รอวัน....ฉันรักเธอ The End
ก๊อตซิลล่าฟันเหล็ก
.....เวลาผ่านไปไวเหมือน -อแหล และแล้วก็ถึงวันอำลาสถาบันจนได้ วันนี้เป็นวันที่คนที่มีความรักจะคึกคักเป็นพิเศษ สองข้างทางของถนนเต็มไปด้วยดอกไม้กุหลาบสีแดงที่สื่อถึงความรักในวันนี้ ฉันเองก็เตรียมมันมาเหมือนกัน เพื่อจะให้แก่คนพิเศษของฉันในวันนี้ ฉันมานั่งรอพีก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง ซึ่งว่าผิดปกติกับนิสัยของฉันมาก เพราะปกติแล้วฉันมักจะเป็นฝ่ายให้คนอื่นรออยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันกลับเป็นฝ่ายมานั่งรอเสียเอง ฉันนั่งรอ พีไประหว่างที่ใจเต้นตึกตักแทบจะทะลักออกมา
.....ฉันเตรียมชุดนักเรียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน ทั้งๆที่มันก็เป็นชุดเดิมๆที่ใส่มา 3 ปี แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันจะพิเศษกว่าทุกๆวันที่ฉันเคยใส่มา แต่คงจะเป็นเพราะว่าฉันตื่นเต้นมากเกินไป ฉันเลยไม่ได้พกอะไรมาจากบ้านเลย นอกจากเงินที่แม่ให้ไปกินโรงเรียนตอนเช้า 60 บาท
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พีก็ไม่มาเสียที ทั้งๆที่มันก็เลยเวลานัดมากว่า 10 นาทีแล้ว เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ประตูร้าน ดังหลายครั้งหลายครา ฉันมักจะคิดว่า เสียงกระดิ่งที่ดังนั้น คงจะเป็นพีที่เดินเข้าแล่วบอกกับฉันว่า 'ขอโทษนะที่มาสาย' แล้วก็กระหืดกระหอบพร้อมกับบอกเหตุผลที่ตัวเองมาสายกับฉัน แล้วฉันก็จะแกล้งทำเป็นโกรธพี โดยการจะเดินไปโรงเรียนโดยไม่สนใจพี ฉันได้แต่คิดไปเล่นๆ เรื่อยๆ จน20 นาทีผ่านไป 30 นาที ผ่านไป พีก็ไม่มาเสียที อารมณ์ในตอนนั้นของฉัน ฉันรู้สึกโมโหมาก
'หืม...อีตาพีบ้า คอยดูนะถ้ามานะ จะด่าให้เสียผู้เสียคนเลย คอยดู...' ฉันคิดไปสักครู่ จนอารมณ์ขาด
"ไม่รอแล้ว อยากมาสายดีนัก อีตาบ้า"
ระหว่างที่ฉันกำลังจะลุกออกจาก โต๊ะนั้น เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ดังมากคิดว่าคนที่เปิดประตูนั้นคงจะรีบมากแน่ๆ แว่บนึง..ฉันคิดว่านั่นคงจะเป็นพี แต่ก็ไม่ใช่ ฉันได้แตาถอนหายใจก่อนทีเดินออกจากร้าน ผู้ชายคนเมื่อครู่นี้ก็ดึงมือฉัน อย่างแรงจนฉันตกใจ นึกว่าจะโดนปองร้ายซะแล้ว
"เอ่อ...น้อง น้องชื่อโจใช่มั้ยครับ" ผู้ชายคนนั้นพูดไปก็เช็ดเหงื่อที่หน้าตัวเองไป
"เอ่อ...ใช่ค่ะ พี่มีอะไรกับหนูหรอคะ" ฉันถาม เพราะงงมากที่ผู้ชายคนนี้ คนที่ฉันแทบจะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จะมารู้จักชื่อฉันได้ยังไง
"คือว่า...มีคนเค้าให้ฝากเอาของนี่มาให้น้องน่ะครับ" ผู้ชายคนนั้นพูดไปพลางหลบสายตาฉันเหมือนปกปิกอะไรไว้สักอย่าง
"อะไรคะนี่" ของนั่นมันคือสมุดบันทึกเล่มเล็กๆที่ฉันรู้สึกคุ้นตามากๆ ' ใช่แล้ว' ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมองฉันทันที
สมุดเล่มนี้มันก็คือ เล่มเดียวกันกับที่ฉันเห็นวันที่ พีไปส่งฉันที่บ้านไง เป็นหนังสือที่พี หวงมาก ฉันจำได้... นี่นี่เอง ของสำคัญที่เค้าอยากจะให้ฉันในวันนี้
"เอ่อ..แล้วเจ้าของหนังสือเล่มนี้ เค้าไปไหนซะล่ะคะ" ฉันถามด้วยความมึนงง เพราะปกติแล้ว พีน่าที่จะเป็นคนที่นำของสิ่งนี้มาให้ฉันด้วยตัวเอง ตามที่สัญญากันไว้ เค้าไม่น่าที่จะฝากของที่สำคัญขนาดนี้มากับคนอื่น
ตึก...ความรู้สึก หนักอึ้งเข้ามาสู่ตัวฉันทันใด หรือว่าพีจะเป็นอะไรไป ฉันเริ่มจะมือสั่น
"คือ...คือว่า" พี่เค้าได้แต่ก้มหน้า แล้วก็หันรีหันขวาง เหมือนคนที่ทำความผิดอะไรมาสักอย่าง แต่ในความรู้สึกฉันรู้ได้ทันทีว่าพี่เค้าต้องไม่ได้ทำความผิดอะไรมาแน่ แต่ต้องมีบางอย่างที่ไม่สามารถบอกกับฉันได้เท่านั้นเอง
ฉันเริ่มกระวนกระวาย อยากจะรู้คำตอบ 'ต้องเกิดอะไรขึ้นกับพีแน่ๆ'
"อะไรล่ะคะพี่ รีบบอกมาเร็วๆ พี เป็นอะไรแน่ๆใช่มั้ย นี่พี่พูดอะไรสักอย่างสิคะ" ฉันพยายามซักไซร้ อย่างที่สุด ตอนนี้น้ำตาฉันมันเริ่มจะคลอตาแล้ว เพราะฉันรู้ว่าจะต้องเกอะไรขึ้น กับพีแน่ๆ อย่าให้มันเกิดอย่างที่ฉันคิดไว้เลย
"เอ่อ..คือว่า น้องคนนั้นเค้าสั่งพี่ ไว้ไม่ให้บอกน้องน่ะครับ...คือว่า..."
"อะไรล่ะพี่..บอกมาเถอะ หนูขอร้องนะพี่นะ" ตอนนั้นฉันตัวฉันสั่นไปหมด อยากที่จะรู้คำตอบเร็วๆ
"คือ..น้องคนนั้นบอกกับพี่แค่ว่า ให้เอาของสิ่งนี้มาให้น้องที่ชื่อ โจในร้านนี้ แล้วก็ให้บอกกับน้องว่า ให้น้องเข้าโรงเรียนได้เลย ไม่ต้องรอเค้าแล้ว เดี๊ยวน้องจะเข้าทำพิธีกับเพื่อนๆ ไม่ทัน เค้าฝากให้พี่มาบอกน้องแค่นี้แหล่ะ"
"แล้วพี เค้าไปไหนล่ะคะ ทำไมไม่เอามาให้หนูด้วยตัวเอง" อารมณ์ฉันเริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
" งั้น...พี่จะเล่า ให้น้องฟังแล้วกัน พี่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะ ตอนที่พี่เจอกับน้องเค้า..คือว่า เค้าก็อาการเริ่มจะแย่เต็มที " จากคำพูดนั้น มันทำให้ฉันเริ่มหน้าเสีย มือฉันเริ่มสั่น ขาและแขนทั้งสองขางของฉันเริ่มจะชา พี่คนนั้นเหลือบมองฉันเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าและเล่าให้ฉันฟังต่อ
"ตอนที่พี่พบเค้า พี่ก็ไม่แน่ใจในตอนแรกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเห็นว่ามีคนมุงอยู่เต็มไปหมด พี่เลยลองเข้าไปดู เห็นน้องผู้ชายนอนจมกองเลือด กอดแมวตัวนึงอยู่เกือบกลางถนน คิดว่าน้องเค้าคงจะไปช่วยลูกแมวที่โดนรถชน แต่โชคร้ายที่คนที่โดนชน กลับเป็นน้องเค้าซะเอง"
ฉันพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล ในมือของฉันที่ถือสมุดของพีสั่นจนแทบ หนังสือจะหลุดจากมือ แต่ฉันก็ประคองมันไว้ เพราะมันเป็นของที่สำคัญที่สุดของคนที่ฉันรัก
"ตอนนั้น พี่เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าไปช่วยน้องเค้า... เพระคนที่มุง ไม่มีใครเลยที่แม้แต่จะเข้าไปดูอาการ ได้แต่ยืนดูและวิพากษ์ วิจารณ์ กันไปต่างๆนานา ทั้งๆที่เพื่อนของน้อง กำลังพยายามพูดอะไรสักอย่างให้คนเหล่านั้น ได้ยิน แต่ก็ไม่ใครยอมรับฟังเลย..." พี่เค้าเหลือบมองฉันอีกครั้งเพราะเห็นว่าอาการฉันเริ่มจะไม่ดีแล้ว ตอนนั้นขาฉันเริ่มจะอ่อนแรง
"ทันทีที่พี่ เข้าไปประคองเค้ากับแมวที่เค้าอุ้มอยู่ ที่ดูเหมือนว่าอาการเริ่มจะร่อแร่ทั้งคู่แต่เค้ากับบอกกับพี่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเค้า เค้าไม่เป็นอะไรหรอก ขอเพียงแต่ให้พี่ช่วยอะไรเค้าสักอย่าง แล้วเค้าก็ยื่นสมุดเล่มนี้มาให้พี่แล้วก็บอกให้พี่เอามาให้น้อง แล้วก็ให้บอกกับน้องอย่างที่พี่บอกไปนั่นแหล่ะ" ตอนนี้น้ำตาที่ฉันกลั้นไว้ มันเริ่มที่จะไหลออกมาเป็นทาง
ฉันรู้สึกฝืนมาก กับคำพูดที่จะพูดออกมาแต่ละคำ "แล้วตอนนี้ เค้า...." ฉันไม่กล้าที่จะพูดต่อ ฉันไม่กล้าถามอะไรอีกแล้ว
"พี่ก็ไม่รู้นะ ว่าหลังจากนั้นเป็นยังไง เพราะน้องผู้ชายบอกให้พี่ ไม่ต้องเป็นห่วงเค้า แล้วก็ให้พี่เอาของนี่มาให้น้องนี่แหล่ะ แต่ตอนที่พี่ออกมา ก็เห็นรถพยาบาลมาแล้วนะ คิดว่าคงไปโรงพยายาลแล้วล่ะ น้องรีบไปดูเพื่อนน้องซิ ทีแรกพี่ก็กะว่าจะไม่บอกน้องหรอกนะเพราะเพื่อนน้องสั่งเอาไว้แต่พี่คิดว่า น้องควรจะได้รู้นะ เพราะท่าทางน้องคนนั้นเค้าคงจะเป็นห่วงน้องมากเลย"
ฉันได้แต่นั่งอึ้ง ในเวลานั้นเองฉันก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็กำลัง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ไปที่ไหนสักแห่ง ใช่แล้ว!! มันคือโรงพยาบาลนั่นเอง ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใน ณ เวลานั้น โรงพยาบาล กับร้านนมที่ฉันนั่งอยู่มันห่างกันขนาดไหน แต่ฉันก็วิ่งไปจนถึงจนได้ ตอนที่ฉันไปถึง เพื่อนๆก็อยู่กันเต็ม หน้าห้องฉุกเฉินแล้วดูเหมือนว่า ฉันจะเป็นคนสุดท้าย ที่รู้เรื่องนี้ ในใจฉันตอนนั้นได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่อำกันเล่น หรือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด
เหมือนกับครั้งนั้นที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แล้วเพื่อนๆที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพียงหน้าม้าที่มาร่วมฉลองกันที่แกล้งฉันสำเร็จ แต่ทว่า...ทุกคนที่ฉันเห็นในตอนนั้นล้วนมีหน้าที่เศร้าสร้อย และกระวนกระวายใจ จนฉันไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปถามอาการของพี เพราะฉันกลัวที่จะได้รับคำตอบ...ฉันไม่อยากรับรู้
เพื่อนคนนึงเห็นฉัน ที่ยืนอยู่ในอาการเหมือนคนไร้ความรู้สึก เจน วิ่งเข้ามากอดฉันด้วยน้ำตาที่นองหน้า พร้อมกับว่าฉันต่างๆนานา
"เธอ ไปไหนมาน่ะ รู้มั้ยว่าตอนนี้อาการพี แย่แล้ว หมอบอกว่า พีเสียเลือดมาก พวกเราที่เลือดกรุ๊ปเดียวกับพี ก็ช่วยกันบริจาคเลือด แต่หมอเพิ่งออกมาบอกเมื่อกี้ว่า พีมาถึงช้าไป หมอบอกว่าให้พวกเราทำใจ ฮือ ฮือ... " เจนร้องไห้เสียงดังมากในตอนนั้น เพื่อนคนอื่นๆก็วิ่งมาหาฉัน ทุกคนต่างก็ถามฉันว่าฉันไปไหนมือถือก็ติดต่อไม่ได้ แต่ทุกคนก็ต้องเงียบ เพราะฉันไม่พูดอะไรสักคำ ขาฉันอ่อนแรงเต็มที ฉันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเหมือนจะเป็นลม ฉันได้แต่นั่งก้ม กอดสมุดเล่มสีชมพูเล็กๆไว้ที่อก
ตอนนั้น พ่อ กับแม่ของพี เพิ่งจะมาถึง ท่านเข้าไปถามอาการของพีจากคุณหมอ และได้รับอนุญาติให้เข้าไปดูอาการของพีได้ ท่าทางพ่อและแม่ของพีจะเป็นคนใหญ่คนโตเหมือนกัน เพราะดูจากท่าทางของหมอและพยาบาลแล้ว จะมีอาการเกรงใจกันทุกคน ทุกคนล้วนแต่โน้มไหว้อย่างสุภาพ ฉันก็พอจะรู้เหมือนกันว่าบ้านพีรวยมาก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ฉันมารู้ทีหลังว่า พ่อของพีนั้นเป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ตอนนั้นสีหน้าของทั้งสองคนดูแย่มากเพราะพีเองก็เป็นลูกชายคนเดียวที่ทั้งคู่หวงแหนมาก
พีก็เคยพูดกับฉันเหมือนกันว่าเค้าอยากจะเป็นหมอ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามหรอกว่า ว่าอยากเป็นเพราะอะไร
นางพยาบาลเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ด้วยอาการเหลอหลา พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ ฉันคิดว่าข้างในห้องนั้นคงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ฉันมองหน้าพยาบาลคนนั้น พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก
"เอ่อ...คนไหนชื่อโจ คะ" เพื่อนทุกคนหันหน้ามาทางฉัน
"เอ่อ...ฉันค่ะ" ฉันรีบลุกขึ้นทันทีโดยอัตโนมัติ
"งั้นเชิญเข้าไปข้างในหน่อยค่ะ คนไข้กำลังเพ้อถึงชื่อคุณ" นางพยาบาลพูด ก่อนที่จะพยักหน้าให้ฉันเดินตามเข้าไป
ตอนนั้นเสียงที่ฉันได้ยิน มีเพียงแค่เสียงแซงแซ่ จากเพื่อนๆ และรุ่นน้องที่พากันมาเต็ม หน้าห้องฉุกเฉิน จนนางพยาบาลต้องมาเตือน
ทันทีที่ฉันเห็นสภาพของพี ฉันโผเข้ากอดพีอย่างไม่รีรอ ฉันรู้สึกช็อคมากๆ ตามเสื้อผ้าของพี มีเลือดเปื้อนอยู่เต็มไปหมด ตามตัวของพีก็มีสายระโยงระยาง แล้วก็เครื่องช่วยหายใจติดอยู่ ตอนนี้พี ไม่มีแรงแม้แต่ที่จะขยับตัวเพียงน้อยนิด จะมีก็แต่ปากที่ขยับอยู่ตลอดเวลา และมีเสียงเล็ดรอดออกมา อย่าง แผ่วเบา ใช่ มันคือชื่อของฉัน
"พี พีได้ยินเรามั้ย เรามาแล้วนะ" ฉันพูดพร้อมกับ น้ำตาที่นองหน้า ฉันกอดพีอยู่อย่างนั้นและพูดกับพี สารพัด และหวังเพียงว่าพีจะได้ยินสักคำที่ฉันพูด สักคำเดียวก็ยังดี ตอนนั้นฉันเห็นพ่อของพีกำลังเจรจาอะไรบางอย่างกับคุณหมออยู่ ฉันได้ยินคร่าวๆคิดว่าพ่อของพีคงจะขอย้าย โรงพยาบาลนั่นเอง แต่คงถูกปฏิเสธ เพราะอาการของพีนั้น แย่เต็มทีแม่ของพีก็เอาแต่ร้องไห้จนเป็นลมไปแล้วโดยนางพยาบาลช่วยกันดูแลอยู่ นี่เองคงเป็นเหตุผลที่ทำให้นางพยาบาลคนนั้นมีสีหน้าวิตกกังวล ตอนที่ออกไปเรียกฉัน
"พี พี ได้ยินเรามั้ย ตอบเราสักคำเถอะนะ ได้โปรด" ฉันอ้อนวอน..ด้วยตัวที่สั่น และน้ำตาที่เจิ่งนอง
"โจ..." เสียงที่แผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น
"พี พีฟื้นแล้ว" ฉันตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
หมอและพยาบาลต่างรีบมาดูอาการพี และแน่นอนพ่อกับแม่ของพีก็ด้วย
"ขอโทษนะที่ผิดสัญญาทั้งๆที่..บอกว่าจะให้เธอจับเป็นคนแรกแท้ๆสมุดเล่มนั้น่ะ...ร้องไห้ทำไมน่ะ ยายบ๊อง" ฉันสั่นหัวยิกๆ พียิ้มน้อยๆและพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่เค้นออกมาสุดฤทธิ์ ฉันสังเกตุเห็น ว่าพีพยายามขยับมือฉันคิดว่าพีคงจะอยากเอามือมาเขกหัวฉันอย่างเคย ฉันไม่รีรอฉันจับมือของพี ขึ้นมาแล้วเอามาเขกหัวฉันแต่มือฉันคงจะหนักจะหน่อยเพราะรู้สึกว่าการเขกหัวครั้งนี้จะเจ็บที่สุดกว่าครั้งไหนๆที่ฉันเคยโดนมา มันเจ็บเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ ฉันยิ้มให้พี ทั้งน้ำตา พีเองก็ยิ้มให้ฉันเหมือนกัน แต่รอยยิ้มของเค้ามันช่างดูเศร้าจริงๆ
"อ่านแล้วหรือยัง" พีพูดถึงสมุดเล่มนั้น ฉันแน่ใจ
"ยังเลย เรายังไม่ได้อ่าน เรารอให้พีมาอ่านให้เราฟังน่ะ" ฉันยิ้มอย่างฝืนๆ ทั้งๆที่น้ำตายังไหลนั่นแหล่ะ
"เราว่า...โจ..อ่านเองดีกว่านะ.."
"ไม่...เราจะรอให้พีมาอ่านให้ฟัง" ฉันพูดออกมาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีผิด
"โจ โจ...รักเรา.." ไม่ทันที่พีจะพูดจบ พีก็ไอออกมาเป็นเลือด ฉันตกใจมาก
"พี พี...." "คุณคะออกมาค่ะ ให้คุณหมอดูอาการดีกว่านะคะ" นางพยาบาลดึงตัวฉันออกมา แต่ฉันไม่ยอม ฉันพยายามสะบัดตัวออก ฉันต้องการจะอยู่ใกล้ๆพีให้มากที่สุด ฉันอยากจะจับมือเค้าไว้ถึงแม้จะช้วยอะไรไม่ได้ก็ตาม
"ปล่อย ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาพี พี..." คราวนี้มีนางพยาบาลเพิ่มขึ้นมาอีก มีนางพยาบาลมาจับตัวฉันไว้ถึง 3 คน แต่ฉันก็ยังดิ้นไม่หยุด
ฉันเห็น...พีกำลังพยายามเอื้อมมือมาทางฉัน มือนั้นสั่นมาก ตาเค้ามองมาที่ฉันน้ำตาเค้าเริ่มไหลออกมาเป็นทาง ฉันรู้ดี พีกำลังพยายามสู้อยู่กับความตายที่เค้ากำลังเผชิญอยู่
"พี..พี.... ได้โปรด ปล่อยหนูให้ไปหาเค้าเถอะ ได้โปรด" ฉันทรุดตัวลงกับพื้น อ้อนวอนนางพยาบาลทั้งสาม
คำขอของฉันได้ผล นางพยาบาลปล่อยมือออกจากตัวฉัน ฉันวิ่งไปจับมือที่สั่นระรัวของพี ทันที
"พี อย่าเป็นอะไรนะ ไหนสัญญาว่าเราจะเรียนจบพร้อมกันไง นั่นไง เพื่อนๆเรามากันเต็มเลย พวกนั้นคงจะรอให้พีลุกขึ้นเร็วๆ จะได้ไปทำพิธีจบการศึกษาพร้อมกันไง พี..." น้ำตาฉันไหลออกมาเหมือนเขื่อน น้ำตาของพีก็เช่นเดียวกัน จะต่างกันก็เพียง ฉัน..ไม่มีน้ำสีแดงๆออกมาด้วย พีพยายามยัดอะไรสักอย่างมาที่มือ ที่ฉันจับเค้าอยู่
มันคือแหวนวงเล็ก ๆ ข้างในเขียนไว้ว่า Let me love you (ให้ฉันรักคุณ) ฉันใส่แหวนนั่นทันที ฉันสามารถใส่มันได้พอดี ทั้งๆที่ฉันเป็นคนที่นิ้วเล็กมาก และมักจะหาแหวนที่ถูกใจจริงๆมาใส่ยาก แต่แหวนวงนี้เป็นวงที่ฉันชอบมากที่สุด และใส่ได้พอดีที่สุดด้วย และแน่นอนฉันใส่มันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย
"รักเรา..บ้าง..." พีพยายามจะพูด แต่ทุกครั้งที่พูดก็จะมีเลือดออกมาด้วย จนคุณหมอหน้าเสีย ขณะนั้นแม่ของพีก็เป็นลมไปแล้วจะมีก็แต่พ่อของพีที่คอยดูอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง
"พี..อย่าพูดอะไรอีกเลยลูก" พ่อพีพูดขึ้นเพราะทนเห็นเลือดเนื้อของตัวเองต้องเป็นอย่างนั้นไม่ได้ พ่อของพีน้ำตาไหลและเดินออกไปนอกห้องทันที
"พี...เรารักพีนะ รักพีมาก คำนี้ใช่มั้ยที่พีอยากได้ยิน เราบอกแล้วไง พีอย่าเป็นอะไรนะ" ฉันพร่ำบอกพีอยู่หลายครั้งหลายหน
พี ไม่พูดอะไรต่อไป... พียิ้มให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไปพร้อมกับหน้าที่เปี่ยมสุขและรอยน้ำตา......
จากวันนั้น ไม่มีใครพูดถึงเรื่องพี ให้ฉันได้ยินอีกเลย... ฉันไม่เคยแม้แต่ที่จะไปงานศพของพี... ฉันได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่า พียังมีชีวิตอยู่เค้ายังไม่เคยจากฉันไปไหน แหวนที่พีให้มา ฉันไม่เคยคิดที่จะถอดมันออก
ฉันคิดไม่ออกว่าตั้งแต่ วันนั้น ฉันได้ทำอะไรไปบ้าง
"โจ...เธอไปเที่ยวกับพวกเรามั้ย พวกฉันอุตส่าห์มารับนะ" ฉันรู้ดีว่าเพื่อนๆเป็นห่วงฉันมาก ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนี้เลย
"พวกเธอไปกันเถอะนะ เรายังไม่อยากออกไปไหนน่ะ เราไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" ฉันยิ้มให้เพื่อนๆเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอน...
ฉันเข้าไปนั่งอยู่หน้ากระจก และได้แต่ต่อว่าตัวเอง ว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ 'ถ้าฉันบอกว่ารักพี ตั้งแต่แรก พีก็คงจะไม่ต้อง...' ฉันคิดแบบนี้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าตีวเองในกระจก แล้วก็ร้องไห้...
ฉันเปิดลิ้นชักออก เพื่อหา กระดาษทิชชู่ และฉันก็ต้องสะดุดกับสมุดเล่มเล็กๆสีชมพูเล่มหนึ่ง ใช่แล้ว..มันคือสมุดที่พีให้ไว้ ก่อนที่เค้าจะจากไป สมุดที่ฉันไม่กล้าเปิดมันเลยสักครั้ง ฉันมือสั่นเล็กน้อย เมื่อจับมัน ฉันเปิดออกทีละหน้า
ฉันแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง สมุดเล่มนั้น เขียนด้วยลายมือ ค่อนข้างที่จะยู่ยี่นิดๆ ทุกหน้าทุกตอน ล้วนแล้วแต่เขียนถึงฉันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมที่อยู่ โรงเรียน เรื่องเปิ่นๆของฉัน และทุกอย่างที่ฉันชอบ น้ำตาของฉันหยดลงไปที่สมุดเล่มนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว และที่สำคัญกว่านั้นสมุดเล่มนี้เริ่มบันทึกไว้ตั้งแต่ที่ฉันอยู่ ม.4 ซึ่งนั่นก็หมายความว่า พี มองฉันมาตั้งแต่ ตอนม.4
'วันนี้ โจ พูดถึงแนวผู้ชายที่เธอชอบ ทำยังไงน้า...ถึงจะทำให้เธอมาชอบเราได้ สงสัยเราจะยังไม่ดีพอ' วันที่บันทึก 13 กรกฎาคม 2545
'หว้า...ทำไมต้องมีสาวๆมาชอบเราขนาดนี้วะ...แล้วทำไมพอเราบอกว่าไม่ชอบทีไร ไมต้องเอาข่าวที่ไม่ดีมาปล่อยด้วย เซ็งจริงๆ แล้วโจจะคิดยังไงเนี่ย' วันที่บันทึก 30 กันยายน 2546
'วันนี้ได้รู้ size นิ้วของโจแล้ว คนอะไร นิ้วเล็กชะมัด' วันที่บันทึก 11 มิถุนายน 2547
เรื่องราวของฉันทั้งหมดแทบที่จะอยู่ในสายตา ของพีทั้งสิ้น ฉันนั่งอ่านจนจบเล่ม จนวรรคสุดท้าย ของหนังสือเขียนไว้ว่า ' เมื่อไหร่ โจจะบอกว่าชอบเราสักทีน้า...'
ฉันกอดสมุดไว้แน่น ฉันมันโง่ไปเองทั้งนั้น ฉันคิดเสมอว่า พีไม่ได้รักฉันจริง ฉันไม่ได้คิดเลยว่า คำว่ารักที่จะออกมาจากปากของใครสักคนนั้นมันยากมากแค่ไหน ทำไมฉันมันโง่ได้ขนาดนี้นะ ทำไม.....
หากย้อนเวลาได้ ฉันจะกลับไปหาพี ไปบอกว่ารักเค้าให้เร็วกว่านั้น ก่อนที่มันจะสายเกินไป ก่อนที่เค้าจะจากไปไม่หวนกลับมาฟังคำนั้นอีก ตลอดกาล....
ถึงตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่า การที่เราจะคบใครหรือรักใครสักคน เหตุผล 108 มันไม่เคยสำคัญเลย ขอแค่ให้ได้รัก ความรักมันจะสอนเราเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปหาเวลาเรียนรู้มันให้มาก ถ้าคิดจะรัก อย่าให้ความรัก มาเป็นตัวทำร้ายเรา ความรักไม่เคยมีผลเสียต่อใคร หากว่าเรา รู้จักคำว่ารักดีพอ....
และฉันก็ได้แต่หวังว่า สักวันนึง.... ฉันคงจะได้พบกับมันอีกครั้ง และครั้งต่อไป ฉันจะไม่หนีมันอีก
พี....ฉันรักเธอ ตลอดไป...........
THE END.