ประเพณีรับน้องใหม่

unicorn

ประเพณีรับน้องใหม่
ประเพณีรับน้องใหม่เป็นประเพณีที่นักศึกษาในสาถบันอุดมศึกษาหลายแห่งถือปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน วิธีการต้อนรับน้องใหม่ของนิสิตนักศึกษามีหลายวิธี นักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทำการต้อนรับน้องใหม่หรือเพื่อนใหม่โดยการช่วยเหลือและจัดการต้อนรับอย่างอบอุ่น เพื่อให้น้องใหม่เกิดความประทับใจ ซึ่งประโยชน์ในการปรับตัวของนิสิต นักศึกษาใหม่อย่างมาก  นิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งทำการต้อนรับน้องใหม่โดยการบังคับ ขู่เข็ญด้วยวิธีต่างๆเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้น้องใหม่มีความสามัคคี แล้วจัดงานต้อนรับน้องใหม่อย่างอบอุ่นในที่สุด
	นิสิต นักศึกษา ที่มีความเชื่อในการบังคับขู่เข็ญน้องใหม่นั้นได้มีความเชื่อในวิธีการต้อนรับน้องใหม่ตามระบบโซตัส (SOTUS) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 5 ประการ ตามตัวอักษร 5 ตัว คือ
1.	S หมายถึง Seniority คือ เพื่อให้นิสิต นักศึกษารุ่นน้องเคารพอาจารย์ และนิสิต นักศึกษารุ่นพี่
2.	O หมายถึง Order  คือ เพื่อให้นิสิตนักศึกษารุ่นน้องเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ และรุ่นพี่
3.	T หมายถึง Tradition คือ เพื่อให้มีการรักษาเฉพาะประเพณีที่ดีงาม และ เหมาะสมไว้
4.	U หมายถึง Unity คือ เพื่อให้นิสิต นักศึกษา รักษาความสามัคคีระหว่างนิสิตนักศึกษาในสถาบัน
5.	S หมายถึง Spirit คือ เพื่อให้นิสิตนักศึกษามีจิตใจที่ดีงาม มีคุณธรรม และจริยธรรม เสียสละเพื่อส่วนรวม
ประวัติของประเพณีโซตัส
	ระบบโซตัสได้เกิดขึ้นในโรงเรียนเตรียมทหาร ในสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาช้านาน ในช่วงปี ค.ศ. 1850-1950  ระบบโซตัสได้แพร่เข้าไปในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศสหรัฐอเมริกา วิธิการบังคับขู่เข็ญ นิสิต นักศึกษาใหม่หรือน้องใหม่ด้ยวิธีการต่างๆของนิสิต นักศึกษารุ่นพี่ ทำให้นักศึกษาใหม่ได้เสียชีวิตไปหลายคน อย่างไรก็ตามระบบโซตัสทำให้นิสิต นักศึกษารุ่นพี่สามารถสั่งให้นิสิตนักศึกษารุ่นน้องทำในสิ่งต่างๆได้ดีพอสมควร จึงทำให้เกิดความพร้อมเพรียงในการทำกิจกรรมต่างๆของนักศึกษา นักศึกษาจึงได้รักษาประเพณีโซตัสมาเป็นเวลาช้านาน (BUCHANAN,  1982)
	ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  หลายประเทศในทวีปยุโรปได้รับความเสียหายจากสงครามมาก ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับผลกระทบ่จากสงครามน้อย จึงเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความก้าวหน้าในวิชาการด้านต่างๆ จึงมีนิสิต นักศึกษาตต่างชาติไปศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก  นิสิต นักศึกษาต่างชาติได้รับระบบโซตัสไปเผยแพร่ในประเทศของตน ระบบโซตัสจึงได้แพร่กระจายไปยังประเทศฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ
	สำหรับประเทศไทยนั้น วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่หรือมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน ซึ่งอาจารยืในยุคแรกส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ University of the Philippines วิทยาเขต ลอสบานยอส Los Banos อาจารย์ได้นำระบบโซตัสมาถ่ายทอดให้นักศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2486 ก็ได้รับอิทธิพลระบบโซตัสจากหลายทางด้วยกัน อาจารย์ในยุคบุกเบิกส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาจากประเทศฟิลิปปินส์ปละประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐออนรีกอน (Oregon State University) และมหาวิทยาลัยคอลแนลล์ (Cornell University )  ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ระบบโซตัสขึ้น และในช่วงแรกนั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าศซึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยระบบโซตัสจึงทำให้เกิดที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปี พ.ศ. 2496  สำหรับนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มีระบบโซตัสมาเป็นเวลาช้านาน ในปัจจุบันระบบโซตัสก็เป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยและมาหวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย (สำเนาว์  และบุญเรียง,  2531)
 วิธีการต้อนรับน้องใหม่แบบโซตัส
	วิธีการประชมุซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ของนิสิตนักศึกษาที่ยึดถือระบบโซตัสนั้น มีความแตกต่างกันตามยุคสมัยและสถาบันการศึกษา ในแต่ละสถาบันก็มีกลุ่มนักศึกษาหลายกลุ่ม เช่น องค์การนิสิตนักศึกษา คณะ สาขาวิชาเอก หอพัก สำหรับมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็มีกลุ่มนักศึกษาที่สอบเข้าในระบบโควต้าและกลุ่มที่สอบเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยทบวงมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดสอบ นักศึกษากลุ่มต่างๆเปล่านี้ก็มีวิธีการต้อนรับน้องใหม่ที่แตกต่างกัน
	การประชุมเชียร์หรือากรประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์ คือการที่นิสิตน้กศึกษารุ่นพี่บังคับให้นักศึกษาปีที่ 1  เข้าประชุมเพื่อฝึกซ้อมเพลงเชียร์ของคณะ ของมหาวิทยาลัย การประชุมเชียร์โดยทั่วไปเริ่มเวลาประมาณ 18.00 น.  มีการเข้าแถวตรวจสอบรายชื่อนิสิต นักศึกษาใหม่และนักศึกฏษารุ่นพี่ก็เริ่มสอนเพลงให้กับรุ่นน้อง ระหว่างสอนเพลงเชียร์ นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ จะอบรมรุ่นน้อง บางครั้งก็ใช้นิสิตนักศึกษารุ่นพี่หลายคนพูดอบรมตักเตือนรุ่นน้อง ด้วยเสียงอันดังและข่มขู่ที่เรียกกันว่าการว๊าก นักศึกษาใหม่ถูกบังคับให้นั่งตัวตรง หน้าตรงไม่ให้มองรุ่นพี่ บางครั้งนิสิตนักศึกษารุ่นพี่ก็พาน้องใหม่ทั้งหมดไปวิ่ง และสั่งทำโทษด้วยวิธีต่างๆ เช่น ยึดพื้น สก็อตย้ำ นอนกลิ้งบนพื้น และการพารุ่นน้องไปลุยโคลน เป็นต้น  การประชุมเชียร์ของคณะกรรมการประชุมเชียร์กลางแต่ละครั้งจะเริ่มเมื่อ 23.00-24.00 น.  ส่วนจำนวนครั้งของการประชุมเชียร์แต่ละสัปดาห์นั้นก็แตกต่างกันไปแต่ละสถาบัน ซึ่งอายเป็น 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หและมีการประชุมเชียร์อยู่ประมาณ 4-6 สัปดาห์  ก็มีการต้อนรับน้องใหม่ซึ่งถือว่าการประชุมเชียร์สิ้นสุดลง  
	การต้อนรับน้องใหม่ของแต่ละสถาบันก็มีความแตกต่างกันมาก การต้อนรับน้องใหม่ของสถาบันที่มีหอพัก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การต้อนและการรับ  การต้อนเริ่มขึ้นตอนเช้ามืดวันเสาร์ เวลา 02.00 น.  ด้วยการปลุกน้องใหม่ที่หอหรือที่เรียกว่า การปล้นหอ  โดยนักศึกษารุ่นพี่ปลุกน้องใหม่ด้วยเสียงอันดัง เช่น การจุดประทัด การตะโกนด้วยเสียงอันดัง และการเคาะสิ่งของที่ทำให้เกิดเสียงดัง เป็นต้น  เมื่อน้องใหม่ตื่นขึ้นทั้งหมดแล้ว บางแห่งก็ให้คลานอยู่ภายในหอพัก บางแห่งก็พาน้องใหม่ออกนอกหอพัก ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆภาคกลางวันเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00  12.00 น.  โดยเริ่มขบวนน้องใหม่ซึ่งเป็นวิธีการที่คล้ายกันทังสถาบันที่มีหอพักและสถาบันที่ไม่มีหอพัก ในช่วงนี้ไม่มีการว๊าก แต่เป็นการเล่นสนุกสนานระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง  รุ่นพี่ให้รุ่นน้องลอดซุ้มต่างๆ รุ่นพี่ใช้สีทารุ่นน้อง และสั่งให้นองแสดงออกด้วยวิธีการต่างๆ รับประทานของที่แปลกๆ
	กรรับเรื่อมตอนคืนวันเสาร์ โดยการเลี้ยงอาหารมื้อเย็นแก่นน้องใหม่ มีการละเล่น การแสดงดนตรีและมีดนตรี  เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน และความประทับใจให้แก่น้องใหม่ รุ่นพี่ให้น้องใหม่ร่วมสนุกกัน และบางสถาบันก็ให้เต้นรำร่วมกันอย่างเต็มที่ จรกระทั่งเวลา 24.00 น. หรรือ อาจถึง 02.00 น.  จึงเลิกงานก็เป็นอันเสร็จงานรับน้องใหม่
	หลักของโซตัสเป็นสิ่งที่ดีงามที่สอนให้นิสิตนักศึกายึดมั่นในประเพณีอันดีงาม นับถือผู้อาวุโส มีระเบียบวินัย มีความสามัคคี และมีคุณธรรมจริยธรรม ซี่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย การนำเอาระบบโซตัสมาใช้ในระยะแรกคือ เมื่อประมาณ 30-40 ปีมาแล้ว ค่อนข้างจะได้ผลและบรรลุตามวันถุประสงค์ทั้ง 5 ประการของระบบโซตัสพอสมควร  ทั้งนี้เพราะในสมัยก่อนนิสิตนักศึกษามี่จำนวนน้อย การดูแลและควบคุมกันระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้องจึงเป็นไปอย่างทั่วถึง การประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ก็ทำโดยองค์การนิสิต นักศึกษาเท่านั้น  จึงเกิดความสามัคคีได้ดี และน้องใหม่ก็มีเวลาพักผ่อนและสามารถศึกษาเล่าเรียนตามปกติ
	เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมา 30-40 ปี หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไป คนเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน นอกจากจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายแล้ว นิสิตนักศึกษาปัจจุบันมีความแตกต่างกับนิสิตนักศึกษาสมัยก่อนเป็นอย่างมาก  ในเรื่องความเชื่อ ความคิด และการเคารพผู้ใหญ่ เป็นต้น  นอกจากนั้น วิธีการต้อนรับน้องใหม่ในปัจจุบันก็แตกต่างกับวิธีการต้อนรับน้องใหม่ในสมัยก่อนมาก ปัญหาของการต้อนรับน้องใหม่ในปัจจุบันมีมากมายดังนี้
1.	ปัญหาเกี่ยวกับนักศึกษารุ่นพี่
1.1	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไม่ยึดมั่นในหลักของโซตัส จึงไม่ได้นำหลักการของโซตัสมาใช้
1.2	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง จึงเกิดการขัดแย้งในทีมงาน
1.3	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไมเข้าใจวัตถุประสงค์ มาตรการและวิธีการจัดกิจกรรมการต้อนรับน้องใหม่และการประชุมเพื่อซ้อมเพลงที่แท้จริง
1.4	นิสิตนักศึกษาส่วนมามีความเชื่อที่ผิด คิดวิธีการบังคับขู่เข็นและตะคอก จะป็นทำให้น้องใหม่เชื่อฟังรุ่นพี่และก่อให้เกิดความรัก ความผูกพันธ์เห็นอกเห็นใจกันในหมู่น้องใหม่
1.5	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่ไม่คำนึงถึงคามแตกต่างของนักศึกษารุ่นน้อง เช่นด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต
1.6	นิสิตนักศึกษารุ่นพี่จำนวนมากไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่รุ่นน้อง คือ มีความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ไม่มีระเบียบวินัย จึงเป็นการยากที่จะสอนให้รุ่นน้องเชื่อฟังคำสั่งรุ่นพี่
2.	ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการประชุมเชียร์เพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
2.1	การประชุมเชียร์โดยการบังคับให้น้องใหม่ ฝึกซ้อมเพลงเชียร์เป็นเวลาครั้งละหลายชั่วโมงเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ ทำให้นักศึกษาไม่มีเวลาศึกษาเล่าเรียนอย่างเพียงพอ และ ผลการเรียนตกต่ำ
2.2	การบังคับให้นิสิตนักศึกษาใหม่วิ่งโดยพร้อมเพรียงกันเป็นหมู่ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น การเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคหัวใจ และโรคตับอักเสบ
2.3	การว๊าก การลงโทษด้วยวิธีต่างๆ และการปล้นหอทำให้นิสิตนักศึกษาใมห่มีปัญหาด้านสุขภาพจิร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น  นักศึกาใหม่บางคนทนต่อสภาพการประชุมเชียร์ด้วยวิธีดังกล่าวไม่ไหว ก็ต้องลาออกจากการเป็นนิสิตนักศึกษาต่อไป
2.4	การประชุมเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่ด้วยวิธีการรุนแรงทำให้นักศึกษาบางกลุ่มไม่เห็นด้วยและเกิดการต่อต้านด้วยวิธีการต่างๆทำให้เกิดความแตกแยก
3.	ปัญหาเกี่วกับผู้บริหารและอาจารย์
3.1	มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารตามวาระบ่อยมาก ผู้บริหารใหม่มักไม่เข้าใจปัญหาการประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
3.2	ผู้บริหารบางคนไม่ให้ความสำคัญ จึงไม่ให้การสนับสนุนกิจกรรม การประชุมเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
3.3	อาจารย์โดยทั่วไปไม่เห็นความสำคัญ ไม่สนใจและไม่ให้การสนับสนุนกิจกรรมการประชุมทเพื่อซ้อมเพลงเชียร์และการต้อนรับน้องใหม่
4.	ปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณ
4.1	องค์การนิสิตนักศึกาบางสถาบันขาดงบประมาณในการจัดกิจกรรมการต้อนรับน้องใหม่
4.2	องค์การนิสิตนักศึกษาบางสถาบันใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยจึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากมาย				
comments powered by Disqus
  • ****มอดินแดง..แห่งนี้ศรีเมืองขอนแก่น****

    18 มีนาคม 2548 12:04 น. - comment id 83604

    ผ่านการรับน้องมาแล้วค่ะ
    อาจจะมีอึดอัดบ้าง เวลาต้องเข้าเชียร์
    แต่สุดท้ายก็รู้สึกประทับใจ
    กับทุกสิ่งที่รุ่นพี่ได้ทำให้
    แม้จะผ่านมาแล้ว...แต่ก็ยังไม่เคยลืมค่ะ
    และก็ดีใจที่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
    เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ
  • เดฟฟี่

    1 กุมภาพันธ์ 2554 18:08 น. - comment id 122016

    ผ่านมาแล้ว สดๆร้อนๆ ตอนนี้กำลังเข้มข้นในการหาข้อมูลเชียร์
  unicorn

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน