เปลื้อง

อัลมิตรา

 สวัสดีจ๊ะ เอาหนังสือมาคืน   ผู้เขียนหมายถึงหนังสือสองเล่มที่ยืมไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
 อ่านจบแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง น่าสนใจทีเดียว กับหนังสือที่ชายคนนั้นเขียน ขอสิทธิ์ที่จะตาย   บรรณารักษ์กล่าวถึงหนังสือที่ผู้ป่วยเป็นอัมพาตทั้งตัว เขียนบันทึกและในนั้นมีจดหมายถึงท่านประธานาธิบดี เพื่อขอใช้สิทธิ์ที่จะตาย นับได้ว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจ 
 อืม ! อ่านจบแล้ว ในเมื่อความตายคือสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความตายคือสิ่งที่สวยงามสำหรับเขา เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ทรมาน หากเราเป็นแม่ของเขา เราก็คงต้องทำอย่างนั้นเหมือน  ชุดประดาน้ำและผีเสื้อนั่นก็น่าเห็นใจนะ จู่ๆ คนที่มีอนาคตสดใส ต้องกลายมาเป็นผู้พิการโดยสิ้นเชิง คำว่าชุดประดาน้ำของเขา แค่คิดก็ดูอึดอัดแล้วล่ะ แต่ก็นึกภาพออกตาม ยามที่เขากล่าวถึงผีเสื้อ ผู้เขียนสนทนากับบรรณารักษ์ เกี่ยวกับหนังสือสองเล่ม ที่เป็นสมบัติส่วนตัวของบรรณารักษ์ การที่ได้สนทนากับบุคคลที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน รู้สึกว่าอรรถรสดีแท้ หากไม่ติดว่าผู้เขียนมีเวลาจำกัด เนื่องจากต้องรีบเตรียมเอกสารเข้าห้องประชุม  เห็นทีจะต้องเสียเวลาอยู่ที่ห้องสมุดนี่อีกนาน 
จัดชั้นหนังสือใหม่ รึ มีหนังสือวรรณคดีมาเพิ่มหรือเปล่า ? ผู้เขียนถาม
 ไม่มีจ๊ะ แต่ลองดูนะ อาจจะมีเล่มอื่นที่ยังไม่ได้หยิบอ่าน บรรณารักษ์เสนอ พร้อมกับหยิบหนังสือมาให้ผู้เขียนหนึ่งเล่ม หน้าปกเขียนว่าแมลงสาบ พร้อมกับคะยั้นคะยอให้ผู้เขียนลองนำไปอ่าน 
นี่หนังสือส่วนตัวของเราเอง ผู้ชายคนนี้นัยว่า ถึงขีดสุดแล้ว ลองอ่านดูนะ บรรณารักษ์แนะนะ
หือ ! ชื่อหนังสืออย่างกับหนังสือเกี่ยวกับกับสัตว์ประหลาด หนังสือในมือที่ผู้เขียนถือ เป็นรูปผู้ชาย ด้านล่างเขียนสั้นๆว่า  กลาย  ผู้เขียนพลิกดูปกด้านหน้าด้านหลังและอดใจที่จะยังไม่เปิดเนื้อความด้านใน 
ไปล่ะ ขอบคุณมากค่ะ มีประชุม ผู้เขียนออกจากห้องสมุดพร้อมกับหนังสือในมือ
หลายหนที่ผู้เขียนเห็นบรรณารักษ์ง่วนอยู่กับการซ่อมแซมหนังสือ บางทีก็ปีนเก้าอี้ไปเก็บหนังสือบนชั้น ดูแววตามุ่งมั่นและความทุ่มเทที่บรรณารักษ์มี บวกกับความสุขบนใบหน้ายามที่บรรณารักษ์ทอดสายตาไล่อ่านตัวอักษร มีอยู่ครั้งหนึ่งบรรณารักษ์สังเกตเห็นว่าผู้เขียนจับตามองอยู่ จึงรู้สึกตัวและถามกลับมาว่า มองอะไร มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ผู้เขียนก็ได้แต่ตอบว่า ไม่มีหรอก ไม่มีอะไร  สิ่งที่ผิดปกตินั้นผู้เขียนคงไม่สามารถบอกใครได้ เนื่องจากผู้เขียนกำลังแยกไม่ออกว่า ผู้เขียนชอบอะไร อยากทำสิ่งใด ความรู้สึกอิจฉาเล็ก ๆที่เห็นบรรณารักษ์ทำงานอย่างมีความสุข อยู่ท่ามกลางหนังสือ มีความเป็นเอกเทศในการทำงาน ผู้เขียนเคยถามตนเองว่า ..  อยากเป็นบรรณารักษ์ไหม   ถามตนเองในใจ และไร้คำตอบสะท้อนกลับมา  
 เอ !! แปลก ๆ ต้องมีอะไรในใจแน่เชียว  บรรณารักษ์จับพิรุธได้ทันทีที่ผู้เขียนถอนใจ
 อืม  มีนิดหน่อย! เรามาแลกงานกันทำสักเดือนดีไหม  ผู้เขียนกล่าว และไม่รอรับคำตอบใด ผู้เขียนรู้สึกโล่งอกที่ได้กล่าวออกไป แม้ว่าคำถามลอย ๆ นั้น จะทำให้บรรณารักษ์งงอยู่นาน  ไม่หรอก .. ใช่ว่าผู้เขียนอยากทำอย่างที่บอกไป เพียงแต่ผู้เขียนอยากจะผ่อนคลาย อยากอยู่ในส่วนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจรู้ว่า หากเป็นจริงได้ ผู้เขียนจะมีความสุขกับกองหนังสือท่วมหัว ท่วมโต๊ะ นี้ได้หรือเปล่า .. ไม่อาจรู้จริง ๆ				
คงเหมือนที่ผ่านมา ยามเมื่อล้าจากหน้าที่การงานก็มีบ้างที่รู้สึกเบื่อหน่าย ปัญหาที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น ทำให้รู้สึกท้อบ้างเหมือนกัน ทั้งที่พยายามปลอบใจตนเองว่าเป็นหน้าที่ที่เป็นเกียรติ์ และเป็นสิ่งที่วัดคุณค่าของตนเอง แต่ความเชื่อมั่นภายในก็สั่นคลอนเหลือกำลัง จนต้องหลบฉากมาไตร่ตรองว่าเกิดอะไรขึ้นในระยะนี้ 

สิ่งที่ผู้เขียนเป็นอยู่ ดำเนินอยู่ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้เขียนพึงใจอย่างเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ผู้เขียนคาดคิดว่าจะดีกว่า มันจะดีกว่าจริง สถานการณ์พลิกผันไปตามเหตุการณ์ที่เกิด จะวิเคราะห์กันและฟันธงตรงนี้ว่า สิ่งนั้นย่อมกว่าสิ่งนี้ หรือสิ่งนี้สุดปัญญาจะแก้ไขแล้ว ไม่หรอก.. ผู้เขียนไม่ยอมให้ความรู้สึกนี้มาครอบงำ 

การถอยออกมาหนึ่งก้าวและพิจารณาถึงสิ่งที่ดำเนินอยู่รวมถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ย่อมดีกว่ายืนอยู่จุดเดิมและละล้าละลังเคว้งคว้าง หรือทนเดินก้าวไปอย่างไม่รู้ทิศทาง จริงอยู่ที่ว่า การไม่หยุดอยู่กับที่คือสิ่งที่ควรทำ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่า การก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น จะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ผู้เขียนคิดว่า บางทียอมสละเวลาอีกสักนิด ถอยหลังมาอีกสักหน่อย เพื่อที่จะค้นหาวิธีก้าวกระโดด แทนที่จะเดินกระย่องกระแย่งเป๋ออกข้างทาง  

ดูเหมือนว่า..บางอย่างที่รบกวนจิตใจในขณะนี้ บางอย่างที่หนักอึ้งคาบ่าทั้งสองข้าง จะเบาโหวงทันตาเมื่อคิด ขนาดคนเป็นอัมพาตที่เขียนหนังสือชุดประดาน้ำและผีเสื้อ เขายังถอดชุดประดาน้ำที่คลุมร่างเข้าอยู่ แล้วกางปีกโบยบินอย่างอิสระอย่างผีเสื้อ ผู้เขียนเสียอีกที่กระโดดโลดเต้นได้ ทำไมมัวอึดอัดอยู่กับพันธนาการที่ครอบใจอยู่ทำไมกัน				
เปลื้องแล้ว..ไปกัน				
comments powered by Disqus
  • ศศิชนก

    3 กุมภาพันธ์ 2548 16:32 น. - comment id 82510

    สิ่งที่มาประสบกับเราเมื่อวันวาน.... นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา... ดีกว่าที่มันจะหนักหนาสาหัสไปกว่านั้นซึ่งจะทำให้เราบอบช้ำไปมากกว่านี้ หรือดีกว่าที่มันจะวิเศษเลิศเลอไปกว่าที่มันเป็น จนทำให้เราหลงไประเริงกับมันจนลืมความพอเหมาะพอดี กระทั่ง...กู่ไม่กลับ!
    
    	สิ่งที่มาประสบกับเราในวันนี้..... นั่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ถูกเตรียมไว้สำหรับเราในวันนี้เช่นกัน
    
    	และถ้าเรายังอยู่จนถึงพรุ่งนี้ เพื่อพบกับอะไรก็ตามที่จะมาประสบ.... ก็จงอย่าลืมว่า ความอดกลั้น อดทน เป็นคุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่ถูกสร้างไว้ให้ประจำตัวมนุษย์ทุกคน จึงอยู่ที่แต่ละคนนั้นจะรู้จักนำมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด... และแน่นอน สิ่งนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสมควรได้รับอยู่นั่นเอง ไม่ว่ามันจะคือความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม
    
  • กัลลดาค่ะ.....

    3 กุมภาพันธ์ 2548 16:49 น. - comment id 82512

    การก้าวถอยหลังมาเพียงครึ่งก้าวรึหนึ่งก้าว...แล้วหยุดคิด....คือสิ่งถูกต้องที่เราควรพึงกระทำ...ยามที่เราเหนื่อยล้าอ่อนแรง...นะค่ะ..
    
    ภาระหน้าที่ที่เหน็ดเหนื่อย...บางครั้งมันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นนะค่ะ..
    
    ชื่นชมคุณอัลฯเสมอๆ....หวังว่ากำลังใจที่มีให้คุณอัลฯคงพอจะทำให้คุณอัลฯหายเหนื่อยได้นะค่ะ...
  • กุ้งหนามแดง

    3 กุมภาพันธ์ 2548 17:19 น. - comment id 82515

    ..เปลื้องแล้วลืมวางด้วยน่ะจ๊ะ..
    
    ..พักผ่อนบ้างน่ะ..
  • tiki

    4 กุมภาพันธ์ 2548 00:02 น. - comment id 82525

    เพิ่งได้เข้ามารอบดึก อ่านงานค่ะ
  • keekie

    4 กุมภาพันธ์ 2548 11:40 น. - comment id 82532

     เมื่อสิบกว่าปีก่อน...ผมเห็นนักกีฬาชนะเลิศวิ่ง 100 เมตร ในกีฬาโอลิมปิค...ทำเวลาได้ 11 กว่าวินาที...ซึ่งนับว่าเร็วมากแล้ว..แต่ปัจจุบันใครหวังจะคว้าเหรียญทองต้องสร้างผลงานใกล้เคียงหรือต่ำกว่า 10 วินาทีเท่านั้น..สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ...ทำไมทุกคนในเมืองใหญ่ถึงพากันวิ่ง 100 เมตรกันไปหมด? บางคนรู้ตัวหรือไม่ว่าเขากำลังวิ่ง? เป้าหมายของเขาอยู่ที่ใด..สำคัญกว่านั้นคือ เขาวิ่งไปเพื่ออะไร..???..
    
    โดย คุณวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ สัญลักษณ์ ของหนังสือ a day...
    
     ได้อ่านงานนี้ของคุณอัลมิตราแล้ว...
    นึกถึงคำข้างบนค่ะ...
    ตอนนี้ กี้แบกอะไร..เพื่อวิ่ง 100 เมตรบ้างเนี่ย???
    
    
    
    
    
    
  • อัลมิตรา

    4 กุมภาพันธ์ 2548 12:58 น. - comment id 82535

    คุณศศิชนก .. ประสบการณ์ที่สั่งสม เป็นบทเรียนที่หาจากหนังสือใดไม่ได้ การจะตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น บางทีอดีตอาจไม่ใช้ตัวชี้นำ หากแต่อนาคตต่างหาก ที่ท้าทายให้เลือก ..
    
    คุณกัลลดา .. ค่ะ เหนื่อย ช่วงนี้มีหลายอย่างประดังเข้ามา คิดว่าผ่านไปได้ดั่งเคย ขอบคุณมากนะคะ
    
    คุณกุ้งหนามแดง ..เหลือแต่ตัวโดด ๆ แล้วค่ะ
    
    คุณทิกิ .. ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาเยือน
    
    คุณkeekie .. อืมม เขาเขียนได้น่าคิด มีท่านหนึ่งเคยบอกอัลมิตราว่า เมื่อจะก้าวสูง จงอย่าแบกของให้หนัก และจงทำตัวให้สบายๆๆๆ ค่ะ
    
    มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
    
    
  • ดอกข้าว--

    4 กุมภาพันธ์ 2548 19:08 น. - comment id 82544

    การถอยออกมาหนึ่งก้าวและพิจารณาถึงสิ่งที่ดำเนินอยู่รวมถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ย่อมดีกว่ายืนอยู่จุดเดิมและละล้าละลังเคว้งคว้าง หรือทนเดินก้าวไปอย่างไม่รู้ทิศทาง จริงอยู่ที่ว่า การไม่หยุดอยู่กับที่คือสิ่งที่ควรทำ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่า การก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น จะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ผู้เขียนคิดว่า บางทียอมสละเวลาอีกสักนิด ถอยหลังมาอีกสักหน่อย เพื่อที่จะค้นหาวิธีก้าวกระโดด แทนที่จะเดินกระย่องกระแย่งเป๋ออกข้างทาง  
    
    ---พี่อัลมิตราเก่งทั้งเขียนทั้งแต่งเลยนะครับ..
    
    ชอบท่อนนี้ เป็นคติในการดำเนินชิวิตเลยล่ะครับ
  • pigstation

    5 กุมภาพันธ์ 2548 00:08 น. - comment id 82552

    คิ้วคิ้วคิ้ว             คิ้วคิ้วคิ้ว
              ตา                      ตา
    
                        จมูก
    
               ยิ้ม                     ยิ้ม
                   ยิ้ม            ยิ้ม
                        ยิ้มยิ้มยิ้ม
  • อัลมิตรา

    5 กุมภาพันธ์ 2548 14:55 น. - comment id 82556

    คุณดอกข้าว .. ขอบคุณมากค่ะ 
    
    คุณสถานีสุกร .. อักษรยิ้ม บ่งบอกถึงตนต้องยิ้มด้วยนะคะ ยิ้มแล้วโลกจะสดใสยิ่งนักค่ะ
    
    :)
    
    
  • ลักษมณ์

    16 กุมภาพันธ์ 2548 02:55 น. - comment id 82826

    แล้วจะขี่ตามไป..ห่างๆ ครับ
    :]
  • อัลมิตรา

    16 กุมภาพันธ์ 2548 13:00 น. - comment id 82843

    :) มาสิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน