เยือน "ภูหลวง" บุกป่าค้นหา "น้ำตกตาดเลย"

แสงไร้เงา

เสียงเครื่องยนต์ 2800 ซีซี คำรามก้องเมื่อกระบะสีขาวพยายามไต่ขึ้นเนินชันเบื้องหน้า...				
เส้นทางที่ผ่านมาไม่อยากเรียกว่า ถนน เพราะทั้งลื่นชันและแคบ บางช่วงมีร่องน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำฝนกัดเซาะขวางหน้า บ่อยครั้งที่ต้องวิ่งเลียบขอบถนนด้านขวามือจนหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเบื้องล่างเป็นเหวลึก นี่ไม่นับกับทะเลโคลนที่เคลือบผิวถนนหนาเกินกว่าหนึ่งฟุตในบางช่วง
และที่แย่ที่สุดในตอนนี้ก็คือเรากำลังเจอกับเส้นทางที่ว่ามาทั้งหมดพร้อมกันข้างหน้า...
และกำลังทั้งหมดที่ถูกถ่ายลงไปสู่ล้อทั้งสี่กำลังพาส้มภาระและผู้โดยสารกว่า 10 ชีวิตโขยกเขยกขึ้นไปบนเส้นทางวิบากอย่างช้าๆ รถมีอาการท้ายสะบัดไปมาอย่างรุนแรงหลายครั้งก่อนที่จะหยุดนิ่ง แต่เครื่องยนต์ยังส่งเสียงดังสนั่นอยู่ ผมชะโงกมองไปที่ล้อหลังพบว่ามันกำลังหมุนอยู่บนดินโคลนเหลวๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า...
หลายครั้งที่เราต้องถอยหลังลงจากเนินชันเพื่อมาตั้งหลักกันใหม่ นี่ถ้าเป็นตอนหน้าฝนไม่มีทางขึ้นมาได้หรอก คราวก่อนรถโฟว์วีลรุ่นใหม่ล่าสุดยังเพลาขาดล้อหลุดอยู่ตรงนี้เลย
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้คุ้นเคยกับเส้นทางและพาหนะคันนี้เล่า พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือให้ดูเมื่อเราผ่านเส้นทางนั้นมาได้
ระยะเวลาที่ออกแรงยื้อยุดฉุดตัวเองกับแรงเหวี่ยงบนกระบะท้ายรถช่างยาวนานเหลือเกินเมื่อเทียบกับระยะทางเพียง 8 กิโลเมตรจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง มายัง หน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกระบา ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบยอดตัดอันกว้างใหญ่ของภูหลวง
เมฆชื้นทิ้งเม็ดผ่านโปรยปรายทันทีที่เราหยุดรถหน้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกกระบา
ด้วยสภาพอากาศที่ชุ่มชื้นและหนาวเย็นเช่นนี้ตลอดทั้งปี ทำให้ผืนป่าภูหลวงมีความหลากหลายของพืชพรรณแตกต่างกันไปตามระดับความสูงของพื้นที่ เฉพาะแค่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกกระบาที่เดียวพบกล้วยไม้ป่ามากกว่า 160 ชนิด และบางชนิดก็ยังสำรวจพบได้ที่นี่เป็นครั้งแรก
วงสนทนาระหว่างมื้อกลางวันทำให้ทราบว่าหัวหน้าเขตฯ คุณสิริศักดิ์ อินทราลักษณ์ เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่เดือน ซ้ำยังเป็นช่วงฤดูฝนทำให้ไม่มีโอกาสไปสำรวจป่าในพื้นที่การดูแลเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังต้องเร่งปรับปรุงพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการท่องเที่ยวภูหลวงในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
ในปีนี้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงได้ขอพื้นที่คืนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย เพื่อจัดการระเบียบการท่องเที่ยวในพื้นที่บริเวณภูหลวงเชียงใหม่ ด้วยการควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับความสามารถในการรองรับของพื้นที่โดยไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเหมือนกับที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหา
ผมหันไปมองที่ภาพแสดงอาณาเขตพื้นที่ของภูหลวงทางขวามือ ข้อมูลในนั้นบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หัวหน้าเขตฯหันมาอธิบายเสริมในข้อสงสัยว่าพื้นที่สีเขียวที่ปรากฏในภาพก็คือพื้นที่ที่ยังเป็นป่าอยู่ ส่วนที่เห็นเป็นสีแดงนั้นคือพื้นที่ป่าที่ถูกชาวบ้านเข้ามาบุกรุกเข้าทำกิน
ดูด้วยตายอย่างคร่าวๆ ผมรู้สึกว่าพื้นที่สีแดงมีขนาดไม่น้อยไปกว่าสีเขียวสักเท่าไหร่นัก?
ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและปากท้องของชาวบ้านกับพื้นที่ป่าไม้ที่ต้องอนุรักษ์ เป็นปัญหาที่น่าหนักใจของผู้ที่มีหน้าที่ปกปักรักษาป่าไม้ และดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาระดับชาติที่ยังหาทางออกไม่ได้ในทุกรัฐบาล
ไม่ว่าเราจะมองในด้านของความถูกต้องและชอบธรรมของกฎหมายของรัฐ หรือมุมมองชาวบ้านจนๆ ที่ต้องการเพียงอาหารหนึ่งมือเพื่อต่อชีวิตในฐานะประชาชนคนหนึ่งของประเทศ
ทั้งสองด้านก็ล้วนแต่มีความสำคัญ ไม่มากหรือน้อยไปกว่ากัน...มิใช่หรือ?
เส้นทางเดินเท้าไป ผาเตลิ่น (อ่านว่า ผา-ตะ-เหลิ่น) ลื่นและเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งซาเม็ด
ถนนลูกรังมาหยุดที่ชายป่าละเมาะใกล้กับสถานีทวนสัญญานโทรทัศน์อันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทางเดินเท้าแคบๆ ถูกน้ำเซาะเป็นร่องมองเห็นพื้นทรายสีขาวชัดเจนแสดงให้เห็นว่าพื้นที่แถบนี้ในอดีตเคยเป็นทะเลมาก่อน
ทางเดินเท้าลัดเลาะผ่านเข้าไปในดงไม้ที่มีต้นสนขึ้นอยู่กระจัดกระจาย สลับกับไม้พุ่มและไม้ล้มลุกหลายชนิด ตามลำต้นของต้นไม้ระหว่างทางเต็มไปด้วยมอสและตะไคร่น้ำจับอยู่อย่างหนาแน่นแสดงให้เห็นถึงความชุ่มชื่นของผืนป่าบนนี้ ระหว่างทางสะดุดตากับ ว่านไก่แดง ที่กำลังออกดอกสีแดงสดเกาะอยู่บนคาคบไม้สูงและ กุหลาบแดง สีสดเช่นกันแต่ขึ้นอยู่เป็นพุ่มข้างทางเดิน
ไม่นานนักเส้นทางป่าก็มาหยุดบนเนินเขามองเห็นทางเดินเล็กๆ สีขาวลัดเลาะไปบนลานกว้างที่เต็มไปด้วยไม้พุ่มสลับกับลานหินไปจนสุดเนินข้างหน้า ทางขวามือมีทางแยกไปหน้าผาเล็กๆ ที่ชื่อว่า ผาช้างผ่าน เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่นำทางบอกว่า พ้นเนินลูกที่เห็นไกลออกไปลิบๆ ก็จะถึงผาสมเด็จแล้ว เป้าหมายแรกของวันนี้เหลือระยะทางอีกไม่ไกล
เอื้องสำเภางาม ซึ่งกำลังออกดอกในฤดูกาลนี้ละลานตาไปตลอดสองข้างทาง ต่างชูช่อสูงขึ้นมาจากพื้นดินที่ชุ่มชื้นอวดเรียวดอกขาวอมชมพูระเรื่อ บ้างก็ขาวนวลเย็นตา
โน่น...ช่องามสีชมพูอ่อนหลบซ่อนเร้นความงามจากสายตาลึกเข้าไปในดงของต้นก่อดำแลเห็นสีชมพูอยู่ไหวๆ ยามเมื่อลมพัดมา เหมือนประหนึ่งสาวน้อยกำลังล้อเล่นอยู่กับสายลมหนาว ต่างจาก หญ้าข้าวก่ำ ดอกสีม่วงที่ในยามนี้กำลังเหี่ยวแห้งโรยแรงหลังยืนรับฝนมาตลอดฤดู
หยดน้ำเล็กๆ ที่เกาะค้างอยู่บนกลีบเอื้องสำเภางามสะท้อนกับแสงแดดแวววาวเมื่อมองจากเลนส์มาโคร ยังไม่ทันที่จะบันทึกภาพลมก็หอช่อดอกงามเอนลู่ไปมา กว่าที่จะหยุดนิ่งหยาดน้ำค้างที่เฝ้ามองก็หล่อนหายไปเสียแล้ว เหลือเพียงดอกสวยที่ยังคงความงามอยู่
ก่อนถึงผาสมเด็จสายลมเย็นก็พัดพาหมอกชื้นสีขาวลอยมาปกคลุมพื้นที่ให้ดูรางเลือนราวกับเมืองในฝันเพียงครู่เดียวเท่านั้นฝนก็เริ่มตั้งเค้าเสื้อกันฝนบางๆ ถูกนำมาสวมใส่ เราเดินกันไปท่ามกลางสายฝนปรอยๆ และหมอกขาว หลายคนหยุดบันทึกภาพความงามของดอกไม้ข้างทางโดยไม่ได้เกรงกลัวกับสายฝนแม้แต่น้อย
ผาสมเด็จ ยามนี้ถูกปกคลุมไปสายหมอกที่ถูกพัดลอยขึ้นมาจากหุบเขาเบื้องล่าง
นานๆ ครั้งจึงจะมองเห็นแนวเทือกเขาอันยิ่งใหญ่ของภูหลวงโผล่พ้นแนวหมอกขึ้นมาบ้าง แต่ก็เพียงชั่วขณะเท่านั้นก่อนที่จะลางเลือนลงไปในสายหมอกอีกครั้ง
ออกจากผาสมเด็จเส้นทางเดินตัดเข้าสู่ป่าทึบอีกครั้ง รอยเท้าขนาดใหญ่ที่มีน้ำขังเป็นแอ่งบอกให้รู้ว่า โขลงช้างป่า เจ้าของบ้านก็ใช้เส้นทางสายนี้เดินหากินเป็นประจำ พ้นออกจากแนวป่าก็มาพบกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตามองเห็นแนวเขาภูหลวงอยู่ลิบๆ ไกลออกไป
สายหมอกยังไม่จางหายดูเหมือนจะทวีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เดินอยู่ข้างหน้าบอกว่าถ้าท้องฟ้าปิดอย่างนี้ไปที่ผาเตลิ่นก็คงไม่เห็นอะไร ระหว่างนี้เดินไปดูรอยเท้าไดโนเสาร์เพื่อเป็นการรอเวลาหากโชคเข้าข้างเราคงเห็นผาเตลิ่นในบรรยากาศที่สดใส
อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกลขอให้โชคเข้าข้างด้วยเถอะ ผมภาวนาอยู่เงียบๆ ในใจ
นี่ไงรอยเท้าไดโนเสาร์ เจ้าหน้าที่คนเดิมชี้ให้ดูรอยเท้าหลังจากที่เราเดินลงมาตามทางลาดเกือบ 10 นาที ฝนที่ตกลงมาเมื่อครู่ทำให้รอยเท้าที่จมลงไปในพื้นหินเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ ผมจิตตนาการย้อนไปเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนบนภูหลวงคงจะมีสัตว์โลกล้านปีเดินกันขวักไขว่เหมือนอย่างในหนัง ข้อสันนิษฐานนี้น่าจะเป็นจริงเพราะไม่ไกลไปจากที่นี่เท่าใดนักก็มีการค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น				

ย้อนกลับขึ้นมาตามเส้นทางเดิมที่ชื้นแฉะก่อนเดินตัดทุ่งหญ้าออกไปทางซ้ายมือ ตอนนี้หมอกเริ่มจางลงแล้วมองเห็นแนวหินของผาเตลิ่นอยู่ไม่ไกล ผมอมยิ้มให้กับ ประดิษฐ์ ที่หันมามอง เขาเองก็คงดีใจไม่แพ้กัน
เมฆสีขาวลอยเรี่ยเป็นสายยาวเมื่อมองจากหน้าผา หมอกขาวๆ ที่ก่อตัวขึ้นจากแนวหนาทึบของต้นไม้เบื้องล่างหลังจากเก็บความชุ่มชื่นจากฝนที่ตกไว้เต็มที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาร่วมกันเป็นปุยเมฆใหญ่ ก่อนกระแสลมจะพัดลอยมากระทบกับแนวสันเขาแล้วจึงจางหายไปในอากาศที่มองไม่เห็น
ผาเตลิ่น ในความหมายของภาษาอีสานหมายถึงพื้นที่ลาดลื่น เมื่อมองจากหน้าผาลงมาจึงเข้าใจเพราะเบื้องล่างลงไปเป็นทุ่งหญ้าที่มีความลาดชันยาวไปจนถึงหน้าผา ก่อนที่จะหักตัดลงไปเป็นเหวลึก หากมองไปทางซ้ายมือก็จะพบเทือกเขาที่มีแนวโขดหินซ้อนไล่ระดับกันเป็นชั้นๆ ซึ่งเกิดจากการยกตัวของผิวโลกดินส่วนที่อ่อนจะถูกพัดลงไป คงเหลือส่วนที่เป็นหินไว้เป็นภูเขา
ทางขวามือจะเห็นเป็นแนวผายาวไล่กันไปตั้งแต่ผาสมเด็จ โคกนกกระบา โหล่นแต้ และที่ไกลสุดเห็นเป็นสีน้ำเงินจางๆ มีลักษณะเป็นภูยอดตัดก็คือ ภูกระดึงดินแดนที่นักเดินทางหลายคนใฝ่ฝันหา
อาทิตย์ลับไปในหมู่เมฆ เห็นเพียงแสงสีแดงระเรื่อยแทงขึ้นมาเป็นลำจางๆ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ลมที่พัดแรงอยู่แล้วเพิ่มความเย็นขึ้นอีกอากาศหนาวชื้นจนต้องยืนกอดอก
ฟ้ามืดสนิทพอดีเมื่อเรากลับมาถึงที่ทำการหน่วยฯ ผมผูกเปลนอนหน้าชานบ้านในขณะที่คนอื่นขอนอนในห้องใต้ผ้าห่มนวนอันแสนจะอบอุ่น
กลางดึกผมแว่วเสียงร้องของสัตว์บางชนิดก่อนลืมตาขึ้นมาพบกับท้องฟ้าที่สว่างนวลด้วยแสงจันทร์!!!
6.00 เสียงจากนาฬิกาข้อมือส่งสัญญาณปลุกตามเวลานัดหมาย
อากาศยามเช้าค่อนข้างเย็น หมอกจางๆ ลอยอ้อยอิ่งอยู่รายรอบ ไม่นานนักทุกคนก็พร้อมเดินทางในชุดที่รัดกุมกว่าเมื่อวาน เพราะตลอดวันนี้เราจะใช้เวลาทั้งหมด เพื่อเดินทางไปยัง น้ำตกตาดเลย ที่อยู่กลางป่าลึก
เราออกเดินทางกันตั้งแต่แปดโมงเช้าโดยเตรียมอาหารกลางวันเป็นข้าวห่อไปกินระหว่างทาง ข้อมูลเดียวที่เราได้รับจากเจ้าหน้าที่หน่วยฯก็คือ ระยะทางไปกลับประมาณ 16 กิโลเมตร ขาไปเป็นทางลงเขาทั้งหมด ส่วนขากลับนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าเราต้องเดินขึ้นเขาอย่างเดียวเช่นกัน
แต่ความสวยงามของน้ำตกตามคำร่ำลือของเจ้าหน้าที่นั้นก็เย้ายวนใจไม่ใช่น้อย ก่อนที่เราจะมารู้ในภายหลังว่าในปีๆ หนึ่งมีเพียงไม่กี่คณะเท่านั้นที่เดินทางไปถึงน้ำตกแห่งนี้ และที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือพวกเราก็เป็นกลุ่มแรกของปีนี้เช่นกัน!
เส้นทางช่วงแรกจะต้องผ่านเข้าไปในบริเวณลานสุริยันที่เต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดชูช่อล้อลมสะพรั่งไป ไม่ว่าจะเป็นดอกหญ้าบัวสีเหลือสดที่ขึ้นอยู่ตามพื้น ขาวตอกกฤษีสีเขียวอ่อน ฟองหินสีขาวนวล หรือแม้แต่เอื้องสำเภางามก็มีให้เห็นไปตลอดทาง
บริเวณลานสุริยันเป็นพื้นที่ที่ความหลากหลายของพืชพันธุ์มากที่สุดบนภูหลวง ดังนั้นการเดินศึกษาธรรมชาติที่นี่จึงไม่ควรเดินออกนอกเส้นทาง เพราะเราไม่อาจทราบได้เลยว่าเราได้เหยียบย่ำพรรณไม้อะไรไปบ้างเมื่อออกนอกทางเดินเท้า
เลยจาก หินรูปนกกระบา หรือ นกตบยุง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหน่วยพิทักษ์ป่าแล้ว เส้นทางก็เริ่มลาดต่ำลงไปตามหุบเขาลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ของต้นก่อดำที่ในยามนี้ออกลูกเต็มต้นบ้างก็หล่อนลงที่พื้นดูเผินๆ ก็คล้ายกับเงาะลูกเล็กๆ เมล็ดของต้นก่อนดำมีลักษณะกลมดำขนาดประมาณนิ้วก้อย เมื่อแกะเปลือกสีดำออกจะเห็นเนื้อสีขาวรสชาติเหมือนกับเมล็ดบัว
เส้นทางเริ่มดิ่งชันลงไปเรื่อยๆ บวกกับความชื้นแฉะทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ตลอดเส้นทางสายนี้เราพบร่องรอยของโขลงช้างที่ใช้เส้นทางเดียวกับเราไปตลอด บางช่วงที่ชันมากๆ มีลอยลื่นไถลของช้างให้เห็นเสมอๆ
ชันขนาดช้างยังลื่นเลย? หญิงสาวบางคนในกลุ่มพูดเมื่อเรามาหยุดบนเนินชัน เส้นทางข้างล่างมีรอยลื่นของช้างเป็นทางยาวจนผิวดินเรียบเป็นมัน เราพยายามไต่ความสูงลงมาช้าๆ แต่ไม่วายล้มลุกคลุกคลานกันไปตลอดในช่วงที่ทางลื่นมาก แม้แต่คนนำทางเองยังลื่นล้มไปต่อหน้าต่อตาผมอยู่หลายครั้ง
บางช่วงของเส้นทางมีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางอยู่ทำให้เราต้องตัดทางอ้อมใหม่ สภาพป่าเริ่มเปลี่ยนมาเป็นป่าดิบชื้นตามพื้นดินเต็มไปด้วยใบไม้เก่าเน่าเปื่อยทับถมกันอยู่หนาแน่น ยังไม่มีวี่แววว่าเราจะถึงทางราบ บางช่วงรกเรื้อจนมองหาทางเดินแทบไม่เห็นบ่อยครั้งที่ประดิษฐ์ต้องใช้มีดฟันต้นไม้เพื่อเปิดทางให้สะดวกขึ้น
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงน้ำไหลแว่วทุกคนต่างก็นึกว่าเป็นน้ำตก แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงลำธารน้ำใสที่ไหลมาจากยอดเขาแล้วลงไปรวมเป็นลำน้ำหล่อเลี้ยงผู้คนเบื้องล่าง หลายครั้งที่เราต้องเดินข้ามน้ำไปพร้อมกับความผิดหวังและเหนื่อยล้าที่เพิ่มขึ้น แต่การหยุดวักน้ำใสที่ไหลเย็นขึ้นมาล้างหน้าก็เรียกความชุ่มชื่นกลับมาได้อีกครั้ง
เกือบเที่ยงแล้วผมดูนาฬิกาแว่วเสียงน้ำตกดังก้องอยู่ไกลๆ ประดิษฐ์ชี้ให้ผมมองลอดพุ่มไม้ไปเบื้องหน้าภาพที่เห็นก็คือสายน้ำสีขาวไหลตกลงมาจากหน้าผาอันสูงชัน
น้ำตกตาดเลย สายน้ำอันยิ่งใหญ่กลางป่าภูหลวง
เส้นทางเดินลงสู่ตัวน้ำตกจากจุดที่มองเห็นสายน้ำเรียกได้ว่าชันมากกว่า 45 องศา บางช่วงต้องไต่ข้ามไปบนโขดหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำสีเขียว เรามาหยุดพักบริเวณที่ราบระหว่างธารน้ำสองสายที่ขนาบอยู่ทั้งซ้ายขวาลำน้ำทั้งสองนี้จะไหลไปรวมบริเวณปลายน้ำตกเรายังต้องไต่ความชันลงตามสายน้ำลงไปอีก
ละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วเมื่อธารน้ำสีขาวทิ้งตัวจากหน้าผาสูงกระทบโขดหิน
ผมกับประดิษฐ์มาถึงตัวน้ำตกเป็นกลุ่มแรก ส่วนที่เหลือคงจะกำลังบันทึกภาพบริเวณลำน้ำสองสายที่ผมหยุดพักเมื่อครู่ และส่วนหนึ่งก็คงกำลังสาละวนกับการไล่ถ่ายภาพปูน้ำตกที่แสนจะว่องไวอยู่ที่นั่น
เมื่อพ้นจากแนวป่าความเหนื่อยล้าตลอดระยะเวลา 4 ชั่วโมงของการเดินทางก็หายไปหมดสิ้น ผมปีนขึ้นไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์บนลานกว้างของก้อนหินใหญ่ด้านหน้าน้ำตก บนนี้จะมองเห็นสายน้ำและหุบเขาที่ทำให้เกิด น้ำตกตาดเลย ได้อย่างชัดเจนและสวยงามที่สุด
สายน้ำทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาสูงเป็นเส้นสีขาวตัดกับสีเขียวของแนวไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบกระทบกับโขดหินและแอ่งน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่างทำให้เกิดละอองน้ำสะท้อนกับแสงแดดส่องประกายเป็นสีรุ้ง แล้วไหลอย่างเชี่ยวกรากผ่านแนวร่องหินที่กั้นขวางก่อนจะขยายตัวเป็นแอ่งน้ำกว้างเมื่อผ่านลานหินใหญ่ข้างหน้า...
จนเมื่อมาถึงก้อนหินที่ผมยืนอยู่ก็จะรวมตัวเป็นสายอีกครั้งพากันไหลอ้อมวกออกไปทางขวา ส่งเสียงดังก้องเป็นระยะในยามที่ลัดเลาะเข้าไปในแนวหินก่อนไหลลับหายไประหว่างแนวต้นไม้ที่เขียวครึ้ม
เรามีเวลาไม่มากนักเพื่อเก็บความสวยงามในบริเวณน้ำตกเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลา 13.30 น. เป็นอันว่าเราต้องกล่าวคำอำลากับน้ำตกแห่งนี้เสียแล้ว เพื่อใช้เวลาที่เหลือของวันเดินทางกลับไปบนเส้นทางที่สูงชันให้ทันก่อนความมืดเข้าครอบคลุมในขณะที่เราอยู่ในป่านั้นหมายถึงว่าการเดินทางจะยิ่งยากลำบากกว่าเดิม
ขาทั้งสองเมื่อต้องแบกรับน้ำหนักของตัวเองและสัมภาระ พร้อมกับการก้าวเดินทางกลับไปบนเส้นทางที่สูงชันให้ทันก่อนความมืดเข้าครอบคลุมในขณะที่เราอยู่ในป่านั้นหมายถึงว่าการเดินทางจะยิ่งยากลำบากกว่าเดิม
ขาทั้งสองเมื่อต้องแบกรับน้ำหนักของตัวเองและสัมภาระ พร้อมกับการก้าวเดินไต่ระดับความชันของเส้นทางโดยต้องออกแรงสู้กับแรงดึงดูดของโลกทำให้เราเดินทางกันได้อย่างช้าๆ และหยุดพักบ่อยขึ้น				
				
นึกถึงคำพูดของนักเดินทางรุ่นก่อนๆ ที่จำชาวเขามาบอกว่า เดินขึ้นดอยสูงให้มองดูที่เท้า เป็นอุบายง่ายๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นหนทางที่สูงชันก็จะเกิดอาการท้อหมดเรี่ยวหมดแรงไปเสียก่อนหรือ ดอยสูงเพียงใดก็ไม่ไกลเกินไปกว่า 2 เท้า เส้นทางขากลับได้พิสูจน์คำพูดนี้แล้วว่าเป็นจริง
ผมนั่งลงเหยียดขากับพื้นทันทีที่มาถึงที่ราบบนยอดภู ท้องฟ้าเริ่มมืดบริเวณขอบฟ้ามีสีแดงระเรื่อแสดงว่าพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว เพียงครู่เดียวหญิงสาวทั้ง 4 พร้อมกระเป๋าและขาตั้งกล้องก็ค่อยๆ ทยอยเดินตามกันขึ้นมา บางคนไม่ทันได้หยุดพักเมื่อเห็นลำแสงสีแดงจับที่ขอบฟ้าก็พากันเดินหายไปเพื่อหามุมถ่ายภาพแสงสุดท้ายของวันที่ยังเหลืออยู่ ผมมองตามแล้วอมยิ้มอย่างเขินๆ นึกถึงความคิดเมื่อเช้าก่อนออกเดินทาง
เราอาจวัดความเข้มแข็งของร่างกายได้แต่ หัวใจ ผมเพิ่งรู้ว่ามันวัดกันไม่ได้ด้วยสายตา
ยามเช้าฝนยังคงตกปรอยๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดง่ายๆ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝนสีเทา
เส้นทางจากบ้านพักมาที่ทำการหน่วยฯเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่ตกหนักเมื่อคืน หลายคนยังดูอ่อนล้ากับการเดินทางเมื่อวานถึงแม้ว่าจะหลับสนิทตลอดคืนก็ตาม หลังอาหารเช้าฝนที่เคยตกพร่ำก็กลับแรงขึ้นเป็นอันว่าการเดินชมดอกไม้บริเวณลานสุริยันสำหรับเช้านี้ต้องถูกยกเลิก
บรรดาดอกไม้กล้วยไม้บริเวณที่ทำการหน่วยฯจึงกลายมาเป็นจุดที่สนใจจากพวกเราแทนโดยเฉพาะกับ สร้อยสมเด็จ กล้วยไม้หายากในประเทศไทยพบเฉพาะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงเท่านั้น โดย ดร.ธวัชชัย สันติสุข สำรวจพบเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2541 กำลังออกดอกบานสะพรั่ง อยู่ตามลำต้นของต้นไม้ที่เปียกขึ้นบริเวณรอบๆ ที่ทำการเขตฯ				
ความสวยงามบางครั้งก็อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่เพราะอะไรเรามักจะมองข้ามไปโดยไม่รู้ตัว
หลังอาหารเที่ยงเรากลับขึ้นมาอยู่ที่กระบะหลังรถพร้อมกับสัมภาระอีกครั้ง สภาพเส้นหลังขาลงอาจดูเหมือนง่าย แต่ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนกลับเพิ่มความยากลำบากในการเดินทางมากยิ่งขึ้น เส้นทางที่ว่าเละอยู่แล้วตอนขามาก็กลายเป็นเละมากถึงมากที่สุด
ล่ำลากับหัวหน้าเขตฯแล้วกระบะคันเดิมก็พาเรามุ่งหน้ากลับสู่ตัวเมืองเลย ผมมองย้อนกลับขึ้นไปบนภูหลวงในยามนี้เห็นเพียงสีเขียวเข้มของผืนป่าเบื้องล่าง ส่วนยอดภูนั้นปกคลุมด้วยเมฆฝนหนาทึบจนมองไม่เห็น
ผมมั่นใจว่าเมฆฝนลูกนี้อาจจะหอบความชุ่มชื้นมามอบให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผืนป่าจะพบกับสายลมแล้งที่หนาวเหน็บของฤดูหนาว
แต่สำหรับผม ภูหลวง นี่ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้าย...!				
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง

มีเนื้อที่ประมาณ 897 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 560,593 ไร่ อยู่ในพื้นที่ อ.วังสะพุง อ.ภูเรือ อ.ด่านซ้าย และ อ.ภูหลวง เป็นต้นกำเนิดของของแม่น้ำเลยและแม่น้ำป่าสัก ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงมีที่ราบบนหลังเขาเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร ยอดสูงสุดของภูหลวงมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,571

จุดเด่นที่น่าสนใจ
1.ภูหลวงด้านหน่วยพิทักษ์ป่าโคกนกระบาเป็นแหล่งที่มีพืชพรรณไม้ในที่สูงอุดมสมบูรณ์สูงมากมีกล้วยไม้ป่ามากกว่า 160 ชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกไปตามฤดูกาล
2.ลานสุริยัน เป็นสวนหินธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยพืชพรรณไม้นานๆ ชนิด
3.หน้าผาที่สูงชันและทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ผาสมเด็จ ผาเยือง ผาเตลิ่นฯลฯ
4.ทุ่งดอกไม้ป่าที่อุดมสมบูรณ์เช่นทุ่งกุหลาบแดง ทุ่งกุหลาบขาว
5.รอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีอายุประมาณ 120 ล้านปี
6.น้ำตกตาดเลย ที่ตกจากหน้าผาสูงประมาณ 60 เมตร
7.อากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีในฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปถึง 4-6 องศาเซลเซียส และในบางปี
อุณหภูมิจะลดต่ำลงกว่าจุดเยือกแข็ง

สิ่งอำนวยความสะดวก
บ้านพัก 6 หลังแต่ละหลังมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีที่นอน หมอน และผ้าห่มนวม พักได้หลังละ 8 ที่ มีน้ำประปา-ไฟฟ้าใช้เฉพาะเวลากลางคืนจนถึง 21.00 น. ไม่อนุญาตให้ประกอบอาหารที่บ้านพัก

การเดินทาง
เริ่มต้นที่จังหวัดเลยไปตามเส้นทาง จังหวัดเลย-อำเภอภูเรือ ระยะทาง 36 กิโลเมตรจะถึงบ้านสานตมเลี้ยวซ้ายที่บ้านสานตมไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง

สถานที่ติดต่อ
ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ 61 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900 โทร.(02)561-4292-3 ต่อ 706,707 โดยต้องติดต่อขออนุญาตก่อนล่วงหน้า 15 วัน				
โดย พงษ์ วนพันธุ์				
comments powered by Disqus
  • ปักษาวายุ

    17 ธันวาคม 2548 08:39 น. - comment id 88514

    อิอิ อยากไปมั่งจัง แต่ไม่มีไกด์สาวสวยนำทางนี่ พี่ไม่ไปจิงๆนะ ขอแบบ ขาว สวย หมวย อึ๋ม มานำทางหน่อยได้ไหมจ๊ะ นู๋เหมียว รับรอง ไป 10 วัน 10 คืน ไม่กลับเรยจร้า อิอิอิ ไปแระ แวะมากวน teen เล่นๆจ้า
  • แสงไร้เงา

    17 ธันวาคม 2548 09:09 น. - comment id 88530

    มากัดกันแต่เช้าเลยนะค่ะ....52.gif
    
    เดี๊ยวน้องเหมียวก็กวน teen คืนหรอก..55555
    
    
    
    ขอบคุณค่ะทีแวะมาทักทาย..
    หนาวแล้วดูแลสุขภาพนะค่ะ...
    ถึงกวน teen เหมียว แต่เหมียวก็เป็นห่วง 
    เดี๋ยวไม่มีมากวน  teen ..เหงาแน่เลย..อิอิอิอิอิ
    
    36.gif
  • แสงไร้เงา

    17 ธันวาคม 2548 09:11 น. - comment id 88531

    เอ้อ ลืมถาม ถ้าเหมียวเป็นไกด์จะไปบ่.คุณปักษายาวุ....74.gif2.gif2.gif20.gif58.gif
  • ปักษาวายุ

    17 ธันวาคม 2548 10:00 น. - comment id 88534

    หูยยยยยยย....ถามได้ ไม่ไปอยู่แล้ว??? เอ๊ย ม่ายจ้ายยยยยยย...ไปจ้า ไปๆ แหมได้น้องเหมียวสุดสวย?!?!?!....อ๊ะ...เอ่อ....เออนั่นละ ได้น้องเหมียวสุดสวย....เอ....( ติดสถานะมึนงงชั่วขณะ) ... ได้น้องเหมียวนำทาง ต่อให้ต้องบุกป่า ฝ่าดง ขึ้นเขา ลงเหว ท่องสวรรค์ แดนนรก ตกหลุมรัก(เอ๊ะใครมาขุดไว้?) พี่ก็ยินดีไปจ้า คริคริคริคริคริ
  • ผู้ ห ญิ ง ช่ า ง ฝั น ..

    17 ธันวาคม 2548 10:08 น. - comment id 88535

    อ่านเม้นท์ข้างบนแล้ว...  
    จู่ ๆ  ก็นึกอยากกลายร่างเป็น  ก้ า ง  ชิ้นโต ๆ ขึ้นมาซะงั้น...    1.gif36.gif
  • แสงไร้เงา

    17 ธันวาคม 2548 10:53 น. - comment id 88536

    สวัสดีค่ะ ผู้หญิงช่างฝัน...
    
    อย่าไปถือษาคนบ้าค่ะ..
    คนที่ตอบข้างบนเขาเป็นบ้าค่ะ...อิอิอิอิอิ..
    
    
    ขอบคุณนะค่ะที่แวะมาอ่านค่ะ...
    หนาวแล้วดูแลสุขภาพนะค่ะ...36.gif36.gif
  • ปักษาวายุ(ลืมล็อกอิน อีกและ)

    17 ธันวาคม 2548 11:18 น. - comment id 88538

    นี่ๆๆๆ ยัยตัวดี ได้ยินนะ แอบนินทาอะไร เดี๋ยวเหอะ2.gifจับมาตีก้น ซัก 3 ที หรือ จะเอาแบบ ตบจูบ ตบจูบดีล่ะ อิอิอิ อันนี้ถนัดนะขอบอก 55555
  • แสงไร้เงา

    17 ธันวาคม 2548 11:33 น. - comment id 88539

    แวะมาขอโทษค่ะ...ที่นินทราค่ะ...
    ..ดีกันน่ะ น่ะ น่ะ คนดี(ปักษาวายุ)...46.gif36.gif
    
    
    อย่ากัดกันเลยนะ....พี่เก็นนะนะนะนะ..
    
    ดีกันนะค่ะ....36.gif52.gif
  • ทะเลใจ

    17 ธันวาคม 2548 16:57 น. - comment id 88545

    ไปด้วยจิคะ ...
    
    ไปมะไหร่อ่ะ ...
    
    บอกหนูเอมหน่อยน๊า  ..
    
    ถ้าหากว่าไม่ตรงกับวันทำงานและวันเจ้านายคิดถึง
    
    น้องเอมไปด้วยชัวร์อ่ะค่ะ
    
    บอกมาน่านะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
    
    ไปด้วย ๆ ๆๆ ๆ ๆ 
    
    อยากแอ่วเหนือ  ..
    
    11.gif
  • อัลมิตรา

    17 ธันวาคม 2548 22:06 น. - comment id 88550

    อัลมิตราเป็นกองขี้ควายละกัน ... ก ข ค
  • แสงไร้เงา

    18 ธันวาคม 2548 09:09 น. - comment id 88553

    สวัสดีนู๋เอม ...
    
    เมืองเลย ..ภาคอีสานนะ  ไม่ใช่ภาคเหนือ.....
    
    
    ไปล่ะ...ดูแลสุขภาพนะค่ะ พี่เหมียวเป็นห่วงค่ะ..
    
    36.gif
    
    ..........................36.gif16.gif36.gif..............
    
    
    สวัสดีค่ะ คุณอัลมิตรา..
    
    ขอบคุณค่ะที่ทักทายค่ะ...
    
    ขอบคุณค่ะ...ดูแลสุขภาพนะค่ะ...
    
    36.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    19 ธันวาคม 2548 15:35 น. - comment id 88566

    6.gif
    
    น่ารักดีจัง  สองคนอ่ะ  แสงไร้เงา &  ปักษาวายุ...
  • แสงไร้เงา

    20 ธันวาคม 2548 01:30 น. - comment id 88573

    จะน่ารักต้องไหนค่ะพี่มะกรูด ..
    ...กัดกันเหมืนอตัวอะไรก็ไม่รู้..
    .....กัดกันทุกวัน...อิอิอิอิ (พูดเล่นค่ะ)
    ..ขอบคุณค่ะพีมะกรูด....เหมียวคิดถึงพี่จังเลย..
    
    รักษาสุขภาพนะค่ะ..36.gif
  • สลักเสลา

    20 ธันวาคม 2548 16:58 น. - comment id 88578

    เยือน \\\\\\\"ภูหลวง\\\\\\\" บุกป่าค้นหา \\\\\\\"น้ำตกตาดเลย\\\\\\\"...น่าไปจัง...46.gif...36.gif
  • ทะเลใจ

    26 ธันวาคม 2548 06:58 น. - comment id 88623

    5 5 5 5  ...
    
    หน้าแตกเลยกั๊บป๋มงานนี้  ...
    
    ดันอ่านไม่ดีซะเนี่ยนะ  ..
    
    แง่ว   ....
    
    แห่ะ แห่ะ  ขอโตดดดดดดดดด คร๊าบบบบบบบบบ  10.gif10.gif
    
    สายตาสั้นแล้วดันเซ่อซ่าอีกตะหาก
    
    เอิ๊กส์ ๆๆๆ ๆ
    
    แวะมาทักทายด้วยความสบายดีเจ้าคะ
    
    หนาว ๆ แบบนี้ดูแลสุขภาพด้วยนะกั๊บป๋ม
    
    (  ขอกวาดเศษหน้าก่อนนะคะ เดี๋ยวรกห้องพี่เหมียวแย่ 46.gif )
    
    11.gif
  • แสงไร้เงา

    1 มกราคม 2549 04:40 น. - comment id 88666

    สวัสดีค่ะคุณสลักเสลา....
    
               น่าไปก็ลองไปเที่ยวดูสิค่ะ...
                   ธรรมชาติสวยงามค่ะ...
    
    
              
    ขอบคุณนะค่ะ...
         มิตรภาพตราบฟ้าดิน..
    
                          36.gif
  • แสงไร้เงา

    1 มกราคม 2549 04:49 น. - comment id 88667

    สวัสดีค่ะนู๋เอม...
                ไม่เป็นค่ะนู๋เอม ไม่ต้องอายค่ะคนเราบางทีก็ทำไรผิดพลาดกันได้ค่ะ
          พี่เหมียวเองก็พิมพ์ผิดบ่อยเหมือนกันค่ะ
    หน้าแตกบ่อยเหมือนกันค่ะ...46.gif..อิอิอิ
    
    ขอบคุณค่ะแวะมทักทายพี่นะค่ะ....
    ได้ยินข่าวว่าน้องสบายดี พี่ก็ดีใจด้วยค่ะ..
    ก็รักษาสุขภาพนะค่ะ...หนาวแล้วนะจ้า..
    
    บ้านพี่ไม่รกหรอก ดีออกมีคนมาเยียมบ่อยๆ..
    ดีกว่าบ้านว่างๆ...ใช่ไหม....?
    
               มิตรภาพตราบฟ้าดิน..
                                    
                                      36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน