DeVil ตอนที่ 2 : ผู้มากับแสงจันทร์...
bMX
อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อท่านคือผู้ถูกเลือก ต่อให้ท่านจะพยายาม
หาหนทางที่จะหลีกเลี่ยงมันสักเพียงใด ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอยู่เฉยๆ รอให้มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หรอก
ไม่มีวันที่ท่านจะหนีมันพ้น เพราะท่านคือผู้ที่ชะตาได้ลิขิตไว้ ให้เกิดมา เพื่อทำลายล้าง...
แสงจันทร์สาดส่องในคืนเดือนเสี้ยว อำนาจแห่งแสงจันทร์ที่กำลังจะแข็งแกร่งขึ้น...จากคืนเดือนดับ
ย่างกรายเข้าสู่คืนจันทร์ สองอำนาจที่กลับกันผลักดันให้เกิดดวงวิญญาณอันยิ่งใหญ่
สามวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และสิบสี่จอมเทพ เป็นการรวมตัวของเหล่ามหาวิญญาณทั้งสิบเจ็ด
เพื่อการปกป้องห้วงมิติแห่งกาลเวลา...
แต่สิ่งที่เข้ามาพัวพันกลับกลายเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง กลุ่มเด็กผู้ถูกเลือกสิบสี่คนและผู้ครอบครองวิญญาณ
อีกสาม กลายมาเป็นผู้ที่ต้องรับภาระในการทำลายล้างครั้งนี้อย่างไม่ตั้งใจ...
เมื่อไร้ซึ่งทางเลือก สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำลาย...
ทำลายอย่างหนึ่ง เพื่อรักษาอีกอย่างหนึ่ง
หน้าที่...ที่จำต้องรับไว้ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม...
------------------------------------------------------------------------
"เวลานั้นใกล้เข้ามาทุกที หากท่านยังไม่รีบ...แล้วจะมาหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้"
น้ำเสียงเย็นเยียบที่เอ่ยปากออกไป ทำให้คนฟังสามารถรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่ส่งผ่าน
หากแต่ผู้ฟังคนนี้กลับมิได้สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
"เรื่องนั้นข้าเองก็ทราบดี ว่าแต่พวกท่านเถอะ ผู้ครอบครองวิญญาณทั้งสาม หวังว่าพวกท่านคงจะ
ค้นพบบุคคลผู้ซึ่งมีพลังเหล่านั้นแล้ว"
เสียงเอ่ยถามเรียบๆ ดูใจเย็น จากจากบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า คำถามที่เรียกให้ริมฝีปากขยับเป็นเส้นตรง
และแทนที่จะให้คำตอบ เธอกลับมอบคำถามให้แทน
"หรือท่านไม่คิดอย่างนั้น...ดาร์ค"
รอยยิ้มที่กว้างกว่าผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้ฟัง เมื่อประโยคที่ฉายแววท้าทายถูกกล่าวออกมาอย่าง
เปิดเผยผ่านริมฝีปากบางและใบหน้าเรียบเฉยของคนพูด
นิสัยเสียที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ความมุ่งมั่นและความสามารถที่เต็มเปี่ยม อัดแน่นอยู่ภายใต้
หน้ากากที่เย็นชาและเรียบเฉย รักที่จะท้าทายกับทุกสิ่งอย่างสนุกสนาน ไม่เคยกลัวสิ่งใดในโลก
เลยหรืออย่างไรกัน...แองเจิ้ล
"อำนาจ ข้าขอสาป...ข้าขอสาป...ให้โลกนี้จมดิ่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทรา ให้เวลาจงหยุดนิ่ง ดับแสงตะวัน
แล้วคืนทุกสรรพสิ่งให้กลับสู่ความมืดมิดใต้เงาจันทร์อีกครา..."
น้ำเสียงต่ำลึกที่ดังก้อง ราวกับจะกดทุกโสตประสาท ปลุกให้เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากความฝันที่ลึกลับนั่น
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอฝันเช่นนี้ สามครั้งสามคราติดต่อกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
และถ้าเธอไม่ได้คิดไปเอง... ความรู้สึกราวกับกำลังถูกดึงเข้าไปในฝันร้ายนั้น เหมือนกับว่ามันะไม่ต้องการให้เธอตื่น...
เม็ดเหงื่อที่เกาะพราวเต็มใบหน้า ดวงตาหรี่ลง เสียงถอนหายใจหอบยังคงดังถี่อย่างหยุดไม่ได้
ทั้งที่ห้องนอนยังคงเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศ แต่ความร้อนที่รุมเร้าในหัวมันมีมากมายเหลือเกิน
มากจนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
จนกระทั่งเมื่อร่างกายที่หอบหนักเริ่มสงบลง ความเงียบเริ่มกลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง เธอหันกลับไปมอง
ที่หน้าต่าง มือเรียวปัดผ้าม่านออกช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนกระจกที่กั้นอยู่ออก และทันทีที่เธอมองออกไป
ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง...
ที่บนยอดไม้ขนาดใหญ่ข้างหน้าต่าง ปรากฎร่างของหญิงสาวในชุดผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมสีดำสนิท
ตรงสวยยาวจรวดเอวทอประกายเล่นแสงกับจันทร์ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่คมกริบกำลังตวัดมองมาทางเธอ
แม้ว่าหล่อนจะดูสวยสักปานใด แต่ภายในใจเธอรู้สึกราวกับจะลุกขึ้นเต้นได้...ภาพตรงหน้าเธอ...
สตรีที่งดงามราวกับภาพวาดจากจิตรกรฝีมือเอก เหมือน...ภาพในความฝัน...
"สวัสดี"
เสียงหวานเย็นเยียบเอ่ยเบาๆ แต่มันกับดังก้องเข้าไปทุกโสตสัมผัสของเธอ ดังแว่วอยู่อย่างนั้น...
ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง แต่ยังไม่ทันจะขยับตัว...
"โอ๊ย!"
เธอร้องเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่วิ่งวาบไปทั่วขา ความเจ็บปวดแล่นวาบ
ก่อนที่จะหายไปแล้วดึงเอาความรู้สึกชาเข้ามาแทนที่ ขาข้างซ้ายของเธอไม่สามารถขยับได้ในตอนนี้...
"อึก.."
เสียงกัดฟันข่มความเจ็บ เมื่ออาการแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับขาข้างขวา เธอตวัดสายตาแข็งกร้าวกลับ
ไปมองที่ร่างของหญิงสาวคนนั้น ใบหน้าสวยยังคงยิ้มให้เธออย่างไม่ทุกข์ร้อน
เด็กสาวกัดฟันแน่น ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ค่อยๆ รวบรวมสมาธิอย่างถึงที่สุด จนกระทั่งสลัดตัวเองให้หลุด
จากความทรมานนั้นได้สำเร็จ เธอค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่หญิงปริศนาคนนั้นยังจ้องหน้าเธอ แต่เด็กสาวจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าความรู้สึกเจ็บ
ที่ขายังคงมีหลงเหลืออยู่ก็ตาม แต่มันไม่ใช่เวลามาเจ็บ มีบางอย่างสำคัญกว่า...
"เธอเป็นใคร"
คำถามแรกที่หลุดออกจากปากเด็กสาว ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นแต่แผงด้วยแรงโทสะ ทำให้รอยยิ้ม
ของหญิงคนนั้นขยับกว้างขึ้นมากกว่าเดิมอีกนิด
แต่ร่างบางกลับเข้าใจว่ามันเป็นการยิ้มเยาะ เป็นเหตุให้อารมณ์หงุดหงิดที่มีมากอยู่แล้วพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร!" เพิ่มเสียงให้มากขึ้นจนแทบจะเป็นตวาด แต่ใบหน้าหวานนั้นยังคงยิ้มใจเย็น
ในขณะที่คนพูดกำลังเซลงทีละน้อย เมื่อความเจ็บปวดที่ขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ยิ่งเธอเจ็บปวดมากเท่าไหร่ รอยยิ้มบนใบหน้าสวยก็ยิ่งมากขึ้น ราวกับรับรู้ความเจ็บปวดของเธอ
"เธอเป็น...โอ๊ย!" เธอกำลังจะพูดต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะ ว่าตอนนี้ขาเรียวไม่สามารถที่จะฝืนต่อไปได้อีกแล้ว
ร่างทั้งร่างทรุดลงไปตามแรงโน้มถ่วง ร่างบางพิงกับชั้นวางของอย่างหมดแรง หลับตาแน่นเมื่อความเจ็บจาก
ขาทั้งสองข้างค่อยๆ ลามขึ้นไปจนทั่วร่าง กำหมัดอย่างเจ็บใจเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้
จนในที่สุด...สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงชั้นข้างตัว มือเรียวค่อยๆ ฝืนคว้ามาไว้ในมือ
ก่อนจะซัดมันออกไปข้างนอกผ่านกระจกที่เปิดอยู่ให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้
จากนั้น...สติของเธอก็ค่อยๆ เลือนหายไป