จดหมาย
หมอกจาง
คุณรู้ไหม การที่เราจะเขียนอะไรต่อมิอะไรได้ดีแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับว่าคนที่เราอยากเขียนให้อ่านนั้นเป็นใครด้วย
ดังนั้นสำหรับผมแล้ว การเขียนไม่เคยเป็นการสื่อสารเพียงทางเดียว เพราะการสื่อสารทางเดียวนั้น เนื้อหาและคำพูดย่อมไม่ได้รับอิทธิพลใดๆจากผู้รับสาร
และคุณรู้ไหม ว่าทุกครั้งที่ผมเขียนเพื่อให้คุณอ่าน ผมเขียนได้ดีที่สุด
บ่อยครั้งนะ ในระยะหลัง ที่ผมเขียนอะไรก็รู้สึกว่ามันแห้งแล้ง จืดชืด มันไม่มีรสชาติ
เหมือนคนขายก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงไปตามความเคยชิน เหมือนคนทำกับข้าวที่ทำกับข้าวไปอย่างแกนๆแล้วกินเพื่อประทังชีวิต เพราะไม่มีคนที่อยากให้กินมานั่งกินด้วยแล้วทำตาโตบอกว่า อร่อยจัง
นั่นแหละ ผมเป็นคนอย่างนั้นแหละ ผมไม่เคยคิดจะปรุงก๋วยเตี๋ยวให้คนทั้งโลกกินแล้วบอกว่าอร่อย ทำไมล่ะ มันไม่เห็นจะมีความหมายอะไรเลย แต่ถ้าคุณมานั่งอยู่ตรงหน้า ผมสัญญาว่าจะปรุงมันสุดฝีมือ
เรื่องที่ผมเขียนถึงคุณ มักเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ผมโคตรชอบเลย เราสามารถคุยเรื่องที่มีสาระได้กับทุกคนนั่นแหละ แต่มีไม่กี่คนหรอกที่เราสามารถคุยเรื่องไร้สาระด้วยได้แบบเป็นวักเป็นเวรและสนุกสนาน
เราคุยเรื่องความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมากับใครบ้าง ? เราคุยเรื่องเปิ่นๆของหมาที่บ้านกับใครบ้าง ? เราคุยเรื่องว่าอาหารเช้าเรากินอะไรไปและโยเกิร์ตในตู้เย็นที่เรากินไปนั้นหมดอายุไปแล้วสองวัน เรื่องเหล่านี้เราคุยกับใครบ้าง ?
คุณบอกว่าดอกพุดที่กระถางหลังห้องของคุณที่ผมไม่เคยเห็นนั้นบานแล้ว และผมบอกว่าต้นไม้ตระกูลเมเปิ้ลที่คุณเคยเห็นแต่ในรูปก็กำลังทิ้งใบ
ไม่มีใครชอบอ่านอะไรยาวๆ แม้แต่ผมเอง แต่จดหมายของคุณไม่เคยยาว แม้ว่ามันจะใช้กระดาษสักสามแผ่นในการเขียนก็ตาม
และผมเองก็ไม่ชอบที่จะเขียนอะไรยาวๆ ไม่สามารถด้วย แต่ทุกครั้งที่เขียนหาคุณผมต้องหยุดเพราะกลัวคุณเบื่อที่จะอ่าน
การสื่อสารเดี๋ยวนี้มันเร็วนะ ไลน์คุยกันได้ ถามมาปุ๊บก็ตอบไปปั๊บ
แต่ผมยังชอบแบบที่เราคุยกันมากกว่า มันมีระยะเวลาให้รอคอย ความรู้สึกที่ได้รอคอย ความรู้สึกของการการเปิดกล่องจดหมายแล้วเจอเมล มันเป็นความรู้สึกที่หาได้ยากในสมัยนี้แล้วนะ
ผมจึงดีใจ ที่ยังมีโอกาสได้เกิดและทันใช้ชีวิตในช่วงเวลาอันล้าสมัยเหล่านั้น
ตอนเรียน ผมเคยใช้วิธีอ่านหนังสือแล้วก็นอนหลับ เพราะเค้าว่ากันว่า ขณะที่หลับ สิ่งที่เราอ่านไปมันจะค่อยๆย่อยสลายและแทรกซึมเติบโตอยู่ในสมองเรา ถ้าเราไม่หลับ สิ่งที่อ่านๆไป มันก็จะถูกสิ่งอื่นเข้ามาถมทับแทนที่ไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ถูกหลงลืมไปในที่สุด
ช่วงระยะเวลาระหว่างจดหมายที่ส่งไปและรอคอยการตอบกับ ความรู้สึกบางอย่างมันก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเช่นกัน
ถึงวันนี้ ถ้าใครสักคนถามว่า เรื่องราวของเรามันผ่านไปแล้วใช่ไหม ผมจะตอบว่าอย่างไรดี ?
ไม่ว่าจะนมกล่อง ปลากระป๋อง ทีวี ตู้เย็น ดอกไม้บาน ทุกอย่างก็ย่อมมีวันหมดอายุ
และหนุ่มสาวสองคนที่เคยคุยกันผ่านจดหมายนั่นก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ณ ตอนนี้ ผมผ่านเวลามาเกินกว่าจะเรียกตัวเองได้ว่าชายหนุ่ม และคุณเองก็คงกระดากอายที่จะแทนตัวว่าสาวน้อย
บริบทรอบข้างเราเปลี่ยนไป ตัวเราเองก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนเหมือนไม่ใช่คนเดิม เปลี่ยนไปจนเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นคนอีกคนหนึ่ง
แต่ลึกๆผมก็ยังแอบคิด ว่าในโลกคู่ขนานใบเดิมนั้น ชายหนุ่มยังคงส่งจดหมายให้หญิงสาว และหรี่ตาข้างนึงเสมอ เมื่อเปิดกล่องจดหมายทุกครั้ง
และเขาก็จะยิ้มกว้าง เมื่อมีจดหมายตอบกลับมา