วาทกรรมสิ่งแวดล้อมศึกษาขอรายงานตัวครับผม
pigstation
แรกทีเดียวการสื่อสารของสัตว์คงเป็นเพียงการเปล่งเสียงออกมา พร้อมอากัปกิริยาสื่อออกมาให้คู่สนทนารับทราบถึง ความหมาย เช่น การส่งเสียงร้องของนก คือ การส่งสารต่อกันว่าขณะนี้พบแหล่งอาหาร หรือ มีศัตรู ก็แล้วแต่กรณีไป
ต่อมามนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ระดับของการสื่อสารเริ่มซับซ้อน เป็นเพราะขนาดของสมอง จึงทำให้ มนุษย์ใช้การสื่อสารด้วยวิธีการที่หลากหลาย
นานาเผ่าพันธุ์ นานาวัฒนธรรมที่เปลี่ยนผ่านมารุ่นต่อรุ่น จวบจนมาถึงวันนี้ อำนาจแห่งภาษาได้ครอบครองโลกมนุษย์ไว้สิ้นแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ภาษาเป็นทั้งประตูเปิดออกสู่โลกกว้าง เป็นกุญแจไขปริศนาจักรวาล หรือกระทั่งเป็นกับดักที่ปิดกั้นไม่ให้มี ความหมายอื่นใดมาอธิบายได้ นอกจากการกำหนดลงไปด้วยภาษาที่แปรรูปเป็น วาทกรรม ที่สถาปนาความจริง(ลวง)ให้คนเชื่อ คนฟัง คนทำตามนั้น
วาทกรรมกำลังเป็นพระเอก และตัวโกงในเวลาเดียวกัน ด้วยความเป็นมนุษย์ผู้ดำรงอยู่ด้วยเหตุผลผสมอารมณ์ โลกใบนี้จึงไม่อาจหนีพ้น อำนาจแห่งวาทกรรมที่คอยบงการ คอยบัญชาการ
เราต่างได้ยินคำว่า สิ่งแวดล้อมมานานแล้ว เป็นคำที่บรรจุความหมายถึง __________ ( เหตุที่ผู้เขียนปล่อยที่ว่างไว้ เนื่องจาก คำนี้นั้นมีนิยามอันเกิดจากการบัญญัติจาก สารพัดนัก-นักวิชาการ,นักปรัชญา,นักวิทยาศาสตร์ และบรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง ดังนั้น คำว่าสิ่งแวดล้อมคำเดียวกันนี้ ต่างมีหลายโฉมหน้า หลายรูปทรง ขึ้นอยู่ว่าผู้ใดจะมีระดับความเข้าใจ และภาวะประสบการณ์ภายในระดับใด )
การกล่าวถึง วาทกรรม นั้น คล้ายการหว่านข้าวลงไปในนา แล้วเรามองเห็นที่เมล็ดข้าวในรวงแต่เพียงเท่านั้น ทั้งที่ การงอกงามของต้นข้าวนั้นมีปัจจัยมากมายรายล้อม ไม่ว่าจะ ดินฟ้าอากาศ ไส้เดือน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นที่มาของ ข้าว เช่นกันวาทกรรมใดวาทกรรมหนึ่งนั้น อาจสื่อความหมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่แท้ที่จริงแล้ว วาทกรรมนั้นมีการครอบงำพื้นที่ มีการปิดบังความจริงอื่นที่อยู่นอกเหนืออีกมากมาย
วาทกรรมที่อยากยกตัวอย่างคือ วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย ที่กำลังก้าวไปสู่หลุมพรางทางด้านการก่อวินาศกรรมด้วยภูมิปัญญาจากต่างแดน..(รู้อยู่แก่ใจ)
ทั้งที่เรามีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ สามารถทำการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารได้ร้อยพันธุ์ แต่เรากลับถูกกลไกจากองค์การค้าโลกมาใช้คำหวานเล้าโลมใจชาวเกษตรกรไทยว่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเถิดหนาเพื่อว่าได้ส่งออกตลาดโลกกันเถิดเพื่อเศรษฐกิจดีเลิศ แล้วในที่สุด มันสำปะหลังเอย อ้อยเอย ข้าวโพดเอย ราคาตกพร้อมน้ำตากสิกรไทยตกไปตามกัน ที่นา ที่ไร่ ล้วนแล้วแต่มีโฉนดอยู่ที่ธนาคาร..( ถูกต้องคร้าบบบ)
อีกประการคือการชี้นำจากการท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจนั้น แบบแห่แหนตระเวณตามแต่แรงโหมโฆษณา พากันไปแบบฉิ่งฉับทัวร์ ความจริงคือการเปลี่ยนสถานที่ตั้งวงกินเหล้ากับตั้งวงเล่นไพ่ ไม่ต่างจากการย่ำยีธรรมชาติอันแสนล้ำค่าที่เป็นมรดกจากบรรพชนได้เเลกมาด้วยชีวิต ด้วยเลือดและน้ำตามาแต่ครั้งโบราณกาล
จาก ภูกระดึง จากภูเก็ต จากดอยสูง สู่ชายฝั่ง มีสถานที่ใดบ้าง หากเราไม่ลำเอียงต่อความเป็นจริงนักว่า สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นคือ เศษซากกากเดน ที่ถูกดูดเอาเม็ดเงิน ถูกกว้านทรัพยากรโกยเข้ากระเป๋านัก..(ถูกต้องคร้าบบบบ) ส่วน ชาวบ้านตาดำปี๋ นั่งทำตาปริบๆกับขยะปฏิกูล และความเสื่อมโทรมตามมา ยากที่จะเยียวยา ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการหลงเพริศไปในคำว่า วาทกรรมการท่องเที่ยวทัศนาจราจลอันอุจาด
ไม่เคยมีความเข็ดหลาบเกิดขึ้นในจิตสำนึกของคนไทยส่วนหนึ่ง มีแต่เห็นว่าเรื่องของ สิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องของรัฐ เป็นเรื่องของนักวิชาการ เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงถลุงโลกกันต่อไปอย่างครื้นเครง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำใต้ฝักบัว ครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุจชี่ แล้วมารับไอเย็นจากแอร์ 100,200 BTU รอสักพักก็ควบรถสปอร์ต 3,600 CC ที่ประหยัดน้ำมัน 1 กิโล 10 ลิตรเอง ว้าวววว
ความตระหนักต่อส่วนรวมว่าเราคือคนสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และ การมีส่วนร่วมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำมือ ควบคู่ น้ำใจของแต่ละคนเท่านั้นคือวาทกรรมอันสำคัญยิ่ง ที่จะพาให้ประเทศไทย จนถึงโลกเบี้ยวๆใบนี้ไปสู่หนทางสว่างไสวไร้น้ำครำเหม็นโฉ่
เพราะที่ผ่านมานั้นวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยมีแต่ การปลูกต้นไม้ปีละหน คนละต้น ( ส่วนคนตัดไม้นั้นตัดวันละป่าครับผม) ,การพากันเก็บเศษกระดาษในวัน BIG[?]CLEANING DAY คนละแผ่นสองแผ่น โอ๊ย ภูมิใจแย่เลย หรือ การเดินขบวนต่อต้านท่อก๊าซ ไทย-มาเลย์ ด้วยการพากันขึ้นรถ 4 WD มาร่วมเดินขบวนด้วยการแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท. แล้วสั่งแก๊สถังหนึ่งที่ร้านจับฉ่ายพานิชให้ไปส่งที่บ้านด้วยเพราะแม่บ้านสั่งมาว่าแก๊สหมด.
วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยยังอยู่ในจุดที่เรียกว่า แจวเรือกันคนละพาย มากกว่า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
วันวานนั้นเป็นสายลมที่พัดผ่าน อยากให้สายลมเปลี่ยนทิศ พวกเราสร้างความหมายใหม่ให้วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยที่คล้ายจะลูบหน้าปะจมูกให้เป็นการลงแขกร่วมใจสร้างสิ่งแวดล้อมไทยให้ยั่งยืนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิห่ออาหารด้วยใบตอง ใช้ถุงผ้าบรรจุข้าวของตอนซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้า ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น อุดหนุนสินค้าไทย แล้วใช้ชีวิตอย่างพอเพียง บวกกับ ทำความดีถวายในหลวง SO แจ๋ว SO COOL มาก พลเมืองไทยใจงาม
มาร่วมสร้างวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย จากเดิมที่เป็นเพียงถ้อยคำที่ประดิษฐ์มาอย่างสวยหรู จากเก่าที่เป็นการคลำทางอย่างมะงุมมะงาหรา จากกลิ่นน้ำครำท่วมฟ้าเมืองไทย จะเป็นวันดอกไม้บาน ทุ่งข้าวออกรวงเป็นแผ่นดินทอง วันที่สายรุ้งบรรจงโค้งข้ามฟ้า วันที่ผีเสื้อบินร่า วันที่เรานั้นรักเมืองไทยด้วยน้ำใจเปี่ยมล้นบนวาทกรรมสิ่งแวดล้อมที่ว่า น้ำใจ คือ สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด