ขอเพียงเธอเก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ เป็นสิ่งเตือนใจ แล้วเราก็จะไม่พรากจากกัน.... ผมชื่อ เอกนรินทร์... เป็นนักเรียนนอก อนาคตก้าวไกล ทุกอย่างในชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น และก้าวเข้าสู่ความสำเร็จพร้อมในทุกๆด้าน และอีกไม่นาน... ก็คงจะมีข่าวดี ที่ตลอดชีวิตของผม เฝ้ารอคอยมาตลอด นั่นก็คือ... พิธีวิวาห์ กับเธอคนหนึ่ง ซึ่งผมปักใจรัก ตั้งแต่เรียนอยู่ มัธยมปลายปีที่ 5 จวบจนกระทั่งวันนี้... วันนี้ วันที่ผมเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา และมีการงานที่ก้าวหน้ามั่นคงพร้อมจะส่งเสริมเส้นทางแห่งอนาคตของชีวิตให้สดใสและรุ่งโรจน์ในเมืองไทย ตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่ผมกับ นภาลัย คบกัน... แม้จะมีบ้างที่ไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงกัน หรือแม้กระทั่งเกิดความเข้าใจผิดขั้นรุนแรง จนเกือบจะบาดหมางแยกทางกันไปก็หลายครั้ง แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังคงรักกัน... และผ่านช่วงวันเวลาที่มีความสุขมามากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้... ทำให้ผมมั่นใจ ที่จะเปิดรับเธอ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในฝัน นึกๆดูแล้ว หากผมกับเธอ ไม่เคยเกิดความหมางใจกัน ผมก็คงจะไม่รู้ ว่าผมกับเธอ ควรจะปรับตัวเข้าหากันอย่างไร หากผมกับเธอ ไม่เคยเกิดความเข้าใจผิดกัน เราก็คงจะไม่รู้ ว่าเราทั้งสองควรจะแก้ปัญหาอย่างไร และหากไม่เกิดเรื่องราวทั้งหมด ที่ทำให้ผมกับเธอ เกือบต้องแยกทางจากกันไป เราก็คงไม่รู้หัวใจตัวเอง ว่ารักเค้าคนนั้นมากมายแค่ไหน อีก 1 เดือน... เพียง 1 เดือนเท่านั้น... เราทั้งสองก็จะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเสียที เราวาดฝันกันไว้ว่า... จะปลูกบ้านสักหลัง ไม่ใหญ่จนเงียบเหงา แต่ก็ไม่เล็กจนคับแคบ มีสวนไม้ร่มรื่นอยู่หน้าบ้าน มีบ่อปลาและน้ำตกเล็กๆอยู่ในสวน เพื่อที่เธอกับลูกจะได้ไปนั่งชมน้ำใสไหลเย็น และชี้ชวนกันมองดูหมู่ปลาเวียนว่ายกันไปมา เราจะมีลูก2 คน ไว้ดูแลกันและกัน และอยู่เป็นเพื่อนกัน หากเกิดกรณีใดก็ตาม ในยามที่ไม่มีพวกเรา ซึ่งเป็นพ่อแม่ ที่จะคอยดูแล ห่วงใย ใส่ใจ ด้วยความรัก ความเมตตา ให้ความอบอุ่น อ่อนโยน และอบรมสั่งสอน ให้ประพฤติตนเป็นคนดี มีใจเมตตา กรุณา แนะนำ ชี้ทางในสิ่งที่ถูกที่ควร... เรื่องราวชีวิตของผมคงจะเป็นอย่างนั้น... หากวันหนึ่ง ไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น วันนั้น ผมได้พูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์เป็นปกติ ก่อนจะเดินทางไปทำงานทุกเช้า ไม่มีเค้าของความโศกเศร้าที่จะมาเยือนในไม่ช้า แม้แต่น้อย... ท้องฟ้ายังคงใสกระจ่าง อีกทั้งยังดูเหมือนจะสดใสกว่าที่เคย เมฆปุยสีขาวใหญ่น้อยทั้งหลาย ก็ฉีกยิ้มทักทายอยู่เบื้องบนอย่างเสรี ดวงตะวัน ก็ยังคงเจิดจ้า เพื่อให้พลังงานแก่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้ดำเนินไปตามทางต่อไปได้ เสียงนกก็ยังคงร้องขับขานเสียงสดใส แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป... ผมรู้ว่าทุกอย่าง ยังคงเป็นไปดุจเดิม เพียงแต่... ใจ ผม ที่มันไม่เหมือนเดิม มันเศร้า มันหมอง มันทุกข์ระทม มันโศกศัลย์เกินจะบรรยาย เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นตอนเที่ยง ในขณะที่ผมกำลังจะออกไปทานข้าวที่นอกบริษัท ระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวออกจากบานประตูกระจกนั้นเอง... ผมก็ได้ยินเสียงนางฟ้าของผมส่งเสียงร้องเรียกชื่อผมอย่างแจ่มชัด น้ำเสียงของเธอ ทำให้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานของผมปลาสนาการไปจนหมดสิ้น ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเธอด้วยความยินดี พร้อมกับส่งเสียงเรียกชื่อเธอตอบ นภา เธอส่งยิ้มให้ผม บังเกิดความชื่นใจอย่างเต็มตื้นในอก แต่แล้ว... ภาพต่อมาที่ผมเห็น... คือ... รถสิบล้อที่วิ่งฝ่าไฟแดงอย่างเร็ว พุ่งเข้าชนร่างบอบบางนั้นแทบจะในทันที ร่างผมทรุดลง เรียกได้ว่า ล้มทั้งยืน ร่างกายเหมือนกับไม่มีเรี่ยวแรง สติที่เคยแจ่มชัดกลับพร่ามัวไปด้วยความสับสนและขุ่นมัว ไม่สามารถแม้กระทั่งจะเรียบเรียงคำพูดใดๆ ทั้งเสียงและภาพที่วุ่นวายสับสนอลหม่านตรงหน้า ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเข้าใจใดๆในความรับรู้ของผม จนกระทั่ง เพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่ง ตะโกนเรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ดังและหนักแน่น ซึ่งนั่นได้เรียกสติและความคิดต่างๆทั้งมวลกลับเข้ามาสู่ผม เขาช่วยพยุงร่างผมขึ้น และพาวิ่งไปจนถึงร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ของ นภา ผมตรงดิ่งเข้าไปหาเธอ และพยุงร่างเธอไว้ ผมสัมผัสได้ ถึงเลือดอุ่นๆที่ไหลทะลักออกมาเหมือนเขื่อนที่แตกจนน้ำพุ่งออกมาด้วยแรงดัน น้ำตาผมไหล เวลานั้น ผมไม่นึกอายใครทั้งนั้น ผมรู้แต่เพียงว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม อยู่ตรงหน้า และกำลังจะไปยังที่ที่ผมจะไม่ได้พบเจอเธออีก ผมตะโกนเรียกชื่อเธอ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า... ชื่อของเธอผุดเต็มอยู่ในห้วงความคิดของผม และแล้ว ผมก็ได้เห็นเธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธอยิ้มให้ผมจางๆ และทำท่าเหมือนอยากจะพูด... อยากจะบอกอะไรกับผม ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงรถพยาบาล ความคิดอ่านทั้งหลายจึงค่อยกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ผมบอกเธอ อดทนไว้นะ อดทนไว้ เราจะต้องอยู่ด้วยกัน เราจะไม่พรากจากไปไหน อีกเพียงแค่เดือนเดียว เพียงเดือนเดียว... เดือนเดียวเท่านั้น ความฝันของเราทั้งสองจะเป็นจริง เธอไม่พูดอะไร เพียงส่งยิ้มตอบให้ผมจางๆ ทั้งๆที่ผมพยายามพูดเพื่อส่งกำลังใจให้เธออยู่ต่อ แต่ตรงกันข้าม เพียงเธอส่งยิ้มนั้นให้ผมมา ผมก็เหมือนจะมีกำลังใจและความหวังขึ้นมา ...กำลังใจและความหวัง ที่ผมได้รับ... จากเธอ นภา... ตลอดทางบนรถพยาบาล ผมนั่งกุมมือเธอไว้ด้วยมือที่สั่นเทา เฝ้าพร่ำบอกว่า ไม่เป็นไรนะ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแล้ว และในที่สุด ดูเหมือนว่า เธอจะฝืนต่อไปไม่ไหว เธอจึงบอกคำคำหนึ่ง คำที่มีค่ากับผมมาก ฉันรักเธอนะ เอก... เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป... ผมยิ้มรับ แล้วเธอก็พูดต่อ ขอเพียงเธอเก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ เป็นสิ่งเตือนใจ แล้วเราก็จะไม่พรากจากกัน.... ผมรู้สึกว่า เธอกำลังจะไปจากผม แม้ผมจะร้องเรียกเธอเท่าไหร่ เธอก็คงจะไม่กลับมา เพียงแค่เสียงเรียกด้วยรักอันท่วมท้นวิญญาณ์ ไม่สามารถยื้อยุดฉุดรั้งดวงวิญญาณที่ต้องเรื้อไปตามทางได้ สุดท้าย... ผมจึ้งทำได้เพียงแค่บอกกับเธอ ด้วยคำที่กลั่นออกมาจากทั้งหมดของหัวใจ ฉันรักเธอ... นภา... ฉันรักเธอ... มีสายลมวูบหนึ่งพัดมา ไม่รู้ว่าพัดมาจากที่แห่งไหน ได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรับรู้แล้ว คำคำนั้น ที่ผมเฝ้าร้องบอก และผมเองก็จะจดจำเธอไว้.... ตลอดไป... เราจะไม่แยกจากกัน... ขอให้เก็บความทรงจำที่ดีๆไว้ เป็นสิ่งเตือนใจ แล้วเราจะไม่พรากจากกัน.... นภาลัย... สุดที่รักของผม... ดวงวิญญาณ์คราล่วงลับดับลิ่วล้า กายาพาฝังดินกลบลบสิ่งฝืน ระลึกไว้ในดวงจิตยากคิดคืน เมื่อร่างกลืนผืนแผ่นกลบจบผูกพัน...
22 พฤศจิกายน 2548 18:02 น. - comment id 88138
ไม่มีใคร จากไป ถ้าใจอยู่ เพียงมีผู้ จดจำไว้ ไม่ห่างหาย หากต้องสิ้น ดับชีวี นี้เพียงกาย สิ่งสุดท้าย.. คงเหลือไว้ ในใจเธอ .. *~ เมื่อคนที่เรารักจากไป สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทิ้งไว้ คืออะไรนะ... เป็นเรื่องสั้นที่แสนเศร้าครับ ^^\'
22 พฤศจิกายน 2548 23:14 น. - comment id 88149
อ่านแล้วกลัวจัง กลัวมันจะเกิดขึ้นกับเราซักวันหนึ่ง... เพราะคนที่เรารักมีค่าเกินกว่าอะไรจะบรรยายได้หมด เศร้าจริงๆนะ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีอะไรห้ามความตายไว้ได้...T_T
23 พฤศจิกายน 2548 00:44 น. - comment id 88154
อิอิ มาเม้นให้แล้วนะจ้ะ ก็ดีนะ แต่เรื่องชอบเหมือนจะดี แล้วจบลง ด้วยความสูญเสียทุกทีเลยง่ะ อิอิ สะเทือนจัย อิอิ เก่งจิงๆเพื่อนเรา สู้ต่อไปนะ
23 พฤศจิกายน 2548 03:29 น. - comment id 88155
หึ หึ หึ หื่อออออออออออ มานเศร้าพร้อมๆกับตูอิจแคนเก่งอย่างมึง
23 พฤศจิกายน 2548 11:31 น. - comment id 88166
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คนที่รักมีค่าและอยู่ในใจเราเสมอ แม้ตัวจะห่างไกลแสนไกล แต่ใจของเราก็อยู่ใกล้กันเพียงเอื้อม และสามารถคิดถึงกันได้ตลอดเวลา ....แม้ว่าเราจะจากกันอย่างไม่มีวันกลับมา
29 พฤศจิกายน 2548 19:08 น. - comment id 88278
ความพลัดพราก..แขกที่ไม่มีใครต้อนรับ แต่เข้าถึงตัวได้ง่ายเสมอ ความตายที่ไร้นิมิตเครื่องหมายเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับผู้ที่ยังอยู่ข้างหลัง ..คงได้แต่ใช้เวลาที่มีค่าให้มีค่าคุ้มกับลมหายใจที่มีอยู่ เป็นเรื่องที่เหนืออำนาจการบังคับบัญชาจริงๆนะคะ