..กาพย์นภาลัย...ตอน..แค้นฟ้า
wanmangrux
ภายใต้เก๋งที่ตกแต่งอย่างประณีตงดงาม
แพรสีขาวพลิ้วไหวไปตามสายลมอย่างอ้อยสร้อย
ทิวทัศน์เบื้องหน้างดงามปานสวรรค์ในแดนดิน
..สวนบุปผาหลากสีส่งกลิ่นหอมรวยระริน
โอบล้อมสระบัวกว้าง.ซึ่งบัดนี้คลี่กลีบสีขาวแย้มยิ้ม
น้ำเบื้องล่างใสสะอาดจนเห็นหมู่มัจฉาแหวกว่าย
ฉากธรรมชาติเหล่านี้อิงแอบ
อยู่เคียงข้างผนังผาที่ราบเรียบดุจกระจก
..ผนังผาสะท้อนภาพ
ทิวทัศน์อันตราตรึงใจเบื้องหน้า..
เป็นภาพที่น่าประหลาดพิสดารประการหนึ่ง
นิ้วมือขาวสะอาดปานหยกเนื้อดี..
เป็นนิ้วมือที่สวยงามและมั่นคงอย่างยิ่ง..
ยื่นออกมาจากหลังม่านแพรบางเบา
ภายในเก๋ง..ปรากฏบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง...
บุรุษหนุ่มที่หล่อเหล่าคมคาย
เขาสวมชุดยาวที่ทำมาจากผ้าต่วนเนื้อดีสีขาว
พู่สีเหลืองเข้มแนบนิ่งสงบอยู่ข้างเอว.
.ในโลกนี้ถึงกับมีชายงามเช่นนี้
คิ้วของเขาเรียวยาว จมูกเป็นสันตั้งตรง
ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิท...หากดวงตาสุกใสของเขา
กลับฉายแววปวดร้าวชนิดหนึ่ง..
ฉายแววหดหู่เศร้าสร้อยประการหนึ่ง
เขาทอดถอนใจอย่างแผ่วเบา คล้ายอัดอั้นตันใจ
คล้ายทิวทัศน์งดงามเบื้องหน้า
ก็ไม่สามารถสร้างความเบิกบานใจให้กับเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกรีดสายพิณ
ที่วางอยู่บนโต๊ะศิลาในเก๋งหลังน้อย
เสียงดังติงตังสดใส..
คล้ายกับสร้างความสะท้านสะเทือนในใจของเขา
ยามนี้ ริมฝีปากงามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวก่อนเสียงนุ่มนวล
อ่อนโยน แต่โศกซึ้งดังขึ้นเบาๆด้วยบทกวีที่เขารจนา
...สะบั้นบัวคล้ายว่ายังเหลือใยรัก...
ราวไร้น้ำใจทว่ากลับคะนึงหา
ยามฝันหรือยามตื่นยังเหลือเงาครุ่นคำนึง
...เจ็บปวดรวดร้าว...จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน
วสันต์เลือนลับกลับมากน้ำใจ
วันปีเคลื่อนคล้อย..ไยล้นอาดูร
รักจืดจางหาย..คล้ายดั่งอาวรณ์
ให้สะทกสะท้อน....มีรักไฉนคล้ายไร้รัก
ยามนี้เขารู้สึกคล้ายดังชราภาพ.
.เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับความรู้สึกที่กัดกร่อนจิตใจ
ความจริงที่โหดร้ายเหมือนแส้คอยกระหน่ำฟาดโบย
สู่จิตใจของเขา วันแล้ววันเล่า รักลึกซึ้ง
รอยแผลยิ่งลึกล้ำ เหตุใดคนที่มีน้ำใจบริสุทธิ์เช่นเขา
ความรักที่ทุ่มเททั้งจิตและวิญญาณให้
กับหญิงสาวที่เขารัก....กลับแลกมาซึ่งความปวดร้าวขมขื่นเช่นนี้
....ใจเขาแหลกสลายลงแล้ว.นับแต่วันนั้น...
เขาแค้นนาง...แต่เขาก็ยังคงรักนาง
เขาเกลียดชังนาง...แต่เขาก็ยังคงครุ่นคำนึงถึงนาง
นี่คือฝันร้ายที่กัดกร่อนความรู้สึกของเขา..
.เขาจึงปลีกตัวจากผู้คน ปลีกตัวจากมิตรสหาย
เพราะเขาไม่มั่นใจ...ระหว่างน้ำมิตร..
.โลกนี้ใช่เหลือน้ำใจอันงดงามหรือไม่
ความเจ็บปวดรวดร้าว ความขมขื่นแล่นผ่านเป็นริ้วเข้าสู่จิตใจเขา
เขาได้ยินเสียงของหัวใจของเขา มันคล้ายเป็นเสียงร่ำไห้
เสียงคร่ำครวญอย่างโหยหวนต่อชะกรรมแห่งความรัก
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปงาม
เขาเย้ยหยันชะตาชีวิต เย้ยหยันความโง่เขลาของตัวเอง
เย้ยหยัน.......ไยจึงรักสตรีที่ไม่คู่ควรแก่การรัก
เย้ยหยัน.......ไยโง่งมฝังใจกับอดีตที่ไม่มีคุณค่าให้กับการครุ่นคำนึง
เย้ยหยัน.......ตนเองที่ชมชอบทำร้ายจิตใจของตน
ทั้งๆที่เขาเกลียดชัง ความรู้สึกเหล่านี้.
..แต่เขาเคยออกมาได้หรือ กี่ค่ำคืนกับฝันร้าย
ที่ต้องตะเกียกตะกาย กระเสือกกระสนออกมาจากหลุมมืดมิด
ราวเงาแห่งปีศาจร้ายที่คอยรังควานเขา
อีกกี่ปี กี่เดือนหรืออาจตลอดชีวิต
ที่เขาจะไม่ต้องฝันร้ายซ้ำๆซากๆแบบนี้อีก
นี่หรือคือสิ่งที่เขาได้รับการประทานจากคนรัก....
นี่หรือสิ่งที่ตอบแทนน้ำใจอันบริสุทธิ์ของเขา
...บุรุษหนุ่มผู้มีนามว่า......แค้นฟ้า