+++ChiNa VoL ii+++

ardin

วันที่ 13
เครื่องลงเวลา 7.30 น.ของไทย แต่เราจะเสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมง เพราะที่จีนจะเร็วกว่าเราหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นเมื่อมาถึง ก็เป็นเวลา 8 โมงครึ่งของเซี่ยงไฮ้ ไกด์ท้องถิ่น ของเราทริปนี้ มายืนถือป้ายชื่อทัวร์รอรับเราอยู่ด้านหน้าที่ออกมาจากการตรวจเอกสารเข้าเมือง แฮะ ผมก็เกือบไม่ได้เข้าประเทศเขาซะแล้ว แบบว่าหา boarding pass ไม่เจอ เอาไปใส่ไว้ในช่องไหนของกระเป๋าก็ไม่รู้ ต้องใช้เวลาหาพอสมควร แต่ในที่สุดก็หลุดออกมาได้ ยังดีที่เจ้าหน้าที่ที่ตรวจผม ท่าทางจะใจดี นั่งยิ้มรอผมได้ ต่างกับคนข้างๆที่โล้งเล้งซะมองกันทั่วสนามบิน กลุ่มของเราขนกระเป๋ากันออกมาขึ้นรถ coach ที่ทางทัวร์จัดมารับ เรียบร้อย แนะนำตัวกัน ทัวร์ลีดเดอร์ 2 คน คราวนี้ของเราเป็นผู้หญิงท่าทางใจดีกันทั้งคู่  ดูเป็นคนตั้งใจทำงาน เทคแคร์กรุ๊ปเราดีมากๆ อำนวยความสะดวกต่างๆ ส่วนทัวร์ลีดเดอร์สาวจีน พูดไทยได้พอสมควรไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บางคำอาจมีผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นที่เรียกเสียงเฮฮาได้ตลอดทริปนี้ วันแรกของโปรแกรมเราจะออกเดินทางไปเที่ยวยังเมืองซูโจว ซึ่งเป็นเมืองโบราณ ที่มีความสวยงามมาก ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 3 ชั่วโมง แวะทานข้าวเที่ยงที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง เมนูหลักๆในทัวร์นี้ ก็คงเป็น ไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม เต้าหู้ทุกรูปแบบ ไก่ต้ม หมูสามชั้น ผัดผัก แกงจืด อันนี้เป็นสิ่งที่จะพบปะกันทุกๆมื้อ อ้อ แล้วทางคุณทัวร์ลีดเดอร์สาวไทยของเรา ก็เตรียมพริกน้ำปลา น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง ไปแกล้มทุกมื้อเช่นกัน  อาหารจะมี ประมาณ 10 อย่าง เสิร์ฟลงแบบสายฟ้าแลบ นั่งครบปุ๊บ ยังไม่ต้องทำอะไร ยังไม่ทันจับตะเกียบด้วยซ้ำ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารลูกเดียว วางไม่พอก็ใช้วิธีวางทับๆกันไป เล่นเอาแค่เห็นก็อิ่มไปครึ่งแล้วละครับ				
สถานที่เที่ยวแรกของรายการนี้ คือสวนซีหยวน เป็นสวนที่จัดไว้สวยงาม มีต้นไม้ร่มรื่น ครั้งแรกโชเฟอร์ ขับรถไปจอดทางด้านหลัง แต่เมื่อเราลงกันไปแล้วกลับต้องเดินขึ้นมานั่งบนรถใหม่อีกครั้ง  เพราะเขาไม่เปิดทางด้านหลังให้เข้าแล้ว เนื่องจากช่วงนี้คนเยอะ เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของเขาเช่นกัน เราจึงต้องนั่งรถวนออกมาใหม่ ภายนอกทางเข้า เป็นสะพานสร้างจากหิน เป็นบันไดขึ้นลงขนาดใหญ่ให้เราเดินข้าม ลงมาเป็นลานกว้าง ก่อนผ่านประตูกำแพงทรงจีน เข้าไปในเขตของสวน ซึ่งมีลานกว้างล้อมรอบด้วยต้นไม้ ดอกไม้สีสันสดใส และศาลเจ้าจีน ภายในมีพระองค์ใหญ่ ให้ได้ไหว้สักการะเป็นสิริมงคล เดินทะลุเข้าไปภายใน มีสระน้ำเลี้ยงเต่า และศาลอีกหลายหลัง จะสังเกตเห็นคล้ายเก๋งจีนเล็กๆสูงสัก 2 เมตรครึ่ง วางอยู่ด้านนอกของศาลเจ้า และมีผู้คน ที่มาขอพร และโยนเหรียญให้เข้าทางช่องหน้าต่างเล็กๆโดยรอบ เขาบอกว่าเป็นวิธีทำบุญแบบหนึ่ง และดูจะเป็นความสนุกสนานของผู้ที่มาขอพรด้วย ใครโยนเข้าช่องบนๆยิ่งตื่นเต้นกัน เขาว่าจะสมหวังในสิ่งที่ขอ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใครและสมหวังจริงหรือไม่ แต่ไหนๆมาแล้วก็ขอโยนและขอกับเขาด้วยละกันครับ				
ออกจากสวนซีหยวน เราก็เดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง คือ เขาเนินเสือ ที่มีเจดีย์เอียง ซึ่งเขาล่ำลือกันว่าเก่าแก่กว่า หอเอนปิซา ที่อิตาลีซะอีก ความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินผ่านประตูเขาไป คือซุ้มดอกไม้สีสัน สดใส แสบตา ที่จัดไว้ได้น่าดูชมจริงๆ มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นเป็นรูปพัดที่นำมาจัดเรียงซ้อนกันสวยงาม แซมด้วยดอกไม้มากมาย ทั้งดอกทิวลิป และดอกอื่นๆ ซึ่งผมก็ไม่เชี่ยวชาญซะด้วยซิว่ามันเป็นดอกอะไรบ้าง แต่ยืนยันได้ว่าดอกโต และสีสดทุกดอก ทั้งสีส้ม สีชมพู สีแดง สีเหลือง สีม่วง สีฟ้า ตัดกันดีจริงๆ ซึ่งเขานำมาจัดไว้ริมสองข้างทางที่เราต้องเดินขึ้นเนินกันไปเรื่อย ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับดอกไม้ริมทาง ไม่เหนื่อยเลยจริงๆ อ้อ ที่นี่เขาจะมีให้นักท่องเที่ยวเช่าเสลี่ยง หรือที่ชาวจีนเขาบอกว่าเกี้ยวนั่ง ซึ่งจะมีคนหามเราขึ้นไปและหามลงมาด้วย สำหรับคนที่ไม่ประสงค์จะเดินเอง  ผมไม่แน่ใจราคาเพราะผมคงยังไม่ต้องเรียกใช้บริการนะครับ รู้สึกว่าจะประมาณ 50 หยวน ซึ่งในกรุ๊ปเราก็มีคนอยากลองขึ้นไปนั่งเกี้ยวอยู่ด้วยเหมือนกัน  เดินขึ้นมาได้ลักพักก็เห็นกลุ่มคนมุงดูอะไรกันอยู่ ผมก็ขอไปร่วมมุง ร่วมแจมด้วยคน ปรากฏว่าเป็นหินขนาดใหญ่ที่มีร่องอยู่ตรงกลาง เป็นลักษณะโดนผ่าครึ่ง ผมมองไปดูที่ป้ายเห็นเขาติดไว้ว่า หินทดลองดาบ ผมจึงหันไปถามไกด์ของเรา เขาก็บอกมาว่าสมัยก่อนเมื่อจะสร้างดาบขึ้นมาต้องนำมาลองฟันหินซะก่อน ถ้าสามารถ ฟันหินขาดสองท่อนได้แสดงว่าเป็นดาบดีจริง อืม ก็คงจะเหมือนการทดสอบคุณภาพเช่นเดียวกับสมัยนี้ที่ต้องที่ ISO เก้าพันต่างๆ ไว้ยืนยันคุณภาพสินค้าละครับ เดินผ่านไปอีกนิด จะเห็นก้อนหินทรงรีๆ ตั้งอยู่ในลืบเขา มีคนต่อแถวไปลูบคลำกันมากมาย ไกด์ก็เล่าให้ฟังว่า หินนี้เป็นลักษณะคล้ายลูกท้อ ใครได้ลูบแล้วจะโชคดี เฮง เฮง ผมก็ไม่พลาดที่จะขอโชคดีกับเขาบ้างเหมือนกัน ฮึฮึ เอาละครับในที่สุดก็ปีนมาถึงยอดเขา ยังมีทางขึ้นไปดูเจดีย์เอียงได้หลายทาง พวกเราแวะเข้ามาทางที่ผ่าน สระดาบ ซึ่งเป็นสระที่มีตำนานว่าในสมัยก่อนได้มีการนำดาบมาทิ้งไว้ในสระนี้ถึงสามพันกว่าเล่ม และเมื่อเรามองจาก top view ลงมาจะเห็นว่าสระนี้รูปร่างคล้ายดาบ ผมก็ไม่ได้หัวศิลป์มากมาย จินตนาการยังไงก็ยังมองไม่ค่อยจะออกว่าเหมือนดาบยังไง แต่มีคุณป้าในกรุ๊ปที่มองเห็นว่ารูปร่างดาบเป็นยังไง ส่วนไหนเป็นด้าม ส่วนไหนเป็นปลายแหลมของดาบ มาบรรยายให้เราพอมองกันสนุกๆ  เดินตรงขึ้นไปอีกนิดเรา ก็ถึงที่ตั้งของเจดีย์เอียง มองดูจะเอียงทำมุมกับแนวดิ่งนิดหน่อย เข้าเดินดูภายในรอบๆ พี่ไกด์บอกว่า มีจุดถ่ายรูปสวยๆที่จะมองเห็นเจดีย์เอียงได้ทั้งหมด คือทางด้านหน้าลงไปนิดหน่อย จะมีแท่นหินก่อขึ้นมาขนาดไม่ใหญ่นัก ให้เราสับเปลี่ยนกันปีนขึ้นไปยืนเต๊ะท่าถ่ายรูปมองเห็นวิว ของเจดีย์เอียงได้เต็มๆ หลังจากชื่นชมกันเรียบร้อยเราก็เดินเรื่อยลงมาอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมองลงไปเห็นวิวด้านล่างที่เราขึ้นมามีต้นไม้ ดอกไม้สลับสี มีสายน้ำไหล และมีผู้คนที่ผลัดกันแวะเวียนขึ้นมาชมไม่ขาด ออกจากเขาเนินเสือ ก็แวะทานอาหารเย็น ก่อนที่จะแยกย้ายไปพักผ่อนในโรงแรมแต่หัวค่ำ				
ดอกทิวลิป ที่เขาเนินเสือ				
หน้าประตูทางเข้าเขาเนินเสือ				
ดอกไม้หลากสี ตามรายทางเดินขึ้นสู่เขาเนินเสือ				
				
บริเวณรอบๆ ของสวนซีหยวน				
ด้านหน้าของวิหารใหญ่ ในสวนซีหยวน				
เจดีย์เอียง ซึ่งเอนจากแนวดิ่งไป ประมาณ 10 องศา				
comments powered by Disqus
  ardin

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน