"พี่มาทำอะไรที่นี่ครับ? .." เสียงทุ้มนุ่มถามไถ่ด้วยความสงสัย ฉันได้แต่นั่งทำตาปริบๆ .. ไม่ใช่ด้วยซาบซึ้งกับแสงจากเทียนเล่มน้อยท่ามกลางความมืดแห่งป่า แต่เพราะไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไง "ที่กรุงเทพฯ มีงานฉลองตั้งเยอะแยะ ไฟก็สวย .. ที่นี่ไม่มีอะไรเลย .. พี่มาทำไมครับ?" เขาขยายความช่างสงสัยนั้น "อืมม .. " ฉันนั่งคิดอยู่ชั่วครู่ .. "บางทีสิ่งที่ดีที่สุดอาจจะอยู่ในความไม่มีอะไรก็ได้นะ .. " ในที่สุดฉันก็พอจะนึกคำตอบออก หรืออีกบางทีคนเราก็ไม่ได้ต้องการความมีอะไร .. แต่อาจต้องการความไม่มีอะไรต่างหาก .. ประโยคหลังนี่ฉันนึกตอบเขาอยู่ในใจ .. ฉันแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่ถูกแบ่งเป็นส่วนเสี้ยวจากกิ่งก้านไม้ .. ดาวทอแสงระยิบระยับผ่านช่องโหว่เหล่านั้น .. แม้จะเห็นไม่ชัดนักเพราะแสงดาวถูกบดบังจากใบไม้ .. หากแต่มันก็ยังส่องประกายระยิบระยับลอดเงาไม้ให้เราได้รู้ว่า .. .. บนฟ้ามีดวงดาวอยู่จริง ..
พวกเราเจ็ดชีวิตนั่งอยู่ท่ามกลางดงไผ่ที่ล้อมรอบ .. เราพากันเดินเข้ามาในป่าหลังห้าโมงเย็น .. "พวกผมมาสวัสดีปีใหม่พี่ๆ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ครับ .. รวมทั้งพี่ด้วย .. สวัสดีปีใหม่คร้าบบบ .. " อาจจะเป็นเพราะประโยคนี้กระมังที่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่าน อยู่หน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยกุ่มปล่อยให้พวกเราเข้ามาหลังเวลาเปิดทำการ
และเราก็พากันบุกป่าฝ่าดงอันรกครึ้มด้วยแนวไม้ที่กำลังผลัดใบ .. ใบไม้เป็นสีแดงยังกับสวนใบเมเปิล .. (หรูเชียว) .. ฉันคิดในใจ .. "กีกี้เอาขวดวอดก้ามาใส่เป้เรา .. " เสียงเจ๊ใหญ่สั่งการด้วยความเป็นห่วงสาวชาวกรุงอย่างฉัน .. "พี่กี้ครับต้องรัดสายสะพายเป้ให้มันแนบแผ่นหลังครับ .. ไม่งั้นมันจะถ่วง .. ขอโทษครับ" แล้วคุณพลบค่ำก็ปรับสายสะพายเป้ให้ด้วยสงสารสาวเมืองกรุงที่ริหัดเดินป่า .. "เอ้อ .. ผมเห็นสิ่งอันตรายอีกอย่างแล้วครับ .. " คุณพลบค่ำที่เดินตามหลังฉันร้องบอกอีก .. "อันนี้เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่า .. " แล้วเขาก็คว้ามีดผ่าผลไม้ด้ามยาว ที่เสียบอยู่ในกระเป๋าเป้ด้านหลังฉันไปถือเสียเอง "กีกี้ .. เป็นงัยมั่ง ..!!! " "กีกี้ .. ส่งเสียงหน่อย .. !!!" "กีกี้ !!.. กีกี้ !!.." เสียงเจ๊ใหญ่ตะโกนเรียกอยู่เป็นระยะๆ .. สงกะสัยกลัวฉันหายตัวเข้าป่า .. แอบไปแต่งงานกับหนุ่มตองเหลืองจริงๆ ซะล่ะมั้ง ..
เราเดินกันไป .. หอบกันไป .. หายใจทางปากกันไป .. หยุดพักเพื่อช่วยกันแกะคุณเอดุ้นจากกิ่งไม้ที่บังอาจเกี่ยวผมจุก ที่คุณเอดุ้นเอาเถาวัลย์ผูกมัดไว้ที่หน้าผาก .. จนในที่สุดเราก็มาตั้งหลักปักฐานกันอยู่ตรงลานกว้างแห่งนี้ .. ผาแดงน้อย กางเต๊นท์ หาฟืนให้เพียงพอสำหรับก่อกองไฟทั้งคืน ปูเสื่อ ขนบรรดาหมู ไก่ ลูกชิ้น ที่แบกกันมาเตรียมโยนเข้ากองไฟ .. ที่เล่ามาทั้งหมดเนี่ย .. ฉันไม่ได้ทำอะไรซักกะอย่าง .. ก็เพราะมัวแต่นั่งเต๊ะท่าอยู่บนหินก้อนโตแล้วก็ถ่ายรูปพวกเขา .. เอามาให้ดูกันอยู่นี่งัยเล้าาาา .. (ไม่ได้อู้นะ ..) "เจ๊จ๋า .. หาใบไม้มาทำกระทงให้ผมหน่อย .." คุณพลบค่ำบอก .. แล้วเราก็ช่วยกันเตรียมของไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อบอกกล่าวถึงการมาเยือนของพวกเรา .. ว่ามาด้วยเจตนาที่ดี .. หลังจากไหว้เจ้าที่เจ้าทางแล้ว .. คราวนี้ก็ถึงตาปากท้องของพวกเรามั่งล่ะ .. "แล้วเราจะปิ้งหมูยังไง? .." เสียงใครสักคนตั้งคำถาม "นั่นสิ .. " ใครสักคนเช่นกันตอบ .. เรามีกองไฟแล้ว .. มีไม้สำหรับเสียบไก่ปิ้งโดยฝีมือของเจ้าต้นใหญ่ .. โดยขอยืมยางรัดผมจุกของคุณเอดุ้นมามัดปลายไม้ .. ถ้าไม่มียางรัดผมนี่พวกเราคงอดตายเป็นแน่ .. "ฮั่นแน่!!! .. กำลังคิดกันอยู่ล่ะสิว่าจะปิ้งหมูยังไง" เสียงคุณพลบค่ำร้องถามหลังจากหายตัวไปครู่ใหญ่ .. เขาเดินกลับมาพร้อมก้อนหินกลมก้อนโตที่คงไปเก็บมาจากริมน้ำ .. "นี่ เอามาไว้ปิ้งหมู " เขาวางมันลงข้างกองไฟ ตะแคงซ้าย-ขวาหามุมเหมาะ แล้วเอาเนื้อหมูที่หมักโดยเจ้าต้นใหญ่วางบนหิน ..
แล้วเราก็ตั้งวง (ข้าวเหนียว) ร้องเพลง .. สนทนา .. ดื่มดาว - ดื่มเดือน .. ดื่มวอดก้าผสมแสงโสม .. (เมาตายชั_ )
เสียงขลุ่ยดังแว่ว .. "เพลงเดือนเพ็ญ" ฉันรีบร้องบอก .. ได้ยินเสียงขลุ่ยทีไรให้นึกถึงเพลงนี้ทุกทีสิน่า "ได้เล้ยยย .. " เสียงขลุ่ยก็แว่วมาจากคุณพลบค่ำนั่นแหละ .. คนอะไร (ฟะ) ทำได้ทุกอย่าง? .. ฉันรีบเปลี่ยนโหมดกล้องถ่ายรูปให้เป็นวีดีโอ .. พยายามเก็บภาพยามเสียงขลุ่ยแว่วหวาน .. และภาพพวกเราร้องเพลงเดือนเพ็ญร่วมกัน .. ในภาพมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงจากเทียนเล่มน้อยกลางวง .. พร้อมได้ยินเสียงขลุ่ยเอื้อยหวานประสานเสียงร้องต่างคีย์ของพวกเรา .. (นอกจากต่างคีย์แล้ว .. ยังผิดคีย์อีกตะหาก) แต่มันก็เป็นเพลงเดือนเพ็ญที่ไพเราะที่สุดตั้งแต่ฉันเคยได้ยินมาล่ะน่า .. อยากเอามาให้ดูจัง .. น่ารักชะมัด ..
"เรามาเขียนกลอนกันดีกว่า .. ต้นเล็กเขียนซิ" ท่านสั่ง เจ้าต้นเล็กหยิบสมุดกับดินสอเตรียมเขียนตามคำบอก .. ความพยายามอยู่ที่ไหนขวดแสงโสมก็อยู่ที่นั่น .. มันคงมาพร้อมกันล่ะมั้ง .. แม้มืดต่อมืด .. แต่เขายังคงวิริยะ .. สงกะสัยเราจะพบนายมานะสองซะแล้วล่ะมั้งนะ .. แต่จนแล้วจนรอด .. ฉันก็ไม่ได้รู้ว่ากลอนบทนั้นมันถูกเขียนจนจบบทหรือป่าว?
"พรุ่งนี้วันเกิดผม .. " นายต้นใหญ่บอก .. "ก็เที่ยงคืนวันนี้สิ .. " เสียงใครบางคนบอก ... (จำไม่ได้ว่าใคร) "งั้นเราย้ายวงไปนั่งดูดาวริมน้ำตกกันดีกว่า .. " เสียงนี้น่าจะเป็นเสียงคุณพลบค่ำ .. ก็มันมืดมากนี่นา .. มองไม่เห็นหรอก .. เรามีไฟฉายเล็กๆ หนึ่งกระบอก .. กับเทียนไม่กี่เล่ม .. ซึ่งต้องใช้อย่างประหยัด เกาะกลุ่มเดินลัดเลาะไปตามทางลาดลงสู่แผ่นหินกว้างริมน้ำตก .. สมชื่อ .. น้ำตก .. เพราะมันทำใครบางคนตกน้ำมาแล้ว .. (5555555) บนลานหินกว้างริมน้ำ .. พวกเรามองไม่เห็นอะไรเลย .. นอกจากแสงจากเทียนหนึ่งเล่ม .. กับแสงดาวพราวฟ้า .. ฉันนอนราบลงบนแผ่นหิน .. ตามองดวงดาวบนฟ้าอย่างตื่นตะลึง .. สวยจัง .. นึกถึงครั้งก่อนที่เคยหลงป่าอยู่หนึ่งคืน .. ท่ามกลางความเหน็บหนาวที่จับขั้วหัวใจ .. มีความสวยงามเพียงสิ่งเดียวที่ยังประทับตราตรึงใจมาจนทุกวันนี้ แสงดาวพราวฟ้า .. กระจ่างหล้าคราทอแสงอาบ ความสวยงามแห่งเจ้าทอทาบ เกิดเป็นภาพแห่งฝันอันงดงาม .. ฉันนอนมองดวงดาวบนฟากฟ้า .. ท่ามกลางความมืดมิด .. พลางนึกถึงคำที่เคยบอกแก่ใครบางคนยามไม่ได้พบกัน .. การที่เราได้เห็นและเชื่อเหมือนกันว่า .. แสงเล็กๆ ที่เห็นนั่นคือดาว การที่มีเราสองคนที่เห็นเหมือนกัน .. - - แ ค่ นี้ ก็ พ อ แ ล้ ว - -
"เที่ยงคืนหรือยัง ? .." ฉันหันไปถาม "อื้อ เที่ยงคืนพอดีเลย .." คุณเอดุ้นตอบ .. "งั้นเริ่มได้ .. " "แหบปี้เบิดเด ทู ยู .. แหบปี้เบิดเด ทู ยู .. แหบปี้เบิดเด แหบปี้เบิดเด .. แหบปี้เบิดเด ทู้ ยู ......." เจ้าต้นใหญ่เป่าเทียนบนกล่องช้อกโกแลตวันเกิด .. "ผมชอบกินชอกโกแลตมากเลยพี่ .." เจ้าต้นใหญ่บอก .. แล้วเราก็แบ่งช็อกโกแลตกันกินแกล้มวอดก้าน้ำแดง .. เสียงที่ดังเล็ดรอดออกมาจากหัวใจของพวกเราคงเป็นเสียงเดียวกัน .. "ประทับใจจัง .. " มิตรภาพก่อเกิดท่ามกลางความมืด ความประทับใจที่ได้รับมากมายเกินกว่าคณานับ ฉันอาจจะเคยฉลองปีใหม่ที่ไหนมาบ้างก็สุดจะจำ .. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงจำเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้ .. และไม่รู้เหมือนกันว่า .. ทำไมฉันจึงรู้สึกว่า .. ปีใหม่ปีนี้คงจะเป็นปีใหม่ที่ฉันจะไม่มีวันลืม ..
ดื่มดาว .. ย่ามลายดอกไม้ป่า เธอให้ฉันมาเมื่อหน้าแล้ง ฤดูดอกไม้ระดะเป็นดวงแดง ท่ามตะวันยอแสง ณ ริมธาร เธอหาปลา ฉันหาผัก พลางแวะหักกิ่งไม้รายทางผ่าน เหนื่อยนักพักแหวกว่ายในสายธาร สุขสราญบ้านป่ากว่าในเมือง ดงดอกไม้ร่ายรำระบำหญ้า ตะวันลาโรยแรงแสงเรืองเหลือง เธอก่อไฟสุมฟืนจนโรจน์เรือง พลางบอกเล่าราวเรื่องอันเนื่องนับ เรือนหอเรางามไสวใต้พรายดาว แพรวพราวหิ่งห้อยร้อยประดับ เธอกระซิบริมใจกายกระชับ สู่ดินแดนลี้ลับอันวับวาว ดาวร่วง .. พุ่งดวงสู่กายละมุนกรุ่นกลิ่นสาว ตะขอจันทร์พันเกี่ยวกับเสี้ยวดาว ถักร้อยเป็นสร้อยยาวเข้ารัดรึง ฉันรักเธอ - เหย่อเอ้เน่อฉา และพบว่าดินแดนใจที่ไปถึง สบดวงแก้วอันแววค่าตราตรึง พบครึ่งหนึ่งของชีวีที่พลัดพราย ต่าหยู่เน้อ .. (คิดถึงเธอ) คิดถึงเธอเสมอทุกใจหมาย มุกน้ำค้างกลางธุลีที่หล่นราย คือสิ่งอันหมั้นหมายหัวใจเรา ฉันมีเธอวันนี้มีชีวิต จะนำรักนั้นเติมติดทุกย่างก้าว กะเหรี่ยงหนุ่มริมลุ่มน้ำคืนฉ่ำดาว เกิดเรื่องราวของความงามและความรัก กลางไพร .. ยินแต่เสียงหัวใจเธอหน่วงหนัก ยามฉันมอบความเป็นหญิงให้พิงพัก ร่วมถ่ายทอดความรักไว้ใต้เงาจันทร์ ย่ามลายดอกไม้ป่า เธอให้ฉันมาใส่ความฝัน ย่ามลายดอกไม้ป่า เพียงหวังย้ำเตือนว่า "อย่าลืมกัน" เจริญขวัญ ..
"ที่กรุงเทพฯ เขา countdown กันยังไงครับ? .." เจ้าสุขสันต์วันปีใหม่ถาม "ก็ .. ปิดถนนแล้วเขาก็ขนโต๊ะเก้าอี้ไปนั่งดื่มกินกันกลางถนน .. ริมสองข้างทางมีของที่ระลึกสวยๆ วางขาย .. แล้วก็มีเวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้ง .. มีนักร้องดังๆ มาร้องเพลงให้ฟัง .. พอถึงเวลาเที่ยงคืนพวกเขาก็นับถอยหลังร่วมกัน .. ท่ามกลางแสงสีสวยงาม .." "หรอครับ .. ฟังดูน่าสนุก .. " "อื้อ .. ก็สนุก .." ฉันตอบ "แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่ล่ะ? .. " จู่ๆ เจ้าสุขสันต์ก็ย้อนถามมาจนฉันสะอึก .. ตอนนั้นก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าได้ตอบไปหรือป่าว?
เอาเป็นว่า .. ตอบตอนนี้ละกัน .. "พี่พลัดหลงไปที่นั่นด้วยความตั้งใจ .. และเป็นการพลัดหลงที่น่ายินดีเป็นยิ่งนัก .. " ท้ายสุดแห่งการเดินทางมิมีคำร่ำลา .. นั่นหมายความว่า .. คราหน้าเราจะพบกัน .. ขอบคุณคืนวันดีดีริมราวป่า ..
6 มกราคม 2549 16:34 น. - comment id 88879
เป็นปีใหม่ ที่ไหลไปกับเวลา หลายคนบอกว่าเซอร์ไพส์ ๆๆๆๆ กี้เขียนเรื่องสั้นได้ดีจริง ๆ ขอบอก
6 มกราคม 2549 17:11 น. - comment id 88880
อ่านง่ายและมีความลึกซึ้งในตัว ต้องบอกว่านี่ล่ะครับงานศิลป์ที่เสพได้
8 มกราคม 2549 20:34 น. - comment id 88917
เปิดเรื่องนี้มาแล้วหนหนึ่งหากแต่ไม่มีเวลาอ่านพอให้ละเอียด.. วันนี้กลับมาค่อยๆอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ อยากบอก..ว่าชอบเรื่องสั้นเรื่องนี้มาก.. เห็นด้วยกับคุณร้อยฝัน กีกี้เขียนเรื่องสั้นได้ดีจริงๆ (แฮะ)
9 มกราคม 2549 10:27 น. - comment id 88933
ขอบคุณสำหรับคำชม .. กีกี้เป็นปลื้ม .. .. แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นเกิดได้เพราะทุกสิ่งที่ได้รับ .. ทั้งจากมิตร .. ธรรมชาติ .. ความหนาวเหน็บ .. ดวงดาวพราวฟ้า .. ความมืดมิด .. ความไม่สะดวกสบาย .. ไก่ปิ้งไหม้ๆ .. หมูย่างไม่ค่อยสุก .. น้ำดื่มที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ .. การไม่ได้อาบน้ำ .. (อ้อ แต่ได้แปรงฟันนะ) .. ห้องสุขาเคลื่อนที่ .. ฯลฯ .. ทั้งหมดนั่นก่อให้เกิดความรู้สึกดีดี .. ขอบคุณคุณร้อยฝัน .. คุณ Jintalohitt .. คุณ judas .. ที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของคนช่างฝันอย่างกีกี้เด้อค่ะ .. อ่ะ .. มีของที่ระลึกมอบให้ .. .. ดอกไม้จากราวป่า ..
10 มกราคม 2549 20:04 น. - comment id 88949
เคยได้สัมผัสกับชีวิตแบบนี้เหมือนกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานก็ตาม