ในส่วนของทหารไทยก็มีความสำพันธ์กับทหารกองพล93 มาตั้งแต่อดีต โดยร่วมกันค้าฝิ่นมาตั้งแต่สมัยจอมพลผิน ชุณหะวัณ พลเอกเผ่า ศรียานนท์ ต่อมาก็ยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยเฉพาะพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ก็เป็นเพื่อนสนิทร่วมค้า ยาเสพติดกับขุนส่าพ่อค้ายาระดับโลก โดยเจ้ายอดศึกซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของขุนส่าก็รับช่วงต่อในการค้ายาเสพติดกับทหารไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนพื้นที่ในการปลูกฝิ่นในประเทศไทย มีที่ดอยปุย-ดอยอินทนนท์- ดอยอ่างขาง-ดอยแม่สลอง-ดอยตุง-ดอยกิ่วฝิ่น-ดอยแม่ตะมาน- ดอยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน-ดอยที่สันป่าเกี๊ย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ฯลฯ และการปลูกฝิ่นส่วนใหญ่จะปลูกโดยชาวเขาเผ่าแม้ว(ม้ง) เมื่อมีคนเข้าไปถามชาวเขาเหล่านี้ ว่าฝิ่นบนดอยเป็นของใคร
และยังมีอีกคดีหนึ่งที่ทางตำรวจได้จับตัวนายอูลริค วูล์ฟกัง พ่อค้ายาเสพติดระดับโลกอีกรายได้ที่พัทยาเมื่อวันที่ 2พฤศจิกายน 2549 โดยก่อนที่ตำรวจพัทยาจะนำตัวนายอูลริค ไปฟ้องศาล นายอูลริค วูล์ฟกัง ก็หายตัวไปจากโรงพักอย่างไร้ร่องรอย สำหรับคดีนี้ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายอูลริค วูล์ฟกัง มีข่าวว่าได้ถูกลงโทษ แต่จริงๆแล้วไม่มีใครถูกลงโทษเลย เ ป็นเพียงข่าวเพื่อหลอกประชาชนเท่านั้น และนายตำรวจเหล่านั้น มีข่าวว่าได้เงินไปคนละหลายล้านบาท
ในจังหวัดเชียงราย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็คือคดีที่ทหาร 9 นาย ที่นำโดย พ.ต.พงษ์ บำรุง หน.ฝ่ายข่าวกรอง ได้ร่วมกับ นายหน่อคำ ราชายาเสพติดชาวพม่า เจ้าของฉายาโจรสลัดแห่งลุ่มแม่น้ำโขง กระทำการฆ่าหมู่ 13 ศพ ลูกเรือจีน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ซึ่งคดีนี้เป็นที่สะเทือนขวัญและเป็นข่าวใหญ่โต ในประเทศจีน ทำให้ชาวจีนโกรธแค้นมาก
โดยในคดีนี้การสอบสวนทั้งจากตำรวจไทยและจีนในตอนแรก มีทั้งพยานและหลักฐานชัดเจนว่า ทหารทั้ง 9 ได้เป็นผู้ร่วมฆ่า 13 ศพ ลูกเรือจีน และได้มีการดำเนินคดี ทหารทั้ง 9 นาย โดยพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ที่เข้ามาดูแลคดีนี้แล้ว แต่แล้วข่าวก็เงียบไป โดยไม่มีแม้แต่ทางพนักงานสอบสวนจะส่งฟ้อง ในชั้นอัยการ
แต่เรื่องนี้ผู้เขียนบังเอิญได้รู้จักกับตัวแทนรัฐบาลจีนคนหนึ่ง ได้บอกกับผู้เขียนว่า การประชุมของพรรคคอมมิวส์จีนในระดับมณฑล และผู้บัญชาการทหารในนครปักกิ่ง ได้พูดคุยกันในที่ประชุมว่า จีนจะทำทุกวิถีทางในการนำตัวนายหน่อคำ และ 9 ทหารไทย มาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย แต่แล้วเรื่องก็เงียบไป ต่อมาก็มีแต่นายหน่อคำและพรรคพวกเท่านั้นที่ถูกทางการจีน จับได้และสั่งประหารชีวิต
และข่าวที่เงียบไปในคดีทหารนี้ ก็น่าจะมาจากการเยือนจีนด้วยตัวเอง หลังจากเกิดคดีนี้ไม่นาน โดยคนของรัฐบาลจีนที่บอกกับผู้เขียนในตอนแรกนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ผลประโยชน์บางอย่างไปแลกกับรัฐบาลจีน เพื่อไม่ให้ทหารไทยต้องตกเป็นจำเลยไปด้วย
พล.ต.ท.สมรักษ์ บุญมาก ยังร่วมมือกับนายหมง นามณี อยู่เบื้องหลังการตายอย่างมีเงื่อนงำของนายสันติ ชัยวิรัตนะ อดีต รมช.มหาดไทย เจ้าของฉายา รัฐมนตรีถนนควายเดิน ที่ไปแย่งประมูลการก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียในจังหวัดเชียงราย
โดยมีนายสำลำ ปกรณ์ ผู้ว่าเชียงรายตอนนั้นรู้เห็นด้วย โดยมือปืนคือนายจำรัส ผ้าเจริญ (สมพงษ์พรรณ)หรือลุงหนวด ลูกน้องคนสนิทของนายหมง และนายจำรัส มือปืนคนนี้ ก็คือคนที่นายหน่อคำใช้ให้ไปวางแผนร่วมกับทหารกองกำลัง สังหารโหดพ่อค้าชาวจีน 13 คน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554
ยัดยาเสพติดเพื่อแย่งเมีย
นอกจากนี้ ในปี 2544 มีกำนันคนดังแห่งอ.เชียงแสน ชื่อนายฤทธิรงค์ มานะมนตรี หรือกำนันตี๋ เป็นผู้ที่มีเมียสวยชื่อนางมล เป็นอดีตนางงามเชียงราย พล.ต.ท.สมรักษ์ บุญมาก จึงยัดข้อหา โดยตั้งข้อสงสัยว่ากำนันตี๋ เป็นผู้ลักลอบค้ายาเสพติด จึงสั่งให้ตำรวจวิสามัญกำนันตี๋ เพื่อที่จะแย่งเอาภรรยา แต่กำนันตี๋ไม่ตาย หนีไปอยู่กับครูบาบุญชุ่มที่ฝั่งพม่า ทำให้พล.ต.ท.สมรักษ์ บุญมาก วิสามัญลูกน้องกำนันตี๋ตายแทน เพื่อปิดคดีที่บริเวณห้างบิ๊กซี เชียงราย และเมียคนสวยของกำนันตี๋ก็ถูกตำรวจโจรสมคิดย่ำยีมาจนกระทั่งบัดนี้ ต่อมากำนันตี๋ได้กลับไทยโดยได้รับเลือกตั้งให้มาเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลเวียงเชียงแสน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 และเปลี่ยนชื่อเป็นนายพลภพ มานะมนตรีกุล
ทหารพยายามจะเปิดเส้นทางค้ายาเสพติดใหม่
นอกจากยาเสพติดใน 4 เส้นทางนี้แล้ว ทหารยังมีความพยายาม ที่จะเปิดเส้นทางค้ายาเสพติดใหม่ ขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง คือช่องทาง ที่ติดกับพม่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และที่นี่ทหารก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ แก่งระจาน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และหัวหน้าอุทยานคนนี้ ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสั่งฆ่าครูป๊อด หรือนายทัศน์กมล โอบอ้อม เมื่อวันที่ 10 กย. 2554 และผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไป ของผู้นำกระเหรี่ยง
โดยครูป๊อดก่อนตาย ได้เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า นายชัยวัฒน์ร่วมมือกับทหารค้ายาเสพติดกับชนกลุ่มน้อยในพม่า และสาเหตุที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกแบบ ฮิวอี้ - แบล็คฮอว์ก และ เบลล์ 3 ลำ ตกที่แก่งกระจาน ในวันที่ 17-19 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ตามลำดับนั้น เป็นการตกเพราะอุบัติเหตุ เพียงลำเดียวคือ เบลล์ ที่ตกในวันที่ 24 แต่อีก 2ลำก่อนหน้านั้น ถูกชนกลุ่มน้อยยิงตก เพราะมีการหักหลังกันในเรื่องค้ายาเสพติด โดย ฮ.ลำแรกที่มีทหาร 5 คน ไปนั้น ถูกยิงตกในระยะต่ำ แล้วชนกลุ่มน้อยก็ฆ่าตัดคอ หลังจากนั้นก็วิทยุหลอกให้ทหารหน้าโง่ไทย นำเงินมาไถ่ตัว โดยไม่บอกว่าได้ฆ่าทหารทั้ง 5คนนั้นไปแล้ว พอ ฮ.ลำที่สองมีทหารไปกันทั้งหมด 8 นาย นักข่าวอีก 1คน ที่นำโดย พลตรี ตะวัน เรืองศรี นำเงินมาไถ่ตัว ก็ถูกชนกลุ่มน้อยหลอกมา ฆ่าจนหมด โดยแทบทุกศพถูกตัดหัว
ซึ่งในเรื่องนี้นายทัศน์กมล โอบอ้อม หรือครูป๊อด นอกจากจะเล่าเรื่อง การค้ายาเสพติดให้กับผู้เขียนแล้ว คงไปเล่าให้ให้คนอื่นๆได้รับรู้ด้วย เพราะโดยส่วนตัวครูป๊อดไม่ถูกกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พอเหตุ ฮ.ของทหารตก ได้เพียงเดือนกว่า ครูป๊อด ก็ถูกยิงตาย และหนึ่งในผู้ต้องหาจ้างวาน ที่ตำรวจจับได้ก็เป็นคนขับรถของนายชัยวัฒน์ ซึ่งคาดว่าเป็นการฆ่าปิดปาก และคดีของนายชัยวัฒน์ และมือปืน ก็รอดกฎหมายไทยอีกเช่นเคย
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี