รูรั่วที่ท้องเรือ

วิจิตร ภู่เงิน

แม่บอกให้ผมหาหอยโข่งด้วย แม่จะทำน้ำพริกเปรี้ยวหวานจิ้มคงดี พ่อเสริมว่าถ้าได้เยอะพ่อจะทำก้อยห้อยโข่ง ไม่รู้จะมีคนกินด้วยหรือเปล่า? ก่อนออกจากบ้านแม่กำชับผมหนักหนาว่าอย่าลงเล่นน้ำที่ท่าตระไคล้เพราะน้ำท่านั้นลึกมาก ถ้ามีบัวก็เก็บมาฝากน้องมันด้วย มันคงดีใจแต่อย่าลงเล่นคนเดียวหละให้ปู่เป็นคนพาไปเก็บ
ผมมาถึงกระท่อมปู่ก็บ่ายโมงกว่าๆแล้วประมาณเอาจากดวงอาทิตย์ที่ทำองศากับศรีษะกอปรกับตอนที่เดินผ่านวัดเห็นคนมาส่งจังหันเริ่มทยอยกันกลับหลังจากที่ช่วยกันล้างถ้วยจานเสร็จ ผมเคยมาจังหันครั้งหนึ่งตอนนั้นแม่ไม่อยู่บ้านยายให้ผมเอาจังหันมาส่งที่วัดและรอเอาปิ่นโตกลับด้วย ผมเพิ่งรู้ว่ากับข้าวที่วัดอร่อยก็วันนั้นแต่ก็ต้องแลกกับถ้วยจานกองโตเทียวหละ
ปู่กำลังง้วนอยู่กับการเหลาไม้ไผ่ที่ชานกระท่อมเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้
บุง...ปู่ทักสั้นๆแล้วหันไปสนใจกับการเหลาตอกไม้ไผ่ดั่งเดิม พ่อเอ็งไม่มาหรอปู่ถามโดยที่สายตาและมือยังให้ความสนใจไปที่ตอกไม้ไผ่ ข้าต้องเหลาให้มันเท่าได้ขนาดเดียวกันเวลาเอาไปถักจะได้ง่าย ช่องมันจะได้เท่าๆกันปู่พูดต่อ
พ่อกองไม้จะเผาถ่านครับ ผมเพิ่งไปช่วยพ่อขนมาเมื่อวานผมตอบปู่สายตาก็จ้องไปที่ตอกไม้ไผ่ วันนี้ปู่ไม่ลงข่ายหรอครับผมถามพลางหยิบเศษตอกไม้ไผ่ขึ้นมาแกว่ง แม่ฝากผมมาหาหอยโข่งด้วย ไม่รู้จะมีหรือเปล่า?ผมบอกจุดประสงค์ที่มาวันนี้ให้ปู่รู้
ก็คงค่ำโน้นหละ วันนี้กะว่าจะโรยเบ็ดราวด้วย ข้าเพิ่งไปจับปูมาได้เยอะเทียวหละ อยู่ในกระชังบนกระท่อมโน้น  ไปดูซิปู่ชี้มือไปที่กระชังบนกระท่อม ข้าคิดว่าพ่อเองมันจะมา ข้าวเปลือกให้ไก่ก็หมด กะว่าจะให้มันแบกมาให้ชะหน่อย มันก็ไม่มาเสียนี่ ข้าสั่งเอ็งไปแล้วกัน ให้มันแบกมาให้หน่อย ข้าขี้เกียจเข้าบ้านปู่ร่ายยาว ข้ามันก็แก่แล้ว ปู่ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วจัดการเหลาตอกไม้ไผ่ตามเดิม
กระท่อมของปู่เป็นกระท่อมหลังใหญ่เมื่อเทียบกับกระท่อมหลังอื่นๆในทุ่งแต่ไม่แปลกหรอกเพราะปู่เป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ในทุ่งทุกหน้าฤดู ผมเคยถามพ่อว่าทำไมปู่ไม่มาอยู่บ้านสีหน้าของพ่อหม่นลงแววตาเศร้าเหม่อคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่างก่อนที่จะตอบผมว่า แก่คิดถูกแล้วหละนับจากวันนั้นผมก็ไม่เคยถามเรื่องนี้กับพ่ออีก
ปูตัวเล็กๆในกระชังเกาะช่องกระชังปีนขึ้น ผมเปิดฝากระชังดู ปู่ไปจับมาจากไหนครับ เยอะแยะ ผมตะโกนถามปู่
ก็แปลงงานบึงนั่นหละ ต้นข้าวมันล้ม ปูก็พอจะหาได้อยู่ปู่เล่า
ผมนึกไปถึงหน้านาหลังปักดำ ช่วงที่ต้นข้าวกำลังแตกกอใบเขียว ช่วงนี้หละปลากำลังกินเหยื่อถ้าได้เหยื่อปูมาแทนเหยื่อไส้เดือนคงจะดี ผมคงไม่ต้องทนอยู่กับคาวเมือกไส้เดือนที่ติดขอบเล็บและเหยื่อปูตัวเล็กๆที่วางก็คงไม่เปลือง แต่หน้านาปูตัวเล็กๆหายากแต่ก็ดีที่มีเขียดพองลม แต่ต้องออกฉายไฟหาตอนกลางคืน
ผมเคยออกฉายไฟหาเขียดพองลมกับพ่อ พ่อสอนให้ผมดูตากบนาแต่ผมมักจะส่องเจอเจ้าคางคกตัวเขื่องเสมอ เขียดพองลมจะตัวเล็กเราจะฉายไฟส่องตามันไม่เจอ จะต้องฟังเสียงร้องของมันและเดินตามเสียง บางตัวก็อยู่เป็นคู่เทียวหละ เขียดพองลมจะจับง่าย แสงไฟเหมือนมนตร์สะกดมันเทียวหละ มันจะนิ่งหมอบลงและเราจะจับมันได้ ส่วนมากเจ้าพวกนี้จะอาศัยตามปลักวัวควายหรือบริเวณน้ำปริ่มๆ
ตะวันยามบ่ายอ่อนแสงลงตามเวลา ลมที่พัดผ่านลำห้วยหอบเอากลิ่นบัวหลวงขึ้นมากำซาบในความรู้สึกเมื่อได้สำผัส ฝูงวัวควายเริ่มทยอยกันลงตามท่าต่างๆฝุ่นควันดินลอยคลุ้งเป็นทางยาวคล้ายทางช้างเผือกที่ผมดูจากรูปที่อาจารย์ประจำวิชาเอามาให้ดูในคาบวิชาวิทยาศาสตร์ยังไงยังงั้น เพียงแต่นี่มันเป็นทางของวัวควายเท่านั้น
เดี๋ยวเอ็งเอากระชังปูไป เบ็ดราวกับข่ายอยู่ในเรือแล้ว ปู่ละมือจากการเหลาตอกไม้ไผ่พลางจัดตอกมัดด้วยยางเส้นรถจักรยาน เอ็งเอาเรือไปรับข้าที่ท่านั่นหละ ข้าจะเอาเจ้าทุยมันลงกินน้ำและล่ามมันไว้แล้วจะได้ลงข่ายและโรยเบ็ดราวกันปู่ร่ายยาวแล้วเก็บตอกไม้ไผ่สอดไว้ตามร่องฝาข้างกระท่อม เออ !.. ข้าลืมบอกเอ็ง กุญแจล่ามเรือห้อยอยู่หลังปฏิทินข้างเสานั่นหละ ข้ากลัวเด็กพวกนั้นมันเอาไปเล่นกัน เรือมันก็รั่วๆอยู่ด้วย ไม่อยากให้มันเอาไปเล่นปู่หมายถึงลูกๆของอา ข้าจะไปเอาเจ้าทุยหละ เดี๋ยวเอ็งเห็นข้าเอาเจ้าทุยมาก็ไปเอาเรือเลยละกัน ปู่พูด พลางม้วนยาฉุนจุดสูบแล้วออกเดินลัดทุ่งไป
เรือแจวลำเล็กๆในท่าถัดจากกระท่อมมาไม่ไกลนัก มันถูกล่ามอิสระด้วยโซ่ขนาดล่ามช้างได้เทียวหละ โดยมีต้นมะม่วงแก้วเป็นเสาหลักล่าม พ่อเคยเล่าว่าเรือลำนี้หละที่พ่อกับปู่ใช้ลงข่ายและโรยเบ็ดราวมันเป็นเรือลำเดียวที่เกิดมาพร้อมพ่อ หรืออาจจะก่อนพ่อ พ่อว่าปู่ใช้มันเป็นเครื่องมือหาปลาเลี้ยงพ่อและน้องๆ
ผมจัดการกับโซ่ที่ล่ามมวนลงท้ายเรือใช้พายท่อฝั่งถีบเรือทะยานออกจากฝั่งแหวกแพรผักตบชวาที่ขึงพรืดอยู่ตรงหน้าสู่เวิ้งลำห้วยที่ดูนิ่งสงบ ลำห้วยอันคดโค้งทำให้ผมคิดไปถึงงูพิษตัวมหึมาในหนังกลางแปลงลานวัดที่ผมเคยไปดูกับแม่ มันช่างน่ากลัว! ในห้วงความรู้สึกผมลำห้วยที่ไหลเอื่อยเฉื่อย มันเหมือนงูพิษที่อิ่มเหยื่อก็มิปาน
ผมค่อยๆแจวเรือตามริมฝั่งไปเรื่อยๆสายตาก็มองหาหอยโข่งที่แม่จะทำน้ำพริกเปรี้ยวหวานให้จิ้ม และถ้าได้เยอะพ่อจะทำก้อยหอยโข่ง กว่าจะถึงท่าที่ปู่เอาเจ้าทุยลงผมคงได้หอยโข่งเยอะเทียวหละ ผมคาดเดา แต่มันคงจะได้เยอะจริงๆหละเพราะตอนนี้ผมก็ล่าเจ้าหอยโข่งได้พอสมควรแล้ว
ผมแจวเรือไม่ค่อยคล่องนัก ผมจำได้วันที่ผมแจวเรือข้ามฟากห้วยคนเดียววันนั้น ตอนนั้นผมยังว่ายน้ำไม่เป็นเลย ลุงแก่โกหกผมว่าจะพาผมไปด้วยแต่แก่กลับบอกว่าลุงจะไปกินเหล้าที่พาผมมาก็เพื่อที่จะให้เอาเรือกลับ ตอนนั้นผมจำได้แม่ยืนลุ้นผมอยู่ริมฝั่งอีกฝากข้างๆพ่อ พ่อบอกให้ผมกวักน้ำฝั่งซ้ายสามทีและฝั่งขวาสามทีแต่เรือก็ยังส่ายหัวไม่เป็นท่า
ผมไม่อยากนึกเลยว่าถ้าตอนนั้นเรือเกิดล่มขึ้นมาผมจะเป็นยังไง ก็ผมยังว่ายน้ำไม่เป็น พ่อจะว่ายมาช่วยผมทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในลำห้วยขุ่นข้นรกทึบไปด้วยบึงหญ้าและผักตบชวาอย่างนั้น ถ้าเรือเกิดล่มมาจริงๆผมคงโดนจรเข้แม่ลูกอ่อนหิวโซตัวเขื่องคาบไปคุ้มน้ำที่ไหนสักแห่งแล้วฉีกเนื้อผมเป็นชิ้นๆอย่างตะกละ ลูกของมันคงชอบใจเทียวหละ เนื้อของผมคงเป็นอาหารมื้อหนึ่งในความทรงจำมันเป็นแน่แต่ผมก็ข้ามฝั่งมาได้ แม่เอามือลูบหัวแล้วเรียกขวัญตามภาษาบ้าน
จากวันนั้น พ่อสอนให้ผมหัดว่ายน้ำ พ่อใช้ไม่ไผ่ลำยาว ให้ผมเกาะใช้เท้าตีน้ำและมืออีกข้างหนึ่งก็กวักน้ำ ต่อจากนั้นพ่อให้ปล่อยลำไผ่แล้วลองว่ายดูจากระยะสั้นๆผมเริ่มว่ายได้ไกลขึ้นแต่กว่าจะว่ายได้ก็กินน้ำไปหลายอึกเทียวหละ
ริมห้วยมีหญ้าบึงขนาดใหญ่ขึ้นเป็นหย่อมๆสลับกับกอผักตบชวาขนาดเล็ก ฝั่งห้วยมีทางเดินของหนูนาตัวใหญ่ ปู่เคยใช้กรงเหล็กหรือไม่ก็ฟ้าลั่นมาดักอยู่บ่อยๆ
ลมในลำห้วยพัดเย็นเอื่อย บัวเผื่อนชูดอกล้อลมในลำห้วย เสียงปลาฮุบเหยื่อในพุ่มพงดังมาเป็นระยะปู่จูงเจ้าทุยมาที่ท่าน้ำแล้ว ผมเริ่มแจวเรือให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะไปรับปู่แล้วเราจะได้ลงข่ายและโรยเบ็ดราว เสร็จจากนั้นผมจะให้ปู่พาไปเก็บฝักบัวที่ท่าบัว แล้วค่อยกลับมาดูเบ็ดราวและข่ายก่อนที่จะเอาเจ้าทุยเข้าผูกหลักและผมก็จะกลับบ้าน ผมประมาณเวลาตอนนี้ก็เย็นพอสมควรกว่าที่เราจะลงข่ายและโรยเบ็ดราวเสร็จก็คงค่ำพอดี ผมเร่งฝีพายให้เร็วขึ้น
ปู่เอาเจ้าทุยล่ามกับกอหญ้าบึงริมห้วยแล้วมาลงเรือ ปู่ให้ผมเป็นคนแจวเรือ ปู่จะเป็นคนวางข่ายและโรยเบ็ดราว เรามากันไม่ไกลจากท่าที่ปู่ล่ามเจ้าทุยมากนัก ปู่เริ่มลงข่าย ผมใช้พายกวักน้ำช้าๆตามจังหวะช่วงการปล่อยข่ายของปู่ ปู่วางข่ายลงเลาะริมฝั่งแล้ววางตัดข้ามลำห้วย และวางเลาะริมฝั่งเหมือนเดิม ปู่มีไม่ไผ่คันยาวที่ติดมากับเรือใช้ปักขวางข่ายไปตามความคดโค้งของลำห้วย ผมใช้พายแหวกแพรผักตบชวาเป็นทางเพื่อให้ง่ายต่อการวางข่ายของปู่
ที่ท้องเรือน้ำซึมผ่านนุ่นที่ปู่ใช้อุดรูรั่วไว้ ก็หลายรูอยู่ดอกตอนที่ผมแจวมาไม่ทันสังเกตอาจจะเป็นเพราะผมนั่งคนเดียว น้ำหนักในเรือจึงไม่ค่อยมากเท่าไร พอปู่ลงเรืออีกคนน้ำหนักในเรือเพิ่มขึ้นทำให้น้ำใต้ท้องเรือซึมผ่านเข้ามาเยอะขึ้น
ปู่ใช้กะลามะพร้าววิดน้ำออกจากเรือ ถ้าไม่รีบวักออกเดี๋ยวก็วักไม่ทันเรือมันจะล่ม เอ็งกะข้าก็คงได้ลงงมหอยที่ก้นห้วยเป็นแน่ปู่พูดติดตลก มือก็ปล่อยข่ายลงตามร่องที่ผมแหวกผักตบชวา เดี๋ยวนี้ปลามันฉลาด มันไม่ค่อยติดข่ายเราง่ายๆหรอก สงสัยมันจบดอกเตอร์กันหมดแล้วปู่พูดถึงวิวัฒนาการการเรียนรู้ของปลาได้อย่างน่าขำ เมื่อวานข้าลงข่ายคนเดียว ได้ปลาตะเพียนมาสามตัวนอกนั้นก็ปลาหมอ สิบตัวเห็นจะได้ปู่เล่าถึงชนิดของปลาที่ลงข่ายได้เมื่อวาน ข้ายังปิ้งเสียบไว้ที่ข้างฝาอยู่เลย ข้ากินข้าวไม่ค่อยอร่อย เด็กพวกนั้นก็ไม่ยอมแวะมาปู่บ่นถึงหลานๆลูกของอาอีกครั้ง ข้าคงคลุกข้าวให้เจ้าวงรีมันปู่หยุดวิดน้ำ บอกให้ผมเร่งพายขึ้นการวางข่ายของเราจะได้เสร็จเร็วขึ้น ปู่บอก
ปู่ผูกเชือกปลายข่ายไว้กับหญ้าบึงริมห้วย วางเบ็ดราวต่อตรงนี้หละ เดี๋ยวจะมืดปู่แก้เชือกเบ็ดราวออก ปักหลักไม้ไผ่แล้วผูกเชือกเบ็ดราวกับหลัก ปู่คว้ากระชังไปวางที่ตักแล้วโรยเบ็ดราว ปู่เสียบคมเบ็ดไปที่กลางตัวปูโรยเบ็ดตามแนวเชือกลงเรื่อยๆ...
เบ็ดราวถูกผูกไว้ที่หลักหลังจากปู่เสียบปูกับคมเบ็ดอันสุดท้าย ตะวันสีส้มอมแดงดวงกลมเริ่มคล้อยลงเรื่อยๆคาวสาปปลาจากลำห้วยคลุ้งกำซาบในลมหายใจ ปู่ผมว่าจะเก็บฝักบัวไปฝากน้องด้วยครับผมบอกปู่สายตามองไปที่กระเพื่อมน้ำปลาฮุบเหยื่อ
เอาซิ ไปเก็บบัวแล้วจะได้มาดูเบ็ดราวกันส่วนข่ายคงไม่ต้องดูหรอกเอาไว้พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาดูเองปู่ว่า มาข้าพายเรือเอง เอ็งจะได้เก็บฝักบัวได้ถนัดผมส่งพายให้ปู่แล้วเปลี่ยนท่านั่งหันหน้าออกจากเรือ
บัวในท่าบริเวณนี้เยอะพอสมควรมีทั้งฝักอ่อนและฝักแก่ ผมเลือกเก็บเฉพาะฝักอ่อนฝากน้อง เรือเข้าไปข้างในบริเวณบึงบัวได้ไม่ถนัดนัก ปู่จึงเลือกที่จะแจววนรอบๆ
เกสรบัวหลวงยั่วยวนหมู่แมลงผึ้งให้มาหลงใหลในบึงห้วยแห่งนี้ เช่นเดียวกับผม ทุกครั้งที่ผมมากระท่อมปู่ผมมักจะชวนปู่มาเก็บบัวที่นี่ ฝักบัวจะเยอะมาก เพราะไม่ค่อยมีคนมาเก็บ น้ำบริเวณนี้ลึกมาก คนหาปลาเล่าให้ผมฟังว่าบึงนี้เป็นบึงจรเข้เจ้าที่รักษาลำห้วย พ่อก็เคยเล่าเรื่องนี้
กลับปู่  เดี๋ยวผมกลับบ้านมืดผมพูดหลังเก็บฝักบัวได้พอสมควรแล้ว
เอ็งเก็บหอยโข่งใส่ถุงนี่ซิ เวลาไปถึงท่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บปู่พูดพร้อมโยนถุงผ้าเขียวมาให้
ข้าคงไม่ดูเบ็ดราวแล้วหละ กลัวจะมืดเอ็งปู่ว่าพร้อมใช้พายกวักน้ำเข้าหาตัวเรือหันหัวเรือกลับท่าบึงท่าล่ามเจ้าทุยไว้ ข้าจะเอาเจ้าทุยเข้าผูกเอง เอ็งเอาเรือไปเก็บที่ท่าแล้วกันปู่พูดพร้อมกับเร่งฝีพายเรือแจวพุ่งทะยานไปข้างหน้าตามจังหวะกวักน้ำของพาย
ระดาดดาวยามพลบค่ำส่องแสงระยิบ เสียงปลาฮุบเหยื่อจากลำห้วยดังมาถึงกระท่อม ปู่จูงเจ้าทุยมาผูกกับหลักข้างกระท่อม อ้าว!.. ยังไม่กลับหรอ ข้าก็นึกว่าเอ็งกลับไปแล้วปู่ทัก เมื่อเจอผมยังนั่งอยู่ที่ชานกระท่อม
เดี๋ยวกลับแล้วครับ ผมรอปู่ผมบอกเหตุผล นี่ลูกกุญแจล่ามเรือครับผมพูดพลาง ส่งลูกกุญแจเรือให้ปู่ ผมกลับนะครับผมลาปู่แล้วหยิบมัดฝักบัวกับถุงหอยโข่งถือคนละข้าง เดินออกคันนาของกระท่อม
บุง อย่าลืมบอกพ่อเอ็งแบกข้าวเปลือกมาให้ข้าด้วยหละ ไก่มันไม่มีข้าวกินปู่ตะโกนไล่หลังผมมา
ครับ...ผมตอบปู่พร้อมเร่งฝีเท้า ขืนผมเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ละคงมืดทางเป็นแน่ ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นหรอก ทางกลับบ้านผมต้องผ่านวัดด้วยนี่! เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กฉลาดอย่างผมจะเลือกไม่เผชิญหน้ากับบางสิ่ง
น้องวิ่งมารับฝักบัวจากผม แม่รับหอยโข่งจากผมไปแล้วจัดแจงล้างเมือกไคลออก แบ่งไว้ให้พ่อพอประมาณแล้วแม่ก็เอาหอยโข่งไปต้ม พ่อมาลงมือทำก้อยหอยโข่งดังว่า ส่วนแม่ก็ง้วนอยู่กับการทอดไข่เจียวและตำน้ำพริกเปรี้ยวหวานจิ้มหอยโข่ง
แม่ตั้งสำหรับข้าวแล้วเรียกพวกเรามากินข้าว ก้อยหอยโข่งของพ่อนอกจากพ่อแล้วก็ไม่มีใครจะพิศวาสอาหารรายการของพ่อ ผมตักชิมดูมันก็อร่อยดี แต่ผมไม่ชอบกินอาหารดิบๆคุณครูที่โรงเรียนบอกว่าอย่ากินของสุกๆดิบๆเพราะจะเป็นพยาธิใบไม้ในตับ แต่พ่อผมชอบอาหารประเภทนี้เทียวหละ  วันนี้น้ำพริกเปรี้ยวหวานจิ้มหอยโข่งของแม่อร่อยมาก
ลมหลังบ้านพัดสาดลอดเข้ามาถึงแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน เสียงแม่บ่นเรื่องพ่อไม่ยอมกองถ่านให้เสร็จเพราะมัวไปดูเขาชนไก่  ไข่เจียวในจานหมดไปพร้อมๆกับหอยโข่งและน้ำพริกเปรี้ยวหวาน แต่ก้อยหอยโข่งของพ่อ? ยังอยู่! อยู่เป็นเพื่อนพ่อที่กำลังนั่งตักมันมาเคี้ยวทีละคำพลัดกับการส่งข้าวเข้าปาก ยายและน้องขึ้นบ้านหมดแล้ว ในขณะที่ผมกับแม่นั่งรอให้พ่ออิ่มข้าว
ลมย่ำค่ำพัดเอื่อยเย็น จิ้งหรีดบ้านกรีดปีกร้องหาคู่อื้ออึง เสียงจอแจของนกกระจอกบางตัวที่ยังนอนไม่หลับ เจ้าวงรีหมอบรอให้พ่ออิ่มข้าว เสียงแม่ซ้อนจานและปิดฝาหม้อข้าว เสียงพ่อเรอก่อนที่จะยกขันน้ำขึ้นดื่ม  แก่คิดถูกแล้วหละแว่วหูของผมยังได้ยินคำที่พ่อตอบผมวันนั้น วันที่ผมถามพ่อว่าทำไมปู่ไม่มาอยู่บ้าน?				
comments powered by Disqus
  • วิจิตร ภู่เงิน

    14 พฤศจิกายน 2547 13:58 น. - comment id 79009

    บ้านบัว    
    วิจิตร  
    (พ่อใหญ่เหล้า)
    พ่อใหญ่เหล้าเฝ้าเถียงกลางท้องนา
    แก่คอยถ้าลูกหลานจะแวะเวียน
    ตกกลางคืนมีเพียงแค่เสียงเทียน
    สว่างเนียนส่องตาพอทำเนา
    
    มีแต่ควายหนึ่งตัวที่เป็นเพื่อน
    แก่พูดเตือนวันตายให้ขายเผา
    ถ้าลูกหลานเป็นหนี้แก่ไม่เอา
    จึงคอยเฝ้าเลี้ยงควายให้ดิบดี
    
    บนเถียงแก่มีไหใหญ่มังกร
    ไว้รอตอนแช่เหล้าสาโทสี
    ทำพอกินแต่น้อยคงเข้าที
    พึ่งสี่สิบดีกรีมันไม่พอ
    
    ตามคันนาแก่ปลูกมะม่วงแก้ว
    ออกลูกแล้วมากมายมีคนขอ
    แก่ไม่หวงบอกเก็บเป็นกำกอ
    เอาไปฝากแม่พ่อลูกมึงกิน
    
    สระน้ำใหญ่ล้นหลากปลามากมาย
    แก่ดักข่ายถักสานกั้นฝายหิน
    สอนลูกหลานปักเบ็ดเป็นอาจิณ
    รอฝนรินปลาห้าวได้ตัวโต
    
    เรือลำน้อยแจวลอยลำกระโดง
    ลูกหลานลงเก็บบัวมีมากโข
    แก่ร้องไล่รีบขึ้นตะเข้โซ
    หากพบเจ้าคนโก้จะรีบซด
    
    เป็นลูกหลานรำคาญเมื่อแก่ไล่
    ตะเข้ไซร้หากมีจะฉี่รด
    ให้แสบตากลัวว่ายหนีกันหมด
    อย่าพูดปดเด็กเลยมันไม่งาม
    
    พ่อใหญ่เหล้าจึงฟาดก้อนดินใหญ่
    บอกเร็วไวขึ้นมาจะพาข้าม
    ไปเก็บบัวที่ฝั่งท่ามะขาม
    เพราะว่าน้ำตื้นเขินเล่นพอดี
    
    เด็กลูกหลานรีบขึ้นไม่ฝืนต่อ
    กลัวได้ห่อหัวโนเขียวเป็นสี
    วิ่งขึ้นฝั่งเดินตามในทันที
    ไปยังถิ่นที่สถานบ้านบัว
     
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    14 พฤศจิกายน 2547 14:35 น. - comment id 79011

    อ่านมันส์  ผมรู้สึกเหมือนมีประสบการณ์ร่วม
    
  • rain..

    14 พฤศจิกายน 2547 16:33 น. - comment id 79019

    ..เรน ..อยากไป ..แบบนี้นะคะ..
        เขียน ได้ดีมากเลยคะ ..
              เรน ..ชอบอ่าน ..  เรื่องที่..เจ้าชายวิจิตรเขียน นะคะ..
            มีความรู้สึก ..เหมือนเป็น เรน ..เขียนเอง..
      บางที ..  เรนจะกล้า ..
      เอาเรื่องที่เรน ...เขียน .. ในไดฯ ..
         มาโพส.. ให้อ่าน ...
              ..แต่เรน ..อายจัง ..
      คุณชายวิจิตร ..  แนะนำ ..  เรนด้วยนะคะ..
            ..เรนเคยเขียน ..พล๊อตเรื่อง ..
      แต่ ..ถูก ..ห้าม ..
    
    
  • ทิกิ_tiki 4895

    14 พฤศจิกายน 2547 18:37 น. - comment id 79023

    ;วิจิตร ข่วยส่งเมล์ให้พี่ด้วยว่า
    อยากเอาเรื่องอะไรให้พี่ไว้ลงเล่มหน้า และ 
    บทกลอนธรรมชาติดีๆ สักเรื่องนะค่ะ
  • มังกรเดียวดาย

    14 พฤศจิกายน 2547 20:21 น. - comment id 79026

    เป็นบรรยากาศบาน้นอกดีมากครับ
    แต่ทุกวันนี้คงเป็นแค่เรือง่เลา หาไม่มีแลว้
    ผมเ
    องยังภูมิใจที่ยังได้สัมผัสบาง้
  • มังกรเดียวดาย

    14 พฤศจิกายน 2547 20:21 น. - comment id 79027

    เป็นบรรยากาศบาน้นอกดีมากครับ
    แต่ทุกวันนี้คงเป็นแค่เรือง่เลา หาไม่มีแลว้
    ผมเ
    องยังภูมิใจที่ยังได้สัมผัสบาง้
  • วิจิตร ภู่เงิน

    14 พฤศจิกายน 2547 23:23 น. - comment id 79032

    พี่ทิกิครับ
    
    เอากลอนบทนี้ก็ได้นะครับ(ที่วิจิตรโพสข้างล่างครับ)
    หรือเรื่องสั้นก็เอาเรื่องนี้ได้ครับ
  • นู๋ฟ้า เพิ่งอ่านครั้งแรก

    16 พฤศจิกายน 2547 11:18 น. - comment id 79058

    อ่านแล้วคิดถึงลุงที่บ้านนอก เคยพายเรือ ครั้งแรกยากมาก อ่านแล้วคิดถึงวันเก่าๆ ครั้งเราไปเที่ยวบ้านลุง
  • พี่พุด สาวนา

    16 พฤศจิกายน 2547 13:43 น. - comment id 79073

    วิจิตรน้องรักยิ่งกว่ารัก
    
    พี่พุดค่ะ
    เคเบิลโทรศัพท์
    เสียไปสองสามวันเลยเข้าไม่ได้ค่ะ
    
    มาวันนี้
    มาอ่านงานวิจิตรเป็นรอบที่สี่ค่ะ
    อ่านจนซึ้งเลยค่ะ
    เพราะ
    พี่พุดรักงานวิจิตรมาก
    
    พี่พุด..รักงานแบบนี้
    ภาษาแบบนี้
    เรื่องเล่าใสซื่อแบบนี้
    มันโดนต่อมใจสาวนามากค่ะคนดี
    
    พี่พุด เคยรักงานคุณยงส์ ยโสธร
    เรื่อง*คำอ้าย*
    ไม่รุวิจิตรเคยอ่านมั้ย
    เป็นหนังสือให้เด็กมัธยมอ่าน
    
    คุณยงศ์ ก็คนอิสานแสนใจดีแสนจิตงาม
    แบบวิจิตรนี่แหละค่ะ
    
    พี่พุดเพียรพยายามหาเบอร์
    ถึงกับหมุนไปหา
    
    คือคนไหนพี่พุดรักงาน
    จะพยายามให้ได้ยินเสียงมากค่ะ
    และ
    แค่ขอฝากคำรักศรัทธาชื่นชมไว้ด้วยคารวะ
    
    พี่พุดเคยโทรหาคุณ วิมล ไทรนิ่มนวล
    
    ตามหาคุณโกศล กลมกล่อม
    และน้ำตาท่วมใจ
    เมื่อทราบว่าสายไป
    คุณโกศลเสียชีวิตไป
    ด้วยอุบัติเหตุ
    กลับมาจากวัดสวนโมกข์ค่ะ
    ก่อนที่จะได้คุยและฝากความรักความซึ้งใจ
    และ
    พี่พุดอยากรจนาเล่าถึงเบื้องหลังที่พี่พุดเพียร
    ตามหาเค้านะคะ 
    และวันนั้นวันที่จบด้วยน้ำตา
    เมื่อได้คุยกับคุณรักษ์ มนัญญา
    และทราบข่าวสะเทือนใจเป็นยิ่งนัก
    
    และ
    ไม่กี่เดือนก่อน
    คุยกับคุณกานติ ศรัทธาค่ะ
    กวีที่เข้ารอบสุดท้ายซีไรท์
    
    หวัง
    ไม่ช้า
    คงได้คุยกับ
    นักเขียนแนวลุกทุ่งระดับชาติในอนาคต
    *หนึ่งในแดนทองถิ่นที่ราบสูงของเรานะคะ*
    พี่พุดแสนมั่นใจ
    ในถนนยาวไกลแห่งโลกบรรณพิภพ
    โลกแห่งธรรมชาติสายฝันสายดอกไม้งาม
    หากเขาคนนั้นไม่ล้าถอย
    เขาคนนั้นคือวิจิตรค่ะ*
    ได้ยินไหมคะ
    ********
    ที่พี่พุดจะคอยตามติดงานไม่มีวันคลาดคลา
    หากดวงตาพี่พุดยังไม่มืดบอดนะคะคนดีในดวงใจของพี่พุด
    
    แต่
    หากตาบอดพี่พุดหวังคนมีใครสักคน
    ที่รักวิจิตรพอกับพี่พุด
    ที่เราคุยถึง
    ด้วยความซาบซึ้งเสมอลับหลังวิจิตร
    หากเขายังรักพี่พุดคงจะอ่านให้พี่พุดฟังค่ะ
    แต่หวัง
    *ชีวิตนักอยากจะเขียน*
    อย่างพี่พุดพัดชาและสาวบ้านนา
    คงไม่เศร้ายังงั้นนะคะ..ภาวนา..
    
    วิจิตร 
    อย่าท้อนะคะ อนาคตไกลมาก
    เขียนมาเลยค่ะงานแนวนี้ที่ถนัด
    ที่นีบวันหาคนรจนายากมาก
    เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ
    เหลือนักเขียนพันธุ์ดิบดินถวิลไพร
    ชักน้อยลงทุกวันค่ะ
    
    งานวิจิตรงามมากๆๆๆค่ะ
    จนนาทีนี้
    สาวนาต้องยกให้งานดิบแบบนี้ค่ะ
    ที่จริงยิ่งกว่าจริง
    งามยิ่งกว่าจินตนาการแบบของสาวนานะคะ
    
    คนดี
    พี่พุด..อยากให้วิจิตรทราบว่า
    พี่พุด 
    จะเคียงข้างไม่ร้างไกล
    คนมีหัวใจพันธุ์เดียวกันค่ะ
    เหมือนกับที่
    คุณชลธี ธารทอง
    *นักแต่งเพลงศิลปินพื้นบ้าน*
     ที่พี่พุดได้รับเกียรติจากท่าน
    ให้พบและสนทนาถึงบ้าน
    และ
    ท่านยังได้กรุณาให้เกียรติพี่พุด
    มอบลายเซนต์ล้ำค่าคำล้ำความรู้สึก
    ประทับในดวงจิตดวงใจพี่พุด
    จนหาคำมาบอกความในใจยากจังค่ะ
    
    ท่านเซนต์ไว้ว่า
    *ดีใจที่ได้รู้จักคนในมิติเดียวกัน*
    
    ท่านบอกว่าชวิตท่านนั้น
    แม้นผ้าอ้อมพันกายแทบไม่มี*
    และ
    วิจิตรคิดดูซี
    ท่านยังได้เป็นถึงศิลปินแห่งชาตินะคะน้องชายคนดีของพีพุด
    
    พี่พุดรักงานน้อง
    รักวิถีงามแห่งน้อง
    ที่ได้เกิดมากับดิน
    ที่จะหล่อหลอมให้เป็นสุภาพบุรุษหัวใจไพรใจเกินร้อยค่ะ
    พีพุดรักเกินจะกล่าวแล้ว
    
    จาก้นบึ้งแห่งความจริงใจค่ะน้องชาย
    
    
    
  • วิจิตร

    16 พฤศจิกายน 2547 17:22 น. - comment id 79083

    //*//ขอบคุณคุณก่อพงษ์มากครับ
    
    
    
    
  • วิจิตร

    16 พฤศจิกายน 2547 17:49 น. - comment id 79086

    //เจ้าหญิงคาเรน
    
    วิจิตรว่ามันไม่ใช่เรื่องอายที่จะบอกเล่า
    
    วิจิตรชอบอ่านเรื่องสั้นอ่านนิยายตั้งแต่เด็กๆแล้วอยากเขียนบ้าง
    
    มันมีเรื่องอยู่เต็มหัววิจิตรเลยละ
    
    แต่วิจิตรเอาออกมาเป็นภาษาเขียนไม่ได้
    
    ไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่ก็รักอยากเขียน
    
    วิจิตรเป็นแค่คนที่อยากจะเขียน
    
    แต่ก็ใช้ความพยายามแล้วนะครับ
    
    อ่านเรื่องสั้นอ่านนิยาย วิจิตรอ่านเยอะกว่าหนังสือเรียนอีก 
    
    หนังสือเรียนไม่ค่อยอ่านหรอก
    
    สำนวนก็ลอกๆไปทั่ว ใช้ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง
    
    แต่วิจิตรก็มีความสุขที่ได้เขียน//
    
    
  • วิจิตร

    16 พฤศจิกายน 2547 17:57 น. - comment id 79088

    //มังกรเดียวดาย
    
    วิจิตรเองก็ภูมิใจมากครับ
    
    วิจิตรเศร้ามากครับที่สิ่งเหล่านี้มันหายไป
    
    ในทุ่งไม่มีคน ไม่มีความ ไม่มีกุ๊ดจี่
    
    หายไปหมดเลย.. 
    
    แม้แต่กองขี้ความสักกองก็หายากแล้ว
    
    แต่ก่อนมีนาดำ พอคลองชลประทานเข้าไป
    
    กลายเป็นนาหว่านหมด
    
    พอหว่านก็ใช้ยาปราบศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง
    สารเคมีล้วนๆ 
    
    นาหว่านต้นข้าวมันก็ถี่ ปลาที่ไหนมันจะไปอยู่ได้
    
    หมดเลย..
    
    วัยรุ่นเซ็ง ?
    
    ไม่อยากจะพูดเลย กลับบ้านเห็นทุ่งนาแล้วหดหู่
    
    ดูมันเหงามันเศร้ายังไงบอกไม่ถูก
    
    
  • วิจิตร

    16 พฤศจิกายน 2547 18:42 น. - comment id 79094

    ///พี่พุดครับ
    
    วิจิตรอ่านแล้วซึ้งเลยครับ // 
    
    วิจิตรเองก็เป็นเพียงคนที่อยากจะเขียนคนหนึ่งครับ
    
    ไม่รู้ว่าต่อไปจะเขียนได้หรือเปล่า?
    
    เรื่องที่จะเขียนมันมีเยอะครับ แต่มันออกมาไม่ได้
    
    วิจิตรน้อยใจมากๆครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้
    
    ทำไม? เราอยากจะเล่าอยากจะสื่อ แล้วมันออกมาไม่ได้
    
    หรือออกมาได้ก็ไม่ได้เรื่อง
    
    วิจิตรเขียนก็อยากให้คนอื่นอ่าน เขียนแล้วไม่มีคนอ่านไม่รู้จะเขียนทำไม
    
    วิจิตรอยากให้คนอ่านอ่านงานวิจิตรแล้วเกิดอารมณ์ที่อยากจะอ่านครับ
    
    //
    
    คุณ ไพทูรย์ ธัญญาเป็นนักเขียนที่วิจิตรชอบที่สุดครับ
    
    วิจิตรตามงานเขียนของพี่เขามาจากคำนิยมในหนังสือของ คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์
    
    อ่านของคุณกนกพงศ์ จบทุกเรื่องที่มีพอจะให้ได้อ่านครับ ชอบเรื่องบ้านเกิด
    
    ส่วนคุณ ไพทูรย์ ธัญญา วิจิตรชอบแทบทุกเรื่องทุกเล่มครับ
    
    \" ก่อกองทราย ตุลาคม ถนนนี้กลับบ้าน โดยวิธีของเราเอง โบยบินไปจากวัยเยาว์\" ถ้าจำไม่ผิดนะครับ วิจิตรอ่านหมดแล้ว อยากเขียนได้แบบพี่เขามากๆครับ
    
    พี่เขาเขียนแบบเกินคนๆหนึ่งจะทำได้นะครับ
    
    พี่เขาเขียนแบบเราอ่านแล้วเห็นภาพ อ่านแล้วไม่เบื่อ
    
    ภาษาเขียนสุดยอดมาก ยังกะเอาบทกวีไปเล่าเรื่อง 
    
    ตอนเรียนประถมวิจิตรได้อ่าน เรื่อง ปอเนาะที่รัก อันนี้ลืมชื่อคนแต่งครับ แต่ก็ประทับใจ
    
    จำได้อีกเรื่องที่ประทับใจ ลูกเล
    
    มีอีก ลมหายใจไม่สิ้น ของคุณ ไพทูรย์ สุนทร อันนี้เป็นการเล่าประวัติเฉย ผมยังไม่ได้ตามอ่าน
    
    //วิจิตรจะใช้ความพยายามครับหัดเขียนหัดอ่านไปเรื่อยๆเขียนทุกๆแนว วิจิตรคิดนะครับว่าอายุเราเท่านี้เอง เขียนทุกวันอ่านทุกวันให้มันเป็นสภาพบังคับเลยว่าต้องเขียน วิจิตรว่าวิจิตรต้องเขียนได้ดีสักวัน
    
    นักเขียนที่วิจิตรว่ามาทั้งหมดเป็นคนใต้หมดเลยครับ(วิจิตรมักจะอ่านแนวเพื่อชีวิตนิดหนึ่งครับ)
    
    วิจิตรจะตามหนังสือที่พี่พุดชอบอ่านแล้วกันครับ
    
    ///เพลงของครูชลธี วิจิตรร้องได้นะครับ
    
    เพลงนี้เลย พอทีนะคุณ การุณผู้ชายเถิดหนา อย่าคิดเอาความโสภา ฆ่าหัวใจผู้ชาย..
    
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
    
    เรื่องหน้าวิจิตรว่าจะพาเข้าเมืองครับ
    
    //ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ มันเป็นความรักมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กแล้วครับ
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
  • somebody

    17 พฤศจิกายน 2547 10:16 น. - comment id 79111

    สวัสดีค่ะ  วิจิตร
    
    มาแจวเรือ   และโรยเบ็ดราว
    
    สมัยเด็ก ๆ  มะกรูดเห็นพ่อและพี่ชาย
    
    ช่วยกัน  ในเย็นๆ ตะวันจะลับขอบฟ้าแล้วนั่น......
    
    ^___^
    
  • คุณแว่น

    28 พฤศจิกายน 2547 08:03 น. - comment id 79423

    ชื่นชมค่ะคุณวิจิตร
    อ่านแล้วนึกตามไปด้วยค่ะ...ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ..รู้สึกอบอุ่นดีนะคะ....สุขใจค่ะ...เดียวนี้น้อยนักที่จะได้ชืนชมในบรรยากาศแบบนี้ค่ะ
    
    .......
    
  • คุณแว่น

    28 พฤศจิกายน 2547 08:03 น. - comment id 79424

    ชื่นชมค่ะคุณวิจิตร
    อ่านแล้วนึกตามไปด้วยค่ะ...ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ..รู้สึกอบอุ่นดีนะคะ....สุขใจค่ะ...เดียวนี้น้อยนักที่จะได้ชืนชมในบรรยากาศแบบนี้ค่ะ
    
    .......
    
  • วิจิตร

    28 พฤศจิกายน 2547 23:01 น. - comment id 79465

    //**//
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน