ณ ต้นลำพูแห่งหนึ่ง ในยามค่ำคืนที่มืดมิดสนิทแสงนั้น จะมีก็เพียงแต่แสงจันทร์ และแสงดาวเท่านั้นที่โดดเด่น แต่สำหรับตัวผมแล้วก็นับเป็นแค่เพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่ง ซึ่งก็สามารถเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับ และสร้างความสวยงามได้ในยามราตรี บ้านของผมอยู่ใต้ต้นลำพู ซึ่งที่ที่ผมอาศัยอยู่นั้นนับว่าเป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์และน่าอยู่มากทีเดียว ผมกับเพื่อนๆมีความสุขมากที่ได้เปล่งแสงอยู่รอบบ้านร่วมกันในยามราตรี พวกเราล้วนมีความเชื่อกันว่า ในอดีตพวกเราเป็นสะเก็ดของดวงดาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้าและถ้าเราได้สร้างความดีหรือทำประโยชน์ให้แก่ธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุไขแสงพวกเราก็จะค่อยๆดับลง และจิตวิญญาณของแสงเรานั้นก็จะกลับไปอยู่ร่วมกันเป็นดวงดาวบนฟากฟ้าดั่งเดิม ผมจึงมักจะย้ำถามกับเพื่อนๆเสมอว่า " ตั้งแต่พวกเราเกิดมาน่ะ เราทำความดีอะไรไปบ้างแล้ว" เพื่อนผม ตอบว่า " ตอนเรายังเด็กๆ จำได้ไหม ระยะที่เป็นตัวหนอนอยู่ พวกเราชอบกินหอยตัวเล็กๆ ซึ่งหอยตัวเล็กๆนั้น เป็นพาหะที่นำเชื้อโรคมาสู่มนุษย์ได้มากมาย เช่น โรคพยาธิใบไม้ลำไส้ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ" ..ผมและเพื่อนๆยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เมื่อได้รับรู้ถึงการทำความดีในวัยเยาว์ ถึงแม้เราจะไม่เคยรู้ถึงความดีนี้มาก่อน แต่เมื่อเราได้รับรู้แล้ว มันก็ทำให้เรามีความรู้สึกสบายใจ สุขใจ และภูมิใจกับมัน.. ต่อมาเพื่อนอีกตัวหนึ่งเสริมต่อ ว่า " และพอเราได้โตขึ้น พอจะเปล่งแสงได้ เคยมีมนุษย์มาจับเรารวมๆกันในขวดใส ทำให้เกิดแสงสว่างเป็นเหมือนโคมไฟไร้ราคา ที่สามารถใช้ส่องทางในป่า และอ่านหนังสือในที่มืดๆได้ ถึงแม้ในช่วงเวลานั้นพวกเราจะเหงาและเคว้งคว้าง หรืออึดอัด อยู่ในขวดใสใบเล็กๆนั้นก็ตาม แต่พวกเราก็ภูมิใจ ว่าถึงแม้เราจะเป็นจุดเล็กๆในยามค่ำคืน แต่เราก็สามารถทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้" พอฟังจบแล้ว ผมก็เข้าใจได้ว่าการทำความดีนั้นไม่มีผลเสียทั้งผู้ให้และผู้รับมีแต่ความสุข ความสบาย ทั้งทางกายและจิตใจพวกเราถึงอยากที่จะทำความดีกัน ผมจึงพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นสุข ว่า "พวกเราควรภูมิใจให้มาก ที่ได้เกิดเป็นหิ่งห้อย ถึงแม้ว่าตัวของเราจะเล็ก เวลาของเราจะน้อย แต่..เมื่อเทียบกับความดีและสิ่งที่เราทำไปนั้นนับว่าคุ้มค่ามาก และเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก พวกเราก็จะได้กลับไปเป็นดวงดาวตามที่พวกเราฝันเอาไว้" ...ในขณะนั้น สายตาของทุกตัว..จับจ้องเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ ดวงดาว ... ส่วนในใจลึกๆของผมแล้ว มีความรู้สึกและคิดเสมอมา ว่า..(ความเชื่อนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม จะได้กลับไปเป็นดวงดาวอย่างเดิมจริงหรือเปล่า ผมไม่มั่นใจและก็ไม่คิดจะสนใจกับมันเลย เพราะผมถือว่าอดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง และในความเป็นจริงคือ ผมและเพื่อนได้ทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์และธรรมชาติเอาไว้มากมาย ถ้าเกิดผมขอพรได้สักข้อ ผมอยากจะขอให้ได้เป็นมนุษย์ มากกว่าที่จะกลับไปเป็นดวงดาวเสียอีก เพราะผมเชื่อว่าการที่ได้เป็นมนุษย์นั้น ผมคงจะมีคุณค่า มีเวลา และสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมและธรรมชาติได้มากกว่าดวงดาวอย่างแน่นอน ........และในตอนนี้ ถ้าหากผมพูดคุยกับมนุษย์ได้ ผมอยากจะถามเพียงหนึ่งคำถามว่า .. "ในช่วงเวลานี้ที่คุณเป็นมนุษย์อยู่ คุณได้รับรู้ถึงความสุขของการทำความดี บ้างแล้วหรือยัง.. " ~~~ " เวลา หิ่งห้อยสั้น ยังตั้งมั่นหมั่นทำดี เวลา คนมากมี ใยห่างหนีความดีไป " ~~~
20 พฤศจิกายน 2548 09:52 น. - comment id 87911
เจตคติคมคายมากครับ งานแบบนี้ขอชื่นชมด้วยคน
21 พฤศจิกายน 2548 22:10 น. - comment id 88099
เก๋มากๆ ชอบจัง คิดได้ไง ช่างมีศิลปะ ใน เจงๆ
21 พฤศจิกายน 2548 22:40 น. - comment id 88103
ความคิดดี อ่านแล้วได้คติคมคายดี
21 พฤศจิกายน 2548 23:01 น. - comment id 88105
เจ๋งมาก! ร็อค 5555555 คำพูดนี้อ้างอิงจาก บทละครเวทีเรื่อง Sparkleshark : \"เจ๋งมาก เชน\" โดย Philip Ridley
21 พฤศจิกายน 2548 23:14 น. - comment id 88107
ขอบคุณครับ ^^\' 5555555
22 พฤศจิกายน 2548 20:07 น. - comment id 88141
สุดยอด นับถือๆ
23 มีนาคม 2549 21:37 น. - comment id 90171
เจ๋งๆ แต่งได้ดีมาคำคมดี อ่านด้วยได้ข้อคิดที่ดีๆและคติในการใช้ชีวิตได้เลยนะเนี่ย