ardin
ออกมาจากตลาดก็เลยเที่ยงมาหน่อยได้เวลาไปทานข้าวเที่ยงกัน ก่อนที่จะบ่ายนี้เรามีโปรแกรมไปซื้อบัวหิมะ ซึ่งเป็นยาลักษณะครีมที่รักษาพวกแผลพุพอง จากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นยาที่มีชื่อเสียงมากในประเทศไทย เราแวะเข้าไปในสำนักงานที่ขายยาบัวหิมะ ผู้บรรยายที่นี่สามารถอธิบายเป็นภาษาไทยได้แตกฉาน สงสัยว่าคนไทยจะเป็นลูกค้าประจำจริงๆด้วย การแนะนำบัวหิมะก็จะมีการแสดงโชว์คือ การใช้มือแตะโซ่ร้อนๆที่แค่กระดาษเฉียวยังลุกติดไฟได้ และเมื่อแตะแล้วก็ต้องมาให้พวกเราดูเห็นว่ามือพองจริงๆ ก่อนที่จะใช้ยาบัวหิมะละเลงลงไปบนฝ่ามือ ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วแนะนำยาตัวอื่นต่อไปเรื่อยๆ แล้วจึงเช็ดยาออกดูจะพบว่าไม่มีรอยใดๆ หายดีเป็นปกติ ไม่พองแล้ว ซึ่งบัวหิมะนี้ผมก็มีใช้อยู่ที่บ้านเช่นกัน ตอนนี้ออกแบบใหม่เป็นกล่องสีฟ้า ซึ่งเขาบอกว่าสูตรใหม่นี้มี SPF 30 กันแดดได้ ทาหน้ารักษาสิว รักษาฝ้าได้อีกต่างหาก อืม เป็นกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าที่สำคัญจริงๆที่หันมาเจาะกับการรักษาผิวพรรณด้วยซึ่งขณะนี้ไม่ว่าจะออกไปไหน ใกล้ไกลยังไง ถ้าต้องพบกับแสงแดดละก็ต้องขอBlock ครีมกันแดดกันไว้ก่อนละ แล้วอธิบายจบก็ถึงคราวซื้อขายของ ซึ่งพวกเราก็เสียตังค์ต่อไปตามระเบียบ
ออกจากร้านบัวหิมะ เดินทางต่อไปยังแหล่งช้อปปิ้งสำคัญ นั่นคือ ตลาดเซียงหยางลู่ หรือที่เขาบอกว่าเหมือนตลาดจตุจักร บ้านเรา แต่ผมว่าดูจะเล็กกว่าจตุจักรเรา เป็นแหล่งขายของก้อปปี้ พวกนาฬิกาโลเล็กซ์ กระเป๋ากุชชี่ ที่เลียนแบบได้ใกล้เคียงมากๆ และราคาถูก ซึ่งของพวกนี้จะไม่วางขายกันเด่นชัดหน้าร้านแต่จะมีคนที่เป็นพ่อค้ามาเรียกถามเสนอของที่เป็นรูปตามทาง แล้วก็ค่อยพาเราไปดูของถ้าเราสนใจ นอกนั้นร้านส่วนมากก็เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ปากกา นาฬิกา ซึ่งราคาของที่นี่จะบอกไว้สูงมากๆ เราต้องต่อลงมาถึง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 เลยทีเดียว ซึ่งการสื่อสารของที่นี่ทุกร้านจะมีรูปแบบเดียวกันหมด คือเข้าไป แล้วเราก็ชี้ของที่เราสนใจเขาก็จะนำเครื่องคิดเลขมากด แล้วยื่นให้ดูเราก็ต้องส่ายหน้าว่าแพง เขาก็จะยื่นเครื่องคิดเลขให้เรากดว่าจะเอาเท่าไหร่ ซึ่งเราก็กดไปเลยที่น้อยกว่านั้นประมาณ 3 เท่า ถ้าเขาไม่ให้เราก็เดินออกจากร้าน อันนี้ต้องค่อยๆออก ทีนี้เขาก็จะมาเรียกตัวไว้แล้วก็ยอมกดราคาลงให้เรา ก็กดต่อเขาไปเรื่อย ในที่สุดก็จะได้ของตามราคาที่เราต้องการมา ใช้ได้อย่างนี้ทุกร้านจริงๆ ยิ่งเทศกาลสงกรานต์นี้ คนไทยเดินอยู่ในนั้นเกิน 80% ยังบางครั้งต่อราคาอยู่ มีคนไทยที่เดินสวนไปมาบอกราคาที่ซื้อไปได้เมื่อกี้ว่าถูกกว่าที่เราต่ออยู่ให้เราด้วย ก็ถือเป็นความสนุกสนานในการซื้อของอีกแบบ ที่ถ้าไปต่ออย่างนี้ที่เมืองไทยคงมีหวังโดนโยนออกมาจากร้านเป็นแน่ เพราะที่นี่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาด่าว่าอะไรบ้างก็ผมฟังไม่รู้เรื่องนี่ หลังจากเสร็จสิ้นการช้อปก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นพอดี เราก็ถึงเวลาที่ต้องอำลากัน เพราะเราต้องไปสนามบินเพื่อเตรียม Pack ของเดินทางกลับยังประเทศไทยของเราแล้ว เครื่องผมออกไฟล์สุดท้าย 5 ทุ่ม 50 นาที ผมเข้าไปนอนรอที่เกทตั้งแต่ 4 ทุ่มแล้ว ยังไงก็คงได้กลับมาบ้านโดยสวัสดิภาพแน่นอน (ถ้ามีคนปลุกผมขึ้นเครื่อง)