"สงครามพาพินาศทุกเคหาสน์ถูกทำลาย ไฟศึกเมื่อยามวายหลงเหลือเถ้าตะกอนถ่าน ยามอรุณใกล้รุ่งไร้คนมุ่งสู่สายธาร จันทร์เลือนลับเมฆม่านใต้พื้นทรายใจรอนๆ" ณ หมู่บ้าน เล้งซาน ในฤดูหนาวหิมะโปรยปรายขาวโพนทั่ว เหล่าดอกบัวเบ่งบานในยามเช้า ต้นไม้พากันผลิดอกออกผล ผู้คนในหมู่บ้านใช้ชีวิตกันอย่างพอมีพออยู่ มิฟุ้งเฟื้อแลมิใคร่นับถือเงินทองว่าเป็นเทพยดา หากแต่ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนทั่วไป ได้ยินเสียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากทิศเหนือ สะพายกระบี่ สวมเสื้อยาวสีน้ำเงิน คลุมไว้ด้วยชุดพรตสีดำ มีจำนวนทั้งสิ้น 5 คน กำลังมุ่งหน้ามายัง หมู่บ้านด้วยความรวดเร็ว ราวกับลี้หลบสิ่งใดมาแต่ไกล ที่แท้นักพรตเหล่านี้หลบหนีการจับกุมของทางการ ซึ่งเป็นคนของแคว้นเลี่ยวนั่นเอง นักพรตเหล่านั้นแม้มีวรยุทธ แต่จะอย่างไรก็มิอาจต้านทานเหล่าทหารนับร้อยได้ จึงได้เพียงแต่ทุ่มเทวิชาตัวเบาวิ่งหนีมาแต่ไกล ชาวบ้านหลายสิบที่อยู่ ณ นอกบ้านเรือน ต่างวิ่งหาที่หลบเป็นการใหญ่ด้วยความหวาดวิตก เนื่องจากทหารเหล่านี้มิใช่ตัวดีอันใด หากแต่เป็นทหารโฉดที่โหดเหี้ยม นักพรตคนหนึ่งตวาดก้องว่า "ข้าพเจ้ามีความคิดประการหนึ่ง เหล้าเฮียม่วยต้องการรับฟังหรือไม่ (เฮีย แปลว่าพี่ชาย ม่วย แปลว่าน้องสาว)" "กล่าวมาเถิดอย่าช้าที" ทุกผู้คนล้วนส่งเสียงรับคำดุจเดียวกัน นักพรตหนุ่มนั้นถ่ายทอดความคิดออกไปให้เหล่านักพรตที่เหลือทราบ กล่าวจบทั้งหมดต่างใช้วิชาตัวเบากระโดดแยกไปคนละทิศ สองไปซ้าย หนึ่งไปขวา สองตรงไปเบื้องหน้า เหล่าทหารเห็นเช่นนั้นจึงหยุดตะลึงลานชั่วครู่ จากนั้นกระจายกำลังออกตาม เหลือไว้แต่เพียงนายสิบ และทหารอีก 50 รั้งรอไว้ตำแหน่งเดิม ผ่านไปเนิ่นนานมิมีซุ่มเสียงสำเนี้ยงใด นายสิบนั้นตวาดถามว่า "พวกเจ้ายี่สิบคนไปตามหาดูให้ทั่วบัดเดี๋ยวนี้" ทหารยี่สิบนายรับคำคราหนึ่งหมายทำตามคำสั่งเจ้านาย ทันใดพลันปรากฏศรีษะทหารที่ติดตามเหล่านักพรตเมื่อครู่ ร่วงลงมาจากฟ้าปานห่าฝน ที่แท้นักพรตหนุ่มใช้อุบายแยกจำนวนทหาร เมื่อแยกจากกันก็สามารถให้ทหารน้อยลงได้ จากนั้นก็ตีวงอ้อมกลับมาช่วยเหลือกันและกัน สังหารทหารได้ทั้งหมด จากนั้นริบเงินตราแลตัดศรีษะทหารเหล่านั้นออกมา นายสิบแลเหล่าทหารเห็นดังนั้นก็ผวาเป็นการใหญ่ บ้างร้องครวญครางด้วยความกลัว บ้างเดือดดาลเป็นการใหญ่ แต่ยามนั้นนายสิบขวัญผวาไปเสียก่อนแล้ว จึงฮ้อตะบึงควบขับอาชากลับยังฐานที่ตั้ง เหล่าทหารเมื่อเจ้านายขลาดเขลา ตนไหนเลยรั้งอยู่ได้ จึงติดตามกลับไป เหล่านัดพรตนั้นยินดีอยู่ที่แผนนี้ลุล่วง หากแต่ต้องรีบหนีไปในบัดดล มิเช่นนั้นทหารอาจจะมามากมายกว่านี้ก็เป็นได้ ดังนั้นหาซื้ออาชาจากในหมู่บ้าน แลควบขับลงใต้
12 มกราคม 2549 23:18 น. - comment id 88974
ปูเสื่อ รออ่าน
13 มกราคม 2549 08:16 น. - comment id 88977
คำงามจนต้องคารวะด้วยเหล้าที่ใสราว หยาดน้ำค้างบ่มพร่างจากเกสรดอกเหมยในยามราตรี บัดนี้เงาพลาง ของนักสู้ผู้พิชิตที่กำลังเลาะไต่ตามลงมาจากผาหินแห่งวัดปู้ชานในเงื้อมเงาชะง่อนโงก กำลังโรยตัวลงมา ในม่านมิดดำ แฝงพลังเร้นตัว ให้เหล่ทุรชนชั่วได้สยองพองขนหัวแล้ว ณ..บัดนี้ นี่สำนวนพุดค่ะอิอิ และ ราวกับรู้จักผู้เขียนดีในนามหนึ่ง ผู้ซึ่งชอบท่องฟ้าราวมีวิชาตัวเบาค่ะอิอิ ด้วยชื่นชมและรักค่าคำที่แสนล้ำลึก ในห้วงจิตวิญญาณมากค่ะ
13 มกราคม 2549 08:18 น. - comment id 88978
แปดมารอวตาล...(ตอนที่1---เหตุสลด แปดมารจุติ แก้คำหน่อยนะท่านจอมใจจอมมาร อวตาล..อวตาร กลัวหวานไปอิอิ
8 มิถุนายน 2549 11:23 น. - comment id 91133
ตอน 2 เมื่อไรมาครับ สนุกดีครับ ผมชอบ คำไพเราะนึกถึง หนังจีน + หนังจักรๆวงค์