ชายเทียมในโลกแท้ ( GayGuy in Straight World ) ตอนที่ 2 อกหัก เหอะๆๆๆ...ใครก็เคย

ชายชัช

ตอนที่ 2 อกหัก เหอะ ๆๆ ! ใครก็เคย
 โอ้โห ! นายผอมลงไปเหรอวะตุลย์ ไม่เจอกันตั้งหลายปี เท่าไรวะ 10 กิโลถึงเปล่าเนี่ย 
	
		ผมร้องทักออกไปด้วยความยินดีที่เห็นหน้าเพื่อนอีกครั้งหลังจากไม่ได้เห็นเพื่อนมาหลายปี  ตุลย์ยิ้มแล้วเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม
		 เรามาช้าเหรอ ?  แล้วนายมาคอยนานยัง คนอื่นล่ะ?  ยังไม่โผล่หัวมาเหรอ? 
		 ไม่ช้าหรอก เรามาก่อนเวลาเองแหละ จะได้ดูดีในสายตาเพื่อนฝูงเว้ย   เดี๋ยวคนอื่นก็คงมากันมั้ง แล้วนายไปทำอะไรมาถึงได้ดูดี ผอมลงนะ มีความรักแล้วแล้วอยากลดหุ่นเหรอ !    ผมแหย่มันทีเล่นทีจริง
		ก่อนที่เราสองคนจะได้คุยกันต่อ บริกรของร้านก็เข้ามาถามถึงรายการอาหารที่เราต้องการจะสั่ง ผมกับตุลย์เห็นพร้อมกันว่าจะรอให้ทุกคนมาพร้อมกันค่อยสั่ง จึงสั่งเครื่องเหล้ามาเปิดก่อน นึกๆ ไปตัวผมนี่แหละเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตุลย์เป็นคนดื่มเหล้าเป็น ในสมัยที่เรียนนั้น ตุลย์เป็นคนแพ้เหล้า  กินเหล้าไม่ได้  กินแล้วจะผื่นขึ้น เห็นไหมครับ ว่าตุลย์เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูขี้เหล้า โหด เลว เถื่อนอย่างสิ้นเชิง และหากแพ้มากๆ จะหมดสติ     ครั้งแรกๆหัดกินเหล้า  ตุลย์หมดสติในห้องน้ำ  ผมมาเจอมันหมดสติก็ตอนตี 3 ขณะที่ผมกำลังลุกมาเข้าห้องน้ำเจอมันนอนกองอยู่พื้นห้องน้ำ กองใหญ่มากเพราะมันเป็นคนตัวใหญ่ ผมรีบปลุกเพื่อนๆพาตุลย์ไปส่งโรงพยาบาลเพราะตอนนั้นพวกเราพยายามปลุกตุลย์เท่าไรก็ไม่ยอมตื่น จึงจำเป็นต้องพึ่งหมอ ซึ่งก็สามารถช่วยให้ตุลย์กลับมาเป็นเพื่อนของพวกเราอีกครั้งหนึ่งโดยได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งผลสรุปของหมอคือ ตุลย์แพ้แอลกอฮอร์
		หลังจากวันที่เกิดเหตุ  ตุลย์จะระวังตัวเองไม่ยอมดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ แต่ก็มานั่งในวงเหล้าเพื่อพูดคุยให้ความสนุกสนานทุกครั้ง ผมเห็นอย่างนั้นผมก็รู้สึกสงสาร เพราะหารเท่ากันแต่กินน้อยกว่าคนอื่น  จึงสั่งเครื่องดื่มที่น่าจะมีดีกรีน้อย ๆ มาให้ตุลย์ลองดื่มนั้นคื่อ ไวน์คูลเลอร์ จะได้ให้ดูเหมือนมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆบ้าง
		 อร่อยดีว่ะ !     นั้นคือคำพูดแรกที่แทนความรู้สึกของตุลย์เมื่อได้ชิมไวน์คูลเลอร์ครั้งแรก
		 ค่อยๆจิบนะเว้ยตุลย์ เราว่าถ้านายจิบทีละนิด จิบทีละหน่อย ดื่มวันละนิดแต่ว่าดื่มบ่อยๆ บางที่นายอาจหายจากการแพ้เหล้าก็ได้นะ แต่ว่า วันแรกแค่แก้วเดียวก่อนแล้วสังเกตดูสิ ว่าผื่นจะขึ้นตัวแดงอีกหรือเปล่า ? 
		เวลาผ่านไปจากการสังเกตอาการก็ไม่มีเหตุการณ์ใดผิดปกติ  ผมถือว่าร่างกายตุลย์สามารถรับสารพิษได้บ้างแล้ว หลังจากวันที่หัดดื่มไวน์คูลเลอร์ ด้วยความหวังดีของผม ( ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจว่าหวังดีหรือหวังร้าย ) ที่อยากให้เพื่อนได้มาดื่มเหล้าด้วยกัน เมื่อแวะร้านสะดวกซื้อเมื่อไหร่ ก็จะซื้อไวน์คูลเลอร์ติดมาฝากให้ตุลย์ เวลาผ่านไปลมปราณและธาตุภายในของตุลย์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงลองส่งเครื่องดื่มใหม่ๆพร้อมกับเพิ่มความเข้มข้นของแอลกอฮอร์มากขึ้น ซึ่งมันเป็น เครื่องดื่มที่ใช้เหล้าวอดก้าปั่นรวมกับน้ำแข็ง  ผมยังจำวันแรกที่ตุลย์ได้รู้จักกับคามิกาเซ่ ได้
		 อะไรวะเนี้ย !      ตุลย์ถามเมื่อเห็นเครื่องดื่มที่วางอยู่
		 เค้าเรียกว่าคามิกาเซ่ เว้ย  ผมตอบมันไปด้วยความรู้สึกภูมิใจที่ทำให้เพื่อนจะได้ดื่มเหล้าเป็นพร้อมกับอธิบายต่อไปว่า
		 มันเป็นเหล้าวอดก้าปั่นรวมกับน้ำแข็งแล้วมีสีต่างๆ เราไม่รู้หรอกว่านอกจากที่ว่ามาแล้วเค้าผสมอะไรบ้าง รู้แต่ว่ามันอร่อยดี วันนี้เริ่มจากไม่มีสีก่อนแล้วกัน 
		ตุลย์ก็ลองยกแก้วชิมเจ้าคามิกาเซ่อย่างว่าง่ายและไม่กลัวตาย เพียงแค่เหตุผลที่ผมบอกว่ามันอร่อย
		 เออว่ะ! อร่อยจริงๆ    ตุลย์ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนกับได้เจอของที่ถูกใจ  หลังจากวันนั้นหากมีโอกาสไปเที่ยวผับ เราจะสั่งคามิกาเซ่สีต่างๆมาลองชิมทุกสีไม่ว่าจะเป็น สีแดง สีขาว สีเหลือง สีม่วง สีฟ้า และสีที่เรานิยมที่สุดคือ สีฟ้า.... 
              วันเวลาผ่านไปตุลย์ก็เริ่มคอแข็งสามารถสู้พิษจากเครื่องดื่มประเภทต่างๆ โดยคำแนะนำจากผมคือ หากดื่มครั้งแรกอย่าดื่มมาก ให้ค่อยๆเพิ่มปริมาณในครั้งต่อไป จากวันนั้นถึงวันนี้ สุรากี่ดีกรีตุลย์ก็สู้ไม่ถอย แถมวันนี้เป็นวันพิเศษที่เพื่อนจะมาพร้อมกันตุลย์ก็ไม่มีปัญหาเมื่อผมสั่งเหล้ามาเปิด
		 เฮ้ย! นั้นไอ้กิมกับไอ้ทิวนี่หว่า ทางนี้เว้ยเพื่อน 
		ผมหันไปทางที่ตุลย์เรียก จึงพบกับกิมและทิวเดินมาที่โต๊ะของพวกเรา กิมยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไม่ว่าจะเป็นทรงผม หรือลักษณะท่าทาง แต่ทิวดูภูมิฐานขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทั้งๆที่ปกติก็ดูเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว ทั้งสองคนยิ้มดีใจที่ได้พบกันกับเพื่อนเก่า 
		 มานานกันยัง ?  ทิวถาม
		 พึ่งมาถึงเหมือนกันทิว มีแต่ไอ้พลนี่แหละ มารอก่อนหน้านี้แล้ว  ตุลย์บอก
		 อิจฉาลุงพลว่ะ ได้อยู่ทำงานเชียงใหม่ อากาศดี รถไม่ติดไปไหนมาไหนสะดวก อยู่กรุงเทพฯนะไม่ได้จะนัดเจอกันง่ายๆหรอก  ขนาดพวกเราอยู่กรุงเทพฯ กันหมด ยังไม่ค่อยได้เจอกันเลย เราก็พึ่งเจอทิวที่หน้าร้านนะเนี่ย  ทำงานที่กรุงเทพฯ หลายปีก็ไม่เจอกันเลย อาศัยแต่โทรศัพท์คุยกัน ต้องขอบใจลุงพลนะเนี่ยที่เป็นหัวเรือใหญ่ทำให้พวกเราเจอกันได้ 
		 ขอบอกขอบใจอะไรว่ะ เราก็อยากเจอเพื่อนๆเหมือนกัน เลยนัดให้เจอกันครบๆสักที... 
		บทจะมาก็มาพร้อมกันเลยเหรอว่ะ โน้นไอ้เอก ไอ้เต้ ไอ้เชี่ยภูมิมาแล้ว    ตุลย์พูดขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ
		มาช้าเหมือนเคยนะไอ้วัว ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเชื่องช้าเลย แอบไปกินหญ้าที่ไหนมาล่ะถึงได้มาช้า เห็นหญ้าสวยๆเป็นไม่ได้เลยเหรอว่ะไอ้วัว    กิมทักเต้แบบได้ที ทั้งๆ ที่กิมก็มาถึงก่อนไม่กี่อึดใจ
		 ไม่ได้ไปกินหญ้า ไปลับเขามาว่ะ ว่าจะมาขวิดไอ้คนปากเสียแถวๆนี้นะ กิมเห็นเปล่าวะ    เต้ก็ใช่ย่อยตอบได้ทันไอ้กิม
		เต้ก็ยังคงเป็นผู้ชายสูงโปร่งและแต่งตัวภูมิฐานขึ้น ไอ้เอกมันหล่ออย่างไงตอนนี้มันก็คงยังหล่ออย่างนั้น ไอ้ภูมิก็ยิ้มโชว์ฟันสวยที่เป็นระเบียบ ทุกคนดูเปลี่ยนไปก็จริงแต่เมื่อมาอยู่รวมกันตอนนี้ บรรยากาศเก่าๆและความรู้สึกเก่าๆก็กลับมาอีกครั้ง การพูดคุยการหยอกล้อเหมือนกับตอนสมัยที่พวกเราอยู่มหาวิทยาลัยไม่มีผิด เมื่อทุกคนนั่งลงกันครบ บริกรหญิงมารับออร์เดอร์ที่พวกเราจะสั่งอาหาร ขณะที่ทุกคนมองรายการอาหารบนเมนู บางเมนูก็มีหัวหอมเป็นองค์ประกอบ ผมก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามขึ้นมาลอยๆว่า
		 เฮ้ย ! ในพวกเรานี่ใครวะไม่ชอบหัวหอม ? จำได้พวกเราคนหนึ่งไม่กินหัวหอมนี่หว่า จะได้สั่งถูก    
		 กูไงว่ะ    ไอ้ภูมิตอบ 
		  ไอ้ที่มึงไม่ชอบหัวหอม เพราะมึงไม่ชอบสระหัวหรือเปล่าวะไอ้ภูมิ มึงชอบความสกปรกมึงเลยกลัวหัวมึงหอม    ไอ้เอกซึ่งเคยเป็นรูมเมทเก่าของไอ้ภูมิแซว ทำให้ผมได้ทีจึงกัดไอ้ภูมิต่อว่า
		 แล้ววันนี้มึงใส่กางเกงในมาหรือเปล่าวะ ? 
		 ไอ้เชี่ยนี่ ! มึงถามกูอย่างงี้ได้ไงวะ  ไอ้ภูมิสบถ
		 แล้วตกลงมึงใส่มาหรือเปล่าล่ะ ?? ไอ้หนูสกปรกภูมิ   กิมช่วยผมถามย้ำ
		 กูจะใส่มาทำไมว่ะ !! ในเมื่อกูค้นพบแล้วว่า ความรู้สึกที่เป็นอิสระ แบบไม่มีขอบเขตอะไรมาขวางกั้นมันเป็นอย่างไง พวกมึงจะลองแบบกูก็ได้นะ  ไอ้ภูมิตอบด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ
		 ดูแม่งมันตอบ เสื่อมจริงๆเลยว่ะมึงนี่  ไอ้เอกพูดพร้อมส่ายหน้า 
  		เพื่อนทุกคนที่ได้ยินต่างก็ขำอยู่ในลำคอเพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่านิสัยไอ้ภูมิเป็นอย่างไร  แต่ก็มีเสียงหัวเราะที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ข้างๆโต๊ะ คล้ายเป็นเสียงหัวเราะที่พยายามกั้นไม่ให้ใครรู้ โอ้...นั้นคือเสียงหัวเราะของบริกรหญิงที่กำลังคอยรับออร์เดอร์ของพวกเรานั้นเอง พวกเรารู้สึกเขินที่มัวแต่แซวกันจนลืมไปว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย แต่คนที่อายที่สุดคงเป็นไอ้ภูมิ ที่พวกเราขุดความหลังพูดขึ้นมาต่อหน้าบริกรหญิงที่น่ารัก คนที่แก้สถานการณ์ได้กลับเป็นทิวผู้ที่พูดน้อยที่สุด  ที่พูดกับบริกรออกไปว่า
		 การหายใจให้คล่องมีอยู่หลายแบบ แต่วิธีที่เพื่อนพี่ทำอยู่นี้ น้องไม่ควรทำตามหรือให้เพื่อนๆน้องทำตามนะครับ 
		ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่พวกเราจะเผลอไปมากกว่านี้ เราก็เลยรีบสั่งอาหารตามที่ทุกคนชอบ บริกรรับออร์เดอร์เสร็จแล้วเดินไปทำหน้าที่ ก็เหลือแต่พวกเราให้มีบรรยากาศส่วนตัวอีกครั้งหนึ่ง
		 แล้วนี่ตุลย์ไปทำอะไรมาทำไมผอมลงวะ  เต้เป็นคนเปิดประเด็น
		 นั้นสิ  เราว่าจะถามอยู่เหมือนกัน  กิมเอ่ยขึ้น
		 เจอสาวถูกใจเลยลดหุ่นเหรอตุลย์  ทิวถามขึ้นบ้าง
		 ทิวคิดเหมือนเราเลย  ผมเสริม
		ตุลย์ฟังคำถามที่พวกเราช่วยกันถาม และเหมือนกับว่าทุกคนหันมาที่ตุลย์คอยคำตอบ  ตุลย์เงียบไปสักครู่ มีสีหน้าดูจริงจังเหมือนเป็นสัญญาณว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ตุลย์จะบอก
		 เห้อ !  เราไม่อยากผอมหรอกว่ะ  แต่มันกินอะไรไม่ลง นี่ดีขึ้นแล้ว พึ่งออกมาจากโรงบาลได้อาทิตย์กว่าๆ
		 เป็นอะไรมากหรือเปล่า ? ป่วยเป็นอะไร ทำไมนายพึ่งมาบอก    ผมถาม
		 ไม่เป็นไรมากหรอก แค่ เป็นโรคกระเพาะเพราะไม่กินข้าวกินปลา กระเพาะมีรูเพราะแดกเหล้ามากเกินไป หัวใจสลายเพราะแฟนแม่งทิ้งไป อารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับร่องกับรอย ทำงานตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด ช่วงนี้อยู่ในช่วงภาวะพักพื้นวะ อีกหน่อยก็คงจะเป็นปกติ  
		ทุกคนในตอนนั้นฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเราทุกคนรู้อยู่ว่าถึงแม้ตุลย์จะดูเป็นคนโหด เลว เถื่อน แต่เนื้อในของตุลย์เป็นคนที่จิตใจงาม และเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ ตุลย์จะเป็นคนหลีกเหลี่ยงไม่ให้เกิดการทะเลาะ เป็นคนประนีประนอมที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา บ่อยครั้งที่ตุลย์โดนเอาเปรียบจากคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท ตุลย์เลือกที่จะให้เขาเอาเปรียบโดยไม่โวยวายเพราะตุลย์ไม่อยากมีเรื่อง แต่ตุลย์เลิกคบกับคนที่เอาเปรียบตุลย์ไปเฉยๆ ตุลย์ให้เหตุผลว่าเอาเปรียบได้แต่ก็ให้ได้ครั้งเดียว ผมชักสังหรณ์ใจว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องการเอาเปรียบนี่หรือเปล่า
		 ใช่น้องเก๋ ?  ที่ทำงานที่เดียวกับนาย ? คนที่เราเคยไปกินข้าวด้วยตอนที่เราลงกรุงเทพฯเมื่อคราวที่แล้วรึเปล่า     ผมถามเพราะเมื่อ 6 เดือนก่อนผมได้มีโอกาสไปกรุงเทพฯแล้วพักที่บ้านตุลย์ มีวันหนึ่งมันก็พาผู้หญิงที่มันบอกว่ากำลังคบกันเป็นแฟนมาแนะนำให้ผมรู้จักกันไว้
		 เออ  ตุลย์ตอบ
 มึงรู้จักด้วยเหรอวะ ไอ้พล   ไอ้เอกถามผม
 มึงนี่  ส.ท.ท.  เสือกทุกที่เลยนะมึง  ไอ้ภูมิกัดผม
 		 พอๆกับมึงแหละไอ้ อ.ส.ม.ท. ไอ้  องค์การเสือกไม่เลือกที่  เพื่อนกำลังเศร้า กัดให้มันรู้กาลเทศะหน่อยสิวะ ผมปรามไอ้ภูมิ แล้วก็หันมาถามตุลย์ต่อ 
		 อย่าหาว่าเราแสนรู้เลยว่ะตุลย์ เราเห็นน้องเก๋อะไรนี่ตอนแรก เราก็ดูๆว่าเค้า ไม่น่าจะจริงจังอะไรกับนายหรอกตอนนั้นนะ 
		แล้วมึงทำไมพึ่งมาบอกกูตอนนี้  ตุลย์ฉุน
		 อ้าว เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน เราก็คิดว่าโตๆกันแล้วถึงเตือนไปมันก็เป็นแค่ความรู้สึกของเราเอง ไม่มีหลักฐานมาสนับสนุน  อีกอย่างถ้าเวลาผ่านไปน้องเค้าเปิดใจรักนายจริง ความรู้สึกที่เรามีต่อเค้าอาจผิดก็ได้ บางอย่างต้องเรียนรู้เองวะเรื่องพวกนี้  ผมอธิบายให้ตุลย์ฟัง
		 แล้ว.....ทำไมถึงเลิกกันล่ะ   เต้ กับ กิม ถามขึ้นมาแทบจะพร้อมๆกัน
		 น้องเค้ามีคนใหม่เหรอ  ทิวถามบ้าง
		 เราไม่รู้หรอกนะว่าน้องเค้ามีคนใหม่หรือเปล่า แต่วันนั้นเราทำงานอยู่แล้วเผอิญหัวหน้าให้ไปตามงานที่แผนกที่น้องเก๋ทำงานอยู่  เราก็เลยอาสาไปให้ ตอนที่กำลังจะเข้าไปแผนกน้องเค้า เราก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ก็เลยตามเสียงไป เป็นเสียงน้องเก๋กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับใครไม่รู้ที่โถงทางเดิน เราได้ยินเสียงน้องเค้าบอกว่า พี่ตุลย์นะเหรอ ไม่ได้คิดอะไรด้วยหรอก ที่คบทุกวันนี้ก็เลี้ยงไว้เป็นคนขับรถรับส่ง เอาไว้เป็นคนเลี้ยงข้าว เอาไว้ช่วยทำงานให้ ดีจะตายเอาไว้เป็นคนรับใช้ ..........
  		ตุลย์พูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป เลยทำให้คนอื่นๆอึ้งตามไปด้วย
		 แม่ง เลวว่ะ  ไอ้เอกให้ความเห็น
		 กูก็ช็อกไปเหมือนกันว่ะไอ้เอก  ทำอะไรไม่ถูก เศร้าไปเลยว่ะ เจ็บใจก็เจ็บใจ ทำเอาถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ มันมึนตึบไปหมด กูคิดอยู่ตลอดเวลาว่ากูทำกรรมอะไรไว้วะ ในชีวิตกูก็ไม่เคยเบียดเบียนใคร ทำไมน้องเค้าถึงทำกับกูได้ขนาดนี้ กูหาคำตอบไม่ได้ว่ากูทำอะไรผิดไปวะ เค้าถึงไม่มีใจให้กู ทำไมเค้าไม่บอกมาตรงๆวะ ว่าไม่คิดอะไรกับกู ทำไมเค้าถึงหลอกใช้กู  บางคืนกูก็นอนไม่หลับ คิดมาก จนกูต้องไปกินเหล้าทุกวันเพื่อจะได้ไม่คิดจะได้นอนหลับ ข้าวปลาไม่ค่อยได้กิน กินแต่เหล้า จนร่างกายไม่ไหว ปวดท้องจนกูต้องเข้าโรงบาล และก็ผอมอย่างที่เห็นนี่แหละ  
 
		 แล้วน้องเค้าว่าไงตอนที่นายได้ยินที่เค้าพูดโทรศัพท์  ผมถาม
		 น้องเค้าไม่รู้ตัวหรอกว่าเราได้ยิน พอได้ยินเราก็รีบเดินหนีออกมาว่ะ ตอนนั้นมันทำไรไม่ถูกจริงๆ  แต่หลังจากนั้นน้องเค้าก็โทรมาหาเรานะ ชวนไปกินข้าวเย็นหลังเลิกงาน 
		 มันยังกล้าโทรมาอีกเหรอวะ อีนี่แม่งเลวจริงๆ  ไอ้เอกอึ้งกับเหตุการณ์แต่ก็อดไม่ไหวที่จะด่า
		แล้วตุลย์ตอบน้องเค้าว่าไงล่ะ  เต้ถาม
		 เราก็บอกว่า เราคงคบกันต่อไม่ได้อีกแล้วล่ะเพราะว่าเราไม่ต้องการเป็นแค่คนขับรถรับส่ง เป็นคนคอยเลี้ยงข้าว ไม่ต้องการถูกหลอกเอาไว้ใช้งานอีกต่อไปและเราขอไม่ให้น้องเค้ามายุ่งกับชีวิตเราอีก 
		 แค่นั้น ??!!  กิมถามด้วยความประหลาดใจ แล้วตุลย์ก็พยักหน้าตอบรับ
		 เป็นเราไม่ได้ แค่นั้นมันไม่พอ เราจะต้องแก้แค้นให้หนัก อะไรวะ ! หลอกเราอยู่ตั้งนาน มันน่าจะมอมเหล้าแล้วพาเข้าโรงแรม ให้รู้ว่ามันกำลังเล่นอยู่กับใคร  กิมยังคงโมโหร้ายและโกรธแทนเพื่อนเหมือนเดิม
		 มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะกิม ทำแบบนั้นมันอาจจะได้ความสะใจ ได้แก้แค้นแต่ว่าแค่ร่างกายน่ะ เราไม่ต้องการ เราต้องการคนที่รักเราจริงๆถ้าไม่รักเรา เราก็ควรปล่อยเค้าไป ไม่ควรสร้างกรรมต่อกันอีกเลย อีกอย่างตอนนี้เราก็ทำใจได้แล้ว พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนหน้านี้ก็อยุ่คนเดียวได้  ตอนนี้เราก็ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่ง
		 ตามรูปการณ์ที่นายเล่าให้ฟัง นายเป็นคนทิ้งเค้านะ ไม่ใช่เค้าทิ้งนาย แต่นายก็ทำถูกแล้วล่ะที่ทำแบบนั้น     ทิว ที่เงียบอยู่ตลอดพูดขึ้นมาบ้าง ผมมองไปที่แก้วเหล้วที่อยู่ตรงหน้าตุลย์ แล้วบอกกับตุลย์ว่า
		 เราว่านายอย่าพึ่งกินเหล้าเลยว่ะ  ขอเราเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าให้นายก็แล้วกัน พึ่งออกมาจากโรงบาล อีกอย่างอย่าไปเศร้ากับผู้หญิงพันธุ์นั้นเลยวะ คนดีๆอย่างนายไม่คู่ควรควรกับมันหรอก นายควรได้กับคนที่ดีกว่านี้ และเราเชื่อว่านายต้องได้เจอคนดีๆแน่นอน  ผมให้กำลังใจตุลย์
		 นายพูดง่าย ก็นายเจอแล้วนี่หว่า นายมีแฟนที่นายรักและก็รักนาย พูดไปนายก็โชคดีวะ เป็นเกย์แต่มีรักที่มั่นคงแถมรักกันมาตั้งหลายปี นายโชคดีว่ะ ที่ไม่เคยอกหักหนักๆอย่างเรา  ตุลย์พูดกับผม
		 ใครบอกกับนายว่าเราไม่เคยอกหัก  ผมพูดขึ้น
		 แร่ดๆ อย่างมึงนี่นะเคยอกหัก กูว่าคนอย่างมึงนะเห็นแต่จะหักอกเค้านะสิ ออกจะคบคนไม่ซ้ำหน้าหลังจากที่มึงเห็นพวกกูรับได้ว่ามึงเป็นเกย์  ไอ้ภูมิยังคงคอนเซ็บท์ เสือกอยู่ต่อไปผมก็เลยโต้มันไปว่า
		 เอ๊ะ ! ไอ้เชี่ยนี่ นั้นปากหรือตูดที่ขมิบออกมาเป็นเสียงว่ะ มันถึงได้พ่นแต่ของเสียออกมาแบบนั้น เคยสิว่ะ อกหักนะ กูว่าใครๆก็เคย เพียงแต่ว่าใครจะเล่าหรือเปล่าแค่นั้น 
		 งั้นมึงเล่ามาเลยว่ะ กูอยากรู้ว่ามึงจะอกหักกับเขาตอนไหน กูก็เห็นมึงออกจะร่าเริงตลอดเวลาไอ้เอกได้ที มันเลยช่วยเป็นลูกคู่ไอ้ภูมิ
		 มึงอยากรู้แต่คนอื่นเค้าไม่อยากรู้นี่หว่า  ผมย้อนไอ้เอก
		 อยากรู้ว่ะ , อยากรู้  ทุกคนแทรกขึ้นมาเกือบจะเป็นเสียงที่พร้อมกัน
		 เราไม่ยอมเสียเปรียบหรอกว่ะ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย ไอ้พล !!  ตุลย์ก็เป็นอีกเสียงที่อยากฟังบ้าง
		  โอเค เล่าแล้วเว้ย ! พวกนายจำตอนที่พวกเราแห่พากันไปสมัครเป็นสมาชิกสปอร์ตคลับที่โรงแรมใกล้ๆศูนย์การค้าได้ไหม ตอนที่มีโปรโมชั่น ราคาพิเศษสำหรับนักศึกษาที่มาสมัครเป็นกลุ่มนะ 
		ก่อนที่ผมจะเล่าอะไรไปต่อ อาหารที่สั่งก็พร้อมเสิร์ฟ พนักงานจึงนำอาหารมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะครบแล้วเราทุกคนเริ่มลงมือทานอาหาร พร้อมๆกับผมก็เริ่มเล่าต่อ......
    		สปอร์ตคลับเริ่มเปิดใหม่ๆจึงมีโปรโมชั่นเรียกลูกค้าให้มาสมัครสมาชิก พวกเราก็ได้รวมตัวกันสมัคร ซึ่งสิ่งที่ที่สปอร์ตคลับมีบริการนอกจากจะมีห้องฟิตเนส, ห้องแอโรบิค, สนามแบดมินตัน 3 คอร์ด , สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ , ปิงปอง และห้องอาบน้ำที่มี ห้องอบซาวน่า และห้องอบสตรีม ซึ่งสองอย่างหลังนี้เป็นที่โปรดปรานของผมยิ่งนัก และผมเชื่อว่า เกย์ ไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ต้องชอบเช่นกันเพราะเป็นที่ๆเราจะได้เห็นเนื้อเป็นเนื้อ หนังเป็นหนัง กล้ามเป็นกล้าม ของทั้งชายแท้และหมู่เกย์ ต่างก็พร้อมใจกันนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเข้าห้องอบทั้งนั้น ซึ่งผิดกับเพื่อนๆ ผม พอออกกำลังกายเสร็จพวกมันก็กลับไปอาบน้ำที่หอพักกัน ทิ้งไว้แต่ผมที่ยังขออยู่อบร่างกายต่อ  ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยระบบความร้อนของไอน้ำ ฟังดูมีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วมันก็คือการตอบสนองเบื้องลึกของความต้องการทางเพศที่จะเห็นรูปร่างของเพศชายด้วยกันต่างหาก
ที่นี่เองครับ ที่ทีทำให้ผมรู้จักกับผู้ชายที่ทำให้ผมแทบจะเสียหลักในการใช้ชีวิต ผมไม่รู้ว่าผมจะใช้คำว่า รัก กับเขาคนนี้ดีไหม เพราะจนบัดนี้ ผมก็ไม่สามารถสรุปได้ว่านั้นคือความรักหรือเปล่า เอาเป็นว่า ผมยังจำคนๆนี้อยู่ในความทรงจำของผมเสมอก็แล้วกัน จำได้แม้กระทั้งวันที่เขาเข้ามาในชีวิตของผม 
		 สวัสดีครับ น้องมาออกกำลังกายกับใครครับ  เสียงทุ้มที่ทักผมในห้องอบซาวน่า เพราะตอนนั้นในห้องอบมีเพียงผมและเค้า ผมมองหน้าที่คมสันนั้นแล้วตอบว่า
		 มากับเพื่อนๆ ครับ แต่ว่าตอนนี้เพื่อนๆกลับหมดเพราะไม่มีใครชอบอบตัว
		 พี่ชื่อชัยยุทธ ครับ มาออกกำลังกายนานแล้ว พึ่งจะเห็นน้องมา เป็นสมาชิกใหม่เหรอครับ 
		 ครับ พึ่งมาเล่นได้สองอาทิตย์เองยังไงก็ก็ช่วยแนะนำผมด้วยแล้วกันนะครับ    
ผมตอบและก็ใจเต้นตึกตัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่มีหนุ่มหน้าตาดีมาคุยกับผมโดยมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันกายอยู่ ผมอดที่จะมองรูปร่างเค้าไม่ได้ มัดกล้ามพองามแต่แข็งแกร่งบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้ใส่ใจดูแลรักษาร่างกายมาก ความเงียบเข้ามาครอบงำห้องซาวน่าอีกครั้ง ผมสงบจิตสงบใจและพยายามห้ามสายตาซุกซนของผมไม่ให้ไปมองที่ระดับเป้าตุงนั้นผมยอมรับครับว่าผมมองไปจริง ก็ตอนนั้นฮอร์โมนในร่างกายมันเตลิดไปนี่ครับ พี่ชัยยุทธก็หลับตานิ่งเงียบ ผมปล่อยให้ความร้อนในห้องซาวน่าทำงานของมันไป นานเท่าไรไม่รู้ จนพี่เค้าขยับตัวเหมือนจะยืนขึ้นพร้อมกับบอกว่า
		 น้องยังไม่บอกพี่เลยว่าน้องชื่ออะไร 
		 ผมชื่อพล ครับ  ผมใจเต้นแรงขึ้นเมื่อพี่ชัยยุทธลุกยืนและขยับผ้าขนหนู เค้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เอื้อมมือมาที่บ่าแล้วจับบ่าผมไว้ ยิ้ม แล้วมองตาผมอย่างมีความหมาย แล้วพูดว่า
		 ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องพล   แล้วพี่เค้าก็เดินออกจากห้องซาวน่าไป แค่นั้นก็ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ผู้ชายกึ่งเปลือยได้เอามือมาว่างบนบ่า สัมผัสนั้นยังอุ่นๆ เลือดลมสูบฉีดแรง ผมได้แต่นั่งสงบสติอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้ ผมนั่งอยู่นาน นานจนคิดว่าทุกอย่างสงบดีสงบทั้งร่างกายและสงบทั้งบางส่วนของร่างกาย  แล้วก็รีบออกมาจากห้องซาวน่า แต่ว่า พี่เค้าไม่อยู่แล้ว......
.
		ผมรู้สึกผิดหวังนิดๆที่ไม่เจอพี่เค้าในห้องล็อกเกอร์ แล้วผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมกลับหอพัก เมื่อผมลงมาที่ร็อบบี้ของโรงแรม ผมเจอพี่ชัยยุทธอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ผ้าเช็ดตัวครับ พี่เค้าใส่เชิร์ตสีขาวกางกางสแลค ดูดีมากมากๆสำหรับผม ชายสูงโปร่งในชุดทำงาน ผมดีใจครับที่เห็นเค้ายังไม่กลับบ้าน แต่ก็รักษาฟอร์มไว้ พี่ชัยยุทธเดินตรงมาที่ผมแล้วพูดว่า
		 พี่อยากกินอาหารพื้นเมือง พี่อยากกินหลายๆอย่าง คิดว่าจะสั่งมาหลายๆอย่าง แต่คงกินคนเดียวไม่หมดแน่ น้องพลว่างพอจะไปช่วยกินเป็นเพื่อนพี่ได้ไหมครับ 
		 ได้สิครับ แต่ขอโทรบอกเพื่อนที่หอก่อน กลัวเพื่อนจะรอทานข้าวด้วย  ผมตอบอย่างง่ายดายและไม่มีทีท่าลังเลเลย นี่เป็นคำตอบที่เปลี่ยนชีวิตผม เปลี่ยนแบบไหนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง ผมขึ้นรถไปกินมื้อเย็นกับพี่เค้าอย่างว่าง่าย และก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผมนับจากวันนั้น
		หลังจากวันนั้น พี่ชัยยุทธกับผม ก็ก่อความสัมพันธ์กันขึ้นเรื่อยๆ เรามักจะออกกำลังกายจนดึกและอยู่อบห้องซาวน่าและห้องสตรีมกันเป็นสองคนสุดท้ายเสมอ เราจะรู้สึกเป็นส่วนตัวมาก และในห้องสตรีมเมื่อเราเข้าไป เราจะเปลือยกายและลูบไล้ปลุกเร้าอารมณ์กันเสมอ ที่นี้เอง ที่ผมรู้ว่ารสชาติการที่ถูกผู้ชายจูบนั้นเป็นอย่างไร การกอดรัดบดคลึงด้วยร่างที่เปล่าเปลือยของชายกับชายที่ทำให้สองคนแทบจะเป็นคนเดียวกันเริ่มจากที่นี่ อย่างว่าครับตอนนั้นผมก็พึ่งอายุ  20 ต้นๆ เอง  อะไรก็ดูจริงจัง จับต้องได้ ฮอร์โมนเพศชายมันช่างกำหนัด และไม่เหนื่อยที่จะมีเพศสัมพันธ์ สุดสัปดาห์พี่ชัยยุทธมักจะพาผมไปค้างที่รีสอร์ทนอกตัวเมืองเชียงใหม่เสมอผมยังจำได้ว่า พี่ชัยยุทธกุมมือผมไปตลอดทางขณะขับรถไปที่รีสอร์ท พร้อมบอกกับผมว่า เค้าโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอผมและคบผมเป็นแฟน  
      		เราคบกันได้ประมาณ หกเดือนได้แล้ว ความสัมพันธ์ที่กำลังจะเป็นไปด้วยดีแต่ด้วยความเป็นเด็กกว่าอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจึงทำให้ผมหึงหวงอย่างไร้เหตุผล บ่อยครั้งที่เรามีปากเสียกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่ชัยยุทธบอกว่าเขาจะพาแม่ไปทานข้าวให้ผมทานข้าวคนเดียว ผมเลยต้องทานข้าวคนเดียว  แล้วผมก็อยากระลึกความหลังผมจึงเลือกร้านที่ทานกับพี่ชัยยุทธมื้อแรก  เมื่อผมไปถึง ผมได้มองหาโต๊ะนั่ง  แต่สายตาผมก็ได้เห็นพี่ชัยยุทธมากับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง   
                             โอ้แม่จ้าว!!! แม่พี่ชัยยุทธเป็นผู้ชายหรือนี่ แถมหน้าตาก็เอ๊าะกว่า   สงสัยใช้โคเอ็นไซน์คิวเท็นประโคมหน้าสุดๆ ถึงได้หน้าอ่อนกว่าพี่ชัยยุทธอีก  ผมรู้สึกเจ็บมากๆที่โดนโกหก แต่พอมานึกอีกที พี่เค้าอาจจะมาคุยธุระแล้วไม่อยากมีเรื่องหึงหวงจึงโกหกผมว่าไปทานข้าวกับแม่ ผมเก็บความสงสัยนี้ไว้เงียบๆ ไม่กระโตกกระตากใดๆ แต่ก็เริ่มผิดสังเกตเมื่อความถี่ของการโทรศัพท์หาน้อยลง และไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเมื่อก่อนจนกระทั่ง.......วันสุดท้ายของความสัมพันธ์ 
  		วันนั้น ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงโทรศัพท์บอกพี่ชัยยุทธตอนบ่ายๆว่า จะไม่ไปออกกำลังกายที่สปอร์ตคลับ  พี่ชัยยุทธก็บอกให้พักผ่อนเยอะๆพร้อมกับบอกผมว่าพี่ก็ติดธุระเหมือนกันวันนี้จะไม่ไปออกกำลังกายเหมือนกัน แต่เมื่อตกเย็นเพื่อนผมบอกว่าผมควรไปออกกำลังกายเพื่อให้เหงื่อออกบ้างผมจึงตามเพื่อนไปออกกำลังกาย และเมื่อผมไปถึง ผมได้เจอรองเท้าที่พี่ชัยยุทธถอดไว้ที่พื้นห้องล็อกเกอร์ผมเลยตามหาว่าจะไปทักทาย แต่เมื่อผมเดินตามห้องออกกำลังกายต่างๆก็ปรากฏว่าไม่มีพี่ชัยยุทธอยู่สักห้อง ผมจึงคิดว่าพี่ชัยยุทธคงว่ายน้ำอยู่ชั้นบน ผมเลยเดินขึ้นไป แต่ก็ไม่มีใครว่ายน้ำอยู่ ผมนึกสังหรณ์ใจอย่างไงไม่รู้ผมเดินไปดูห้องอาบน้ำชายที่อยู่ตรงข้ามของมุมสระว่ายน้ำ แล้วผมก็เจอ.......
		 มึงเจออะไรวะ  ไอ้ภูมิถามด้วยความอยากรู้เพราะผมหยุดเล่าไป
		 กูเจอพี่ชัยยุทธกำลังคุกเข่าทำออรัลเซ็กซ์ให้กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่กูเจอในร้านวันนั้นอย่างเต็มปากเต็มคำ  ผมตอบออกไป
		 สัตว์ !!!! กูกำลังกินไส้กรอกลูกวัวอยู่ กำลังจะเข้าปากแท้ๆเห็นภาพเลยกู เสือกพูดถึงตอนนี้ทำไมว่ะ  ไอ้ภูมิสบถตามนิสัยของมัน
		 ส่งมาให้กูก็ได้ มึงก็รู้ว่ากูโปรดปรานไส้กรอกยิ่งกว่าอะไรโดยเฉพาะไส้กรอกใหญ่ๆยาวๆ  ผมยิ่งแกล้งยั่วมัน
		 แล้วลุงพลทำไงต่อล่ะ  กิมถามผม
		 เราก็กลับมาร้องไห้ต่อที่หอคนเดียวนะสิ พวกนายก็กำลังตีแบดกันอยู่ เราก็เลยมาร้องไห้ที่หอคนเดียว เรายังจำได้เราร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร 2 ชั่วโมงกว่าๆ จู่ๆเราก็คิดว่า เราจะเสียน้ำตาให้คนเลวๆไปทำไมวะ เราต่างหากเป็นคนดีไม่เคยนอกใจ เค้าเป็นคนเลว เราไม่ควรเสียใจให้กับคนเลวๆ เราไม่ควรเสียเวลาและน้ำตาให้กับคนเลวๆแต่มันก็เศร้านะที่เจอเรื่องแบบนั้นนะ มันเจ็บ ข้างในลึกๆ พอพวกนายกลับมาเราก็บอกพวกนายว่าเราไข้ขึ้นไง ตอนนั้นเราบอกกับตัวเองว่าพอแล้วกับเรื่องเก่าๆ เราจะเป็นคนใหม่  และก็อยู่มาถึงทุกวันนี้ การเจ็บมันก็ทำให้เราแข็งแรงพอที่จะสู้กับเรื่องอื่นได้ เวลาจะค่อยๆรักษาทุกอย่างเอง 
ผมหันหน้าไปมองตุลย์พร้อมกับบอกกับตุลย์ ว่า
     	 เชื่อเราเถอะตุลย์  เวลาจะช่วยรักษาทุกอย่างเอง เอ้าพวกเรา !  ดื่มให้กับเวลาที่จะช่วยรักษาทุกอย่าง   ทุกคนยกแก้วชนกันและก็ดื่มคงมีแต่แก้วของตุลย์ที่เป็นน้ำเปล่าแต่ผมเชื่อว่าตุลย์ก็รู้สึกดีขึ้นแน่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป
		ผมไม่รู้หรอกนะว่าชายแท้อกหักจะเจ็บมากกว่าหรือน้อยกว่าเกย์อกหัก แต่ในความรู้สึกผม ผมคิดว่าเกย์จะเจ็บกว่าเพราะเกย์มีความสัมพันธ์ทางเพศได้ง่ายกว่า จึงรู้สึกผูกพันกว่า แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเจ็บกว่ากัน เพราะลงท้ายก็คือเจ็บเหมือนกัน แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไปและที่สำคัญที่สุด .....เวลาจะช่วยรักษาทุกอย่าง
        .....................จบตอนที่ 2 ...............
โปรดติตามตอยต่อไป				
comments powered by Disqus
  • ชายชัช

    20 มกราคม 2549 12:54 น. - comment id 89121

    อ่านแล้วช่วยคอมเมนต์ทักทายกันหน่อยนะครับ นักอ่านทุกท่าน29.gif
  • พี่พุด

    21 มกราคม 2549 21:08 น. - comment id 89140

    16.gif1.gif
    โลกของเพื่อนสนิทที่แสนจริงใจค่ะ
    น่ารักมาก
    เป็นธรรมชาติชีวิตมากค่ะ
    เวลาเขียนราวตัวละครอยู่ตรงหน้าค่ะ
    มีบางความบางคำทำให้น้ำตาเอ่อค่ะ
    
    เป็นพลังใจให้น้องรักค่ะ
    36.gif16.gif
  • หมอกจาง

    21 มกราคม 2549 22:36 น. - comment id 89145

    อ่านแล้วก็ชอบที่จะอ่านต่อครับ เขียนได้รื่นดี เดาเอาว่าบางส่วนในเนื้อเรื่องคงเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆก็เรื่องที่คุณจบมาจาก มช. :) ถ้าใช่ก็คงจบรุ่นใกล้กับผมแหละครับ (ดูจากอายุ:) แต่ต่างคณะกันเท่านั้น  
    
    ว่าแต่คณะผมก็ฮิตเล่นจับหมูนะครับ ไม่ใช่วิดวะคณะเดียว  40.gif
  • เนอะ

    23 มกราคม 2549 16:36 น. - comment id 89164

    หนูเข้าใจแล้วหละ ว่าความรู้สึกของชายเกย์เป็นแบบนี้นี่เอง อ่านแล้ว ก็สนุกมากๆคะ เป็นเรื่องที่ทำให้หนูขำได้ตลอดเวลาเลยหละ สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้11.gif
ชื่อเรื่องสั้น-นิยาย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน