น้องอันคะน้องอัน หลับอยู่หรือเปล่าลูก โทรศัพท์อนัฆจ๊ะ เสียงภาวิณีตะโกนเรียกลูกสาว ค่ะแม่ อันไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ร่างบางรีบลุกจากเตียงนอน วิ่งลงบันไดไป อันค่ะ เพิ่งตื่นหรือคะสาวน้อย ลืมนัดหรือเปล่า เสียงทุ้มหวานๆเอ่ยถามทันทีที่รับโทรศัพท์ จำได้ค่ะว่ามีนัด อันขอโทษ อนัฆมารับอันนะคะ ดวงหน้าขาวและผิวละเอียดดูเด่นอยู่ในกรอบผมยาวดำขลับ รูปร่างบอบบางมองเผินๆ คล้ายตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะแตกง่าย ปากชมพูเรื่อๆ กำลังสนทนากับชายหนุ่มรู้ใจอยู่ ถึงนัดในวันสำคัญวันนี้ 13 พฤษภาคม อันรีบแต่งตัวพร้อมกับใส่กำไลอันงามวิ่งลงมาจากข้างบน สวยจังครับ ปรินเห็นคงชอบ หนุ่มน้อยร่างสูงโปร่ง จมูกโด่งดูคมสัน ยืนตาค้างต่อหน้าอัน ไปกันเถอะค่ะ อันว่าสายมากแล้วล่ะ อันพูดพร้อมกับควงแขนแฟนหนุ่มเดินไปขึ้นรถ ถึงสักทีนะแต่ทำไมมาถึงที่นี่แล้ว อันต้องรู้สึกแบบนี้ก็ไม่รู้อนัฆ หน้าตาของอันดูเศร้าลงไปทันทีที่มาถึงสุสานแห่งหนึ่ง รอบๆบริเวณเต็มไปด้วยไม้กางเขนสีขาว ที่ปักอยู่บนเนินหญ้าเขียวๆ ยิ่งมองยิ่งทำให้อันเศร้าลงไปทุกทีๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของผม ปรินเห็นเข้าจะไม่ชอบใจนะ อนัฆพูดพร้อมกับโอบที่เอวของสาวน้อยเพื่อปลอบให้เธอหายเศร้าลงมาบ้าง 3 ปีที่อันไม่เคยลืม ทุกเรื่องราวยังคงถูกบันทึกอย่างแม่นยำในความทรงจำของอัน อันพูดไป ดวงตาสีดำสนิท กลมโต แลเลยทอดมองที่รูปของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งติดอยู่บนแท่นปูนสีขาว หน้าตาของเขายังเด็กและยังมีอนาคตอีกไกล วันนี้ปรินเคยซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กว่าอันซะอีกให้อัน เป็นของขวัญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่อันเคยได้เลยล่ะ อันพูดพร้อมกับทิ้งร่างลงนั่งต่อหน้ารูปนั้น อนัฆนั่งลงข้างๆ มองไปที่รูปนั้น แต่ไม่พูดอะไร ทั้งสองปล่อยใจให้อยู่ในความสงบ พร้อมทั้งระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ปรินเด็กหนุ่มหน้าตาดี สูง ขาว พราวเสน่ห์ แต่ดูโทรมไปมาก พยายามกดโทรศัพท์ติดต่ออัน แต่กี่ครั้งๆ ก็ไม่เป็นผล ยิ่งกดหน้าตาของปรินก็ยิ่งบึ้งเข้า ตาเขียวปี๋ราวกับถูกเจ้าเข้า ปรินรีบ ออกจากตู้โทรศัพท์ขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง ด้วยอาการที่โกรธจัดอยู่แล้ว ทำให้ปรินลืมนึกไปว่ากำลังอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมาย ปี๊บปี๊บโครม!!! ยังไม่สิ้นเสียงแตรรถ ร่างของปรินก็แน่นิ่งข้างทาง พร้อมกับจักรยานยนต์คู่ใจ ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ รู้ไหมว่าปรินหลับไปตั้ง 2 วัน อันใจหายหมดเลย รอยยิ้มกว้างๆ ของอันทำให้ ปรินพลอยยิ้มตามไปด้วย อันมาคนเดียว? ปรินถามพร้อมกับพยายามดันร่างตัวเองขึ้นนั่ง อย่าเลยปริน คราวนี้หนักกว่าเดิมนะ กระดูกหักตั้งหลายชิ้น ว่าไงที่ปรินถาม อันยังไม่ไขข้อสงสัยของปริน เมื่อวานพ่อกับแม่ของปรินมาจ๊ะ เมื่อเช้าน้องสาวปรินก็มา อันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก ดูมีพิรุธ อย่าโกหกปรินเลยอัน ถ้าปรินไม่มีอันกับครอบครัวของอัน ปรินคงตายแล้วใช่ไหม ปรินพูดพร้อมกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่คลอจนแทบจะไหลออกมาจากกระบอกตา ปรินเป็นเด็กมีปัญหา ติดยางอมแงม เป็นนักเลงอันธพาล เที่ยวกวนเมืองเขาไปทั่ว โดนจับเพราะแข่งรถบนทางหลวงมาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็รอดมาได้ เพราะพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่ของเมือง เมื่อ 3 เดือนก่อนโดนไล่ออกจากโรงเรียนข้อหาทำร้ายร่างกายอาจารย์สังคม ปัจจุบัน ปรินเตร็ดเตร่ไปวันๆ อาศัยอยู่กับเพื่อน 2 คน ในบ้านที่พ่อปลูกให้ เพราะทนพฤติกรรมเลวๆ ของปรินไม่ได้ ตัดหางปล่อยวัด แต่ก็ยังส่งเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ทางธนาคาร ถ้าไม่มีเหตุบังเอิญจริงๆ บุญวาสนาไม่มี ปรินกับพ่อจะไม่เจอกันเลย ยังกับว่าอยู่คนละโลก ปรินเมายาใช่ไหม อันถามปรินเหมือนทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่ตอบอันก็ได้ แต่ตอนนี้คนป่วยต้องทานข้าวนะคะ จะได้พักผ่อน ด้วยความที่ปรินไม่มีใคร ขาดคนดูแลเอาใจใส่ อันจึงคอยดูแล เอาใจใส่ปรินมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลเดียวที่ว่า สงสาร เท่านั้นเท่านั้นจริงๆ เหนื่อยไหมครับ ที่ต้องดูแลไอ้เฮี้ยอย่างผม ดวงตาที่ดูอ่อนแรงเหลือเกิน จ้องมองไปยังหญิงสาว ปรินหายอันก็ดีใจแล้ว อย่าว่าตัวเองอย่างนี้อีกนะ ถึงใครจะว่าปรินเลว แต่ปรินน่ารักกับอันเสมอจ๊ะ อันจับมือปรินแน่น พร้อมคำพูดที่แสนจะอ่อนโยน ถ้าหายดีแล้วปรินจะเลิกยา ว่าไงนะปริน อันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนเผลอร้องเสียงหลงออกมา ปรินจะเลิกยา คนอื่นจะได้มองปริน อย่างที่อันมองปรินสักที อันต้องช่วยปรินนะ จ๊ะ อันจะอยู่ข้างๆปรินตลอดเลยนะ อันจะช่วย ปรินต้องเลิกได้ ปรินต้องหาย ทั้งสองยิ้มกว้างอย่างมีความสุข หลังออกจากโรงพยาบาลมาได้ 2 อาทิตย์ ปรินแข็งแรงพร้อมแล้วกับการเลิกยาเลิกในสิ่งชั่วต่างๆ ปรินใจเย็นๆนะปรินปริน อันร้องเสียงดัง พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย กอดปรินไว้แน่น เหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยเขาแล้ว เขาต้องตายปรินดิ้นทุรนทุราย ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน หน้าและตัวแดงเหมือนโดนไฟเผา และที่กล่าวมาคงเป็นอาการของคนที่เขาเรียกกันว่า ลงแดง อาการของปรินอยู่ในความดูแลของอัน และเพื่อนสนิทปรินอีก 2 คนตลอด ข่าวการเลิกยาของปรินแพร่ออกไป เพื่อนๆที่รู้ข่าวต่างก็มาเยี่ยมให้กำลังใจ หนึ่งในนั้น คือ อนัฆ เพื่อนอีกคนที่อาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน และปรินก็เคยเป็นลูกศิษย์ของพ่ออนัฆด้วย วันนี้อาการ ปรินดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยเท่าไรนักในขณะที่ทุกคนอยู่ในความสนุกสนาน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทันใดนั้นเสียงทุกเสียงก็เงียบกริบ พร้อมอาการตะลึงงัน หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งโผเข้ามากอดปริน พร้อมน้ำตาที่ไหลพราก หายสักทีนะลูก หมดเคราะห์หมดโศกสักที วรรณิกากอดลูกชายแน่น ลูบหัวปรินเบาๆ แกต้องกลับไปอยู่บ้าน และที่สำคัญแกต้องกลับไปเรียนไอ้ปริน ภัทรพงศ์ผู้เป็นพ่อกล่าว 7 วันต่อมา ปรินแทบจะถือได้ว่าเลิกยาโดยเด็ดขาด ปรินกลับมาอยู่ที่บ้าน กลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง แต่ก็เรียนได้ไม่นานเนื่องจากปรินเข้ากับคนอื่นไม่ได้ หวาดระแวงตลอดเวลา ทำให้ปรินต้องออกจากโรงเรียนอีกครั้ง การออกจากโรงเรียนของปรินยังไม่เศร้าเหมือนกับข่าว อันกับอนัฆที่เริ่มดังมาถึงหู ปรินระแวงมากขึ้น แต่ก็ไม่อยากเชื่อในข่าวลือนั่นเท่าไรนัก อ้าวไอ้ปริน ว่าไงวะเอ็ง อนัฆทักปรินด้วยความดีใจ หลังจากที่ไม่ได้พบกันนาน แกมากับใครวะ มากับแฟนเหรอ ปรินถามด้วยเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจและคิดอะไรกับคำถามนั้นสักเท่าไร ส่วนอนัฆถึงกับหน้าซีด พูดอะไรไม่ออก อ้าวว่าไงวะ ข้าถามมากับแฟนเหรอ ไม่เห็นต้องอายเลยนี่หว่า ให้ตายสิ ปรินตบไหล่อนัฆเบาๆ เฮ้..อันมาเที่ยวเหมือนกันเหรอครับ ปรินถามและลืมคิดถึงข่าวลือนั่น อ้อมาด้วยกัน งั้นปรินไปล่ะ คำพูดของปรินทำให้อันอึ้ง และรู้ทันทีว่า ถึงเวลาแล้วที่ปรินจะรู้ความจริง ปรินฟังอันก่อนปริน อันวิ่งตามไปขว้าที่แขนปริน ปรินไม่ว่างหรอกนะ นัดแม่ไว้ ปรินพยายามสบัดแขนออกจากมือของอัน อันไม่ยอมปล่อยหรอกนะ ถึงเวลาที่ปรินต้องฟังอัน ฟังเรื่องทุกอย่าง อันไม่อยากให้ปรินเข้าใจอันผิดและคิดว่าอันหลอกปริน คำพูดของอันทำให้ปรินนิ่งเงียบ ข้ากับอันรักกัน รักมานานแล้ว เสียงอนัฆดังมาจากข้างหลังปริน ปรินยังคงยืนนิ่งอยู่ อันรักกับอนัฆก่อนที่จะรู้จักกับปรินซะอีกนะ อันพูด แล้วทำอย่างนี้ทำไม ที่ผ่านมากับปรินมันคืออะไร จากที่นิ่งอยู่กลับเปลี่ยนไปเหมือนคนไร้สติ ปรินจับตัวอันเขย่าจนแทบหักเป็นท่อนๆ อันเจ็บปริน ปล่อยอัน อันขอโทษอันผิดเองที่ทำให้ปรินเข้าใจผิด ที่ผ่านมาอันรักปรินแบบน้อง อันต้องการดูแล ช่วยเหลือปรินเท่านั้น อันสงสารปริน ปรินไม่มีใคร อันอธิบายพร้อมน้ำตาและเสียงที่สั่นเทา สงสาร ปรินแทบไม่มีเสียง ลำคอแห้งผาด เดินตัวชาจากไป ปล่อยให้อันร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของอนัฆ กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เวลาผ่านไป ปรินเริ่มทำตัวแย่ลง เริ่มดื่มเหล้าหนักขึ้น สุดท้ายปรินก็กลับมาติดยาเหมือนเดิม จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ปรินคิดว่าปรินไม่เหลือใครอีกแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไป ทำตัวเป็นคนดีเพื่อใครอีก อันเองก็ไม่ค่อยจะได้พบกับปรินมากครั้งนัก ดูเหมือนว่าปรินจะหายไปจากชีวิตของอันแล้ว ใช่ว่าอันจะสบายใจ ตลอดเวลาอันเต็มไปด้วยความกังวล สุขสันต์วันเกิดจ๊ะอัน เสียงเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่ถือกล่องของขวัญเดินเข้ามาในงาน ขอบใจจ๊ะ เชิญข้างในเลยนะ ของกินเยอะแยะเลย รอยยิ้มของอันในวันนี้ดูสดใสมาก แน่สิก็วันนี้วันเกิดเธอ 13 พฤษภาคม อันมีคนฝากนี่มาให้ครับ เพื่อนชายอีกคนหนึ่งของอันถือของขวัญกล่องเล็กมาให้พร้อม จดหมายหนึ่งฉบับ ระหว่างที่ทุกคนสนุกในงาน เพื่อนอันหลายคนส่งเสียงร้องให้อันแกะของขวัญ โดยเฉพาะของขวัญปริศนา อันแกะจดหมายอ่านก่อน อันครับอย่าอ่านเองขอร้อง อย่าให้อนัฆอ่าน ขอให้เป็นคนอื่นได้ไหม ข้อความแรกในจดหมาย อันจึงยื่นจดหมายให้เพื่อนคนอื่นอ่าน บนเส้นทางที่ผมเดิน เต็มไปด้วยความมืดมิด การเดินทางอย่างโดดเดี่ยวของผม ทำให้ผมเหงาและท้อมาก แต่วันหนึ่ง ได้มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งหลงเดินเข้ามาบนเส้นทางเดียวกันกับผม แทนที่เธอจะหันหลังเดินกลับไปหาทางออกสู่เส้นทางเดิมของเธอ แล้วทิ้งผมให้เดินต่อไปเพียงลำพัง แต่เธอกลับไม่ทำเช่นนั้น เธอเดินมาหาผมพร้อมกับจับมือของผมเดินไปพร้อมๆ กับเธอ ไม่น่าเชื่อเส้นทางที่มืดมิดกลับสว่างขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และผมก็คิดว่าผมคงจะปลอกภัย เส้นทางนี้คงราบรื่น แต่หารู้ไม่ว่า ผมกำลังเดินไปหาอันตรายอันร้ายแรง วันนี้วันเกิดของเธอ ผมไม่รู้จะให้อะไรเธอดี ผมอยากบอกกับเธอว่า ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดว่าผมมีค่า ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ และไม่มีอะไรดีเลย จนผมรู้จักกับเธอคนนี้ เธอทำให้ผมรู้ว่าผมยังเป็นคนคนหนึ่งบนโลกนี้ และมีอีกหลายต่อหลายคนรักผม มองเห็นค่าของผม โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของผม ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างทุกอย่างจริงๆ ที่มอบให้ และทำเพื่อผมมาตลอด โดยที่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอเลย วันนี้ผมขอมอบสิ่งที่เธอรักมากที่สุดให้กับเธอเป็นการตอบแทน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำให้ หวังว่าเธอคงจะรับมันไว้ เป็นกำไลเงินเก่าของแม่ ที่ผมเอาไปทำใหม่ สลักชื่อว่า อนัฆกับอัน ให้อนัฆใส่ให้นะ บอกมันกอดเธอด้วย หอมแก้มเธอหนึ่งที แทนตัวผม เพราะผมคงไม่มีโอกาส ของขวัญชิ้นนี้คงเป็นชิ้นสุดท้าย ที่ผมจะให้เธอได้ ตัวแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มากๆ ขอบคุณอีกครั้ง พี่สาวที่แสนดี ปริญญา ป.ล. ได้โปรดยิ้มเมื่อเห็นศพผม จบข้อความในจดหมาย ความเงียบเข้ามาแทนที่ ความหวานซึ้งทั้งหมด ทำเอาทุกคนอึ้งกับจดหมายและกำไลข้อมือเล็กๆนี้ กริ๊งกริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของอนัฆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงที่รอดผ่านมาทางอากาศ ทำให้อนัฆแทบสิ้นสติ ปรินผูกคอตาย เสียงฮือดังขึ้น พร้อมกับความเศร้าสลด และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา อันแทบล้มทั้งยืน เธอยืนนิ่งเหมือนคนไม่มีสติ ไม่มีน้ำตาสักหยดจากเธอ วันที่แสนจะสดใส ขณะนี้เต็มไปด้วยสีดำและความเศร้าหมอง อันอันครับ กลับได้แล้วมั้ง ลาปรินเขาซะ อนัฆปลุกอันจากความคิดที่ดึงเธอให้นิ่งเงียบอยู่หน้าหลุมฝังศพเป็นเวลานาน อันสัญญา อันจะใส่มันตลอด อันจะไม่ถอด อันจะไม่ทิ้งมันปรินอันสัญญา เธอพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาอีกครั้ง กลับแล้วนะปริน แล้วปีหน้าพบกันไอ้เพื่อนรัก อนัฆกล่าวก่อนจะดึงอันให้ยืนขึ้น แล้วจูงมือเธอเดินจากไป ความรักมีหลายรูปแบบ ทั้งผิดหวัง สมหวัง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรักแบบไหน ใครให้นิยามของ รัก ถูกต้อง ใครคนนั้นก็จะพบแต่ความสุข บนเส้นทางนี้ไม่มีวันราบรื่น ใครที่หลงเดินเข้ามาแล้วจะต้องพบแต่อันตรายเรื่อยไป Saddy_Girl
5 กุมภาพันธ์ 2548 23:27 น. - comment id 82577
ความ รัก ของ ปริน มัน ยิ่ง ใหญ่ เกิน ไป .... ถ้า เรา เปง ปริน เรา คง ไม่ ทำ แบบ นี้ ... เรา จะ ฆ่า ตัว ตาย หลัง วัน เกิด ของ คน รัก ของ ตัว เอง ... ใน เมื่อ เค้า รัก กัน ... ทำ ไม ต้อง ขัก ขวาง ... เรา ไม่ มี ค่า ... แต่ เรา จะ ไม่ ทำ ให้ คน รัก ของ เรา มี น้ำ ตา เด็ด ขาด ... อนัฆ ดู เหมือน ว่า เหง แก่ ตัว ... อัน ดู เหมือน ว่า จับ ปลา สอง มือ ... ผู้หญิง ชอบ ให้ ความหวัง ผู้ ชาย ... ทั้ง ที่ ตัว เอง ไม่ ได้ รัก แต่ ก้อ ทำ ดี ด้วย เสมอ ... มี แฟน แล้ว แทน ที่ จะ ควง มา ด้วย ตลอด ๆ .. เค้า จะ ได้ ไม่ คิด ว่า ไม่ มี แฟน ... ไม่ มี ใคร ที่ จะ สมบูรณ์ แบบ ใน ความ รัก ... จะ ต้อง เจ็บ และ อก หัก ก่อน ทุก ที ... ไป แล้ว นะ ปริน ... หมด ทุกข์ ซะ นะ ...
6 กุมภาพันธ์ 2548 01:32 น. - comment id 82583
ถ้าเราเป็นปรินจะไม่งี่เง่าแบบนี้ แต่เรื่องที่อ่านมันทำให้เราน้ำตาซึมได้ ในโลกแห่งความจริงคงมีอีกเยอะที่เจอปัญหาแบบปริน แล้วต้องการเพียงคนเข้าใจ ใครที่ได้อ่านอยากให้ส่งให้เพื่อนที่กำลังเป็นแบบปริน เผื่อจะคิดอะไรได้บ้าง ขอบคุณ saddy_girl ที่มีเรื่องดีๆมาเล่าสู่กัน
9 กุมภาพันธ์ 2548 15:20 น. - comment id 82658
ซึ้งจังเลย ฮือ ๆๆๆ