เสียงพึ่บพั่บระรัว มีอากาศแหวกตามใบหน้า ขนนุ่มนวลของพวกมันเฉียดโดนร่างกายโดยรายรอบ
อาการกึ่ง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ นั่นหล่ะพวกเขาเลย อาการนั้น พอตัวหนึ่งตระหนก ก็พาตัวอื่นกรูบินหนีจากลานถั่วพึ่บพั่บ พอได้สติ ก็พึ่บพั่บกรูกันลงมาอีกครั้ง ฉันจึงไม่อยากขยับตัวมาก เพราะเกรงมันจะตื่นกลัว และต้องคอยใช้มือปิดปากแก้วกาแฟเอาไว้ ป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่มองไม่เห็นจะลงไปในนั้น
ฉันยังจำความรู้สึกได้ดี ก่อนนั้นที่ฉันได้มีโอกาสคุยกับ Freeman แสนซนหลายตัว ฉันอดไม่ได้เมื่อไปที่นั่น "หอสมุดแห่งชาติ" เมื่อเสร็จธุระในการค้นหา หรือยังไม่เสร็จดี แต่เหนื่อยล้าเพราะการว่ายอยู่ในทะเลแห่งหนังสือ ฉันก็จะมาแวะดื่มกาแฟจากร้านอาโก ซุ้มหน้าหอสมุด ซุ้มเดิม (ตอนนี้จะเปลี่ยนมือไปเป็น อาอึ้ม อาซ้อ อาเจ๊ หรือเปล่าไม่ทราบได้) และไม่ลืมสำหรับของฝากไปให้กับ Freeman ตระกูลพิราบเหล่านั้น
ถั่วเม็ดเล็ก ๆ สีเหลืองกรอบถุงละ 5 บาท ที่ไม่ได้ตั้งใจจะกินเองซักนิด ถุงหนึ่ง มาหยุดตรงเก้าอี้ไม้ตัวเปียกหลังฝนตกพรำ ๆ ตอนเช้า พื้นยังเห็นคราบน้ำ คงอยู่อย่างนั้นเพื่อที่จะรอให้แสงอาทิตย์ที่กล้าขึ้นละลายมัน
เธอน่ะ... กลัวนกพิราบหรือเปล่า ? ไปบินกับฉันไหม ?
ฉันหามุมของเก้าอี้หลายตัวที่ดูจะแห้งที่สุด แล้วแปะตัวอยู่ตรงนั้น กลิ่นของกาแฟร้อน ๆ ในแก้วเทียนไข ส่งโชยไปทั่วบริเวณ ฉันเชื่อได้อย่างหนึ่งแม้ว่าฉันจะเป็นคนละสายพันธุ์กับเพื่อนของฉัน ว่า... พวกเขาไม่ได้มาเพราะกลิ่นนี้เป็นแน่แท้ พวกเขา... ค่อย ๆ เดินมาด้วยตีนเล็ก ๆ นั้น มาใกล้ฉันเสียจนตื่นเต้น พึ่บพั่บจากกิ่งนั้นมาจอดลง Landing ตรงแทบเท้าฉัน จาก 5 เป็น 10 จาก 10 เป็น 20 จากยี่สิบเป็นหลายสิบ
ทุกตัวโฟกัสมาที่ฉัน เสียงกรุ๊กกรู ๆ ดังมารอบสารทิศ แผ่วเบา วันนี้ ประชากรพวกเขาเยอะขึ้นมากเลย สิ่งที่จะมากวาดล้างพวกเขา ก็คือนิสัยของพวกเขาเอง ที่เป็นสัตว์เถื่อนไร้วัฒนธรรม สร้างส้วมกันเองแล้วไปใช้บริการไม่ได้ ลานพื้น และ หลังคา หอสมุดแห่งชาติ จึงเป็นส้วมของพวกมัน แต่เป็นความเดือดร้อนของผู้ทำความสะอาด และที่สำคัญที่สุด เพื่อนของเขา ที่ยังคงอยู่ร่วมกันกับเขาได้ แต่ไม่สามารถอยู่รวมกับมนุษย์ได้ นั่นก็คือ เชื้อไวรัส ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวพวกเขา สกปรก อันตราย ไม่ปลอดภัย ดูเหมือนจะบดบังความพลิ้วไหวของเจ้าไปเสียสิ้น
ฉันเคยฝันว่ามีเพื่อนเป็นนก บินอยู่ห้อมล้อมฉัน เกาะบ่า เกาะมือ เกาะแขน และบินอยู่รายรอบตัวฉัน ครั้งนี้มันเป็นความจริง เพียงฉันยื่นมืออกไป พวกเขาก็บินลงมาเกาะที่มือ ควานปากหาถั่วในอุ้งมือฉัน เป็นโฟกัสของคนที่ผ่านไปมาอีกเช่นกัน ฉันว่าเวลานี้เป็นเวลาที่มีความสุข สิ่งมีชีวิตสองเผ่าพันธุ์ ที่ไม่ได้แนบสนิทในสายพงศ์ กำลังกลมกลืนกันและกัน และฉันกำลังมีความสุข ที่พวกเขาบางตัวซึ่งอาจจะไม่ทั้งหมดนั้น ได้คลายหิวลงไปบ้าง เขาหิวนะ ไม่งั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะทำแบบนี้
ถึงฉันบินแบบพวกเขาไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ไปที่นั่น ทำให้ฉันเหมือนกับว่าฉันได้เป็นพวกเดียวกับเขา ฉันกำลังเป็นสัตว์ที่สุดแสนอิสระที่สุด เป็นสัตว์ที่มองเห็นได้ในที่สูง แปลกตากว่า การเดินดิน แล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนั้น ฉันก็กลับมาสู่โลกใบเดิม ขึ้นรถเมล์กลับบ้านดั่งติดปีกบิน และอิ่มเอมใจพร้อมไปกับพวกเขาเหล่านั้น
20 กรกฎาคม 2548 22:09 น. - comment id 74694
"สัตว์อะไรเอ่ย? หลับหนเดียวในชีวิต\" คำตอบก็คือ ไก่ฟาร์ม ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อสัก 30 ปีก่อนประเทศไทยยังเป็นสังคมเกษตรกรรมเต็มรูป ในเวลานั้นสังคมไทยจะดำเนินไปในลักษณะ \"ทำมาหากิน\" คือชาวนาปลูกข้าวไว้พอกิน ปลูกผักสวนครัว จกปลาในหนอง พอเป็นกับข้าวไปมื้อหนึ่งๆ ไก่ก็มีเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ปล่อยมันคุ้ยดินกินหนอนไปตามเรื่องตามราว นานๆ จับมาสักตัว เลี้ยงดูต้อนรับเจ้านายจากอำเภอ แต่รัฐบาลนับตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์คิดจะพัฒนาประเทศตามสังคมของตะวันตก นักเศรษฐศาสตร์ใช้ดัชนีชี้วัดความเจริญของสังคม ด้วยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ โดยถือเอาว่า ประเทศใดมีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสูง คนในชาตินั้นๆ มีรายได้ต่อหัวมาก ก็จะมีความสุขมาก นั่นแปลว่า ความสุขของชีวิตแปรผันโดยตรงกับความร่ำรวยของบุคคล เมื่อนักเศรษฐศาสตร์ลงมือสำรวจรายได้ของคนไทยในเวลานั้น ก็พบกับความจริงอันน่าตกใจว่า คนไทยมีรายได้ต่ำเหลือเกิน แถมทำนาเพียงปีละ 6 เดือน หน้าแล้งปล่อยผืนนาไว้แห้งแหงแก๋ ตัวเองมัวแต่กัดปลา ตีไก่ เตะตะกร้อ แสดงว่าคนไทยยากจนมาก แถมขี้เกียจสันหลังยาว จึงต้องอยู่ในวัฏจักรแห่งความจน --> เจ็บ --> โง่ คนไทยขาดความสุข หนทางเดียวคือต้องหาเงินเยอะๆ ชีวิตไทยจึงจะมีความสุขได้ คิดได้ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงเริ่มแผนพัฒนาประเทศไปทีละแผน โดยเปลี่ยนทิศทางของสังคมไทยให้ไปสู่ลักษณะ \"ทำมาค้าขาย\" พวกเขาเปลี่ยนประเทศไทยจากสังคมเกษตรกรรม ไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ภาคเกษตรถูกแปรเป็นระบบเกษตรอุตสาหกรรม ตรงไหนทำนาได้ไม่ต้องปลูกผัก ตรงไหนปลูกผักได้ไม่ต้องปลูกมัน ตรงไหนปลูกมันได้ไม่ต้องเลี้ยงหมู ตรงไหนเลี้ยงหมูได้ไม่ต้องเลี้ยงไก่ ตรงไหนเลี้ยงไก่ได้ก็ไม่ต้องทำนา แต่ละพื้นที่ทำการผลิตผลิตผลทางเกษตรกรรมออกมาเป็นจำนวนมาก ผลิตแล้วก็นำไปขาย ได้เงินมาซื้อหาความสุขอีกทีหนึ่ง นี่คือที่มาของสังคมเกษตรอุตสาหกรรม สังคมที่เงินสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง ซื้อได้ไม่เพียงปัจจัยสี่แต่ยังหมายถึงปัจจัยที่หนึ่งร้อยหนึ่งพัน เงินนำมาซึ่งการเสพกิน นี่เป็นที่มาของสังคมบริโภคนิยม สิ่งที่กำหนดความสำเร็จของสังคมบริโภค คือการสร้างความต้องการของตลาดจากนั้นเร่งผลิต เร่งขาย และเร่งเสพกิน วงจรดังกล่าวจะพองฟูขึ้นเรื่อยๆ แบบฟองสบู่ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ห่วงโซ่หัวใดห่วงหนึ่งของวงจรนี้เกิดการสะดุดหยุดชะงัก ก็จะเกิดการฟุบแฟบหรือล้มครืนของทั้งวงจร แล้วรอจังหวะให้วงจรใหม่ก่อตัว
12 กรกฎาคม 2548 10:19 น. - comment id 75751
หุหุ..คุณหน่อง..จะติดปีกบินแล้วเหรอ..บินสวนกันกลางอากาศอย่าลืมทักทายกันนะ...
12 กรกฎาคม 2548 09:14 น. - comment id 75782
เมื่อไหร่จะมาอีกล่ะ เจ๊ยืนรอรถกลับบ้านหน้าหอสมุดแห่งชาติทุกวันเลย มีร้านอาหารอร่อยนะ แวะมาเมื่อไหร่ จะพาไปหม่ำ นกพิราบก็ยังเยอะอยู่นะ
14 กรกฎาคม 2548 00:42 น. - comment id 76236
lalabuyisara คนอิสรา คน คนเดียวกัน
14 กรกฎาคม 2548 22:36 น. - comment id 76241
สัตว์อะไรเอ่ย? หลับหนเดียวในชีวิต\"
15 กรกฎาคม 2548 01:15 น. - comment id 76242
@คุณอ้อย นกเป็นแค่ตัวแทนนิ ความทุกข์ยากลำบากของมันก็คงจะมี เรากำลังเพ้อหาในสิ่งที่เราทำไม่ได้เท่านั้นเอง นิ @หญิงไอซ์ อื่มมมม....อาไรน๊า ไม่รู้อ่ะ บอกเราหน่อยดิ่
12 กรกฎาคม 2548 13:13 น. - comment id 76261
เ พ รี ย ก ฝั น ท ะ ย า น ฟ้ า . .
13 กรกฎาคม 2548 01:27 น. - comment id 76323
@เจ๊จิ๋ง ร้านอาหารแถวนั้นดูเหมือนจะอยู่ยงมาเนิ่นนานหลายร้านนะฮะ ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ถ้าไปคราวนี้ก็ไปเหล่หญิง กับป้อนถั่วนก คงไม่ได้ไปหาหนังสือหรอกฮะ ก็ตอนนั้นเรียนอยู่ไง เลยได้มีโอกาสไปน่ะฮะ ดีใจที่พวกเขายังเยอะอยู่ มีใครสร้างส้วมให้มันหรือยังก็ไม่รู้นิ @คุณเดี่ยวฯ ถึงการบินจะไม่ใช่ฉายานามผม แต่หัวใจมันก็พร้อมอยู่ทุกเมื่อนะฮะ จะจำผมได้ไหมน๊า ตัวที่หัวเหม่ง ๆ นะฮะ อย่าลืม @คุณอัลฯ สั้น ๆ แต่ได้ใจความ ทำนองนั้นเลย @น้องเบ็ญ ใช่แระ แค่เปรียบเปรยไปเยี่ยงนั้น เราไม่มี เจตจำนงค์เสรี เพียงพอ
13 กรกฎาคม 2548 13:37 น. - comment id 76324
ต่างอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข...ในโลกใบเล็กนี้..จริงไหมนายมาร์.. ..
13 กรกฎาคม 2548 17:47 น. - comment id 76328
ชอบนกพิราบ จะบินไปด้วยคนค่ะ
12 กรกฎาคม 2548 22:03 น. - comment id 76388
ไม่อยากเป็นนก .. แต่อยากเป็นอิสระ .. ............
13 กรกฎาคม 2548 19:24 น. - comment id 84463
เอ่พี่หน่อง ... อย่างเอมกลัวความสูง ก็บินไม่ได้อ่ะจิ เอ่อย่าทักนะว่าที่บินไม่ได้อ่ะ เพราะน้ำหนักไม่ให้ ... คริ คริ .. อิสระได้มาเพื่อแลกกับความเหงาหรือเปล่าน๊า ..
13 กรกฎาคม 2548 21:19 น. - comment id 84465
@ป้ากุ้ง ช่ายแล้วฮะ @คุณคิมฯ มาเร้ว จับมือมั่น ๆ เตียยมตัว @ทะเอมใจ ถ้าเธอรู้จักความหมายของ อิสระ เธอก็จะไม่กลัวอะไรเลยสักน้อย แม้ความเหงา อิสระจากความกลัว อิสระจากความเหงา อิสระจากความเสียใจ อิสระอีก นานา
20 กรกฎาคม 2548 22:11 น. - comment id 85633
ไม่เกี่ยวกับ Freeman Freeman ยังเป็น Freeman บินไปตามใจที่ฝัน Freema
20 กรกฎาคม 2548 22:12 น. - comment id 85634
อยากโพสต์อะมีไรปะ
24 กรกฎาคม 2548 20:45 น. - comment id 85670
อืมม หลานยาย นายดาวอังคาร ยายไม่เคยคิดว่า หลานจะเนื้อหอมขนาดนี้ ดูซิ ดูสิ น้องนกตอมกันตรึม เห็นแล้วอิจฉา มีอยู่รูปหนึ่ง หลานยายมีปีกด้วย.... ถ้าว่าง ๆ ก็บินมาทางเหนือบ้างนะ.... ทุ่งกว้าง ทางสวย น่าบินโฉบเฉี่ยวเชียวหล่ะ