Untitled Story

pigstation

ฉันยังคงรอคอยเธออยู่เสมอ ตรงที่เส้นทางสายเดิม   ตรงที่เรียงรายไปด้วยกลีบดอกไม้ที่กลายเป็นผืนพรม  ตรงที่สายลมโลมไล้ให้หมู่แมกไม้ได้ผงกตัวเบาๆ ส่งเสียงแกรกกรากกลบความเงียบเหงา ในเช้าหนาวหมอกจัดวันนั้นลงคลี่คลุมบรรยากาศ
เธอจะค่อยเดินใกล้เข้ามาพร้อมปิ่นโตขนาดสองชั้นที่มีลวดลายดอกไม้แต่งแต้ม รอยยิ้มเธอจะนำพาความสว่างสวย แล้วดวงแดดก็จะค่อยส่งผ่านรัศมีเล็ดลอดพุ่มไม้ลงมาแตะยังเบื้องล่าง เป็นลำแสงฟุ้งเป็นสีเหลืองทองเจิดจ้า
แล้วเราก็พูดคุยหยอกล้อกันไปจนกระทั่งถึงยังโรงเรียนเล็กๆที่ชนบทแห่งนั้น
ฉันยังจำภาพนั้นเสมอมาแม้วันนี้ ฉันจะนั่งอยู่บนชั้นที่ 23 ของตึกบริษัท แต่จิตใจนั้น มักล่องลอยไปยังสถานที่ เส้นทาง ร่มไม้  แววตา เดิมที่คุ้นเคยแสนอบอุ่น
หน้าจอคอมพ์กำลังแสดงผล ฉันเพียงแต่กรอกข้อมูลเข้าไป เพื่อให้มันประมวลผล หลังจากนั้นฉันก็ทำการวิเคราะห์ พร้อมบันทึกไว้ ก่อนถึงสิ้นเดือน เพื่อที่จะส่งรายงานไปยังฝ่ายประเมินผลต่อไป
จากนั้นเงินเดือนก็ไหลมาตามเส้นใยไฟเบอร์ออฟติคให้ฉันไปรูดออกมาจากตู้เอทีเอ็ม - -    แต่ฉันไม่อาจซื้อวันเวลาแห่งความทรงจำคืนมาได้ นอกจากเฝ้าฝันถึงเงียบๆคนเดียว
ปอยฝนโปรยลงมาระยอดตึก ผู้คนต่างวิ่งจ้าละหวั่น บ้างพกร่มมาก็กางกั้นป้องกันความเปียกจากน้ำใสจากใจฟ้า ซึ่งใจกลางเมืองอย่างไม่สบอารมณ์
ต่างจากวันเก่าๆนั้น เมื่อฝนเริ่มตั้งเค้า ฉันจะเตรียมเปิดฝาโอ่ง เตรียมกระแป๋ง เพื่อรองน้ำ ส่วนเธอก็คงจะสาละวนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ เก็บข้าวเปลือกที่ผึ่งไว้กลางลานนอกชาน
เมื่อฝนหว่านเม็ดลงมา ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน รู้ดีว่านั้นคือน้ำทิพย์อันฟื้นชีวิตเรือกสวนไร่นา ทว่าเขตเมืองนั้นต่างแช่งบ่นถึงสภาวการณ์สายฝนว่า เปียกแฉะ เลอะเทอะ เจิ่งนอง สำคัญที่รถติด
 ( ต่อให้ฟ้าแจ้งแดดเปรี้ยงรถราในเมืองกรุงก็ยังติดอยู่ดี )
เมื่อเสร็จภาระจากหน้าที่เล็กๆน้อยๆที่ทำได้ตามประสาเด็กอย่างเรา   ฉันมีความสุขที่ได้วิ่งไล่จับเม็ดฝน ส่วนเธอนั้นมักทำท่าสะท้านกลัวยามฟ้าแลบ หรือ ฟ้าร้องครืนๆลั่นทุ่ง
บางทีหลังฝนหมาดๆ ละอองไอฝนยังคงติดใจที่จะพริ้วพรายท่ามกลางไอแดดทอแสง นาทีนั้นเจ้ารุ้งตัวโค้งเจ็ดสีจะอวดตัว
เธอบอกฉันอย่างเสียงเข้มว่าอย่าเผลอไปชี้รุ้งมันนะ ประเดี๋ยวนิ้วจะด้วน ตอนนั้นเธอห่วงฉันจริงๆ หรือเพราะอะไรก็ไม่รู้ 
ฉันอยากให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วบอกประโยคนั้นอีกที
ภายใต้อาคารนั้น มีร้านกาแฟขนาดเล็ก  และผู้คนพากันเข้าไปหลบฝนอยู่พอสมควร ฉันปรี่เข้าไป มีหยดน้ำนิดหน่อยเกาะเนื้อตัว เสื้อผ้า พอหมาดชื้นไม่ถึงเปียกโชก ที่นั่งดูแน่นขนัด
รอยยิ้มแปลกตาส่งมาจากมุมโต๊ะนั้น ดวงหน้างามประพิมประพรายสะกิดเอาความทรงจำลอยตัวขึ้นมา เธอผู้นั้นพยักหน้าเป็นทีเชื้อเชิญ เนื่องจากโต๊ะอื่นล้วนเต็มไปด้วยสมาชิกครบถ้วนทุกเก้าอี้ที่มี
ฉันเอ่ยขอบคุณ หลังจากนั่ง กาแฟหอมกรุ่นอุ่นไอวางตั้งระหว่างเราทั้งสอง ความเก้อเขินยังพอมี ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
คงต้องรายงานชื่อ-สกุล-หน้าที่การงาน ตามธรรมเนียม แต่ด้วยความเคอะเขิน ฉันเพียงแต่ถามเชยๆไปว่าเธอมารอแฟนหรือ เล่นเอาเธอยิ้มหัวอย่างเป็นกันเอง พร้อมแนะนำว่าไม่มีใครถามกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้หรอก ถึงถามก็เป็นความลับส่วนตัวอยู่ดี และถึงจะตอบก็ยังเป็นความจริงหรือเรื่องโกหกก็ไม่รู้  แต่ยังดีที่เธอวางหนังสือบางเล่มไว้ตรงหน้า จึงพอเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นได้
เรื่องทำนองนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญในเมืองใหญ่  บทจะโรแมนติกขึ้นมา ความอึกทึก สับสน วุ่นวายของเมืองหลวงก็มีเรื่องหวานหวามไหวเกิดขึ้นมาได้บ่อยครั้งจากความเปลี่ยวเหงาที่รุมล้อม
     ความจริงหนังสือเล่มนั้นเป็นอัลบั้มภาพถ่ายจากฝีมือเธอ ดูเหมือนเป็นความชอบส่วนตัวที่เธอรู้สึกดีเสมอที่ได้บันทึกภาพ และจะชอบใจยิ่งขึ้น ถ้ามีใครได้ดูชมฝีมือ
ส่วนฉันเป็นแค่ผู้มืดบอดทางศิลปะสิ้นเชิงบอกตามตรงว่างงๆกับภาพถ่ายของเธอไม่เห็นมีตะวันตกน้ำ หรือ ดอกไม้สวยงามเลย มีแต่ภาพอะไรพิลึกๆ แต่ฉันก็เสไปว่า ดูแปลกดี ส่วนเธอก็ยิ้มแล้วบอกว่าไม่ต้องเกรงใจหรอก ส่วนใหญ่เพื่อนสนิทเธอก็บอกยิ่งกว่านี้
เธอบอกว่าบางทีคนเรามุ่งแต่จะไปยังที่หมายเดียวกัน จนแย่งชิง เบียดบังกันโดยไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ตัวฉันฟังดูก็เห็นว่า การที่เราจะดื้อรั้นมุ่งมั่นไปสู่สิ่งที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ
เธอบอกว่า แล้วกาแฟที่ดื่มอยู่  กินเหล้าสูบบุหรี่ไม่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคมะเร็งหรือไง ฉันเงียบแล้วยิ้มนิดๆ ไม่แย้งอะไร  ส่วนเธอก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรขยุกขยิกลงในสมุดบันทึกอีกเล่ม
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในร้านกำลังใช้มือถือกันทั้งร้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานที่ว่างอยู่ หลังจากเสิร์ฟเครื่องดื่มถ้วนทั่วแล้ว ทำไมไม่สนใจคุยกับคนที่อยู่ตรงหน้าใกล้ๆแค่คืบหนอ
ฝนทำทีจะซาเม็ดลง แต่เหมือนกลั่นแกล้งกลับกลายเป็นเทซู่ลงมาราวกับฟ้ารั่ว เหมือนคนจะถูก
จองจำกลางคุกสายฝนกันโดยปริยาย
นาทีต่อนาทีจนกระทั่งฝนยอมถอยฉาก  จากนั้นความเคลื่อนไหวจึงเริ่มต้นอีกครั้ง แล้วเราก็ร่ำลากันไม่มีการไถ่ถามถึงเบอร์โทรศัพท์กัน เพื่อเอาไปทิ้งขว้างภายหลัง
ไม่มีความทรงจำใดหลงเหลือไว้ มีแต่เพียงถ้วยกาแฟสองถ้วยบนโต๊ะตัวหนึ่งที่นำพาให้คนแปลกหน้าโคจรมาพบกันโดยสถานการณ์จำเป็น แล้วก็เลือนหายไปเช่นหมอกควัน
ฉันพลันรำลึกถึงเธอผู้ยังคงอยู่ที่เดิมเสมอมา ยังเป็นหญิงสาวของท้องทุ่งเช่นเดิม เปลี่ยนแต่เพียงเครื่องแบบที่สวมใส่หลังจากสำเร็จการศึกษา
หน้าที่การงานของเธอคือเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ประจำอยู่สถานีอนามัยตำบลหนองเจริญ
ชุมชนได้รับการบริการด้านสุขภาพจากเธอ และหัวหน้าซึ่งเป็นคนต่างอำเภอเป็นอย่างดี เป็นความใกล้ชิด ผูกพัน ในนามความเป็นชนบทเปี่ยมน้ำใจ
ทุกเวลาที่ไปรษณีย์ผ่านมาส่งจดหมายนั้น ทุกครั้งมักจะมีไปรษณียบัตรจากเขาคนนั้น คนที่เคยยืนดักรอเธอตรงโค้งทางเดิน ใต้ร่มดอกหางนกยูง  ก่อนเดินไปโรงเรียนพร้อมกันเกือบทุกเช้า	
แม้จะเป็นกระดาษขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือกลับบรรจุถ้อยคำ บรรจุความคิดถึง ส่งผ่านถ่ายทอดความหมายจากใครบางคนที่คุ้นเคย
ใบน้อยของกระดาษใบหนึ่งคือกำลังใจ  ไม่จำเป็นต้องอาศัยข้อความ SMS ให้เปลืองสตุ้งสตางค์แล้วก็เลือนหายไปในอากาศ เป็นความทันสมัยอันแสนว่างเปล่า
เธอไม่เคยบ่นถึงความเหนื่อยล้าต่องานการอันต้องขลุกอยู่กับความไม่รู้ ความเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ละครั้งของการดูแลรักษา เธอใช้ความอ่อนโยนและห่วงใยให้ผู้มารับบริการเสมอ จึงเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านซึ่งก็เป็นดังเครือญาตินั่นเอง
เสียงรถมอเตอร์ไซค์คุ้นหูส่งเสียงมา  เป็นน้าไปรษณีย์นั่นเอง    เป็นไปรษณียบัตรจากคนเดิม
เธอพลิกด้านหลังทันทีด้วยความลิงโลดใจ
22 ธค. 47  
ส้มโอจ๋า
ปลายปีนี้บริษัทให้ไปเก็บข้อมูลงานที่ภูเก็ต        กรุณานำส่ง
อาจเลยไปเที่ยวเกาะพีพี (ฉลองคริสต์มาส		      คุณจารุวรรณ   หมั่นธัญกิจ	
บนเกาะกลางทะเล แจ่มไหม ) อิจฉาล่ะสิ			สถานีอนามัยหนองเจริญ
ปีใหม่เจอกันนะ						  ต.หนองเจริญ  อ.สว่างอารมณ์	
		ไม่คิดถึงหรอก (ว่ะ)			      จ.อุทัยธานี 	
			เอก 					61140
จากวันเวลาเคลื่อนผ่านเธอรู้ดีว่าเรานั้นต่างห่างไกลกันด้วยภาระหน้าที่ มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่จะเคียงใกล้กัน
แต่บางครั้งโชคชะตานั้นชอบเล่นตลกกับเรา 
เช้าวันที่  26 ธันวาคม 2547 เธอได้แต่เพียงภาวนาทั้งน้ำตา อธิษฐานขอให้เขาอย่าเป็นอะไรเลย หรือเพียงแค่พบเจอกันอีกไม่ว่าจะในสภาพใดก็ตามแต่ ขอเถิดฟ้าดิน ทะเล
ที่ตรงนั้นเธอจะเดินมาพร้อมหิ้วปิ่นโตสองชั้นลายดอกไม้รอคอยเขาอยู่เสมอไปในความทรงจำ
เธอยังคอยอยู่ใช่ไหม แล้วฉันจะกลับไปหา...........				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    4 กรกฎาคม 2548 08:18 น. - comment id 85544

    เธอบอกว่า แล้วกาแฟที่ดื่มอยู่  กินเหล้าสูบบุหรี่ไม่เสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคมะเร็งหรือไง ฉันเงียบแล้วยิ้มนิดๆ ไม่แย้งอะไร  ส่วนเธอก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรขยุกขยิกลงในสมุดบันทึกอีกเล่ม
    
    
    ซีนนี้คุ้น ๆ .. แต่ก็รู้สึกดี ที่คนอื่น ก็คิดเหมือนเราแฮะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน