+++ChiNa VoL vi+++

ardin

วันที่ 17 
วันสุดท้ายในดินแดนมังกรแห่งนี้ เช้านี้เราเดินทางไปยังสักการะพระหยกขาวกันก่อนเพื่อเป็นสิริมงคล  9 โมง เราก็มาถึง ภายนอกวัดกำแพงเป็นสีเหลืองสดสะดุดตา วัดนี้มีพระหยกขาว 2 ปาง ที่อัญเชิญมาจากพม่า ภายในนักท่องเที่ยวเยอะมาก เราจะเข้าไปดูพระหยกขาวปางมารวิชัยกันก่อน อยู่บนชั้นสอง คนแน่นมาก ค่อยๆเดินผ่านไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เราก็ได้แค่ยกมือไหว้รีบๆแล้วก็จะถูกดันลงมา  เข้ามาอีกวิหารหนึ่งเป็นพระหยกขาวปางไสยาสน์ มีสองฝั่งตั้งตรงข้ามกัน ฝั่งหนึ่งเป็นองค์จำลองจากสิงคโปร์  อีกฝั่งเป็นองค์จริง เมื่อไหว้เสร็จก็เดินกลับมาข้างหน้าเข้าไปไหว้พระประธานคือ พระศรีศากยะมุนี ด้านหน้าวิหารก็มีโคมเจดีย์ ที่ให้โยนเหรียญเหมือนทุกๆวัด ออกจากวัดเราก็เดินลัดเลาะตามถนนไปไม่นานก็ถึงร้านไข่มุก ที่จะมีการจัดแสดง และแนะนำไข่มุกรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไข่มุกให้ทราบและเลือกซื้อหากัน เริ่มต้นการอธิบายด้วยการนำหอยมุกมาเพื่อให้เราได้ทายว่ามีไข่มุกอยู่ภายในกี่เม็ด ใครที่ทายได้ถูกจะมีครีมไข่มุกแจกเป็นรางวัล และไม่น่าเชื่อว่าในหอยมุกหนึ่งๆจะมีไข่มุกมากถึง 30 กว่าเม็ด มีหลายสีคละกัน ทั้งขาวและชมพู ไข่มุกถูกหรือแพงนั้นขึ้นอยู่กับขนาดเล็กใหญ่และความกลมของไข่มุกนั้น ถ้าเลี้ยงมานานหลายปีก็จะมีขนาดใหญ่กว่า ต่อมาผู้บรรยายก็ได้อธิบายถึงการดูไข่มุกของจริงกับของปลอม ซึ่งมีหลายวิธีเช่นการนำไข่มุกมาถูกันถ้ามีความรู้สึกว่าสากๆ ไม่เรียบจะเป็นของจริง ส่วนถ้าลื่นกลมจะเป็นของปลอม หรือการนำไข่มุกไปถูกับกระจกใส ถ้ามีรอยเมื่อขูดไข่มุกลงไปจะเป็นของจริง เนื่องจากไข่มุกจริงจะต้องไม่เรียบสนิท จะมีสะเก็ดสากๆของมุก ถ้าเป็นของปลอมจะทำมาเรียบ กลมเกินจริงจึงไม่มีรอย และยังมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น แป้ง ครีม ที่ทำมาจากไข่มุก หรือไข่มุกที่กินได้ รวมถึงสร้อยไข่มุกขนาดต่างๆให้เราเลือกกันตามชอบใจ				
จากที่นี่เราก็ไปเที่ยวต่อกันยัง ตลาดหวังเฉินเมียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ร้านค้าต่างๆ อาคารต่างๆเป็นลักษณะบ้านทรงจีนโบราณ เหมือนจวน ตำหนักจีนสมัยก่อน มีทั้งร้านขายอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านซุ้มเล็กๆที่ขายของที่ระลึกจำพวกตุ๊กตาจีน รูปภาพ พัดกระดาษเขียนอักษรจีน พวงกุญแจ แต่ราคาต้องต่อลงมาได้เกินครึ่งเลยทีเดียว และที่นี่มีร้านขายเสี่ยวหลงเปา เจ้าดัง ที่อร่อยมากๆ ซึ่งมีคนที่เข้าคิวรอซื้อยาวเป็นวา เอ้ รู้สึกว่าจะมากกว่าหนึ่งวาด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าก่อนที่จะได้ทานไกด์ของเราต้องเข้าคิวซื้อนานถึง 2 ชั่วโมง เพื่อซื้อมาเลี้ยงพวกเรากันคนละลูก สองลูก แต่เมื่อผมได้ชิมแล้ว อืม รู้แล้วละว่าอร่อยจริงๆ มิน่าถึงยอมเข้าคิวกันได้ถึงขนาดนั้น				
				
บรรยากาศของตลาดหวังเฉินเมียว				
ภาพพระหยกขาว ปางไสยาสน์				
ออกมาจากตลาดก็เลยเที่ยงมาหน่อยได้เวลาไปทานข้าวเที่ยงกัน ก่อนที่จะบ่ายนี้เรามีโปรแกรมไปซื้อบัวหิมะ ซึ่งเป็นยาลักษณะครีมที่รักษาพวกแผลพุพอง จากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นยาที่มีชื่อเสียงมากในประเทศไทย เราแวะเข้าไปในสำนักงานที่ขายยาบัวหิมะ ผู้บรรยายที่นี่สามารถอธิบายเป็นภาษาไทยได้แตกฉาน สงสัยว่าคนไทยจะเป็นลูกค้าประจำจริงๆด้วย การแนะนำบัวหิมะก็จะมีการแสดงโชว์คือ การใช้มือแตะโซ่ร้อนๆที่แค่กระดาษเฉียวยังลุกติดไฟได้ และเมื่อแตะแล้วก็ต้องมาให้พวกเราดูเห็นว่ามือพองจริงๆ ก่อนที่จะใช้ยาบัวหิมะละเลงลงไปบนฝ่ามือ ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วแนะนำยาตัวอื่นต่อไปเรื่อยๆ แล้วจึงเช็ดยาออกดูจะพบว่าไม่มีรอยใดๆ หายดีเป็นปกติ ไม่พองแล้ว ซึ่งบัวหิมะนี้ผมก็มีใช้อยู่ที่บ้านเช่นกัน ตอนนี้ออกแบบใหม่เป็นกล่องสีฟ้า ซึ่งเขาบอกว่าสูตรใหม่นี้มี SPF 30 กันแดดได้ ทาหน้ารักษาสิว รักษาฝ้าได้อีกต่างหาก อืม เป็นกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าที่สำคัญจริงๆที่หันมาเจาะกับการรักษาผิวพรรณด้วยซึ่งขณะนี้ไม่ว่าจะออกไปไหน ใกล้ไกลยังไง ถ้าต้องพบกับแสงแดดละก็ต้องขอBlock ครีมกันแดดกันไว้ก่อนละ แล้วอธิบายจบก็ถึงคราวซื้อขายของ ซึ่งพวกเราก็เสียตังค์ต่อไปตามระเบียบ 
ออกจากร้านบัวหิมะ เดินทางต่อไปยังแหล่งช้อปปิ้งสำคัญ นั่นคือ ตลาดเซียงหยางลู่ หรือที่เขาบอกว่าเหมือนตลาดจตุจักร บ้านเรา แต่ผมว่าดูจะเล็กกว่าจตุจักรเรา เป็นแหล่งขายของก้อปปี้ พวกนาฬิกาโลเล็กซ์  กระเป๋ากุชชี่ ที่เลียนแบบได้ใกล้เคียงมากๆ และราคาถูก ซึ่งของพวกนี้จะไม่วางขายกันเด่นชัดหน้าร้านแต่จะมีคนที่เป็นพ่อค้ามาเรียกถามเสนอของที่เป็นรูปตามทาง แล้วก็ค่อยพาเราไปดูของถ้าเราสนใจ นอกนั้นร้านส่วนมากก็เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ปากกา นาฬิกา ซึ่งราคาของที่นี่จะบอกไว้สูงมากๆ เราต้องต่อลงมาถึง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 เลยทีเดียว ซึ่งการสื่อสารของที่นี่ทุกร้านจะมีรูปแบบเดียวกันหมด คือเข้าไป แล้วเราก็ชี้ของที่เราสนใจเขาก็จะนำเครื่องคิดเลขมากด แล้วยื่นให้ดูเราก็ต้องส่ายหน้าว่าแพง เขาก็จะยื่นเครื่องคิดเลขให้เรากดว่าจะเอาเท่าไหร่ ซึ่งเราก็กดไปเลยที่น้อยกว่านั้นประมาณ 3 เท่า ถ้าเขาไม่ให้เราก็เดินออกจากร้าน อันนี้ต้องค่อยๆออก ทีนี้เขาก็จะมาเรียกตัวไว้แล้วก็ยอมกดราคาลงให้เรา ก็กดต่อเขาไปเรื่อย ในที่สุดก็จะได้ของตามราคาที่เราต้องการมา ใช้ได้อย่างนี้ทุกร้านจริงๆ ยิ่งเทศกาลสงกรานต์นี้ คนไทยเดินอยู่ในนั้นเกิน 80% ยังบางครั้งต่อราคาอยู่  มีคนไทยที่เดินสวนไปมาบอกราคาที่ซื้อไปได้เมื่อกี้ว่าถูกกว่าที่เราต่ออยู่ให้เราด้วย ก็ถือเป็นความสนุกสนานในการซื้อของอีกแบบ ที่ถ้าไปต่ออย่างนี้ที่เมืองไทยคงมีหวังโดนโยนออกมาจากร้านเป็นแน่ เพราะที่นี่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาด่าว่าอะไรบ้างก็ผมฟังไม่รู้เรื่องนี่ หลังจากเสร็จสิ้นการช้อปก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นพอดี เราก็ถึงเวลาที่ต้องอำลากัน เพราะเราต้องไปสนามบินเพื่อเตรียม Pack ของเดินทางกลับยังประเทศไทยของเราแล้ว เครื่องผมออกไฟล์สุดท้าย 5 ทุ่ม 50 นาที ผมเข้าไปนอนรอที่เกทตั้งแต่ 4 ทุ่มแล้ว ยังไงก็คงได้กลับมาบ้านโดยสวัสดิภาพแน่นอน (ถ้ามีคนปลุกผมขึ้นเครื่อง)				
comments powered by Disqus
  • ardin

    23 เมษายน 2548 10:36 น. - comment id 84408

    จบเรียบร้อยแล้วครับ บันทึกความทรงจำของผม
  ardin

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน