"เราเป็นนักเรียนโรงเรียน... โรงเรียนที่อดีตเป็นวังเก่าแก่ รัชกาลที่ 5 เป็นผู้พระราชทานนาม แต่นักเรียนกลับทำตัวเหลวแหลก เข้าแถวไม่ตรงเวลา ไม่มีระเบียบวินัย" ท่านอาจารย์ผู้มีหน้าที่กล่าวสุนทรพจน์หน้าแถวก่อนเข้าเรียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ทุกคำมีอัขระชัดเจน " นักเรียนบางคนยังไม่เข้าโรงเรียนก็มี ยังเล่นเกมอยู่ นักเรียนบางคนเข้ามาแล้วแต่แต่งตัวดูไม่ได้ รุ่นพี่ก็ใช่ว่าจะดีกว่ารุ่นน้อง..." คำพูดทุกคำนั้นอาจเข้าหูซ้ายของใครบางคน หรืออาจเข้าหูขวา สุดจะรู้ แต่ที่แน่ๆทุกคำพูดนั้นจะทะลุออกทางหูด้านตรงกันข้ามของผู้ฟังโดยไม่ต้องสงสัย หรือแม้แต่คนที่พูดเองนั้นก็คงไม่สงสัยเช่นเดียวกัน ทุกคำพูดเหล่านี้ยังคงเข้าหูข้างซ้ายแล้วทะลุหูข้างขวา หรือเข้าหูข้างขวาแล้วทะลุออกทางข้างซ้ายอยู่เป็นประจำ เหมือนเป็นอะไรซักอย่างที่เป็นแบบแผนที่จะต้องทำกันทุกปี... ทุกเดือน... ทุกอาทิตย์ แม้กระทั่ง... ทุกวัน ... แล้วทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ... "นักเรียนโรงเรียนของเราถ้าเปรียบเทียบกับโรงเรียน... ที่อยู่ด้านตรงข้ามก็ถือว่าเหนือกว่ากันเยอะ เราโรงเรียนวัง ส่วนพวกนั้นโรงเรียนวัด... นี่เอาไปเอามาก็โรงเรียนวัดเหมือนกันนั่นล่ะ" ...พูดไปแล้วได้อะไร ใครวัง ใครวัด สรุปแล้ววัดเหมือนกัน แล้วอะไรคือประโยชน์?... "นักเรียนหญิงก็ต้องไปซอยผม นักเรียนชายกลัวน้อยหน้าต้องไว้ผมยาวมั่ง กลัวไม่เหมือนนักเรียนหญิง... เปิดเทอมมาทีแถวนักเรียนหญิงนี่ม่านไทรย้อยกันเป็นแถว อีกไม่นานนักเรียนชายก็คงเป็นแบบนั้นบ้าง" "วันก่อนครูไปเจอนักเรียนชายกลุ่มนึงใส่เครื่องแบบหลุดลุ่ย ดูไม่ได้ ไม่รู้คนอื่นเค้าจะว่ายังไง" "ทำไมพวกเธอไม่สำนึกบ้างว่าพวกเธอเป็นเด็กวังนะไม่ใช่เด็กวัด" "ทำไมพวกเธอไม่หัดดูตัวอย่างคนที่เค้าทำประโยชน์บ้าง ดูสิ ดูเวลาเค้าไปตอบปัญหากับโรงเรียนอื่น เค้าไปประกวดทำกิจกรรม แต่งตัวเรียบร้อย ผู้คนชมเชยมาถึงโรงเรียน" "นักเรียนที่ทำความดีคือพวกที่มีหัวคิด... สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ส่วนพวกเธอทั้งหลายที่ทำตัวไม่ได้เรื่องไม่เอาถ่านเนี่ย... คือพวกเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ครูบาอาจารย์ที่ชาวบ้านเค้าว่าสอนนักเรียนไม่เป็น ทำให้พวกเธอดีไม่ได้" อะไรที่จำเจแบบนี้ยังคงเหมือนเดิม และจะดำเนินต่อไป... ฉันรู้ และฉันเข้าใจ ถึงแม้จะไม่แจ่มแจ้ง แต่ฉันก็เข้าใจ ส่วนจะเข้าใจว่าอะไรนั้น... ฮึ ไม่ตรงกับที่คนพูดอยากให้ฉันเข้าใจหรอกกระมัง "ถ้าเธอไม่ได้ใส่เครื่องแบบโรงเรียนครูจะไม่ว่าอะไรเธอซักคำ แต่นี่เธอใส่ชุดนักเรียน มีตราโรงเรียนปักอยู่ที่หน้าอก เธอแบกเกียรติยศของโรงเรียนเอาไว้... แต่นี่พวกเธอไม่เคยสำนึกเลย คิดว่าตัวเองก็แค่ตัวเอง ทำอะไรไม่เคยคิดถึงคนอื่น ไม่เคยคิดว่าโรงเรียนจะเสียหายยังไง ไม่คิดว่าคนอื่นเค้าไม่ได้ด่าเธอ แต่เค้าด่าครูนี่... ครูที่พร่ำสอนเธอมาด้วยความเหนื่อยยาก ครูที่เธอไม่เคยฟัง ไม่เคยใส่ใจนี่..."
29 ธันวาคม 2547 10:52 น. - comment id 80248
คิดยังงั้นจริงๆเหรอครับ? รู้สึกคร้ายๆกันนะ!
31 ธันวาคม 2547 18:13 น. - comment id 80301
เอา เถอะ นะ ... เพราะ มาน เปง เรื่อง จริง ... เดะ ที่ ใส่ เครื่อง แบบ ของ อะ ไร ก้อ ย่อม แบก เกียรติ ยศ ของ สิ่ง นั้น ไว้ ... ฉัน เป็น เด็ก นัก เรียน รร ประ จำ จัง หวัด ... เกียรติยศ ชื่อเสียง หน้า ตา และ อา ราย อีก อย่าง ของ รร ย่อม ได้ มาก จาก เด็ก ที่ แต่ง เครื่อง แบบ อยู่ ทั้ง นั้น ... \"สะการะตาหรา\" คิด ว่า อาจารย์ ท่าน พูด ผิด หย๋อ ... เครื่อง แบบ ก้อ เปรียบ ดั่ง นามสกุล ... ยิ่ง เป็น รร ที่ เป็น วัง ยิ่ง เหมือน นามสกุล ของ ผู้ สูง ศักดิ์ ที่ ควร จะ เทิด เกียรติ และ ดำ รง เกียรติ นั้น ไว้ ... ถ้า เรา ไม่ รัก ษา ชื่อ เสียง นามสกุล ของ ตัว เอง อาราย มาน จะ เกิด ขึ้น หล่ะ ... เช่น นามสกุล \"ชินวัตร\" ขาย ยา เป็น ต้น ... คุณ จะ รู้ สึก อย่าง ไร ... เด็ก รร พระ ราช ทาน แต่ง ตัว เป็น จิ๊ก โก๋ หลัง วัง ... มัน จะ น่า ดู มั้ย ... คิด ดู ดี ๆ นะ ... ไม่ ได้ ว่า ไม่ ได้ ติ ... ทุก คน มี สิทธิ์ พูด ทุก คน มี สิทธิ์ โต้ แย้ง ทุก คน มี สิทธิ์ ที่ จะ เชื่อ - ไม่ เชื่อ ... ทุก คน ขีด ชี วิต ตัว เอง ... แต่ การ ขีด ชี วิต นั้น ควร อยู่ ใน กรอบ ที่ ไม่ ทำ ให้ ใคร เดือด ร้อน ...