นาฎกรรมแห่งลุ่มเลสาบสงขลา

พหุวัฒ

สายลมเวลาเย็นพัดโชยมาเป็นระลอกทำให้ใบมะพร้าวที่ต้านทนแห่งลำต้นต้องพริ้วไหวเป็นระยะตามแรงโต้นลม หมู่นกกระยางสีขาวนวลบินตัดลมแห่งท้องทะเลมาเป็นกลุ่ม นี่คือวิถีแห่งการดำรงอยู่ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์จำต้องมีปัจจัยในการดำรงชีพ ห้วงเวลาแห่งการลาลับของลูกไฟดวงใหญ่กำลังสิ้นสุดลงที่ปลายชายขอบแห่งปฎิวิถีโลก กลับกลายเป็นว่าในวินาทีนี้เวลานี้ การเคลื่อนกำลังจะเกิดชึ้น ภายใต้ท้องฟ้าสีครามที่บัดนี้กลับกลายเป็นความมืดเข้ามาแทนที่หิ่งห้อยแห่งอวกาศเริ่มกระพริบแสงนำทางสู่เรื่องว่ากำลังเริ่มมา ดอกไม้แห่งห้วงหาวบัดนี้บานสะพรั่งเต็มท้องฟ้ากลมขาวนวลเหมือนกับบอกว่าเราหมู่มิตรกลับมาทำหน้าที่กันอีกครั้ง  
อับดุลเลาะห์ อับดุลเลาห์ เขาไปตลาด เสียงแว่วมาจากวิทยุทรานสิตเตอรืเครื่องเก่าที่ผ่านการใช้งานมาเนินนาน ถ้ามันพูดได้ก็คงจะบอกว่า ปล่อยฉันพักเสียทีเถอะ ซึ่งดังแว่วผสมกับเสียงคลื่นผสมผสานแห่งดนตรีวิถีชีวิตดังมาจากบ้านไม้ที่ปลูกขึ้นตามแบบชาวเลมุสลิม ซึ่งข้างล่างติดผืนน้ำที่ตรงนี้คือเรื่องราวที่กำลังจะเริ่มต้นนับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
  ทึก ทึก ทึก ทึก เสียงเครื่องยนต์ขนาดเล็กซึ่งบัดนี้ได้กลับกลายเป็นเครื่องผ่อนแรงของชาวแถบลุ่มเลสาบแห่งนี้  เสียงสายน้ำแหวกตรงหัวเรือพร้อมกับความหวังของชายคนหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้น บังเลาะห์ เป็นชื่อเรียกที่ติดปากของชาวปากบาง รูปร่างเล็กแกร็งแต่สีหน้ามาดมุ่งด้วยความพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนในหมู่บ้าน ไม่ว่ามีงานที่ไหนจะพบเห็นบังเลาะห์ได้ตลอด 
    ป๊ะ ป๊ะ ต่อเช้าครูเขาอีเอาเบี้ยค่าเทอมแล้ว ป๊เอาเบี้ยมาให้กันนั้น สิ้นเสียงซอรีเยาะ ลูกสาวคนเดียวซึ่งบัดนี้ได้ย่างเข้า11ขวบแล้ว ซึ่งเป็นวัยที่กำลังกินกำลังนอน บังเลาะมองหน้าลูกสาว พร้อมกับเบือนหน้าไปทางท้องทะเล น้ำตาแห่งลูกผู้ชายไหลโดยไม่ได้กำหนดว่ามันจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ปลาที่เมื่อก่อนเคยชุมยังกับยุงบัดนี้เลือนไปเต็มที โรงงานที่ครอบครองด้วยคนมีอันจะกินปล่อยน้ำเสียลงสู่ท้องทะเลอันเป็นที่ซึ่งบังเลาะห์เอาชีวิตไปฝากไว้ตั้งแต่เล็กจนอายุย่างเข้า50ปี ฟ้าเป็นมุ้งน้ำเป็นบ้านมีเพียงแสงแห่งดอกไม้แห่งจักวาลและหิ่งห้อยแห่งห้วงฟ้าเป็นเพื่อนบังเลาะยามเหงา 
             ตูม เสียงโยนไซลงเล เสียงเพลงจากระติการอันผสมผสานกับธรรมชาติบรรเลงเป็นเพลงแห่งความหวังและกำลังที่จะสู้ต่อไปในโลกาวิถีแห่งความวกวนวุ่นวายของสังคมแห่งการเอาเปรียบ มนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรม เป็นเรื่องราวที่ต้องเกื้อกูลในวตะวิถินาแห่งการอยู่รอด 
             เกียงป๋องซึ่งอยุ่ในสอบนั่งที่ฟาติมะเมียรักได้ทำไว้ให้ก่อนสิ้นใจได้จุดขึ้นด้วยไม้ขีดตราพญานาคกลิ่นควันไฟจากเกียงป๋องผสมกับน้ำมันก๊าดซึ่งกลับกลายเป็นกลิ่นที่เคยชินซึ่งบังเลาะห์ต้องรับรสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ป๊ะ ป๊ะ ฝากซอรีเยาะด้วยนะ ฉันคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว อย่าทิ้งลูกนะ เสียงนี้ยังสั่นโสตแห่งความผูกพันธ์ยังติดตรึงไม่รู้คลาย
          อัลเลาะห์ อัลเลาะห์ ขอให้คราวนี้ได้ปลาเยอะนะซอรีเจะได้เรียนซึ่งนี้คืออัญมณีชิ้นสุดท้ายที่ฟาติมะได้ฝากไว้ 
           สายตาที่แน่วแน่เนื้อตัวที่หยาบกร้านจากกาลเวลาได้พาเรือลำน้อยที่บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องซ่อมแล้วกลับเข้าฝั่งภายใต้ความหวังที่ฝากไว้ในค่ำคืนนี้
 นาฬิกาปลุกแห่งชีวิตได้ทำให้บังเลาะห์ต้องรีบแต่ตัวเพื่อจะไปยกไซที่วางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เสียงย่องเบนพื้นดานแห่งกาลเวลาซึ่งบัดนี้กำลังจะสลายไปกับธรรมชาติ บังเลาห์ก้มลงกระซิบที่ข้างหูซอริเยาะลอดผ่านเสียงอันแผ่วเบาอันซึ่งนำมาศุ่ฝันของเธอที่กำลังจะเป็นจริงในเช้านี้
  เสียงเคลื่อนเรือลำเก่าแหวกผ่านสายน้ำ มืออันกำยังได้กระตุกเครื่องเรือเสียง เครื่องเรือดัง ทึก ท฿ก แหวกคลื่นน้อยมุ่งตรงไปยังไซ หิ่งห้อยแห่งความหวังดอกไม้แห่งห้วงหาวยิ้มรับถึงเหตุกาณ์ที่จะมาถึง โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า เสียงบังเลาะแผดเหนือท้องเลสาบแห่งนี้ ปิติแห่งความดีใจเกิดขึ้นกับเขา ปลาน้อยใหญ่เหมือนกับพร้อมเพรียงกันมาเขาไซเพื่อให้เรื่องราวที่คาดหวังของบังเลาะห์ซึ่งมันเป็นจริงไปแล้ว สายลมแห่งท้องทะเลโบกมือลาคลื่นน้อยกระซิบกับแสงแห่งใจบอกลาเรื่องแห่งความหวัง
            มืออันหยาบกร้านซึ่งมีกลื่นคาวปลาบรรจงหยิบแบ็งที่ผ่านการแลกเปลี่ยนมากับปลาที่จับได้เมื่อคืน วางไว้ที่หมอนอันเป็นที่รักของซอรีเยาะห์ ลูกคืออัญญมณีแห่งชีวิตป๊ะ จงสู้ต่อไปตราบใดที่ป๊ะยังไม่ถูกเรียกให้ขึ้นไปรับใช้พระเจ้า
            เลสาบซึ่งบัดนี้ไร้แม้คลื่นลมกำลังรอบังเลาะห์ให้กลับไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน