ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ ( ตอนที่ 4 )
สุชาดา โมรา
เราต้องการจะรู้ว่าเรามาที่นี่ถูกจุดหรือไม่ทำไมเราถึงต้องบังเอิญไปเจอกับนายอะไรนะอ๋อนายชาตินักรบด้วย
แคนดี้เปรยขึ้น หล่อนนั่งลงที่นั่งอยู่บนเตียงอุ่น ๆ ของชาตินักรบในขณะที่เขาออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีพลังพิเศษ
หยุดเวลา
แคนดี้หยุดเวลาของทั้งโลกไว้ด้วยนาฬิกาแห่งเทพ หล่อนเริ่มย้อนกลับเพื่อหมุนทวนเข็มนาฬิกาว่าตนเองจะต้องมาเจอกับเขาอีกหรือไม่ ตนเองจะต้องพัวพันกับเขาอีกหรือเปล่า
ย้อนเวลาหาอดีต แคนดี้ร่ายมนตราทันที เข็มนาฬิกาดังแกร๊กจากนั้นก็หมุนเวลาอย่างรวดเร็ว
นี่เราทำไมยังยืนอยู่ที่เดิมล่ะขออีกทีละกัน แคนดี้ร่ายมนตราอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลายเป็นว่าเวลาเดินหน้าไปยังอนาคตที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ หล่อนจึงต้องดูความเป็นไปของช่วงเวลานั้น แคนดี้ยืนหยุดอยู่ตรงสถานที่แห่งหนึ่งท่ามกลางความมืดและมีลานจอดรถเยอะแยะไปหมด
ณ สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์เป็นวันที่โจทย์จันกันถึงเรื่องไม่ดีในสำนักงาน
.
ยุพาเห็นด้วยกับพินิจที่ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดที่เธอจะยกมาเป็นเหตุผลเพื่อขอเลิกกับบุญมา
เธอรู้จักกับพินิจมาเกือบปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่บุญมาพาเธอมาสมัครงานที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์ในวันนั้น เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลอยู่ที่นั่น เจอกันครั้งแรกเธอรู้ได้ทันทีว่าพินิจแอบพึงพอใจในตัวเธอไม่น้อย ตอนนั้นหัวใจเธอก็เริ่มหวั่นไหว...ขอให้เธอได้งานที่นี่ก่อนเถอะเธอคิด
ไม่นานยุพาก็สมหวัง พินิจรับเธอเข้าทำงานที่สำนักงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ เขากับเธอเริ่มสนิทกันมากขึ้น พินิจมักจะพาเธอไปทานข้าวกลางวันทุกครั้งที่มีโอกาส โอกาสซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บุญมาติดเวร หรือนอนพักผ่อนที่อยู่ที่ห้องเพื่อรอขึ้นงานกะกลางคืน
ในที่สุดเธอและพินิจก็มีอะไรกัน หลายครั้งแม้ว่าบุญมาจะแคลงใจอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ของเธอและพินิจ หรือความสัมพันธ์ระหว่างเธอและบุญมาที่นับวันบุญมาก็ยิ่งรู้สึกว่าห่างเหินกันไปทุกที ๆ แต่เธอก็มีข้ออ้างให้บุญมารับฟังเสมอ ...ต้องช่วยหัวหน้าเคลียร์งาน...ติดประชุมไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ...ต้องไปต่างจังหวัดเพื่อหาสายส่งหนังสือพิมพ์... จากนั้นเธอจึงใช้ความสามารถเฉพาะตัวออดอ้อนบุญมาสารพัด เพื่อให้เขาเลิกสงสัย
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอ พินิจและบุญมาดำเนินแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเธอคิดว่าคงปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้แน่ ๆ... เธออยากมีความสุขกับพินิจอย่างเปิดเผย และเธออยากเลิกกับบุญมา... แต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่พอจะยกมาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกกับบุญมาได้เลย... บุญมาแทบจะไม่มีข้อเสียอะไรเลย เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ติดผู้หญิง เขาทำงานทุก ๆ วันด้วยมุ่งหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีเงินเก็บมาขอเธอแต่งงาน
...บุญมาเขาไม่มีข้อเสียอะไรเลย นอกจากเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และพินิจเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล...
ต้องขอบคุณเมื่อวานที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น เรื่องที่นักข่าวในสำนักงานถูกทำร้ายในบริเวณที่จอดรถ ต้องขอบคุณที่วันนั้น ช่วงเวลานั้นอยู่ในความรับผิดชอบของบุญมา พินิจโทรหาเธอหลังจากที่เกิดเรื่องได้ไม่นาน เขาบอกเธอว่ามีข้ออ้างให้เธอบอกเลิกกับบุญมาแล้ว
..
วันรุ่งขึ้นพินิจเรียกบุญมาเข้าไปพบ ตำหนิที่บุญมาปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายกันขึ้นได้ในสำนักงาน จริง ๆ แล้วเขาน่าจะลงโทษบุญมาและหักเงินเดือนเพื่อให้บุญมาได้สำนึกเท่านั้น แต่เขาทำมากกว่านั้น...พินิจไล่บุญมาออก ในวันเดียวกันนั่นเอง
ให้โอกาสผมอีกซักครั้งเถอะครับหัวหน้า หัวหน้าน่าจะรู้ว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ และผมก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว บุญมาอ้อนวอนขอ แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร พินิจยังคงยืนยันที่จะไล่เขาออก ในฐานะที่เขาทำงานบกพร่องในหน้าที่
...ไม่ยุติธรรม หัวหน้าทำอย่างนี้มันไม่ยุติธรรมเลย...บุญมารำพึงในใจ นอกจากจะถูกไล่ออกแล้วเขายังถูกพินิจหักเงินเดือนและเงินทดแทนไปอีกเป็นจำนวนมาก เขาเดินคอตกออกมาจากห้องหัวหน้าฝ่าย ต้องการใครซักคนที่ที่จะพูดให้กำลังใจเขา มองยุพานั่งอยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูห้องหัวหน้าฝ่ายมากนัก จึงสาวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ
ยุ ว่างมั๊ยไปกินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยเถอะ บุญมาเอ่ยชวนยุพา ช่วงเวลานี้เขาต้องการให้ใครซักคนมาอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด และคนนั้นก็คือเธอ
เพิ่งถูกหัวหน้าไล่ออกมาล่ะสิ เก็บเงินของเธอ เอาไว้เลี้ยงตัวเองเถอะบุญมา วันนี้ฉันมีนัดกับหัวหน้า
บุญมาไม่รู้เธอแอบไปได้ยินมายังไง แต่ฟังน้ำเสียงเธอแล้วเขารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเหยียดหยัน รู้สึกได้ถึงความสมเพชและดูถูกในน้ำเสียงนั้น สีหน้าท่าทางของเธอด้วยเล่า บุญมาไม่อยากจะมองและคิดถึงมันเลย เพราะมันบอกให้เขารู้อยู่กลาย ๆ ว่าต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะเป็นยังไงต่อไป...ทำไมยุพาจึงเปลี่ยนท่าทีของเธอได้รวดเร็วปานนี้...แล้วความรักระหว่างเขาและเธอที่ผ่านมาล่ะ...
..
เขากำลังโกรธ โกรธที่เขาถูกกระทำ โกรธเพราะความไม่ยุติธรรมที่เขาได้รับ โกรธที่ได้รู้ความจริงระหว่างยุพาและพินิจ หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น มันเล่นงานเขาให้นอนกระสับกระส่าย ถอดถอนลมหายใจอยู่บนเตียง
เขาแอบตามยุพาและพินิจไปที่ร้านที่ทั้งสองพอกันไปทานข้าว ท่าทางสนิทสนมกันอย่างนั้นเหมือนกับที่เธอเคยทำกับเขาเมื่อตอนคบกันใหม่ ๆ ดูเธอสิเธอหัวร่อต่อกระซิกกับเขา เขายิ้มให้เธอและเอามือกุมมือเธอไว้...ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เขาซึ่งเป็นคนรักของเธอเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เธอปฏิเสธจะคุยกับเขาแล้วยังมีหน้ามานั่งกินข้าวอย่างมีความสุข กับหัวหน้าฝ่าย
บุญมากำมือสองข้างไว้แน่น ความแคลงใจทั้งหมดของเขามันกระจ่างชัดในวันนี้นี่เอง เขานอนไม่หลับ แม้ตอนนี้จะเลยเที่ยงคืนมากว่าสองชั่วโมงแล้วก็ตาม คิดถึงทีไรให้นึกเจ็บใจทุกที
...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้... เขาไม่ยอม...จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ...เขาไม่ยอม...
บุญมานอนคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งคืน จนเกือบตีสาม ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ.......
.
สำหรับเขาแล้วปืนเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากนักหรอก ใช้เวลาเพียงครึ่งค่อนวันเขาก็ได้มันมา เขาเก็บมันไว้ในกระเป๋าอย่างดี นั่งรถเมล์จากที่ซื้อปืนมาลงหน้าสำนักงาน...วันนี้เขากับพินิจมีเรื่องจะต้องคุยกัน
เจ้าหน้าที่หลายคนคงออกไปทานข้าวข้างนอก มีคนทำงานนั่งอยู่ในห้องไม่กี่คน เมื่อถูกทัก เขาบอกว่ามาคุยกับพินิจเรื่องเงินเดือนและค่าชดเชย มีเสียงบอกจากคนที่รู้จักด้วยสีหน้ากังวลว่าคุยกันดี ๆ นะ
มีเสียงผู้หญิงอยู่ในห้องของพินิจ เสียงผู้หญิงที่หัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุข...เสียงของยุพา ...ได้ยินเสียงของพินิจหัวเราะตามมา ในช่วงที่เขากำลังมีความทุกข์ สองคนนี่กลับมีความสุขกัน
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
...ไม่ยุติธรรม...ไม่ยุติธรรม...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...
มือควานไปในกระเป๋าปืนลูกโม่สีดำ บรรจุกระสุนหกนัดยังอยู่ในนั้น มันนอนเงียบ ๆ อยู่ในนั้นรอคอยให้คนมาปลุกให้ร้องคำราม ตอนแรกเขาตั้งใจเอาปืนมาขู่ให้พินิจเลิกคบกับยุพา แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
..คลิ๊ก..
เขาเปิดประตูเข้าไป เสียงหัวเราะของคนทั้งสองหยุดเงียบไปทันที เมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเข้ามาเป็นใคร
บุญมา พินิจและยุพามีโอกาสพูดได้แค่นั้น จากนั้นจึงเป็นเสียงร่ำร้องตะโกน เสียงตะโกนก้องด้วยความหวาดกลัว เสียงตะโกนก้องเพราะความตกใจ จากคนในห้องและคนที่อยู่นอกห้อง เขามอบของขวัญแสดงความยินดีให้พินิจและยุพาคนละสองนัด ที่หน้าอกและศีรษะ ร่างของพินิจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กระเด็นไปทางผนังด้วยความแรงของกระสุนที่พุ่งมาปะทะ เลือดไหลย้อยออกมาจากหน้าผากและหน้าอก
ยุพาเล่าร่างเธอล้มลงไปอยู่ที่พื้น เธอนั่งอยู่บนพนักเก้าอี้ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขายิงเธอเป็นคนแรก เลือดยังไหลเจิ่งนองอยู่ที่พื้น เสียงกรีดร้องข้างนอกยังคงดังไม่หยุด มีเสียงร้องตะโกนโวยวายอย่างนี้ อีกไม่นาน คงจะมีคนแห่เข้ามาอีกเยอะ...รวมทั้งตำรวจด้วย
...ไม่มีวันซะหรอก ที่เขาจะยอมถูกจองจำ และถูกกระทำอีกต่อไป...
บุญมาก้มมองปืนในมือที่ถืออยู่ ยังมีกระสุนเหลืออีกสองนัด...เขายิ้ม และยกปืนขึ้นจ่อที่ขมับข้างขวา นิ้วชี้ข้างขวาอยู่ในโกร่งไก รอยยิ้มยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้า เขาคิดว่ากำลังจะปลดปล่อยตัวเองให้มีอิสรภาพ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมากระทำกับเขาให้ต้องผิดหวังทุกข์ทรมานได้อีกแล้ว
บุญมามอบของขวัญให้ตัวเองหนึ่งนัด
.
ตายแล้ว.!!!!!! นี่มันอะไรกันนี่ แคนดี้ร้องอุทานขึ้นมาทันที
อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ย้อนเวลากลับไปจุดเดิมดีกว่าหล่อนนึกพร้อมกับร่ายมนตรากลับไปยังปัจจุบัน แต่เหตุการณ์ไม่อาจจะเป็นดังที่คาดคิด หล่อนจึงได้มายืนหยุดอยู่ที่ลานจอดรถอีกครั้งและมองร่างของชาตินักรบแกับตนเองที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศและมอบพลังจากไข่มุกให้แก่เขา
ทำไมเราต้องทำเช่นนั้นด้วย แคนดี้เอ่ย
ฟ้ากำหนดแล้วเจ้าหญิง.เสียงนี้ดังกึกก้องไปหมดทำให้แคนดี้หันไปมองรอบ ๆ เพื่อหาต้นเสียง
ใครท่านเป็นใคร
ข้าเหรอ.เหอะ ๆ ข้าเหรอท่านถามข้าเหอะ ๆ
พลันใดนั้นแววตามหึมาคู่หนึ่งก็โผล่ออกมาจากความมืด แคนดี้รู้สึกตกใจมากรีบคว้ากำไลมังกรขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันตัว
ท่านไม่ทำร้ายข้าหรอกเพราะข้าคือผู้เดียวที่ล่วงรู้อนาคตของท่านข้าเป็นคนกำหนดให้ท่านได้เจอกับชาตินักรบ มนุษย์โลกผู้นั้นแต่อย่าถามว่าทำไม สักวันท่านจะต้องค้นหามันพบ ท่านจะต้องเข้าใจว่าข้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร
แล้วเจ้าเป็นใคร แคนดี้ถามด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
ข้าคือบุรุษนิรนาม ข้าคือผู้พยากรณ์
.หาผู้พยากรณ์งั้นเหรอแคนดี้นึก
ท่านจงกลับไปยังวินาทีที่ท่าควรจะอยู่และติดตามชาตินักรบชายผู้นั้นไป และท่านจะค้นหาเรื่องที่อยากจะค้นหาจนพบจำคำข้าท่านจงกลับไป.!!!!
เสียงของผู้พยากรณ์ดังกังวาลน่เกรงขามยิ่งนักจู่ ๆ สายลมและละอองฝนก็สาดซัดมาที่ร่างของแคนดี้ ร่างนั้นเซแทบจะล้ม เกือบจะพยุงตัวไม่อยู่ ทำให้หล่อนต้องหยิบนาฬิกาเทพขึ้นมาเพื่อหมุนเวลาให้ย้อนกลับไป
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ