เรื่องความตาย ความตาย น่ากลัวไหมครับ? อืม เรามาทำความรู้จักกับความตายกันดีกว่าครับ ความตายนั้นไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกลตัวเราเลยแม้แต่นิดเดียว ความตายเดินตามเราทุกๆคนทุกย่างก้าว หรือไม่แต่คนที่กำลังนอนหลับ ความตายก็จะหลับและเป็นเพื่อนกับเราทุกชั่วขณะ เราขับรถความตายก็ไปกับเราด้วย เราทานข้าวความตายก็ทานด้วย หรือแม้แต่เราหัวเราะหรือร้องไห้ความตายก็จะอยู่กับคุณ เพราะทุกเสี้ยววินาทีที่เรามีชีวิต ความตายก็กำลังจับจ้องมอดูคุณอยู่.น่ากลัวหละสิ สำหรับผมแล้วความตายไม่น่ากัวเลยครับจะกลัวมันไปทำไมไหนๆเราเกิดมาก็จะได้ตายอยู่แล้ว ไม่มีใครที่จะอยู่จนโลกนี้จนแตกสลายได้หรอกครับ ลองคิดเล่นๆดูสิครับ ประเทศไทยเรามีประชากรอยู่ 60 ล้านคน ที่เดินตามห้างสรรพสินค้า ที่เดินอยู่แถวๆตลาด หรือผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ตามถนนที่ไหนซักแห่งก็ตาม อีกไม่ถึง100ปี ผู้คนเหล้านี้ก็จะตายกันหมดลองคิดดูอีกสิครับ ถ้าสมมุติว่าจะไม่มีผู้คนเกิดมาทดแทนโลกเราอีก โลกเราก็จะมีแต่ความว่างเปล่า ยิ่งพูดยิ่งน่ากลัว รวมทั้งผู้คนอีกljfgjoiguล้านคนทั่วโลก..ง่ายๆครับคนที่อ่านหนังสือของผม และ ตัวกระผมเองอีก1000ปี(เฮ้ย 0 เกินไปหนึ่ง ตัดทิ้งทศ 0 หนึ่งตัวไว้ในใจ เท่ากับ100 ปี) อีก100 ปีข้างหน้าเราก็จะได้ตายแล้วฮู้!!!ดีใจ แป่ว! แต่ก็มีคนบางคนนะครับที่อยากตายก่อนวัยอันควร.สำหรับเรื่องตายแล้วมันไม่ยากครับ ! แม้มันจะหาชื้อตามท้องตลาดไม่ได้ แต่คุณก็สามารถตายแถวท้องตลาดได้ โดยคุณไปจีบลูกสาวพ่อค้าร้านขายปืน หรือไม่ก็ ตายโดยการกัดลิ้นตาย หรือเอามือตบหน้าผากตัวเองตายแบบหนังกำลังภายใน.. ครับ.ถ้าพูดถึงเรื่องความตายแล้ว ทุกคนเองคงไม่อยากตายกันแน่นอน แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..คุณรู้ว่าตัวเองต้องตายภายใน อีก 5 วันข้างหน้า น่ากลัวแล้วสิ! แล้วคุณจะทำอะไรก่อนตายหละ ? สำหรับตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่มีไรมากกกก ก็ขอจบเพียงเท่านี้ พูดเล่น สำหรับข้าพเจ้าเองก็จะไปขายของที่ไม่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตภายใน 5 วันนี้ออกให้หมดเช่น กางเกงใน แปลงสีฟัน ไม้จิ้มฟันมือสอง ฯลฯ ขายเสร็จแล้วก็ไปทำประกันชีวิต ต่อจากนั้น ก็ไปร่ำลาคนที่เรารัก และพอเราได้เงินที่เราขายของมาเราก็ไปเที่ยวชมธรรมชาติ ทำอะไรที่เราไม่เคยทำ อย่างเช่น ไปว่ายน้ำกับจระเข้ในสระ , ขี่เสือจับตั๊กแตน (ตายก่อนพอดี) , เข็ญสิบรถล้อขึ้นภูเขา , อันสุดท้ายนี้เลย!!! ทานหัวหอมใหญ่ (น่าหวาดเสียวมาก) ฯลฯ คนเราต้องค้นหาความมันก่อนตาย แต่อย่าไปค้นหาความตายก่อนมันหละมันจะยุ่ง ! พอเราเที่ยวให้หนำใจเสร็จแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของชีวิต ตกดึกคืนสุดท้ายที่เราจะมีชีวิตอยู่ ในวันนั้นผมจะออกมานั่งนอกบ้านแล้วก็มองดูดวงดาวยามค่ำคืน ดาวในคืนนั้นบอกได้เลยครับว่ามันต้องเป็นดาวที่สวยงามมาก ยิ่งกว่าฝนดาวตกชะอีก เพราะมันเป็นวันที่เราจะนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เราผ่านมาในชีวิต ว่ามีอะไรบ้างนึกถึงสิ่งดีๆในชีวิตแล้วพอถึงเวลาเราก็หลับไปพร้อมๆกับความสุข..ครับพอพูดถึงเรื่องตายผมมีนิยายเรื่องหนึ่งที่อยากเบียร์ให้ฟัง ชื่อเรื่อง ความตายหายนะและชีวิต นิทานเรื่องนี้สร้างจากเรื่องโกหก นำแสดงนักแสดง กำกับโดย ผู้กำกับ ทุ่มทุนสร้างกว่า 2 บาท (ชื้อกระดาษมาเขียน) รายได้ถล่มกระจาย กำลังจะถูกHollywood นำไปสร้างเป็นหนัง เรื่องเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในคืนนั้นเป็นคืนที่เงียบสลัว (ใครรู้จักเงียบสลัวบ้าง!เงียบสลัวก็คล้ายๆกับเงียบสงัดต่างกันตรงที่คำว่า ลัว-งัด ) แม้แต่เสียงมดคุยกันยังได้ยิน เมื่อมองเข้าไปทางด้านในของโรงพยาบาลแห่งนั้น ก็จะเห็นห้องๆหนึ่งซึ่งติดป้ายว่า ห้องสุขารวม ผู้ปว่ยคนหนึ่งถูกทางโรงพยาบาลย้ายมาอยู่ที่ห้องพิเศษห้องนี้ เพราะทางโรงพยาบาลไม่มีห้องที่เหลืออยู่อีกแล้วเพราะคนไข้มีมากเกินจำนวนห้อง แอนผู้ซึ่งเป็นนางพยายามถูกคุณหมอ เสริม มัจจุราช เรียกตัวให้เข้าไปเฝ้าไข้ผู้ป่วยในห้องนั้น เมื่อนางพยายามแอนเข้ามาถึงในห้องนั้น สภาพที่เธอเห็นก็คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคแทรกซ้อนหลายโรคทั้ง ม้ามแตก , อกหัก , ใจหาย , มะเร็ง , เอดส์ , ไข้หวัดนก , ท้องเสีย, ฟันผุ , ฟันแมง , ฟันแล้วทิ้ง (เอ่อ! อันหลังนี้ใครทราบบ้างว่าโรคอะไรครับ ? ) ฯลฯ แต่ผู้ป่วยไม่ตายซักที ผู้ป่วยคนนั้นถูกนายแพทย์ เสริม มัจจุราช ใส่เครื่องพันธนาการต่างๆเพื่อช่วยผู้ป่วยอยู่รอด เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องตอกเสาร์เข็ม เครื่องสูบน้ำ(ชนิดคูโบตา) เพื่อสูบน้ำออกจากปอดผู้ป่วย เครื่องเล่น วีชีดี เครื่องซักผ้าเครื่องในสัตว์เพื่อที่จะเปลี่ยนถ่ายอวัยวะของผู้ป่วย ฯลฯ แต่เครื่องเหล่านั้นคนนั้นก็ไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเลยแม้แต่นิด เมื่อนางพยายามแอนมองไปที่สายตาของผู้ป่วยก็ได้เห็นสายตาที่กำลัง หรี่ลงหรี่ลง.หรี่ลงแล้วกระพริบตาให้กับนางพยายามแอน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า รัก เสียงลมหายใจของผู้ป่วยแผ่ว บางลง.บางลงบางลง(บางลงแบบมีปีกที่บางกระชับ) แล้วทันใดนั้นผู้ป่วยก็หลับลง แล้วสภาพแวดล้อมแถวนั้นก็เงียบสลัวลงอีกครั้ง นางพยายามแอนเห็นท่าไม่ค่อยดี เธอรีบเดินเข้าไปหาที่ตัวผู้ป่วยอย่างรีบเร่ง แล้วก็เอามือจับชีพจรของผู้ป่วย เธอจับไปที่ก้นของผู้ป่วยไม่เต้นแล้วใช้มือจับไปที่ขาไม่เต้น.เธอคิดว่ามันคงไม่ใช่แน่นอน ก็เลยเอาหูของเธอนอนแนบลงไปกับพื้นห้องเพื่อที่จะฟังเสียงชีพจร แล้วเธอก็ได้ผลเธอได้ยินแล้วเสียชีพจรเต้น ตึกตักอึกอักงักงัก เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นเธอก็รู้ว่าผู้ป่วยแค่นอนหลับไปเท่านั้นเอง เพราะเวลานั้นก็ปาเข้าไปเข้าตีสองกว่าแล้ว รายต่อไปที่หลับก็เป็นนางพยายามแอนนั่นเองหมายเหตุเรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลบ้าแห่งหนึ่ง สรุปความตายในความหมายของตัวผู้เขียนเองนั้นก็คือ การที่เราหลับสนิทโดยที่เราไม่ฝันไม่รู้สึกถึงอะไรนั่นเองผมว่า เราเองก็ตายกันทุกวันนั่นแหละ บางคนก็ตายวันละ 6-8 ชั่วโมง บางคนก็ตายวันละ3-4 ชั่งโมงเพราะการตายก็คือการนอนหลับที่สนิท และอีกเรื่องหนึ่งพอถึงเวลาที่เราเองจะตายจริงๆ ผมว่าเราทุกคนไม่รู้หรอกครับว่าตัวเองตาย รู้แต่ว่ากำลังจะตาย พอถึงเวลาตายก็ไม่รู้ ลองคิดดูสิครับ! ถ้าเราตายแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเราตายนั่นสิ งั้นทุกคนในโลกนี้ก็หันมามองการตายในแง่ของการนอนหลับพักผ่อนโดยที่เราไม่ฝันไม่รู้สึก ก็คือการนอนหลับนั่นเองเราจะมาตายวันละ 6-8 ชั่วโมงตายหมอบอก เพราะมันเป็นการดี แต่อย่าตายกันบ่อยนะครับเดี๋ยวติดเป็นนิสัย เดี๋ยวก็ได้ตายตลอดชีพ(ไม่ได้แช่งนะครับ) และอีกอย่างหนึ่งครับเวลาคนรอบๆข้างตัวเรานอนหลับไปโดยเขาจะไม่พูดไม่ตื่นแล้วก็อย่าไปเศร้าโศกกับเขาคนนั้นเลย ถือว่าเขาหลับไปแล้วหลับฝันดีจนเขาไม่ยอมตื่นก็แล้วกัน (ไม่พูดดีกว่าเรื่องมันเศร้า) ว่าไปแล้วผู้เขียนเองก็นึกอยากตายแล้วสิ ผมขอตายซัก 2-3 ชั่วโมงก่อนแล้วกันง่วงแล้ว1.2.3.คร๊อกฟี่!!! กระผมลองเขียนเล่นๆถ้าใครอ่านแล้วช่วยวิจารน์ทีนะครับด่าหรือ...อะไรก็ได้ผมรับได้หมด
19 มิถุนายน 2548 13:15 น. - comment id 85371
เหอะๆๆจงมีความสุขกับความตาย เถอะพวกเรา
20 มิถุนายน 2548 16:51 น. - comment id 85383
ขอให้เธอมีความสุขกับการหลับค่ะ แล้วไม่ต้องตื่นก็ได้นะ..อิอิ
21 มิถุนายน 2548 12:54 น. - comment id 85405
เหอๆ คิดได้ไงอ่ะ
23 มกราคม 2549 00:57 น. - comment id 89159
อ่านแล้วค่ะ หวังว่าคนตายคงมีความสุข รอคนที่ยังไม่ตายบ้าง ขอบคุณนะที่ส่งมา
24 สิงหาคม 2551 22:27 น. - comment id 101197
55555555555555555555++++++++++++++ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก