นวนิยาย:เสี้ยวหนึ่งของวิญญาญ ( ตอนที่19 )

สุชาดา โมรา

พี่เบลวมาส่งมารับฉันทุกวัน  แต่เขาไม่รู้หรอกว่าบางทีฉันก็หนีเรียนบ้างเพราะฉันรู้สึกกดดันทุกทีที่เจอเพื่อน  แต่ก็นั่นแหละการเรียนฉันเริ่มแย่ลงเพราะผลมาจากการที่ไม่เข้าเรียนนี้แหละ  ไม่มีใครคาดคิดว่าฉันจะเรียนตกต่ำเพราะฉันเรียนได้เป็นอันดับต้น ๆ ของห้องตลอดระยะเวลา 2 เทอมที่ผ่านมา  ใกล้สอบแล้ว  ฉันยังคงเข้าเรียน  อาจารย์ที่เป็นความกับฉันก็กดคะแนนฉัน  เขาคงแค้นที่ฉันกับย่ายื่นฟ้องต่อศาลเพราะป่านนี้แล้วคดีก็ยังไม่ไปถึงไหนเสียที
	เรื่องนี้ยืดเยื้ออยู่หลายวันจนอาจารย์ทั้งหมดยอมความ  แต่ย่าฉันไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้หรอกย่ายื่นคำร้องร้องเรียนถึงกรมสามัญศึกษา  และทำอย่างนี้หลายครั้งจนอาจารย์ทั้ง 7 คนถูกเรียกไปสอบสวนหลายครั้ง  จากนั้นทางโรงเรียนก็สั่งย้ายอาจารย์ทั้ง 7 คนภายใน 24 ชั่วโมงทำให้ฉันได้อาจารย์ประจำชั้นใหม่  แต่ผลที่ตามมาคือก่อนที่อาจารย์ทั้ง 7 คนจะไปนั้นเขาได้ส่งใบเกรดไปแล้วว่าฉันต้องติด  มส. (หมดสิทธิ์สอบ)  แน่นอน  ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย  ฉันต้องติด  มส. ถึง 7 ตัว  ฉันรู้ตัวเลยว่า  ม.5 นี้ฉันเรียนไม่จบแน่ ๆ  ฉันจะทำอย่างไรดีนะ  ชีวิตฉันจะดำเนินไปอย่างไร...
	พอฉันรู้ว่าฉันติด มส.ก่อนที่จะได้สอบปลายภาคฉันไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดีจึงไปปรึกษาอาจารย์ในสมาคมฯ  อาจารย์ดนัยและอาจารย์อีกหลายท่านลงชื่อเซ็นหนังสือราชการส่งไปที่สมาคมยูโดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูประถัมป์  แต่ยาวนานมากข่าวคราวไม่ได้ตอบรับเสียที  ฉันรู้สึกหมดหวังแล้ว  คิดว่าต้องเรียนไม่จบแน่ ๆ ประวัติฉันล้มเหลวแล้ว  ฉันจะเข้าเรียนที่ไหนได้อีกถ้าในใบทรานสคิปมี  มส.ยาวถึง 7 ตัวแบบนี้
	ฉันเข้าสอบเฉพาะวิชาที่ไม่ติด มส.  ฉันไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรแต่ที่รู้ ๆ คือฉันต้องเรียนไม่จบ ม.5 แน่ ๆ  เพราะฉันต้องมาเริ่มต้นเรียนวิชาพวกนี้ใหม่อีกครั้ง
	ฉันไม่กล้าบอกใครเลยจริง ๆ ว่าฉันจะเรียนไม่จบ  แต่ฉันก็กล้าที่จะมาพูดกับพี่เบลวเพราะฉันมีความรู้สึกว่าพี่เบลวเป็นคนที่ฉันให้คำปรึกษาได้
	ฉันมาซ้อมยูโดเป็นปกติ  แต่วันนี้มันไม่ปกติเสียแล้ว...ฉันเดินมาจนเกือบจะถึงหน้าประตูกรม  ร.พ.ศ.ที่2  ฉันเห็นพี่นัทกำลังมีเรื่องชกต่อยกับนักเลงกลุ่มหนึ่งฉันจึงวิ่งเข้าไปช่วย  ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดหรอกว่าฉันเป็นผู้หญิงคงสู้พวกนั้นไม่ได้เพราะพวกนั้นมีมีด  แต่ฉันก็วิ่งเข้าไปช่วยเพราะใจฉันยังแคร์พี่นัทอยู่
	นี่มันอะไรกันเนี่ย...พวกแกเป็นใคร...
	แฟนแกเหรอ  สวยนี่หว่า...คืนนี้ไปนอนกับพี่ไหมน้อง....!!!!
	ฉันทั้งอึ้งและโมโหจึงเข้าไปเอาชุดยูโดที่ทั้งหนาและหนักเควี้ยงใส่หน้าผู้ชายคนนั้นทันที  จึงทำให้พวกนั้นโกรธและจับมือฉันไว้
	สวย ๆ แบบนี้  ดุ ๆ อย่างนี้พี่ชอบ  ไป...เฮ้ยพวกเราคืนนี้มีของเล่นใหม่แล้วเว้ย....!!!!
	ฉันทั้งโกรธและกลัวจึงดิ้นกระโดด ๆ จนชายคนนั้นรำคาญเลยหันมาตบหน้าฉันแต่ไม่ทันได้ตบฉันก็จับแขนหักเลยแล้วก็ถีบจนหงายท้องและวิ่งเข้าไปหาพี่นัท  พี่นัทกำลังจะถูกซ้อม  คนพวกนั้นจับแขนพี่นัทไว้และจะต่อย  ฉันจึงวิ่งกระโดดถีบชายคนนั้นทันที  พี่นัทดิ้นจนหลุดแล้วก็คว้าชุดยูโดพาฉันวิ่งมาที่ประตู  แต่ยังไม่ทันจะถึงพวกนั้นวิ่งเอามีดมาจะแทงพี่นัทฉันจึงเอาตัวเข้าขวาง
	ดาว.....!!!!
	พี่นัทร้องเสียงหลง  คนพวกนั้นก็ตกใจจึงวิ่งหนีไป  ส่วนฉันนึกว่าตัวเองไม่รอดแน่ ๆ จึงฟุบตัวลงแล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย...ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกว่านอนอยู่บนเบาะซ้อม  ฉันคิดว่าตัวเองตายไปแล้วซะอีก  ไม่มีเลือดซักนิด
	ดาว...ฟื้นแล้ว  ขอบใจนะ
	ดาวไม่ตายเหรอพี่นัท
	จะบ้าเหรอ...พูดอะไรอย่างนั้น  พี่ตกใจมากนึกว่าดาวถูกแทงตายซะแล้วเหมือนกัน  แต่ดีนะที่ดาวกอดชุดยูโดอยู่ตลอดพอไอ้พวกนั้นเข้ามาแทงมีดเลยติดชุดนี่แหละ
	ฉันดีใจมาก  อย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้ปกป้องคนที่ฉันรักได้ครั้งหนึ่ง  ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รักกันอีกแล้วก็ตาม  แต่ฉันก็ดีใจที่เขาปลอดภัย...  ฉันตั้งปณิธานเอาไว้ว่าสักวันฉันจะต้องช่วยเขา  วันนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว...  ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาไปมีเรื่องอะไรกับใครมาแต่ฉันก็จะไม่ถามหรอกเพราะฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะถามได้อีกต่อไปแล้ว...
	ฉันไม่รู้หรอกว่าขณะที่ฉันฟื้นขึ้นมานั้น  มีคน 2 คนกำลังจ้องมองฉันอยู่  คนหนึ่งมองด้วยความเกลียดชัง  แต่อีกคนหนึ่งมองด้วยความห่วงหา...ฉันเข้าไปแต่งตัวในห้องแล้วก็เดินออกมา
	ดาว ๆ ๆ...เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า
	ไม่เป็นอะไรแล้วละพี่เบลว...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง
	ฉันรู้ทันทีว่าคนที่ห่วงฉัน  แอบมองฉันนั้นคือพี่เบลว  แต่อีกคนที่มองฉันด้วยความเกลียดชังนั้นฉันรู้โดยที่ไม่ต้องบอกเลยว่าคือเหมี่ยว...  วันนี้ฉันจึงซ้อมยูโดด้วยความสุข  ฉันเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพี่เบลวสายตาไม่เหมือนเดิม  ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะแต่ฉันรู้ด้วยสัญชาตญาณของตัวฉันเอง  ฉันจึงลองใจเขาด้วยการเอาไดอารี่ที่ฉันเขียนเป็นกลอนทั้งหมดแอบเอาไปใส่ในกระเป๋าเขา  ในนั้นฉันไม่ได้บอกว่าฉันหมายถึงใคร  แต่ฉันจงใจเขียนในตอนท้ายเป็นชื่อพี่เบลว  และแผ่นรองปกก็มีชื่อฉันอยู่ด้วย...ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้าอย่างไรเมื่อได้อ่าน  ถ้าเขาชอบฉันเขาคงจะมาหาฉัน  แต่ถ้าเขาไม่มีใจเขาก็คงจะโกรธหรือว่าว่าฉันบ้า...
	เช้ารุ่งขึ้นของวันปิดเทอมวันแรกฉันมาช่วยงานศพของอาจารย์สิงห์ทอง  หลังจากที่เขาไว้ศพมาเป็นเวลายาวนานมาก  ฉันมานั่งจัดอาหารเลี้ยงพระ  พี่เบลวเขาก็มา  เขามาก่อนฉันเสียอีกแต่เขานั่งกับผู้หญิงคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน  เขาคุยกันอย่างคนสนิทจนฉันรู้สึกตัวว่าบ้าไปเองที่คิดว่าเขามีใจให้  ฉันนั่งจัดอาหารจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากวัดพร้อมกับพี่เจี๊ยบ  มาเดินเล่นบนรางรถไฟเพื่อดูแม่น้ำที่อยู่ข้างล่างสะพาน
	ดาว....ดาว....
	พี่เบลววิ่งมาเรียกฉัน  ฉันตกใจมากคิดว่ามีเรื่องอะไรเพราะเห็นเขาทำหน้าตาตื่น ๆ อย่างไรชอบกล  เขาวิ่งมาคุยอะไรกับพี่เจี๊ยบก็ไม่รู้จนพี่เจี๊ยบเดินออกไป
	อ้าว...พี่เจี๊ยบจะไปไหนล่ะ
	ฉันตะโกนลั่นสุดเสียงพี่เจี๊ยบหันมายิ้มแล้วก็โบกมือบ๊ายบายแล้วก็เดินออกไป  ส่วนพี่เบลวก็เดินมาหาฉันแล้วก็ส่งไดอารี่คืนมาให้ฉัน
	เมื่อวานใครไม่รู้เอามาใส่ในกระเป๋าพี่  อ่ะพี่คืนให้
	แอบอ่านหรือเปล่า....!!!!
	ก็นิดหน่อย  แต่เก่งนะเขียนชีวิตส่วนตัวเป็นกลอนไปหมดเลย
	ฉันรู้สึกอาย ๆ แล้วก็รู้สึกว่าเราเองไม่สมควรทำแบบนั้นเลย  ฉันจึงเดินหนีออกมา
	พรุ่งนี้วันเผาศพอาจารย์สิงห์ทองถึงพี่จะมาไม่ทันแกแต่พี่ก็จะบวชให้แก  ดาวว่างหรือเปล่า  ถ้าว่างพรุ่งนี้มาช่วยงานได้ไหม  คือพี่อยากให้ดาวมาถือใบบัวให้พี่ตอนโกนผม  พี่จะได้เอาใบบัวไปลอยน้ำไง
	ฉันพยักหน้าแล้วก็เดินออกมา  ฉันคิดว่าพี่เขาจะว่าเราซะอีกที่แท้ก็มาพูดเรื่องแค่นี้เอง  ฉันเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง  ฉันเห็นพี่เบลวเดินเข้าไปคุยกับพี่เจี๊ยบแล้วพี่เจี๊ยบก็ตีไหล่พี่เบลว  ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่ 2 คนคุยอะไรกันแต่ที่รู้ ๆ ต้องไม่เกี่ยวกับเราแน่นอน
	วันนี้เป็นวันที่พี่เบลวและพี่ ๆ อีกหลายคนจะบวชให้อาจารย์สิงห์ทอง  ฉันมาที่วัดแต่เช้ามืดเอาใบบัวมารองผมให้พี่เบลว  พี่นัท  พี่ดอนและพี่ ๆ อีกหลายคนมองมาเป็นตาเดียวแล้วก็แซวฉัน
	ตกลงปลงใจกับไอ้ทึ่มนี่แล้วเหรอ
	ฉันทำหน้างง ๆ แล้วก็หันไปถาม
	ไม่เข้าใจ...อธิบายหน่อยได้ไหมคะ
	ทุกคนหัวเราะแล้วก็ไม่พูดอะไร  พอตอนเย็นเผาศพอาจารย์เสร็จอาจารย์นิพนธ์ก็ไปเอาธงชาติที่คลุมอยู่บนฝาโลงออกมาเพื่อที่จะถวายวัด  ส่วนพวกพี่ ๆ ก็ไปสึกบนกุฏิ
	ดาว...เธอรอพี่เบลวหน่อยนะ
	เธอ...
	ฉันเป็นแฟนพี่เก้าน่ะ  ไม่ใช่แฟนพี่เบลวหรอกอย่าคิดมาก
	ฉันทำหน้างง ๆ แล้วก็หันไปมองคนอื่น  ใคร ๆ เขาก็กลับกันหมดฉันจึงเดินออกไป  ฉันไม่รู้ว่าจะรอพี่เบลวทำไมเพราะฉันไม่ใช่แฟนของเขานี่...
	ดาว....!!!!!
	พี่เบลววิ่งตามฉันออกมาแล้วก็ขึ้นรถเมย์มาพร้อมกัน  มาลงที่หน้าสมาคมฯ  ฉันเดินข้ามสะพานลอยมาโดยไม่พูดอะไร  พี่เบลวก็ไม่พูดเหมือนกัน  ราวกับว่าไม่รู้จักกัน  พอเล่นยูโดเสร็จพี่เขาก็นั่งรถเมย์มาส่งฉันถึงหน้าปากซอย  พี่เขาไม่พูดอะไรสักนิดจนกระทั่งลงจากรถเมย์
	ดาว...พี่รักดาวนะ....!!!!
	ฉันอึ้งแล้วก็หันไปมองหน้าพี่เบลว  พี่เขายิ้มอย่างจริงใจแต่ฉันก็ทำหน้าเฉย ๆ
	อ๋อ...เหรอก็รู้มานานแล้วละ
	รู้ได้ไง...
	รู้ของฉันหมายถึงรักแบบพี่ชาย  แต่พี่เบลวคิดว่าฉันรู้ว่าเขารักฉันอย่างคนหนุ่มสาว  เพราะหลังจากที่ฉันบ้าไปเองก็เลยทำให้หัวใจตายด้าน
	พี่เบลวชอบดาวเหมือนน้องใคร ๆ ก็รู้...
	ไม่ใช่อย่างนั้น...เป็นแฟนพี่ไหม
	ฉันอึ้งแล้วก็หันไปยิ้ม
	เอาไว้พิจารณาก็แล้วกันนะ...วันนี้ไปส่งดาวให้ถึงบ้านได้ไหม
	พี่เบลวจึงเดินไปส่งฉันถึงบ้านเป็นครั้งแรก  ทุกคนในบ้านชอบพี่เบลวมากยกเว้นพ่อของฉัน  ดูท่านจะไม่พอใจเอาเสียเลย  แต่ยังไง ๆ ฉันก็รู้แล้วละว่าที่ฉันคิดว่าฉันบ้านั้นมันไม่จริง...ฉันเดาถูกว่าเขารักฉันจริง ๆ...
......................................19.....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ  จะอวสานแล้ว				
comments powered by Disqus
  • มาดามมด

    17 พฤศจิกายน 2547 09:33 น. - comment id 79110

    .....ถ้าเป็นเรื่องจริงในชีวิตนะ
    ...น่าสงสารใครหลาย ๆ คนนะ
    ทั้ง  นัท  เบลว ดาว  และคนอื่น ๆ 
    ความรักนี่ยุ่งยากเนอะ
    ปวดหัวจัง
    จะเลือกคนนั้น  อีกคนก็ต้องร้องไห้
    ถ้าไม่เลือกใครเลยก็เจ็บหมดทุกฝ่าย
    ถ้าเลือกใครไป  เราก็ทำให้คน ๆ หนึ่ง
    เสียใจ  โอ้ย  กลุ่มจัง
    .........แต่จะติดตามนะ
    ถามหน่อยซิ
    เรื่องจริงของเธอหรือเปล่า
    แล้วรูปน่ะใช่เธอไหม
    อยากรู้  บอกหน่อยนะ
    ..................................

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน