเรียนไม่จบ จึงชอบชวนไปเที่ยวกลางคืนด้วยประจำ ขอบคุณที่ชวนนะ แต่พี่คิดว่าพี่ไม่ไปดีกว่า ผมบอกน้องเล็กเมื่อน้องเล็กชวนผมเที่ยว อะไร พี่พล ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่ไม่เคยออกไปเที่ยวกับพวกหนูเลยนะ เล็กตัดพ้อแบบเสียดาย ขอโทษ คือช่วงหนึ่งพี่เที่ยวมากเที่ยวจนตื่นสายไม่ไปเรียนนะ พี่ไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวังอีก ผมบอกน้องเล็ก อะไรวะ ?! พี่ก็ นี่หนูชวนเที่ยวคืนวันเสาร์นะ วันอาทิตย์ผีที่ไหนเค้าจะมาเรียนมาสอนกัน อีกอย่างถ้าไม่เที่ยวพี่จะตื่นเช้ามั้ยตอนวันอาทิตย์นะ ห๊า ! ? หนูก็เห็นทุกวันอาทิตย์แหละที่ชีวิตมหาวิทยาลัยจะเริ่มขยับตัวทีก็ใกล้เที่ยง พี่ก็อยากไปนะ แต่... ผมกำลังจะพูดให้จบเล็กก็ตัดบทว่า ไม่มีต่งมีแต่อะไรทั้งนั้น วุ้ย ! ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ถึงเที่ยวนะหนูก็ไม่เคยขาดเรียน พี่ก็คิดดูแล้วกันว่าจริงๆที่เราเรียนไม่ดี เพราะเที่ยวหรือเราไม่เข้าเรียน จริงๆก็คือไม่เข้าเรียนตามเพื่อนไม่ทัน แต่ถ้ารับผิดชอบแยกแยะว่าอันไหนเที่ยวอันไหนเรียนต้องเต็มที่ มันก็ไม่มีอะไรจะพลาดหรอก พี่ว่ามั้ย? เล็กพูดเป็นฉากๆผมได้แต่พยักหน้าตามความเห็นของน้องเล็กนี่ผมให้เด็กที่อ่อนกว่าผมมาให้สอนเรื่องชีวิตเหรอเนี่ย สองทุ่มคืนนี้จะขับรถมารับที่หน้าหอ เข้าใจมั้ย ถ้าไม่ไปหนูโกรธจริงๆ แน้.....น้องเล็กขู่ผมด้วย ผมจึงตอบตกลง หากมองภาพภายนอกแล้วเด็กสาวกลุ่มนี้ช่างเป็นกลุ่มเด็กที่โดนพ่อแม่สปอยด์เต็มที่ ทุกคนอาศัยอยู่บ้านเช่าที่พ่อของปิ่น เช่าไว้ให้ ปิ่นมีรถยนต์ที่พ่อให้เอาไว้ใช้ 1 คัน นุชก็มีรถใช้ 1 คัน รวมทั้งน้องเล็กก็มีรถใช้ 1 คัน แต่เมื่อเข้ามาอยู่และใช้ชีวิตในกลุ่มนี้แล้วผมถึงได้รู้ว่า การเที่ยวทุกวันเสาร์เป็นแค่ปัจจัยความสนุกเท่านั้นที่เหลือ เด็กสาวทั้งหมดมีความรับผิดชอบที่สูงมาก ช่วยกันเรียน ช่วยกันติวให้เพื่อนที่ไม่เข้าใจ เด็กกลุ่มนี้อาจจะดูใช้ชีวิตอย่างคึกคะนอง แทบไม่น่าเชื่อ เหล้า บุหรี่ เป็นเรื่องปกติในชีวิตตอนนั้น แต่เด็กพวกนี้รู้ตัวเสมอว่าหน้าที่หลักคือต้องเรียนให้ดีที่สุด คืนนั้นหลังจากเที่ยวเสร็จ คนอื่นๆกลับรถไปกับรถของปิ่น และรถนุชบ้าง ส่วนผมก็นั่งรถของเล็กมาโดยที่น้องเล็กเป็นคนขับ เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกติดไฟแดง น้องเล็กลดกระจกลง แล้วหยิบบุหรี่ให้ผมหนึ่งตัว และก็สำหรับตัวเธอเอง อัดบุหรี่เข้าปอดแล้วพ่นออกมานอกกระจก แล้วมีวัยรุ่นชายสองคนนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์มาเทียบข้างรถฝั่งน้องเล็กแล้วแซวว่า จะไปไหนต่อจ้ะ คนสวย น้องเล็กอัดบุหรี่เข้าปอดแล้วพ่นควันอย่างใจเย็น....ยิ้ม.....พร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า จะกลับซ่องค่ะหมดเวลาหากินแล้ว วันนี้ได้หลายประตูแล้ว ...... เหนื่อย! วัยรุ่นชายสองคนอ้าปากค้าง รวมทั้งผมด้วยไม่นึกว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้ชายทั้งสองมองหน้าเล็กไม่วางตาน้องเล็กถือโอกาสพูดต่อ มองอะไรกันจ้ะ ไม่เคยเห็นหรือไงยะ ! ? ! กะหรี่สูบยานะ ห๊า ! ไฟเขียวพอดี น้องเล็กเหยียบคันเร่งออกตัว พร้อมกับเร่งความเร็วให้พ้นจากสี่แยกนั้นเมื่อมาได้ระยะหนึ่งผมกับเล็กมองหน้ากันพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะในสิ่งที่พึ่งทำความระห่ำไป ฮ่าๆๆๆๆๆๆ โอ้ย ขำ สนุกจัง ผมหัวเราะ น้องเล็กก็หัวเราะ แล้วน้องเล็กก็เอ่ยปากพูดในสิ่งที่ผมอึ้ง พี่พลเป็นเกย์ใช่ไหมคะ คำถามนั้น ทำให้ผมผมหยุดหัวเราะทันที อึดใจเดียวเท่านั้น ผมก็ตอบว่า ใช่ พี่เป็นเกย์ น้องเล็กถอนหายใจแล้วบอกผมว่า ก็แค่สงสัยค่ะ แต่ตอนนี้หายสงสัยแล้ว....เพราะได้ยินจากปากพี่เอง ตั้งแต่รู้จักเป็นเพื่อนกับผู้ชายมาก็มีพี่เท่านั้นละค่ะ ที่เลิกเที่ยวเธคแล้วขับรถมาไม่ลูบขาอ่อนหนู ที่เจอมา แม่ง ! พอขึ้นรถมา...มือแต่ละคนยังปลาหมึกจะลูบเข้าไปถึงโคนขาให้ได้ เห็นหนูเป็นเด็กเที่ยวแล้วก็คิดว่าหนูง่ายกับใครก็ได้ซะงั้น น้องเล็กบอกผมอย่างเซ็งๆ ............................. ผมเข้าใจในความระอากับสิ่งที่น้องเล็กบอก น้องเล็กมองหน้าผมเรามองตากัน น้องเล็กยิ้ม แต่หนูดีใจนะค่ะ ที่พี่บอกความจริงกับหนู ทำให้หนูรู้สึกปลอดภัยดี ก่อนหน้านี่หนูก็ไม่แน่ใจนะ สงสัยพี่เหมือนกันแต่ไม่แน่ใจ ว้า หมดความสงสัยแล้ว อยากรู้อะไรอีกไหม ผมมองหน้าตอบด้วยสีหน้า หน้าเป็นกวนๆไป เยอะแยะค่ะพี่ อูย....ที่หนูอยากรู้ ว่าแต่ว่าพี่ไม่ต้องเข้านอนหอในมหาลัยนะ ไปนอนบ้านปิ่นกัน ที่บ้านมีผ้าห่มหมอนเยอะแยะ คุยกับพี่สนุกดี เราจะได้คุยทั้งคืน ทราบภายหลังว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่กลุ่มนี้ให้เข้าไปพักค้างคืนในบ้านได้ ในเวลาต่อมาผมก็เป็นสมาชิกที่เข้านอกออกในได้ทุกเวลา ผมว่าเรื่องที่เล็กไม่มั่นใจในเรื่องนายตำรวจคนรักคนปัจจุบันของเล็กอาจมากจากเรื่องที่เรามีประสบการณ์ร่วมกันระหว่างน้องเล็กกับผมก็ได้ นั่นคือเรื่อง พี่วิฑูรย์ เรื่องพี่วิทูรย์นี่ เกิดเมื่อตอนที่พวกผมและพวกน้องเล็กสอบเสร็จและเรียนจบกันใหม่ๆตอนนั้นเราเริ่มหาที่สมัครงาน แต่ยังใช้ชีวิตอยู่บ้านปิ่นประมาณสิงอยู่บ้านปิ่นเวลาหลายเดือน กลางวันหางาน กลางคืนเที่ยวเธค ดูๆไปก็เหมือนสิ้นเปลือง แต่เรารู้ว่าควรเที่ยวอย่างไร เราไม่เน้นดื่มครับ เราเน้นเต้น โค้ก หรือเหล้าแก้วเดียวก็อยู่ได้จนเธคปิด วันนั้นผมกับน้องเล็กออกมายืนรับอากาศบริสุทธ์นอกเธคให้เต็มปอดก่อนจะเข้าไปผจญอากาศในเธคอีก พลันน้องเล็กก็สะกิดผมแล้วบอกว่า พี่พลขา ที่ 9 นาฬิกาค่ะ เสื้อฟ้า ยืนคนเดียวซะด้วย ผมมองไปตามที่น้องเล็กบอกตามตำแหน่ง 9 นาฬิกาเจอชายอายุประมาณ ยี่สิบตอนปลายสูงโปร่ง หน้าตาคงเป็นที่ถูกใจของสาวๆ หลายคน คือ ขาว ตี๋ สูง ดูท่าทางแมนมากๆท่าทางสะอาดๆ เมื่อผมสำรวจที่ใบหน้าของชายคนนั้น พลัน!.....ผมก็รู้สึกถึงแรงดึงดูด หรือ คลื่นบางอย่างที่เค้าต้องการส่งมาที่ผม หลายคนคงไม่รู้ว่าคนที่เป็นเกย์นั้นจะมีคลื่นความถี่จูนหากันว่าใครมีความถี่ประเภทเดียวกันหรือเปล่า คล้ายๆคลื่นเรย์ด้า ผิดแต่ว่านี่คือคลื่น เกย์ด้า หลายคนอาจจะบอกว่า เราไม่สามารถตัดสินคนที่ภายนอกได้ ถูกต้องครับ เราไม่สามารถตัดสินคนที่ภายนอกได้ แต่เกย์ด้วยกันเมื่อทั้งสองฝ่ายปล่อยคลื่นพลังเกย์ด้าออกมาสแกนหากันและกันแล้ว รับรองไม่มีพลาด ขณะที่คลื่นเกย์ด้าของผมได้กำลังตอบสนองคลื่นเกย์ด้าผ่านตาตี่ๆ ของตี๋คนนั้นอย่างวาบหวามเสียงน้องเล็กที่พูดกับผมด้วยท่าทีระริกระรี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ อุ้ย ! พี่พลขา เค้ามองมาทางนี้ด้วย ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ! น่ารักจังเลย เมื่อผมได้ยินดังนั้นผมก็พูดเป็นการเตือนและปรามๆว่า เค้าอาจไม่ได้มองเล็กอยู่ก็ได้ พี่พลน่ะ ! เล็กดุผมเหมือนไม่พอใจในคำพูดผม หนูจะมีผู้ชายยิ้มให้หน่อยก็มาทำลายบรรยากาศ ใครจะรู้คะ นี่อาจจะเป็นเนื้อคู่หนูก็ได้ พี่ว่าไม่นะ ผมตอบ เอ๊ะ ! พี่พลนี่ เมาหรือเปล่าขัดคอหนูจริงๆ เปล่า พี่ไม่ได้ขัด แต่พี่กำลังบอกว่า เค้ากำลังมองมาที่พี่ ไม่ใช่ที่เล็ก น้องเล็กมองหน้าผมประมาณว่านี่มันเรื่องอะไรกันนี่ แล้วน้องเล็กก็พูดว่า ไม่จริง หนูไม่เชื่อหรอก เค้าออกจะดูดีจะตาย เค้ามองมาที่หนูต่างหาก ดูน้องเล็กมีความมั่นใจที่สูงอย่างไม่ลดละ ทำให้ผมเริ่มรำคาญ เพราะผมก็มั่นใจในการปล่อยคลื่นเกย์ด้าของผมในระดับหนึ่งเช่นเดียวกัน ผมจึงท้าทายกับน้องเล็กด้วยความคึกคะนองว่า เอางี้ เรามาดูกันดีกว่า ว่าผู้ชายคนนั้นจะตอบสนองอะไร ระหว่างจิ๋มกับจู๋ ? ถึงทั้งสองจะ จอ จานเหมือนกัน แต่เรามาดูว่าเค้าจะเลือก จอ ไหนก่อน โอ้ว..... นี่พี่พลกำลังจะบอกว่า พี่มั่นใจว่าเค้าจะเลือกพี่ แทนที่จะเลือกสาวเซ็กซี่อย่างหนูงั้นเหรอ ? เล็กพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ดูเหมือนว่ามิตรภาพของเราเริ่มสั่นคลอนสาเหตุจากผู้ชายหน้าตาดีที่เราทั้งสองยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ เดี๋ยวก็รู้ ผมขึ้นเสียงสูงท้าทายเล็กพร้อมกับพูดกับเล็กต่อว่า เล็ก ! พี่ไม่อยากให้เล็กเสียเซ้วนะ แต่ขอให้รู้ว่าพี่จะทำให้เค้าทิ้งสาวเซ็กซี่อย่างเล็กมากับพี่ โอะ โอะ โอะ จะว่าทิ้งไม่ได้สิ เพราะเค้าไม่มองสาวเซ็กซี่ตั้งแต่แรก เค้าอยากจะเอาผู้ชายที่มากับสาวเซ็กซี่ต่างหาก ประโยคสุดท้ายผมก็ทำเสียงล้อเลียนเล็กคืน นี่พี่กำลังล้อเลียนหนูอยู่เหรอ น้องเล็กไม่พอใจ ดี ! เรามาดูกันว่าเค้าจะเลือกใคร พี่หรือหนู? จู๋หรือจิ๋ม ? น้องเล็กท้าทายกลับ ผมยิ้มรับคำท้าทาย จากนั้นผมปรายตาไปที่ชายหนุ่มคนนั้น น้องเล็กก็เช่นเดียวกัน ประมาณผูกมิตรกับชายหนุ่มคนนั้นสุดชีวิต ชายคนนั้นค่อยยิ้ม ตาเป็นประกายตอบรับสายตาของเราทั้งคู่ เค้าค่อยๆเดินมาหาเรา ผมยิ้มพร้อมกับเค้นเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนโดยไม่มองหน้าเล็กว่า แล้วเล็กจะรู้ว่าผู้ชายไม่ได้สร้างเมื่อเพื่อผู้หญิงอย่างเดียว น้องเล็กตอบสวนกลับทันที เค้าเดินมาแล้วเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ได้แล้วค่ะ พี่พล ชายคนนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าเราสองคน แล้วทักว่า มาเที่ยวเหรอครับ เปล่าครับ ผมเอาผ้ามาส่งซักแห้งนะครับ พอดีเธคนี้รับซักแห้งเลยกะจะใช้บริการ พอได้ยินผมตอบชายคนนั้นหน้าเจื่อน ผมจึงรีบพูดขึ้นว่า มาเที่ยวสิครับ แหม ถามได้ เที่ยงคืนหน้าเธค อย่าถือสา พี่ชายหนูเลยค่ะ เค้าชอบพูดไม่ค่อยเข้าหู มีพี่ชายไม่ได้เรื่องก็แบบนี้แหละ หนูก็เป็นน้องสาวเค้าคะ เราไม่ได้เป็นแฟนกันค่ะเป็นแค่พี่น้อง น้องเล็กแย่งพูดและชิงทำคะแนนเปิดโอกาสให้หนุ่มคนนั้นรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน หวัดดีครับ พี่ชื่อ วิฑูรย์ อยู่กรุงเทพ มาเที่ยวเชียงใหม่สุดสัปดาห์นะครับ นึกไม่ถึงว่าเด็กเชียงใหม่จะน่ารักขนาดนี้ ชายคนนั้นแนะนำตัวพร้อมกับสบตาผมอย่างมีความหมาย ผมยิ้มรับบอกว่า ผมชื่อพลครับ ดีใจที่ได้รู้จักครับ และนี่ น้องเล็ก น้องสาวผมครับ ผมเองก็ใช่ย่อยการแนะนำตัวคราวนั้นผมก็ส่งสายตาให้เค้าเชิงรุกเช่นเดียวกัน พี่วิฑูรย์ชื่อเพราะจังเลยค่ะ แถมหน้าตาดีซะด้วย เล็กถือโอกาสชม พี่วิฑูรย์ยิ้มแล้วสบตาผมไม่วางตาพร้อมกับพูดว่า ขอบคุณครับ ก่อนที่บทสนทนาจะเริ่มมากกว่านั้นผมจึงพูดว่า พี่ครับ ขอผมคุยกับน้องผมแป็บเดียวนะครับ จากนั้นผมดึงตัวน้องเล็กออกมา 7-8 ก้าว กระซิบให้ได้ยินกันสองคนว่า ประเดี๋ยวพี่จะทำฟอร์มเข้าห้องน้ำนะ ถ้าสักพัก เค้าตามพี่เข้าห้องน้ำละก็ คงคิดเองได้นะ ว่าถ้าเค้าจะหน้าหม้อกับเล็กจริง เค้าจะต้องไม่ทิ้งโอกาสที่จะอยู่กับเล็กสองต่อสองแน่ แต่เค้าตามพี่ไป เล็กก็ต้องทำใจนะ ว่าน้องเล็กผิดมาตั้งแต่เกิดแล้ว ช่วยไม่ได้นะครับ ที่ดันเกิดมาไม่มีจู๋เอง ได้ เรามาพิสูจน์กัน เล็กตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจสุดฤทธ์อยู่อย่างเดิม ผมกับเล็กเดินมาที่เดิมโดยที่พี่วิฑูรย์ยังยิ้มให้ไม่ยอมหุบ แล้วผมก็พูดขึ้นว่า เออ ผมขอตัวแป้บหนึ่งนะครับ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนรู้สึกไม่ค่อยสะดวกนะครับ คือถ้าเข้าห้องน้ำแล้วทำอะไรมันคงสะดวกขึ้น ฝากน้องสาวคุยด้วยแป้บหนึ่งนะครับ ผมพูดเป็นนัยให้เค้ารับทราบ แล้วผมก็ยักคิ้วให้พี่เค้าหนึ่งครั้งพร้อมกับทิ้งสายตาจิกประมาณว่า ตามมานะครับ ผมจะรออยู่ที่ห้องน้ำ ซึ่งรหัสผ่านสายตานี้ หากเลือดของพี่วิฑูรย์ไม่สูบฉีดด้วย คำว่า กอ-เอ-ยอ-การันต์ อ่านว่าเกย์แล้ว ให้ตายเถอะ ไม่มีชายแท้คนไหนสนใจหรอกว่าผมจะพูดอะไรหากเค้าสนใจผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่อยู่ตรงหน้าของเค้าอยู่ ผมแกล้งเดินช้าๆออกไป ระหว่างทางถึงห้องน้ำ ผมเดินไปเรื่อยๆ ดูผู้คนไปไม่ได้รับร้อนอะไร เวลาผ่านไปสัก 5 นาที ก็ไร้วี่แววว่าเค้าจะเดินตามเค้ามา ผมชักไม่มั่นใจว่าเกย์ด้าของผมทำงานผิดหรือนี่ แต่แล้วผมก็ยิ้มอย่างผู้มีชัยเมื่อผมมองเห็นพี่วิฑูรย์ผ่านทางหางตา เค้ากำลังเดินเข้าประตูเธคมา เดินตรงมาที่ผม เค้ารีบเดินมา พยายามพูดเสียงแข่งกับดนตรีในเธคอันดังกระหึ่มกับผมโดยใช้วิธีดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆ เอาหน้าแทบจะมาแนบกับหน้าของผมพร้อมกับพูดที่ข้างๆ หูผมว่า น้องพลครับ น้องน่ารักจังเลยครับ ผมรู้สึกดีกับพูดนั้นพร้อมกันนั้นเค้าได้ถือโอกาสนั้นหอมแก้มผมเล็กๆ ทำให้ผมรู้สึกวูบวาบขึ้นมา แต่แล้วความวูบวาบและความรู้สึกซาบซ่านของการหอมแก้มก็หายไปในบัดดลเมื่อเค้าพูดต่อว่า พี่รู้สึกโชคดีมากที่มาเที่ยวเชียงใหม่ พี่มองตาน้องครั้งแรกพี่ก็รู้เลยว่าน้องคือคนที่ใช่ วันนี้พี่เชื่อเลยครับว่ารักครั้งแรกมีจริง โอ้ พระเจ้าช่วย ไม่นึกว่าอิทธิพลละครน้ำเน่าจะส่งผลต่อชายคนนี้ คำพูดนี้อาจจะทำให้เกย์วัยมัธยม และเกย์อุดมศึกษาบางส่วนระทวยตกสู่ในอ้อมแขนของพี่วิฑูรย์พร้อมกับถวายพรมไทเป เอ๊ย พรมจารีย์ให้ แต่ไม่ใช่สำหรับผม ผู้ซึ่งกร้านโลกมาบางส่วน ผมแทบจะหัวเราะกับคำพูดนั้นแต่ก็ยิ้ม เอ้า ไหนๆ เราก็เล่นบทนี้มาแล้วนี่ เล่นต่อไปจะเป็นไรไป จึงตอบกลับไปว่า รักแรกมักจะมาไม่ทันตั้งตัวเสมอครับ ผมยิ้มส่งตาเป็นประกายให้ พร้อมกับเสแสร้งทำเขินอายเหมือนต้องมือชายครั้งแรก ก่อนพี่ขึ้นมาเชียงใหม่ หมอดูทักว่า พี่จะมีแฟนเป็นคนเหนือ พี่ไม่นึกว่ามันจะแม่นจริงๆ พี่วิฑูรย์ยิ้มให้ผมพร้อมสายตาเจ้าชู้ ผมได้ยินประโยคหลังสุด ในใจผมตะโกนสุดเสียงว่า กูคนอิสานโว้ย! ไอ้ตอแหลได้โล่ห์ แค่มาเรียนมหาลัยเชียงใหม่เว้ย! หนอย เห็นผู้ชายผิวดี ขาวหน่อยละก็ทักเป็นคนเหนือหมด ณ ตอนนั้นภายนอกผมอาจจะแสดงท่าทีตื่นเต้นต่อการโดนจีบและหว่านเสน่ห์ของพี่วิฑูรย์แต่ภายในนั้นเซ็งสุดๆกับบทจีบที่จอมปลอมและน้ำเน่าอยากจะบอกเหลือเกินว่า นี่ เคยเจอคนจีบที่เก่งกว่าคุณเย้อะ คุณเทียบไม่ติดกับที่ผมเจอมา แต่เพื่อรักษาหน้าจึงเอ่ยปากตัดบท เดี๋ยวขออนุญาต ไปดูน้องเล็กแป๊บหนึ่งครับ แล้วน้องพลนั่งโต๊ะไหนครับพี่จะไปสมทบน้องพลกับเพื่อนๆน้อง พี่วิฑูรย์พูดไปพร้อมกับถือโอกาสเอามือมาโอบเอวผมอีก ผมชักเริ่มทนไม่ไหว เริ่มรำคาญ แต่ยังคงรักษามารยาทไว้ ผมนั่งอยู่โต๊ะแถว..... ผมเกือบหลุดปากบอกสถานที่ของโต๊ะที่ผมนั่งในเธคใหญ่แห่งนี้ แล้วผมก็พบทางออกในการสนทนา เอางี้ดีกว่าครับพี่วิฑูรย์ พอผมเคลียร์กับน้องเสร็จ ผมจะให้น้องและเพื่อนๆกลับไปก่อน แล้วผมจะเดินตามหาพี่วิฑูรย์เอง ถ้าเราถูกสร้างมาคู่กันจริง ผมต้องหาโต๊ะพี่วิฑูรย์เจอแน่ จากนั้นเราจะมาดูกันว่าหมอดูที่พี่ดูมาแม่นจริงหรือเปล่า พูดเสร็จผมก็ยิ้มพร้อมกับกระพริบตาขวาให้สัญญาณหนึ่งครั้ง พี่วิฑูรย์มีสายตาหื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประมาณว่าถ้าเสพสังวาสกันตรงนั้นได้คงทำไปแล้ว แล้วผมก็เดินออกมาพร้อมกับแกล้งเอามือไปโดนพี่วิฑูรย์ตอนจะปลีกตัวออกมาให้ความหวังแก่เค้า ผมรีบเดินออกมานอกเธคยังเจอน้องเล็กอยู่ยืนอยู่ที่เดิม อัดบุหรี่อยู่เห็นได้ชัดว่าน้องเล็กกำลังอารมณ์เสีย เมื่อน้องเล็กเจอหน้าผมเธอก็ทักผมทันที ได้กันหรือยังละคะพี่พล เล็ก! ก่อนจะพูดอะไร รีบไปที่รถแล้วกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ผมเดินนำหน้าไปที่จอดรถอย่างรีบร้อน น้องเล็กเดินตามผมมาอย่างงงๆ พร้อมกับเร่งฝีท้าวให้เดินตามผม เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ น้องเล็กถามทั้งงง ทั้งตกใจ เออน่า ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะเดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง เมื่อเราสองคนเข้ามาในรถก่อนที่น้องเล็กจะสตาร์ตเครื่งยนต์ก็ถามคำถาม แล้วพวกนั้นมันจะว่ายังไงที่เราสองคนกลับกันไปก่อน น้องเล็กหมายถึงกวาง นุช เก๋ หมวย และ ปิ่น ที่ตอนนี้คงกำลังดิ้นอย่างเมามันกับเสียงดนตรีในเธค เราหายไปสองคนพวกนั้นคงไม่ห่วงมากเท่ากับหายไปคนเดียว อีกอย่างพวกนั้นกลับไปเจอเราที่บ้านเรื่องก็โอเคแล้วน่า เมื่อขับรถออกมาได้สักระยะหนึ่งผมก็พูดเยาะเย้ยน้องเล็กว่า เชื่อพี่หรือยังว่าเค้าไม่ได้มองเล็ก พี่รู้ได้ไงนี่ หนูล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย พูดไปพูดมาก็ยังเสียเซ้วไม่หาย อะไรนี่ ผู้ชายเดี๋ยวนี้เค้าไม่มองผู้หญิงกันแล้วเหรอ พี่พลรู้มั้ย พอพี่พลบอกจะเข้าห้องน้ำเดินไปเท่านั้นละ เค้าก็มองพี่พลตาม ตางี้ หวานเยิ้มเชียว ชมว่าพี่พลน่ารักเน้อ แถมถามหนูว่าพี่พลทำงานเรียนอยู่ที่ไหน หนูก็บอกว่า พวกเราเรียนจบแล้วกำลังหางานทำอยู่... ผมกำลังอ้าปากพูดน้องเล็กก็ชิงพูดต่อว่า ยังค่ะ ยัง ยังไม่เลิกสนใจ ถามว่าพี่พลมีแฟนหรือยัง หนูนึกในใจ อะไรวะ ถามหาแต่พี่พลอยากจะบอกไปว่าถ้าชอบกันนักทำไมไม่ตามกันไปห้องน้ำซะล่ะ คิดจบเท่านั้น อีพี่นั้นก็เอ่ยปากว่า น้องเล็กยืนคนเดียวนะครับ พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน หนูยังไม่ได้ตอบเลยว่าอยู่คนเดียวได้ไหม พี่เธอก็เดินงุดๆ ตามพี่ไปเข้าห้องน้ำเลย รู้ตัวอีกทีอีพี่วิฑูรย์หัวคะยวย ก็ใช้หนูเป็น ขัว ข้ามไปหาพี่ ผมขำที่น้องเล็กเปรียบเทียบว่าโดยใช้เป็น ขัว คำว่าขัวนี้เป็นคำมาจากภาษาเหนือท้องถิ่น แปลว่า สะพาน น้องเล็กหนอน้องเล็กคืนนี้เล็กคงเรียนรู้บทเรียนการเป็นสะพานให้คนอื่นข้ามไปแล้ว แล้วนี่เป็นไง ได้เสียกันหรือยังล่ะ น้องเล็กพูดประชดแบบเล่นๆ จากนั้นผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเธคระหว่างผมกับพี่วิฑูรย์ให้เล็กฟัง เล่าเสร็จแล้วเล็กก็ถาม อ้าว แล้วทำไมพี่หนีออกมาล่ะ พี่น่าจะไปต่อกับเค้านะ ผู้ชายด้วยกันไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนี่ ทำไมเราต้องสานความสัมพันธ์ต่อล่ะ ในเมื่อพี่รู้อยู่แล้วว่าจุดจบมันอยู่ตรงไหนเค้าก็แค่คนมาเที่ยวต่างเมือง อยากมีอะไรแค่ชั่วข้ามคืน พี่ก็แค่คนนึกอยากจะสนุก...... ไม่ดีกว่าปล่อยให้คนอื่นหลงคารมเรื่องหมอดูของเค้าดีกว่าเกย์อ่อนหัดยังมีอีกเยอะบนโลกนี้ พี่ขอบายดีกว่า ผมตอบให้เล็ก เล็กยิ้มที่เข้าใจในความคิดของผม ในเมื่อรู้อยู่แล้วสัมพันธ์นี้ไม่ยืนยาวเราจะหาเรื่องไปทำไม เล็กมองหน้าผมแล้วชมผมว่า พี่นี่ดีเน้อ หาวิธีปลีกตัวออกมาเก่งนะ อ้อ อีกอย่างหนึ่งหนูงงจริงๆพี่รู้ได้ไงว่าพี่วิฑูรย์เค้าเป็นเกย์ เมื่อถึงบ้านผมก็อธิบายเรื่องของ เกย์ด้า คลื่นความถี่ลึกลับของเกย์ให้เล็กฟัง เมื่อพวกน้องๆ ที่ตามมาถึงบ้าน ต่างก็ต่อว่าเราที่หนีกลับมาก่อนโดยไม่บอกกล่าว แต่เรื่องน้องเล็กเป็นขัวนี่ เป็นเรื่องเล่าไถ่โทษให้ทุกคนหายโกรธได้อย่างดี ตั้งแต่นั้นมา...หากน้องในบ้านผู้หญิงคนไหนแอบชื่นชมผู้ชายคนใดเป็นพิเศษ หากผ่านเกย์ด้าที่ผมสแกนให้แล้วแล้ว รับรองหายห่วง นี่อาจจะเป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่อาจมีอิทธิพลต่อน้องเล็กในตอนนี้ก็ได้ ถึงขนาดเอาพระ เอ้ย นายตำรวจอดีตพระมาให้ผมดูตัว วันศุกร์นี้แล้วสินะ ที่เราจะได้รู้ความจริง .... จบตอนที่ 4......................................................
24 มกราคม 2549 12:33 น. - comment id 89171
ฝากช่วยคอมเม็นต์ด้วยนะครับ
24 มกราคม 2549 16:25 น. - comment id 89175
สนุกดีอ่ะ ว่าแต่คุณชายชัยเป็นตัวเอกของเรื่องเปล่านี้ ก็พี่พลน่ะ อิอิอิ เกย์ด้าของเรายังไม่เห็นทำงานเลยอ่ะ
24 มกราคม 2549 16:27 น. - comment id 89176
โทษที เรียกชื่อผิด ชายชัช เขียนตอนต่อไปเร็วนะ จะรอ
24 มกราคม 2549 16:31 น. - comment id 89177
ชายชัช เป็นคนแต่งครับ ตัวละครเอก ชื่อเล่น พล ครับ ชื่อจริงคือ ทะนงพล ติดตามอ่านเรื่อยๆนะครับ แล้วจะมีมาเผยเรื่องต่อๆไป
24 มกราคม 2549 16:58 น. - comment id 89178
ชอบๆคับ มาโพสใหม่เร็วนะ หนุกดีคับ ผมอยากเขียนเรื่องแบบนี้บ้างนะ แต่เขียนได้ไม่เท่าคุณแน่ๆ อ่านตั้งแต่แรก แต่ไม่เคยแสดงความคิดเลย ฉบับนี้เลยขอซะหน่อย
24 มกราคม 2549 18:42 น. - comment id 89184
อยากอ่านต่อเร็วๆ เรื่องน่าติดตาม
24 มกราคม 2549 21:34 น. - comment id 89185
เห็นมั้ยว่ามีผู้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ นักเขียน ที่รอรวมเล่มดีไหม น่ารักทั้งน้องเล็กและคุณทะนงพลค่ะ พี่พุดตามลุ้นระทึกทุกตอนค่ะ อ่านตลอด ได้ทุกรสอารมณ์เลยค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ เขียนมาอีกนะคะ
26 มกราคม 2549 17:44 น. - comment id 89218
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ เขียนได้น่าติดตาม.. เปิดโลกทัศน์ไปอีกแบบ.. ขอสารภาพว่าเข้ามาอ่านครั้งแรกก็ตอนสี่นี่แหละ ...(คงต้องมีการย้อนอ่านบ้างล่ะ งานนี้) เขียนต่อไปน่ะค่ะ จะติดตามอ่านค่ะ.. ขอบคุณค่ะ กุ้งหนามแดง