ฝนอำพราง

อัลมิตรา


ลูกบาสเก็ตบอลถูกวางข้าง ๆ ตัว
ฉันนั่งกับพื้นสนาม  เหยียดขาพัก.. หายใจหอบแฮ่ก
เหนื่อยนะ เล่นบาสเก็ตบอลมาเกือบชั่วโมง 				

ถ้าบังเอิญมีคนที่รู้จักฉัน 
ในฐานะของคนทำงานคนหนึ่งในองค์กร
เชื่อได้ว่า .. คงมีแววตาแปลกใจ

ก็ดูสิ ! ความมอมแมมของฉัน 
เนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ หน้าแดงก่ำ ผมที่รวบมัดไว้ก็รุ่ยร่าย
ชุดกีฬาสีขาวก็มีรอยเปื้อนเต็มไปหมด
ส่วนรองเท้าผ้าใบน่ะรึ ที่สุดแห่งความซกมก
ก็มันเขรอะขี้ดินเสียจนแห้งกรัง 
ตั้งแต่ที่ไปดุ่ม ๆ เดินดูดอกกระเจียวที่ชัยภูมิเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน
จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีเวลาเอารองเท้าไปซัก ชักจะมีกลิ่นตุ ๆ แล้วล่ะ อุ๊แหวะ !
				
เอาน่า ! พักสักประเดี๋ยว เหงื่อแห้งก่อนแล้วค่อยไปเล่นต่ออีกสักแป๊บ
เป็นความคิดของฉันที่สุดจะขี้เกียจในตอนนั้น

เหงื่อยังคงชื้นใบหน้า จริงสิ ..ฉันพกผ้าเช็ดหน้ามานี่
เอื้อมมือไปด้านหลัง ผ้าเช็ดหน้าเหน็บที่กระเป๋ากางเกง
หยิบมันขึ้นมา  แต่เมื่อค่อย ๆ คลี่ผ้าเช็ดหน้าสีแดงผืนนั้น
ก็เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างผุดขึ้นในความทรงจำ 
มันจุกที่อกแฮะ ..รู้สึกเจ็บแปลบอย่างไม่ตั้งใจ 
ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนั้นทันที 
แต่ทว่า..ฉันไม่อยากโกหกตัวเองว่า ..ฉันสามารถ

ภาพความหลังครั้งก่อนอาวรณ์นัก
ดุจจมปลักวังวนจนจิตเผลอ 
จวบเวลาแปรไปใจละเมอ
จิตพร่ำเพ้อรำพึงถึงคนไกล 

ช่างอ้างว้างเหว่ว้าอุราร่ำ
ยังครวญคร่ำคำนึงถึงคราวใกล้ 
เคยเคียงคลอหยอกล้อพอสุขใจ
กลับร้างไปหายหน้าอุราตรม 

ครั้นคิดพร่ำรำพันผ่านบทร้อย-
พันหมื่นถ้อยทบความนิยามขม 
เพียงเศษเสี้ยวโศกเศร้าร้าวระทม
ดุจแรงลมเร่งเร้าสุดหนาวทรวง 

น้ำตาหลั่งโรยรินถวิลแท้
คนพ่ายแพ้ผจญภัยทุกข์ใหญ่หลวง 
เธอคงชื่นระรื่นอยู่กับคู่ควง
ลืมถ้อยท่วงสนทนาคราเพรงกาล 

แม้นย้อนความยามก่อนจักวอนว่า
แสนทรมายิ่งนักรักโดนผลาญ 
ผ้าเช็ดหน้าสีแดงแทงดวงมาน
จิตร้าวรานสู้ฝืนยืนแกร่งเกิน

มีดดาบคมโค้งเคียวมาเกี่ยวเนื้อ
ทุกข์ยืดเยื้อเยียวยาบ้างยังผิวเผิน 
แต่พลัดพรากรักพลั้งถูกหมางเมิน
เจ็บเหลือเกินทำไฉนใจเจ้ากรรม

ช่างเถอะ.. อย่าไปรู้เลย  เก็บสะอื้นไว้..อย่าให้ใครล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจ
ฉันพับทบผ้าเช็ดหน้าอย่างบรรจง และเหน็บใส่กระเป๋าหลังอย่างเก่า
จากนั้น ก็ยกแขนขึ้น ใช้ปลายเสื้อเช็ดเหงื่อแทน
ของที่ระลึกบางอย่าง ควรค่าต่อการเก็บรักษา
แต่บางที ควรเก็บไว้อย่างมิดชิด เพื่อจะได้ไม่ต้องระลึกถึง

				
ส่วนจักรยานคันที่ไม่ต้องเสียกะตังค์ซื้อเอง 
เพราะเมื่อสองปีก่อนไปเล่นเกมจนได้รางวัลมา
มันจอดอยู่ด้านข้างลานสนาม สภาพรถยังดูดีเชียว
สีเขียวสดก็ยังดูสดใส เหมือนเจ้าของ..ที่ดูซึมหงอยมาพักนึงแล้ว
ที่ตะกร้ามีขวดน้ำขนาดเล็ก นมแพะหนึ่งขวด  และรองเท้าสเก็ตอีกคู่ซุกในนั้น
ฉันเดินไปหยิบน้ำมาถือไว้สักพัก และยกขึ้นจะดื่ม
โดยไม่สนใจว่ามันจะหกเลอะเทอะออกนอกปาก ไหลเป็นทางเปรอะเสื้อ
จะเป็นไรไป ตอนนี้เสื้อก็เปียกชื้นด้วยเหงื่ออยู่แล้ว 
น้ำที่เหลือ ฉันรดใส่ใบหน้าของฉันเอง 
จากนั้นก็ เหมือนเดิม .. ใช้ชายแขนเสื้อเช็ดหน้า
ฉันยืนตรงนั้นสักพัก ราวกับทำสมาธิบางอย่าง ก่อนเดินกลับมานั่งที่เก่า

อีกฟากถนน 
เห็นราวตากผ้าของพวกคนงานที่มาก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรละแวกนี้ 
คงยังไม่เลิกงาน..
ฟ้าครึ้ม ฝนใกล้จะตกแล้ว.. ผ้ายังไม่ได้เก็บ				
ฟ้ามืดทั้งที่เป็นเวลาห้าโมงเย็นเท่านั้น
ลมพัดแรงจนได้ยินเสียงใบไม้ร่วงกราว
เศษผงทราย+ใบไม้หมุนลอยวน
ตอนเป็นเด็ก ฉันเคยจำลองภาพแบบนี้ว่าเป็นพายุน้อย ๆ
หนำซ้ำ ฉันเคยวิ่งไปยืนอยู่ท่ามกลางลมวนนี้ด้วย
ผมเผ้าชี้โด่เด่ไปหมด ยืนหลับตาปี๋อยู่ตรงนั้น
ลอยสิ ลอย.. ฉันอยากลอยหมุนวนได้เหมือนเศษใบไม้
เจ้าลมพายุน้อย ช่วยพัดฉันให้ลอยสูงจากพื้นที
บ้าจัง ! ไม่รู้คิดไปได้อย่างไร เด็กบ๊องส์

มัวแต่คิดถึงอดีต ยิ้มกับความซื่อบื้อของตนเอง
จนสายฝนปรอย .. ใช่ !..ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
ฉันเห็นผู้ชายกับเด็กหญิง คงเป็นพ่อ-ลูกกัน
พ่อคงกลัวว่าลูกสาวจะเปียกฝน จึงอุ้มลูกและวิ่งเข้าอาคาร
ผู้คนในลานกีฬาต่างก็ทยอยกันกลับบ้าน
บางคนทักฉันว่า " ฝนตกแล้วนะคุณ ยังไม่กลับบ้านอีกหรือครับ "
" อืม อีกสักแป๊บ ให้หายเหนื่อยก่อน  เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ ..."				

ฉัน..ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ฉันตอบว่าเดี๋ยวจะกลับ
ฉัน จะกลับไปไหน ?
ดูเหมือนคำตอบที่ฉันตอบไป จะตอบแบบไร้จุดหมาย

ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น ฉันคิดอะไรบางอย่างได้ทันควัน 
จึงตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปที่รถจักรยานที่จอดไว้ 
ฉันถอดรองเท้าผ้าใบที่สวมอยู่ นำมันไปวางไว้ในตะกร้าหน้ารถ
ได้การล่ะ ฉันคว้ารองเท้าสเก็ตมาสวม จัดการกับเชือกรองเท้าจนเสร็จ
ฉันทำอะไร ฉันรู้ตัว..


แต่ได้กลิ่นดินชุ่มชอุ่มฝน
ยังสับสนปนเสียงเผดียงขาน 
สายฝนหลั่งดั่งใจคล้ายทรมาณ
ตกสู่ลานร่วงหล่นสุดหม่นทรวง				
ฝนเอย ฝนตก .. 
คงมีเพียงฉันที่ทำตัวเบิกบานเหมือนเพลงคางคกเริงร่าท่ามกลางสายฝน
ตอนนี้ นอกจากฉันแล้วไม่เหลือใครในลานกีฬา..
และลานสเก็ตนี้ เป็นลานที่หลายคนต้องขับรถผ่าน จึงไม่แปลกใจเลยที่ ..
หลายคน..เมื่อขับรถผ่าน ต่างก็ชะลอรถและหันมามองฉัน

น่าจะมี ..คำถามในสายตาหลังกระจกนั่น
อืมม ! ฉันคิดว่าพวกเขาคงสงสัยนะ 
ฉันเพียงแต่ยิ้มรับในสิ่งที่พวกเขาคิด
และทำเป็นไม่สนใจพวกเขา..
สถานที่อื่น อาจเป็นสถานที่สำหรับผู้ออื่น ..
แต่ขณะนี้ .. ลานนี้ เป็นสถานที่ ที่ฉันครอบครองความรู้สึกของฉัน


. . . ฉั น . . ย า ม นี้ อ้ าง ว้ า ง
. . . อ ยู่ ท่ า ม ก ล า ง เ วิ้ ง น ค ร
. . . ร่ำ ไ ห้ ใ จ ร้ า ว ร อ น 
. . . อ ก ส ะ ท้ อ น ใ ห้ ค ะ นึ ง				
จะสงสัยกันไปทำไมนะ ?
แล้วจะทำไมล่ะ ?
ฉันเลือกที่จะเปียกเองนี่ .. ทำไมฉันจะไม่รู้ตัว ..ว่า ฉันจะต้องเปียก
ก็แน่ล่ะ ตากฝน มีหรือที่จะไม่เปียก
อ้าว ! ถึง..มันจะดูแปลก ในสังคมเมืองเช่นนี้ 
ก็จะเป็นไรไปล่ะ ? ทำไมต้องเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย ?

บางอย่างก็ต้องกลบเกลื่อนอย่างแนบเนียนนะ
เอ๊ะ ...ฉันกำลังเล่าอะไรไปนี่ ..? แนบเนียน .. แนบเนียน ..
อืมม ! ใช่ 
ฉันชอบบรรยากาศตอนฝนตก 
ฝนช่วยอำพรางทุกข์ที่ซ่อนไว้ในใจ 


. . . เ ห มื อ น โ ล ก โ ศ ก ร่ำ 
. . . ฤ ๅ ส ว ร ร ค์ อั น ฉ่ำ 
. . . ชื่ น ล้ำ ดำ ร ง
. . . มิ อ า จ ผ ง า ด ขื น
. . . เ พื่ อ ฝื น ยื น ย ง
. . . ห ม ด ก ร ร ม จำ ป ล ง
. . . ห ล ง ฝั่ ง สั ง ส า ร

. . . เ ฉ ก ห ย า ด ส ะ อ า ด ข า ว
. . . เ น ต ร ฝ น ห  ล่ น พ ร า ว
. . . ค ล้ า ย ด า ว ส ก า ว ข า น
. . . อ า ดู ร สู ญ ส ล า ย
. . . เ ห มื อ น ส า ย เ มื่ อ ว า น
. . . เ ห มื อ น พ รุ่ ง รุ่ ง ก า ล
. . . เ ห มื อ น กั น ทุ ก วั น				
comments powered by Disqus
  • ท่องเมฆา

    6 สิงหาคม 2548 23:42 น. - comment id 85907

    
    ขอแต่งกลอนเสริมบรรยากาศหน่อยนะครับ...
    
    ขี่จักรยานผ่านฝนที่ทนยาก
    น้ำฝนหลากลงมาข้างตาฉัน
    ไม่ต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าวันลากัน
    สายฝนนั้นเปียกเหงื่อไคล..ไหลลงดิน
    
    รองเท้าเก่าคู่นี้ที่ซกมก
    เสื้อสกปรกมีรอยเปื้อนเตือนให้ถวิล
    เก็บสะอื้นฝืนใจใยพังภินท์
    ตราบฝนสิ้นจะถีบไป...จนไร้แรง....
    
    
    36.gif18.gif
  • กุ้งหนามแดง

    7 สิงหาคม 2548 10:36 น. - comment id 85912

    เก็บรองเท้าเสียก่อน..ก่อนฝนตก
    ความซกมกรอสะสางอย่าอ้างฝน
    เดี่ยวเปียกไปหวัดถามหาน่ะหน้ามน
    เที่ยวซุกซนอย่างนี้เดี๋ยวตีตาย..
    ....
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    7 สิงหาคม 2548 10:48 น. - comment id 85913

    อ่านแล้วมีความรู้สึกร่วมครับ
    
    เกี่ยวกับฝน  ผมเคยเขียนบทที่ชื่อ < font color=red>ฝ่าฝน ใช้ร้องเป็นเพลง  เอามาแจมความรู้สึกนะครับ
    
    < font color=red>
    
       ในวันที่เหงาเศร้าร้าวรอน
        อยากมีคนคอยอาทรและเข้าใจ
        แต่ยามนี้เราห่างกันไกล
        ฉันเหมือนไม่มีใครเลย
        
        อ้างว้างสุดอ้างว้าง
        เส้นทางนี้เหงาเหลือเอ่ย
        ฉันคิดถึงเธอจังเลย
        ฉันรักเธอเหลือเกิน
    
         อยากเดินตากฝน
         ให้เปียกปอนจนชุ่มไป
         เปียกโชกให้สะใจในความเหงาร้าวรอน
         คาดหวังลมๆแล้งๆ
         ให้รักกลับมาเหมือนก่อน
         แต่สิ่งที่แน่นอน
          คือนับวัน...ห่างไกล
    
          ................
       
    
    
          เนื้อเพลงจริงๆ ทั้งหมดมีอกครับ
          แต่ผมจำท่อนต้น ๆ ไม่ได้
          นานจนลืมครับ
    
          ที่จำได้คือเขียนครั้งแรกในถนนนักขอฯของpraphansarn.com โดยใช้ชื่อบรรลุพร  นามโนรินทร์  ตอนนั้นผมคิดหยุดเขียนร้อยกรองเลยแหละครับ
  • กีกี้

    7 สิงหาคม 2548 21:59 น. - comment id 85922

    ทนฝืน ยืนชีพ มุ่งมั่น
    	มิให้ ใครหยัน เหยียดได้
    	ชนะ ฤาพ่ายแพ้ รู้แก่ใจ
    	มิให้ใคร รู้ทัน ความพังภินท์..
  • อัลมิตรา

    8 สิงหาคม 2548 12:32 น. - comment id 85942

    คุณท่องเมฆา .. 
    ขอบคุณค่ะ สำหรับกลอนที่เสริมบรรยากาศ
    ฝนตกนี่ก็ดีนะ ไม่มีใครรู้ว่า เราร้องไห้
    
    คุณกุ้งหนามแดง ..
    เริ่มเป็นหวัดแล้วค่ะ อย่าตีเลย แค่นี้ก็ช้ำเกินพอ
    
    คุณก่อพงษ์..
    คุณต้องซ้อมร้องเพลงนี้ไว้นะคะ 
    อัลมิตราจะไปฟังเสียงของคุณ ในสักวัน
    
    ในวันที่ฝนตก .. ฉันเหมือนไม่มีใครเลย
    และไม่ว่าวันไหน ๆ .. ฉันก็เหมือนไม่เคยมี
    
    คุณกีกี้ ..
    
    รู้อยู่แก่ใจในอก
    เพ้อพกบ่นพร่ำฉ่ำฝน
    คนที่พ่ายยับอับจน
    ฤๅกล้าดั้นด้นฝ่าไป
    
    รู้อยู่แก่ใจในรัก
    เกินจักอิงแอบแนบไขว่
    จำต้องถอยหลังห่างไกล
    เพื่อให้คนอื่นยืนแทน
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    8 สิงหาคม 2548 15:20 น. - comment id 85944

    เจ้าสาวที่กลัวฝน......
    31.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน