ขอเพียงแค่ย้อนเวลากลับไปรักกัน
เหมือนดังเดิม
น้ำตาหมอก
14 กุมภาพันธ์ 2543
ถึง กฤษ ผู้ที่ทำให้เลือดทุกหยดในร่างกายของฉันเป็นสีชมพูและมีกลิ่นหอมเหมือนกลีบกุหลาบขาวทุกกลีบที่บานเต็มที่รับแรกอรุณ
กฤษคะ สายเกินไปหรือเปล่าคะที่อิมจะบอกกฤษว่า อิมรักกฤษเหลือเกิน รักจนไม่อยากจะจากกฤษไปไหนอีกแล้ว จิตใจของอิมวนเวียนอยู่ในห้วงความรักที่กฤษสร้างขึ้นมาด้วยความหวังดีอย่างที่สุดให้อิม เสียงของกฤษอ่อนโยนราวสายลมแผ่วเบายามกระซิบอยู่ข้างหูของอิมว่าให้อิมมีความกล้ามากขึ้น กล้าเปิดรับความรู้สึกของคนอื่นบ้างไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดีหรือไม่ดี กฤษบอกให้อิมทำใจเป็นประหนึ่งสำลี อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายเหมือนของเหลว พร้อมที่จะยอมรับและกล้าที่จะซึมซับ ดูดซับทุกสิ่งทุกอย่างไม่เลือกว่าจะเป็นน้ำดีหรือน้ำเสีย เพื่ออิมจะได้เรียนรู้และรู้จักคนอื่นนอกเหนือไปจากตัวเอง โดยเฉพาะความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก กฤษให้อิมมีความกล้ามากกว่าความกล้าอย่างอื่นหลายเท่า
กฤษบอกว่าจริงอยู่ความรักไม่ใช่วัตถุที่สามารถใช้ปลายนิ้วเรียวของอิมสัมผัสแผ่วไล้พื้นผิวหาเหลี่ยมมุมสังเกตว่าวัตถุนั้นมีลักษณะเช่นใด แต่ไม่ยากที่จะเลื่อนหัวใจมาไว้ที่ปลายนิ้วแล้วลองหลับตานิ่งๆ เลื่อนปลายนิ้วขึ้นช้า ๆ รับสัมผัสความรักอันอ่อนโยนที่ปลดปล่อยออกมาจากหัวใจอีกดวงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังดี ความรู้สึกนั้นจะกระจายจากปลายนิ้วแผ่ซ่านไปทั่วร่างแม้กระทั่งปลายเส้นผมทุกเส้น ความรู้สึกนี้คงไม่ได้ทำให้อิมล่องลอยอย่างไร้ความหมาย แต่จะทำให้อิมรู้สึกว่ายังมีใครอีกคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างอยู่ใกล้ ๆ อิม เอื้อนเอ่ยถ้อยคำอ่อนหวานเป็นกำลังใจให้ สองแขนจะคอยประคองยามที่อิมล้มลงบนเส้นทางอันโหดร้ายเต็มไปด้วยปัญหาสารพัน ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอ คือ สิ่งที่มาคั่นกั้นกลางระหว่างปลายนิ้วกับความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก สิ่งนั้น ๆ เป็นสิ่งที่มนุษย์เรียกนิยามกันว่า ความกลัว
ความกลัวทำให้อิมพลาดสิ่งงดงามในชีวิต กฤษบอกกับอิมว่าอย่างแรกเลยเวลาที่เราเกิดความกลัวขึ้นมาในจิตใจ ความกลัวจะทอนความกล้าลงเรื่อย ๆ เหมือนสนิมที่เกาะกินใบมีดจนมีดนั้นขาดความปลาบคม วาววาม ถ้าเปรียบเทียบกับใจก็คงไร้เรี่ยวแรงจะไปรับรู้ความรักของใครได้อีก...อิมจำที่กฤษพูดได้ว่าขึ้นอยู่กับอิมเอง ที่จะเลื่อนปลายนิ้วไปข้างหน้าเพียงนิดเดียวก็สามารถทลายความกลัวลงไปได้ แล้วจะได้พบโลกใหม่ที่อิมไม่เคยเห็น กฤษจึงพูดอยู่เสมอว่า เราต้องกล้าหาญอย่างมากกว่าจะได้ความกล้าหาญมา
กฤษเคยบอกให้อิมสังเกตคนที่เป็นกวีทั้งหลาย คนประเภทนี้มีหัวใจอยู่ที่ปลายนิ้ว ถ่ายทอดจรดลงสู่ปลายปากกา ความรู้สึกที่หลั่งไหลโลดแล่นไปตามเส้นบรรทัดบนแผ่นกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าเป็นความรู้สึกที่ซื่อตรง บริสุทธิ์ ไม่เคยทรยศต่อความรู้สึกของตัวเอง...พูดถึงกวีหรือบทกวีทีไรก็ให้คิดถึงกฤษขึ้นมามากมาย กฤษชอบแต่งกลอนให้อิมอ่านแต่ชอบแต่งกลอนไม่จบ กฤษมักจะทิ้งวรรคสุดท้ายของกลอนแล้วบอกให้อิมแต่งต่อในวรรคต้น ๆ เช่น กฤษเคยแต่งวรรคสุดท้ายว่า คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน อิมแต่งสามวรรคแรกไม่ได้
กฤษบอกว่านั่นแหละความรักของกฤษเดินไปถึงปลายทางแล้วไปรอความรักของอิมที่กำลังเดินทางตามหา มาหามาพบกัน เราอาจจะเอาจุดปลายทางเป็นจุดเริ่มต้นในการพบปะ พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ณ จุดนั้นปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสรเสรี ให้โลกทั้งโลกหยุดหมุน ให้ความรักนั่งกอดเข่าหันหน้าเข้าหากันคุยกันด้วยความเงียบด้วยภาษาที่ยังไม่มีมนุษย์คนไหนบัญญัติขึ้น ความคิดบางความคิด บทกวีหลายบทของกฤษซับซ้อนลึกซึ้งเกินกว่าที่อิมจะเข้าใจหรือเป็นเพราะว่าอิมไม่พยายามจะเข้าใจก็ไม่รู้ อิมบอกให้กฤษเขียนอะไรที่เข้าใจง่าย ๆ กฤษก็ถามว่าเขียนไฮกุของญี่ปุ่นดีไหม อิมก็บอกว่ายังลึกซึ้งเกินไป กฤษเลยเขียนกลอนเปล่าให้อิมอ่าน....
...ความดีแต่งงานกับความปรารถนาดีออกลูกเป็นความรัก
ความรักนั่งอยู่บนบัลลังก์หัวเราะร่าเริงเสียงใสราวระฆังแก้ว
ร่าเริงไปทั้งโลก ครอบคลุมทุกทางช้างเผือก ทุกจักรวาล
ทะเลทุกหยดเป็นรสหวาน ระเหยเป็นไอเกาะกลุ่มกันเป็นเมฆรูปหัวใจ
ตกลงมาใบไม้ก็กลายเป็นสีชมพู ต้นไม้แก้มแดงเขินอายเวลาบอกรักกัน
ดินกับรากไม้ ต้นหญ้านอนหลับใหล อบอุ่น เพราะมีผ้าห่มความรักห่มให้นอน
ความรักร้องเพลงความรักกล่อมให้หลับฝันดี
ความรักเป็นหนุ่มสาวตลอดเวลา เส้นผมไม่เคยขาว สายตาไม่เคยฝ้าฟางมองเห็นสิ่งต่าง ๆ คมชัดเสมอมา
แข้งขาของความรักไม่เคยอ่อนล้าในการที่จะพาเราไปค้นหาความหมายดี ๆ จากใครคนหนึ่งเสมอ
ดูแลความรักให้ดีแล้วความรักจะดูแลเราเอง จะไม่เหงาไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป...หากมีความรักเป็นเพื่อน
แม้เวลาอิมนอนหลับความรักของกฤษจะเริงระบำบนเปลือกตา แม้นอนหลับดวงตาอิมก็สามารถพบสิ่งงดงาม
บทกวีของกฤษบางทีก็หวานกว่าหวาน บางทีก็เศร้ากว่าเศร้า ถ้อยคำที่กฤษใช้งดงามราวนายช่างผู้ชำนาญกำลังสลักหินอ่อนอย่างประรีตบรรจง กฤษเคยเชยคางอิมขึ้นอย่างนุ่มนวล แววตาสองคู่ประสบประสานกันนิ่งนาน ทุกครั้งที่สบตากฤษอิมตึความหมายไม่ออกสำหรับสิ่งที่ปรากฏ ฉายแววบริสุทธิ์สดใสเหมือนอาทิตย์อุทัยเมื่อฟ้าสาง แววตากฤษบอกความมั่นคง จริงใจ ซื่อสัตย์ จนบางครั้งเป็นอิมเองที่ต้องเป็นฝ่ายถอนสายตาทิ้งเพราะเกรงกลัวว่าความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่กฤษส่งผ่านแววตาคู่นั้นจะแผ่ซึมซ่านลงสู่หัวใจดวงน้อย ๆ ของอิม
อิมกลัวอารมณ์ของตัวเอง กลัวความประหม่า กลัวความอ่อนไหว กลัวความรักที่มักเริ่มต้นอย่างงดงามแต่กลับลงเอยด้วยความไม่เข้าใจ.....กฤษคะอิมสับสน อิมอยากจะรักใครสักคน อยากมีความสุขโดยมีคนที่อิมอยู่ข้าง ๆ คอยปลอบประโลมให้กำลังใจที่บางครั้งเปราะบางอย่างแก้ว บอบช้ำเหนื่อยล้าเกินแก้ไขเยียวยา ต้องอาศัยความรักอันเสมอเหมือนโอสถวิเศษสามารถสมานรอยแผลของความรู้สึกที่บาดลึกอันเกิดจากความโดดเดี่ยวเดียวดาย ความว้าเหว่ให้หายขาดราวปลิดทิ้งได้
บางทีหัวใจอิมเหมือนนักเดินทางผู้แสวงโชคที่อ่อนล้าเต็มทน ทั้งกำลังกายกำลังใจเหี่ยวแห้งกรอบแกรบเหมือนใบไม้สีน้ำตาลหม่นที่หมดอายุขัยร่วงคว้างลงสู่โคนต้น นักเดินทางที่กลัวจะเห็นจุดหมายปลายทาง น่าหัวเราะไหมคะกฤษ กลัวว่าปลายทางจะมีสิ่งที่ไม่น่ารัก น่าเกลียด ความทุกข์รอเราอยู่ อิมไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้เลย อิมอยากเห็นเพียงแค่ความรักที่เป็นสีชมพูขลิบทองบนลายปีกผีเสื้อสองตัวที่กระพือสัพยอกหยอกล้อช้าๆ ขึ้นสู่ฟ้ากว้างในวันที่ฟ้าโปร่งแดดทอแสงใสในต้นฤดูหนาว....หัวใจอิมจึงเหมือนนักเดินทางขี้ขลาดเสแสร้งแกล้งเดินให้วกเวียนหลงทางเล่นทั้งทั้งที่เส้นทางนั้นอาจทอดตรงตลอดแม้จะมีอุปสรรคก็พอฝ่าฟันให้ผ่านพ้นไปด้วยดี แต่อิมทำเหมือนเส้นทางนั้นทอดยาวคดเคี้ยวสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยปัญหาสารพันยากแม้กระทั่งความฝันก็ไม่อาจฝ่าเข้าไปถึง เข่าทั้งสองข้างของนักเดินทางจึงคู้ลงแทบพังพาบราบลงกับพื้น น้ำตาท่วมนองหัวใจทั้งดวง ความรู้สึกที่ถูกความทุกข์กัดกินทรมานใจของอิมมาเนิ่นนานนับปี...
อิมฉลาดทุกเรื่องนะแต่กลับมาโง่เรื่องความรัก กฤษไม่โทษอิมเลยคนเราทำอะไรโง่ ๆ เพื่อความรักได้ทั้งนั้น ถ้ากฤษเป็นนกกฤษขอบินออกจากกรงไปเผชิญความทุกข์ยากอย่างมีอิสรภาพดีกว่านอนเสวยสุขแต่เป็นทาสภายในกรงคับแคบ ขอให้อิมตั้งความคิดเสียใหม่นะครับว่า คนเราจะคิดคำนึงถึงความฝันความสุขส่วนเดียวที่ได้จากความรักไม่ได้ ต้องทำเหมือนว่าเวลาอิมมีความทุกข์ที่จะรักใครสักคนให้ถือว่าความทุกข์นั้นเป็นกัลยาณมิตรของเรา เราก็พยายามปรับตัว หยอกล้อเล่นหัวเข้ากับความทุกข์นั้นให้ได้ ความสุขทำให้เราสดชื่นแต่ความทุกข์จะทำให้เรารู้จักความสดชื่นและความสุขมากขึ้น
บางครั้งนะ...อิมความรักก็เหมือนกับสวนดอกไม้ซึ่งเราต้องใช้น้ำตาแห่งความโศกเศร้ารดดอกไม้ในสวนนั้นบ้าง เพราะต้นไม้เองก็ย่อมต้องการสารอาหารที่หลากหลายเพื่อความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ หยั่งรากยึดแน่นกับผืนดิน ผลิดอกออกช่อหลากสีงดงามตระการตาแก่ผู้พบเห็น ถ้าต้นไม้นั้นได้รับเพียงแค่ความรื่นรมย์จากสารอาหารดี ๆ อากาศบริสุทธิ์โดยไม่เคยรับสารเคมี ไม่เคยถูกพายุใหญ่แผ้วพาน ดอกไม้ดอกนั้นจะรู้จักการยืนหยัดท้าทายอุปสรรคโหดร้ายที่เข้ามารุมล้อมอยู่ได้อย่างไรคับอิม
อิมครับอย่าอับอายยามน้ำตาแห่งความทุกข์จากการมีความรักไหลพรากออกมามากมาย นั่นเป็นเพราะอิมยังความรู้สึกห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่น ยังมีความกังวลอยู่ในส่วนลึกว่าจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของหัวใจอีกดวงที่มาห่วงหาอิมให้พังทลายลงไม่มีชิ้นดี หัวใจอิมไม่ได้เป็นก้อนเนื้อที่ตายแล้ว แต่กลับเป็นหัวใจที่มีชีวิตชีวา สดใส พร้อมจะยอมรับคุณค่าของความรัก ความอ่อนโยนอย่างมหาศาล
อิมครับลองกำมือดูสิครับหัวใจอิมก็เท่ากำปั้นเพียงเท่านี้ แต่ข้างในนั้นมีความมหัศจรรย์อย่างที่อิมเองก็ไม่เคยได้ค้นพบ หัวใจที่เราเห็นว่าดวงน้อย ๆ นี้ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้เรารู้ว่าเรายังมีชีวิต แต่มันสามารถสูบฉีดโลหิตแห่งความฝัน ความอบอุ่น เป็นเลือดที่มีความหมายแห่งชีวิตแบกรับได้ทั้งความรัก ความผิดหวังและอารมณ์อื่นอีกมากมาย อารมณ์เหล่านี้บางอารมณ์ก็มีน้ำหนักราวจะกดขยี้หัวใจให้บี้แบนเป็นผงคลี บางอารมณ์ก็มีน้ำหนักในการชูใจให้ฟูพองราวจะล่องลอยไปอย่างมีความสุข...สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าเรายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ หัวใจจึงมีความสามารถเรียนรู้สิ่งที่มันควรจะเรียนรู้ เพื่อพัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดของความมีความปรารถนาดีโดยไม่หวังสิ่งใดใดต่อคนที่เรารักสุดหัวใจ
กฤษคะอิมยังจำถ้อยคำของกฤษได้ทุกคำ ใครจะรู้ว่าผู้ชายบุคลิกเงียบขรึมอย่างกฤษจะมีความรู้สึกอบอุ่นได้เพียงนี้ กฤษเคยพูดถึงสุภาษิตญี่ปุ่นบทหนึ่งที่ว่าคำพูดที่อ่อนโยนเพียงหนึ่งคำ สามารถให้ความอบอุ่นได้ตลอดสามเดือนในฤดูหนาว คำพูดของกฤษเป็นล้านคำ แต่ละคำอบอุ่นราวแสงแดดอ่อนได้ฟังทีไรหัวใจอิมมีเรี่ยวแรงทุกที อิมเคยถามกฤษว่าความรักคืออะไร กฤษกลับเงียบเฉย นิ่งงันไปนานสองนาน สายตาทอดต่ำ ระบายยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก กฤษพูดแค่วลีสั้น ๆ ว่า
เมื่อไรก็ตามที่อิมคิดถึงคนอื่นก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง เมื่อนั้นอิมจะรู้จักความรักที่แท้จริง ทั้งๆที่กฤษพูดถ้อยคำธรรมดาทำไมเสียงของกฤษอ่อนโยนอย่างนี้ ทำอย่างไรตัวอักษรของอิมจะงดงามและมีพลังเหมือนตัวอักษรของกฤษ แม้จะเด็ดดอกไม้ทุกสายพันธุ์บนโลกใบนี้มารายเรียงเทียบเคียงกับคำพูดของกฤษก็คงไม่งามเท่า ตั้งแต่อิมรู้จักกับกฤษมากฤษเคยบอกคำว่า คิดถึง ให้อิมฟังเพียงครั้งเดียวแต่อิมยังจดจำได้ทุกถ้อยคำไม่ลืมเลือนเลย....
สายฝนรุ่งเช้าเพิ่งซาเม็ดลงไป วันใหม่กำลังจะมา อาทิตย์สีส้มทองค่อย ๆ ลอยขึ้นจากชายฟ้างดงามราวภาพวาดของจิตรกรเอก เวลาค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ แกนโลกหมุนช้าลง ดอกไม้ก็ค่อย ๆ บาน กว่าเจ็ดสีของรุ้งกินน้ำจะพาดผ่านจากยอดเขาลูกหนึ่งไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่งนานเสียจนนาฬิกาเองก็บอกไม่ได้ แมลงกระพือปีกช้าเสียจนดูเหมือนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
อิมครับอิมมองเห็นอาณาจักรความรักของกฤษไหมครับ มองเข้ามาในส่วนลึกของแววตากฤษสิครับ ในนั้นเป็นโลกอีกโลกของอิมที่กฤษสร้างขึ้นมาให้อิมโดยเฉพาะ มีดอกไม้ที่อิมชอบ มีเมฆที่เวลาอิมมองจะส่งยิ้มลงมาให้ทุกครั้ง มีแผ่นน้ำที่นิ่งสนิทและมีแมลงปอบินเล่นร่าเริงบนผิวน้ำ มีท่วงทำนองเพลงอันอ่อนหวานที่สุดยามเกสรดอกไม้ร่วงพรูลงสู่ดิน กฤษอยากจะนอนหนุนตักอิมอย่างนี้ไปตลอดจัง
อิม...ถ้าสมมติว่าพรุ่งนี้กฤษหมดลมหายใจ วันนี้ ตอนนี้ อิมจะรักกฤษบ้างไหมหรือจะรอให้ถึงลมหายใจหยดสุดท้ายของกฤษพรากออกจากร่าง อิมถึงจะยอมรับรักกฤษ อิมใจดำมากเลยนะ งานที่รีบเร่งในชีวิตของอิมทำให้อิมสูญเสียความดีงามในชีวิตไปหมด อิมอย่าให้งานมาทำให้หัวใจของอิมถูกปิดบัง ด้านชา เฉยเสียจนไม่รับรู้ความรู้สึกที่คนอื่นมอบให้ กฤษสร้างโลกขึ้นใหม่ให้ทุกอย่างดำเนินตัวเองไปอย่างช้าลง เราจะได้คุยกันมากขึ้น กฤษรักอิมมากจนไม่สามารถเสกสรรถ้อยคำใดมาเอ่ยได้ดั่งใจแล้ว แต่กฤษไม่เคยคิดครอบครองอิมเลย กฤษไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเรารักใครสักคนแล้วไม่ได้รับความรักตอบแทนกลับมากับการที่ทั้งชีวิตของเราไม่มีโอกาสได้รักใครเลยหรือรักใครแล้วไม่กล้าที่จะบอกความในใจออกไป อย่างไหนจะเป็นทุกข์มากกว่ากัน แต่อิมเชื่อไหมว่าไม่ว่าความทุกข์แบบไหนก็ตามล้วนแต่กัดกินหัวใจของกฤษแทบดับดิ้น ถ้าอิมปฏิเสธกฤษความทุกข์ก็จะเริ่มกัดกินจากภายนอกดวงใจเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงแกนกลาง แต่ถ้ากฤษไม่ได้อิมบอกว่ากฤษรักอิมความทุกข์ก็จะเริ่มกัดกินออกมาจากภายในดวงใจจนหมดสิ้นถึงภายนอก ทั้งสองอย่างล้วนรวดร้าวปานกัน
อิมจำได้ไหมตอนที่กฤษโทรศัพท์ไปหาเพียงแค่บอกว่าคิดถึง อยากได้ยินเสียงอิม อิมก็แค่แสดงอาการรับรู้เพียงทำเสียงอออืออยู่ในลำคอ อิมรู้ไหมคนที่อยู่ปลายสายถือกระบอกโทรศัพท์น้ำตาซึม ความน้อยใจแล่นออกมาจากกลางดวงใจแล่นไล่ขึ้นมาถึงลำคอตีบตันจนพูดอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกเลยที่กฤษได้สัมผัสกับความน้อยใจ รสชาติของมันขมกว่าความขมขื่นนับล้านเท่าก่อนจะแปรไปเป็นความโศกเศร้านับประมาณไม่ถ้วน โศกจนความโศกนั้นไม่สามารถจะกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตา มันระอุเป็นความรู้สึกอัดอั้นรุนแรงอยู่ในดวงใจเหมือนกับว่าตัวกฤษจะตายด้วยความรู้สึกนั้นลงไปได้ทุกวินาที กฤษแปลกใจที่กฤษยังมีลมหายใจ ยังยืนอยู่ได้แต่กฤษรู้ตัวว่ากฤษสูญเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่มอบหัวใจให้อิม มอบไปแล้วแทนที่อิมจะดูแลทะนุถนอมด้วยความรัก ความเอาใจใส่ อิมกลับเอาความรู้สึกเย็นชาแทนคมมีดมากรีดให้หัวใจกฤษแยกออกเป็นริ้ว ๆ อิมรู้จักนิทเช่ไหมครับ เขาบอกว่า
When a man is in love he endures more than at other times ; he submits to everything
เมื่อคนเรามีความรัก เขาอดทนได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ เขายอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
กฤษอดทนทนรออิมมาตลอดครับและจะรอต่อไป รอว่าเมื่อไหร่อิมจะรักกฤษ ยอมจำนนต่อทุกสิ่งทุกอย่างแม้หัวใจของกฤษจะขาดออกเป็นริ้ว ๆ ลมหายใจจะขาดเป็นช่วง ๆ จำนนแม้กระทั่งความตาย แม้ความตายที่เกิดจากความรักที่กฤษมีให้อิมกฤษก็พร้อมที่จะให้ความตายนั้นมาพรากเอาชีวิตของกฤษ กฤษไม่ใช่คนที่ดีที่สุดสำหรับอิม แต่ขอให้อิมรู้ไว้ว่ากฤษเป็นคนที่รักอิมที่สุด อิมเป็นผู้หญิงที่กฤษโหยหาถึงที่สุด อิมลองเลื่อนปลายนิ้วมาไว้ที่ปลายจมูกของกฤษแล้วอิมจะรู้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกเป็นของอิมหมดแล้ว ถ้าอิมไม่รักกฤษมันอาจจะขาดหายไปเสียตั้งแต่วินาทีนี้ แต่ก็ดีที่จะได้ขาดใจตายบนตักอิม ตอนที่ได้สารภาพกับอิมว่ากฤษรักอิม คิดถึง อิมมากแค่ไหน ตอนที่ความรักโอบล้อมหลอมละลายรวมกับหัวใจของกฤษจนเป็นเนื้อเดียวกัน
อิมเคยมีความรู้สึกอย่างนี้ไหมครับตอนที่เราได้รับความสมหวังที่กระจ่างสดใสหล่อเลี้ยงหัวใจของเราอยู่แล้วสลับกับความผิดหวังเป็นครั้งคราวซึ่งเป็นความรู้สึกที่หดหู่ที่สุดแต่ตอนนี้ความรู้สึกของกฤษมีแค่ความผิดหวังไม่มีการสลับเหมือนแต่ก่อนใจของกฤษเลยมืดมัวเหมือนจันทร์ที่โดนเมฆบดบังจนไม่มีโอกาสได้เปล่งแสงนวล มันเป็นจริงอย่างที่กฤษเอาไว้เสียจริงว่าถ้าอิมตอบรับรักของกฤษ กฤษจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก แต่ถ้าอิมปฏิเสธกฤษจะกลายเป็นคนที่แบกรับความทุกข์ไว้มากที่สุดในโลกเช่นกัน
อิมครับ...เมื่อถึงเวลานั้นนะจะไม่มีนักแต่งเพลงคนใดในโลกใช้ภาษาแต่งเพลงพรรณนาความโศกเศร้าของกฤษได้ถูกเลย มันจะเป็นความโศกเศร้าแสนสาหัสที่จมอยู่ในห้วงความสุขทีกฤษมีโอกาสได้รักอิม มอบความรู้สึกดี ๆ ทั้งหมดให้อิม เป็นความสุขที่ซุกซ่อนอยู่ในความโศก กฤษเรียนรู้ความรักจากอิมไม่ได้เรียนรู้คำว่ารักจากพจนานุกรมหรือหนังสือเล่มไหน ๆ จึงได้รับรู้ว่าความรักมีเรี่ยวแรงมหาศาลเป็นแรงดึงดูดแรงโหยหา ถวิลถึง ที่ทำให้คนสองคนแม้อยู่ห่างไกลแค่ไหนกลับมาพบกัน ได้มาพูดจาภาษาดอกไม้กัน ได้รักกันจนหมดหัวใจเหมือนที่กฤษรักอิมและพร้อมที่จะแบ่งปันความรักให้คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างเพื่อให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าความรักงดงามอย่างไร.....
....................
..........
.....
ลมหนาวพัดมาแล้วค่ะกฤษมาพร้อม ๆ กับวาเลนไทน์อีกหนึ่งปี ละอองของความรักปลิวปรายมาตามสายลมตกต้องสัมผัสเนื้ออิมทีไรให้ไหวหวั่นสั่นสะท้านเหมือนเมื่อยามที่กฤษอยู่เคียงข้างอิมทุกครั้ง สายลมนี้คงจะเป็นสายลมแห่งความหวังดีของกฤษเพราะนุ่มนวลราวมือของกฤษที่ป้องประคองใช้ปลายนิ้วสัมผัสแก้มของ อิมอย่างแผ่วเบา ผ่านไปอีกหนึ่งปีแล้ว ดอกกุหลาบขาว ดอกไม้ที่กฤษบอกว่ามีกลิ่นเหมือนแก้มอิม อ่อนโยน และบริสุทธิ์ อิมเอาดอกไม้ที่กฤษชอบมาให้มาบอกว่าอิมรักกฤษแค่ไหนและอิมคัดคำพูดของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่กฤษชอบโทรศัพท์มาอ่านให้อิมฟังแทบทุกคืน
Love is that condition in which the happiness of another person is essential to your own
Robert A. Heinlein
ความรัก คือสภาพที่ความสุขของคนอื่นเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับความสุขของตัวคุณเอง
ทุกวันนี้ทุก ๆ ค่ำคืนอิมนอนซบหน้าลงกับหมอน หยาดน้ำตากลิ้งพราวจากหางตาค่อย ๆ หยาดซึมเป็นดอกดวงเข้าไปในเนื้อหมอน เหมือนทุก ๆ ครั้งเวลาที่อิมร้องไห้กฤษจะใช้มือป้ายน้ำตาของอิมแล้วบอกว่าอย่าร้องไห้ ถ้ากฤษร้องไห้อิมไม่จำเป็นจะต้องมาซับน้ำตาให้กฤษ แต่ถ้าอิมร้องไห้กฤษพร้อมที่จะซับน้ำตาให้อิมเสมอ ไหล่ของกฤษมีไว้ให้อิมซบ อกกว้างของกฤษก็พร้อมที่จะให้อิมระบายความเศร้าหมองร้องไห้เท่าที่อิมอยากจะร้อง ระบายความเศร้าโศกของอิมออกมา....กฤษจะเป็นคนรับมันเอาไว้ทั้งหมด แล้วอิมจงเป็นคนใหม่ คนที่สดใส ร่าเริง กล้าหาญ แววตาฉ่ำพิสุทธิ์มีความสุขพร้อมที่จะแบ่งปันความรักให้คนทั้งโลก
...กฤษคะ สายเกินไปหรือเปล่าคะที่อิมจะบอกกฤษว่า อิมรักกฤษเหลือเกิน รักจนไม่อยากจะจากกฤษไปไหนอีกแล้ว จิตใจของอิมวนเวียนอยู่ในห้วงความรักที่กฤษสร้างขึ้นมาด้วยความหวังดีอย่างที่สุดให้อิม...
รักและคิดถึงกฤษที่สุด
อิม ผู้หญิงคนที่ขออยู่ในใจกฤษตลอดไป
สายลมวูบไหวแผ่วเบาเหนือหลุมศพ หญิงสาวนั่งลงช้า ๆ สะอื้นออกมาเบา ๆ ด้วยภาษาที่ทุกคนไม่อาจเข้าใจ